แชร์

บทที่ 837

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หงเชวี่ยกล่าวว่า "แม้ว่าท่านอาจารย์จะไม่ยอมไปรักษาให้ยายแก่ตระกูลจ้าน แต่ก็กินยาดันเสวี่ยอยู่ ดังนั้นทุกครั้งที่นางหมินมาซื้อยา เขาจะสั่งให้เด็กใช้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์บ้าง นางหมินรู้จักกับเด็กใช้แล้ว ก็จะบ่นเรื่องไม่สบอารมณ์ด้วย เมื่อวานไม่ได้พูดอะไร แค่เห็นนางเคยร้องไห้ ก่อนหน้านี้นางได้บอกว่าทุกอย่างที่บ้านล้วนต้องให้นางมารับผิดชอบ ยังต้องดูแลแม่สามีด้วย หวังชิงหลูรับผิดชอบทางบัญชี แค่ให้เงินนางเล็กๆ น้อยๆ เอง นางไม่มีเงินใช้ก็ต้องขายของมี่ค่าหรือเอาของของตนเองไปจำนำ ดูเหมือนใช้ชีวิตค่อนข้างหดหู่ใจ"

เมื่อมาถึงห้องแม่นมเหลียง เฉินฟูก็อยู่ที่นั่นด้วย ทั้งสองคนกำลังคุยเล่นกัน ส่วนเป่าจูอยู่เคียงข้าง

แม่นมเหลียงมีสีหน้าไม่ดี เมื่อได้ยินพวกนางพูดถึงนางหมิน แม่นมเหลียงถอนหายใจ "นางอ่อนแอเกินไป ไม่มีความคิดเห็นของตนเองและพึ่งพาตนเองไม่ได้ ครอบครัวพ่อแม่ของนางก็ยิ่งไม่ต้แงพูดถึงเลย พ่อเป็นขุนนางเล็กๆ อยู่ต่างเมือง บอกว่าอยู่ต่างเมืองจริงๆ แล้วถูกไล่ออกไป จวนแม่ทัพจะอยู่ยาก แต่นางก็ไม่มีที่พึ่งพาในครอบครัวพ่อแม่ พ่อเป็นพ่อแท้ๆ แต่แม่เป็นแม่เลี้ยง งั้นพ่อแท้ก็จะกลายเป็นพ่อเลี้ยง ดังนั้นไม่ว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Aom Yanisa Khongkasem
ไม่มีต่ออีกเหรอคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 838

    ซ่งซีซีนึกถึงนางหมินเคยเป็นพี่สะใภ้ของตนเอง ค่อนข้างรู้จักนิสัยใจคอของนางนางขี้ขลาดและอ่อนแอ ถือเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่ายที่สุดในจวนแม่ทัพตอนนี้จวนแม่ทัพอยู่ในสถานการณ์เช่นไร นางพอจะรู้บ้าง ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งตระกูลจ้านคนนั้นยังไม่หายจากอาการป่วย หวังชิงหลูตั้งครรภ์จะไม่ไปดูแลผู้ป่วย ยี่ฝางยิ่งเป็นไปไม่ได้ นางเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในเรืองมงคลไม่ออกไปไหน ดังนั้นคนที่ดูแลผู้ป่วยก็มีแต่นางหมินเท่านั้นตอนที่นางอยู่ในจวนแม่ทัพ นางเป็นคนที่คอยดูแลคนไข้ แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะเรื่องมากแต่ก็ไม่หาเรื่องนางอย่างตามอำเภอใจ เพราะนางมีสินเดิมเป็นจำนวนมากมายและนี่ก็คือสิ่งที่ทำให้นางมีความมั่นใจแต่นางหมินแตกต่างออกไป"น่าจะถูกรังแกแล้วแหละ?" ซ่งซีซีกล่าวเสิ่นว่านจือกล่าวว่า "ได้ถูกรังแกอย่างแน่นอน แค่ดูว่าถูกรังแกมากแค่ไหนที่ทำให้นางออกไปกลางดึก ได้ยินแม่นมเหลียงพูดว่าถ้านางอยู่ในจวนแม่ทัพไปต่อไม่ได้ งั้นนางก็ไม่มีทางอื่นแล้ว อาจารย์หยูได้ส่งคนออกไปค้นหาแล้ว และข้าก็ให้หงเซียวไปสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตระกูลจ้าน และดูว่ามีได้ส่งคนไปตามหาหรือไม่ คิดว่าฮูหยินใหญ่หายตัวไป พวกเขาก็คงร้อนใจมาก"ซ่งซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 839

    ฮูหยินผู้เฒ่ารองถอนหายใจ "ตอนแรกข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้ ตอนนี้ข้าจะไม่ยุ่งกับเรื่องบ้านใหญ่เท่าที่จะทำได้ ข้าอยากจะแยกครอบครัวออกจาพวกเขามานานแล้ว แต่กลัวอยู่เสมอว่าทำให้คนนอกคิดว่าตระกูลจ้านของเราไม่สามัคคีกัน ก็เลยไม่ได้ทำ ช่วงนี้ที่จวนแม่ทัพก็เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย หลังจากที่หวังชิงหลูตั้งครรภ์ จะดูเหมือนว่านางเป็นผู้ดูแลบ้าน แต่จริงๆ แล้วยังคงเป็นฮูหยินใหญ่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อเบิกเงินต้องถามหวังชิงหลูก่อน ในช่วงนี้ อาการของฮูหยินผู้เฒ่ายังคงกำเริบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮูหยินใหญ่ยังคอยดูแลอยู่ข้างกาย เจ้าก็รู้นิสัยของคนนั้นด้วย นางดูถูกฮูหยินใหญ่ในทุกๆ ด้าน นางก็ไม่พอใจกับทุกสิ่งที่นางทำ"ซ่งซีซีพยักหน้า "ข้าพอจะเดาสถานการณ์ของฮูหยินใหญ่ได้""เช้าตรู่วันนี้ ฮูหยินใหญ่หายตัวไป พวกเขาค้นหาจวนแม่ทัพไปทั่ว มาหาข้าด้วย ยังบอกว่าข้าซ่อนนางไว้ ข้าบอกว่าไม่มี พวกเขาไม่เชื่อ จนกระทั่งข้าต้องขึ้นอารมณ์ใส่พวกเขาถึงยอมเชื่อ ต่อมาข้าสอบถามกับเรื่องนี้ถึงรู้ว่าฮูหยินใหญ่ทะเลาะกับหวังชิงหลู โดยบอกว่าเพราะเรื่องดูแลบ้าน หวังชิงหลูให้ฮูหยินใหญ่ดูแลบ้านแต่เงินเดือนของจ้านเป่ยว่างแค่ยอมให้สามส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 840

    เด็กใช้จากร้านขายยาเย่าหวังรู้สึกกับนางหมินเป็นอย่างดี จึงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ตามที่เขาคาดการณ์ว่า "นางน่าจะมาที่นี่หลังจากจำนำเครื่องประดับของนางเสร็จ เพราะตอนที่นางมา นางยังอยู่ในสภาพมึนงงและมีตั๋วจำนำในมือด้วย ข้าน้อยได้เหลือบมองแวบหนึ่ง และเห็นว่ามันเป็นตั๋วจำนำจากร้านว่านเป่า เมื่อนางมาบอกว่าต้องการซื้อเม็ดซืนเจียวเจ็ดแปดเม็ด ข้าน้อยได้แนะนำให้ซื้อสองเม็ดก็พอ เม็ดหนึ่งกินตอนคลอดบุตร อีกเม็ดหนึ่งกินตอนการอยู่ไฟ ในเวลาอื่นไม่จำเป็นกิน""เห็นออกว่านางเคยร้องไห้มาใช่ไหม""ร้องไห้มาก่อน ได้ร้องไห้แน่ๆ เมื่อเข้ามาน้ำตาฉันไม่แห้งเลย""เอาล่ะ ขอบคุณมาก" ซ่งซีซีไม่ได้ถามมากความ จากนั้นนำซ่งซีซีไปที่ร้านว่านเป่าเนื่องจากนางสวมเครื่องแบบข้าราชการ ตอนถามถึงการจำนำของเมื่อวานโดยฮูหยินใหญ่ของจวนแม่ทัพ พนักงานในร้านจึงหยิบของที่นางจำนำออกมา ซ่งซีซีมองดูและเห็นว่าเป็นของที่นางให้นางหมินในก่อนหน้านี้"นางบอกว่าจะมาไถ่ถอน ไม่ใช่ขายเลย" พนักงานในร้านบอกกับซ่งซีซีกล่าวอีกนัยหนึ่งเมื่อนางจำนำมัน นางยังคงมีความหวังอยู่ในใจโดยคิดว่านางจะไถ่ถอนเครื่องประดับเหล่านี้กลับมา หมายความว่าหลั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 841

    ซ่งซีซีมีสีหน้าดีใจ "เจอแล้วเหรอ อยู่ไหน?"ปี้หมิงก้มตัวลงและเอามือค้ำหัวเข่า หายใจเฮือกใหญ่ "อยู่... อยู่ที่สะพานวิญญาณ ท่านรีบไปเถอะ นางกำลังจะกระโดดลงจากสะพาน เราพูดโน้มน้าวแล้วแต่ไม่ได้ผล และไม่กล้าไปช่วยนางอย่างไม่วางแผนก่อน นางร้องขอว่าต้องการพบท่าน แต่ต้องไปเร็วหน่อย ลมมันแรงมาก นางยืนไม่มั่นคง""อ๊า?" จ้านเป่ยว่างผงะและถามด้วยความสับสน "ทำไมต้องกระโดดลงจากสะพานเล่า?"ซ่งซีซีวิ่งออกไปทันทีและตะโกนว่า "เตรียมม้า!"สะพานวิญญาณตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง ใต้สะพานวิญญาณมีแม่น้ำไหลเชี่ยวที่เรียกว่าแม่น้ำถงหลินการไหลของแม่น้ำถงหลินในบริเวณสะพานวิญญาณจะเชี่ยวกรากมากเพราะด้านบนกว้างและด้านล่างแคบ มีทางลาดชันอีกด้วย น้ำที่ไหลผ่านบริเวณนี้จะเชี่ยวกรากมาก หากตกลงจากสะพานนี้ก็สามารถบอกได้ว่าไม่รอดเลยสะพานนี้เดิมที่ถูกตั้งชื่อว่าสะพานตงหลินที่สอง แต่ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่าสะพานวิญญาณหลังจากที่จ้านเป่ยว่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ฝากให้ปี้หมิงส่งคนไปที่จวนแม่ทัพเพื่อแจ้งให้พี่ชายของเขาทราบ จากนั้นเขาก็ขี่ม้าติดตามตรงไปที่สะพานวิญญาณเสิ่นว่านจือถึงที่นั่นแล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 842

    หนึ่งในกองกำลังเมืองหลวงรีบไปหาคบเพลิง เสิ่นว่านจือเห็นนางหลับตาราวกับว่าง่วงนอนและหนาวมาก ตัวสั่นเทาไปหมด "นางหมิน เจ้าอย่าเพิ่งหลับตา ไม่ใช่อยากเจอซีซีหรือ นางจะมาแล้ว อย่าเพิ่งหลับตานะ"นางหมินลืมตาขึ้นและมองไปที่แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวเบื้องล่าง นางขี้ขลาดมาตลอดชีวิต และเวลานี้นางก็กลัวเช่นกัน แต่การยืนอยู่ที่นี่ นางรู้สึกมันดีกว่าการยืนอยู่จวนแม่ทัพเสียอีกนางแค่กระโดดลงและทุกอย่างก็จะจบลงนางจำไม่ได้ว่าทำไมมาที่นี่ สมองของนางไม่ทำงานแล้ว นอกจากรู้สึกหนาว นางไม่มีความรู้สึกอะไรอีกนางยังมีตั๋วจำนำอยู่กับตัว นางต้องการคืนตั๋วจำนำให้กับซ่งซีซี โดยกล่าวขอโทษกับนาง และกล่าวขอบคุณอีกทีขอโทษเพราะตอนที่จ้านเป่ยว่างบอกว่าจะไล่ภรรยาออกไปนั้น นางอยู่ห่างๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรสักคำกล่าวขอบคุณเพราะตอนที่ซ่งซีซีอยู่ในจวนแม่ทัพ ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจเครื่องประดับที่นางเอาไปจำนำนั้น นางไม่มีโอกาสไปไถ่ถอนกลับมาแล้ว งั้นให้ซ่งซีซีไปไถ่ถอนแล้วกัน มันเป็นของของนาง แต่น่าเสียดายที่นางใช้เงินไปจนหมดแล้ว หวังว่านางจะไม่โกรธตนเองเสียงกีบม้าทะลุเสียงลมมุ่งตรงไปที่สะพานซ่งซีซีมาถึงก่อน และเสิ่นว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 843

    จู่ๆ หัวใจของซ่งซีซีก็เต้นไม่เป็นจังหวะ จ้านเป่ยว่างกำลังจะรีบพุ่งเข้าไปแต่ถูกเสิ่นว่านจือเตะไปที่เข่า "เจ้าอย่าไปกระตุ้นอารมณ์ของนางอีกเลย"จ้านเป่ยว่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เสิ่นว่านจือกดหัวของเขาแล้วตะโกนกับนางหมินว่า "เขาคุกเข่าลงแล้ว เขามาขอโทษเจ้า หากเจ้าไม่พอใจอะไรก็พูดมาได้เลย จะว่าจะด่าก็ได้หมด""ไร้ประโยชน์!" นางหมินคร่ำครวญและบ่นไปพร้อมๆ กัน "ไร้ประโยชน์หรอก เหมือนกันแหละ พวกเขาจะไล่ข้าออกไป ข้าไม่มีบ้านพ่อแม่ให้กลับ ข้าไม่มีเงินแล้ว สินเดิมของข้าล้วนขายหมดแล้ว หลังจากหย่าแล้ว ข้าจะอดอาหารตาย งั้นก็สู้ให้ตายตอนนี้จะดีซะกว่า""อย่าโง่นัก ลองคิดถึงเด็กของเจ้าสิ" ซ่งซีซีขยิบตาให้เสิ่นว่านจือ และให้เสิ่นว่านจือจับจ้านเป่ยว่างไว้ไม่ให้เขาพูดต่อ "เจ้าบอกว่าพวกเขาตบเจ้า ทำไมถึงตบเจ้า เจ้าบอกข้าเลย ข้าแก้แค้นให้เจ้า"ขณะที่นางพูดก็ก้าวไปข้างหน้าโดยเงียบๆตามความเร็วปัจจุบัน ถ้านางบินไปมันเทียบความเร็วที่นางหมินกระโดดลงไปไม่ได้ หากนางกระโดดลงไป งั้นนางก็ไม่แน่ใจจะช่วยนางในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวได้"ไม่มีเงิน" นางหมินร้องไห้ น้ำเสียงมีแต่ความสิ้นหวัง "ข้าทำอะไรก็ผิดหมด ซื้อยาดันเสวี่ยไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 844

    ซ่งซีซีหันหลังกลับแล้วบินไปอีกฝั่งของสะพาน จากนั้นบินลงไป เหยียบน้ำเพื่อตามหานางหมิน แต่ไม่พบนางหมินในน้ำที่มืดมิดทุกคนบนฝั่งต่างก็ตกตะลึง รวมคนสี่คนของตระกูลจ้านต่างก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางกระโดดจริงๆโดยเฉพาะจ้านเป่ยชิง เขารู้จักนิสัยของภรรยาของเขาดีที่สุด นางอ่อนแอมาก อย่าว่าแต่กระโดดลงแม่น้ำ แม้แต่ให้นางไปเล่นน้ำที่แม่น้ำก็ไม่กล้าด้วยซ้ำเขาแค่เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากเฝ้าดูและทำให้ซ่งซีซีและกองกำลังเมืองหลวงต่างก็มาเข้าร่วมด้วย เขารู้สึกอับอาย ถึงกับดุนาง เขาไม่เคยคิดว่านางจะกระโดดจริงๆเขารู้ว่านางไม่กล้า แต่ทำไมนางถึงกล้าในตอนนี้?ก็แค่ดูแลแม่สามีเท่านั้น? ก็แค่ดูแลบ้าน? ผู้หญิงอื่นๆ สามารถทำได้หมด ทำไมนางถึงบอบบางขนาดนั้น?ในขณะที่พวกเขาตะลึงพรึงเพริดมากนักนั้น ซ่งซีซีก็ลงไปตามกระแสน้ำ ส่วนเสิ่นว่านจือก็วิ่งไปตามริมฝั่งแม่น้ำเช่นกัน การตกลงไปในน้ำนั้นอันตรายมาก ดังนั้นการช่วยเหลือจะต้องเร่งด่วนมากหลังจากที่จ้านเป่ยว่างรู้ตัวได้ เขาก็ลุกขึ้น กระโดดลงไปฝั่งแล้ววิ่งตามเสิ่นว่านจือ แต่เสิ่นว่านจือก็วิ่งออกไปไกลมากแล้วในตอนนี้เขาถึงตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเขากับซ่งซีซีแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 845

    ส่งไปยังร้านขายยาเย่าหวัง ซ่งซีซีขอให้ร้านขายยาเย่าหวังหยุดคนของตระกูลจ้าน หากไม่ได้รับความยินยอมจากนางหมิน ตระกูลจ้านก็ไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมเยียนได้ตระกูลจ้านติดตามมา แต่คนจากร้านขายยาเย่าหวังห้ามไว้ข้างนอกโดยบอกว่าพวกเขากำลังรักษาให้คนไข้ และห้ามไม่อนุญาตบุกรุกเข้าร้านขายยาเย่าหวังในตอนกลางคืน และขอให้พวกเขากลับไปจ้านเป่ยชิงยืนกรานที่จะพบนาง แต่หลังจากที่ชักชวนอยู่นานก็ไม่ได้ผล ผู้คุ้มกันทรงพลังทั้งสี่จากร้านขายยาเย่าหวังก็เข้าหน้าเพื่อขับไล่พวกเขาออกไป และจ้านเป่ยว่างไม่กล้าที่จะลงมือ และคนอื่นๆ ก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะลงมือจ้านจี้ในฐานะพ่อจึงสั่งว่า "เรากลับก่อนเถอะ อยู่ในร้านขายยาเย่าหวังนางจะปลอดภัยดี"จ้านจี้ในจวนแม่ทัพแทบจะไร้ตัวตนเลยก็ว่าได้ เมื่อเจอปัญหาหรือเหตุการณ์ใดๆ เขามักจะเลือกที่จะซ่อนตัวเอาไว้ และไม่เคยออกความคิดเห็นให้ เมื่อเจอกับเรื่องนี้ เขาออกหน้าพูดแบบนั้นจ้านเป่ยชิงย่อมต้องเชื่อฟังด้วย เพราะมันเข้าไม่ได้จริงๆ...เขาบีบตั๋วจำนำใบนั้นและเดินจากไปอย่างขวัญหนีดีฝ่อ นอกจากงุนงงและทำอะไรไม่ถูกนั้น ยังโกรธเล็กน้อย น้องรองเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ที่นางหมิน

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1451

    ภายใน ตำหนักฉางชุน มังกรดินใต้พื้นถูกจุดให้ความอบอุ่นทั่วทั้งห้อง ซ่งซีซีถอดเสื้อคลุมออก แล้วนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ เมื่อมาถึง นางกำนัลได้แจ้งว่าฮองเฮาเสด็จกลับไปเปลี่ยนเครื่องทรง ให้รอสักครู่ นางจึงนั่งรอโดยมิได้เร่งรีบ ขณะเดียวกัน ฉีฮองเฮากำลังกินรังนกอยู่ในตำหนักบรรทม นางไม่พอใจนักที่หลานเจี่ยนกูกูเร่งเร้าให้รีบออกไป นางกล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญ “ให้นางรอหน่อยแล้วอย่างไร?” หลานเจี่ยนกูกูเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ฮองเฮา ท่านทรงกล่าวมาตลอดว่า ไม่ควรทำให้พระชายาอ๋องขุ่นเคือง บัดนี้เมื่อทรงเชิญนางมาแล้ว ก็ควรพูดจากันดีๆ อธิบายเรื่องเข้าใจผิดให้กระจ่าง เรื่องก็จะจบลง” ฮองเฮาหัวเราะเยาะตนเอง ก่อนจะกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่เจ้าเองก็ได้ยินว่าตอนที่ข้าขอตัวออกมา ฮ่องเต้ตรัสว่าอะไร พระองค์ตรัสว่า ต่อให้ซ่งซีซีจะตีหรือด่าข้า ข้าก็ต้องอดทนรับไว้ พระองค์มิได้เห็นข้าเป็นฮองเฮาเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่อยากให้คนที่อยู่ในดวงใจของพระองค์ได้ระบายความโกรธออกมา” ฮองเฮา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ ดันถ้วยรังนกออกไป น้ำตาหยดแหมะลงบนโต๊ะ “เขาทรงป่วยจนเลอะเลือนไปแล้ว หรือแท้จริงทรงโปรดปรานซ่ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1450

    ปีนี้ งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าในวัง เงียบเหงากว่าปีที่แล้วมาก ฮองเฮา แม้จะได้รับอนุญาตให้พ้นโทษกักบริเวณเป็นเวลา หนึ่งวัน แต่นางกลับแทบไม่ได้พูดอะไรเลย ดูท่าทางเหมือนมีเรื่องในใจมากมาย แม้แต่เหล่าพระโอรสพระธิดาที่เข้ามาทักทาย นางก็เพียงรับคำอย่างเรียบเฉย จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงอ่อนล้ายิ่งนัก ตั้งแต่เช้าตรู่ทรงต้องเสด็จออกประกอบพิธีบวงสรวงสวรรค์ วุ่นวายไปทั้งวันจนหมดเรี่ยวแรง ไทเฮาเองก็ทรงได้รับลมเย็นจนประชวร จึงทรงลุกจากที่นั่งแต่เนิ่นๆ โดยมี สนมฮุ่ยไทเฟย ประคองกลับไปยังตำหนักฉืออัน ตอนที่ไทเฮาเสด็จออกจากงานฮองเฮารีบสั่งการทันที “พาองค์ชายใหญ่ ไปยังตำหนักฉืออันให้ไปอยู่ข้างพระวรกายของไทเฮา” จักรพรรดิ์ซูชิงขมวดพระขนง “เสด็จแม่ประชวร เจ้าให้เขาไปอยู่ด้วยทำไม?” ฮองเฮาสีพระพักตร์เคร่งขรึม เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เสด็จแม่ทรงรักและเอ็นดูเขานัก บัดนี้พระองค์ทรงประชวร เขาก็ต้องไปอยู่ข้างกาย คอยปรนนิบัติ” กล่าวจบ นางก็ทอดถอนใจอย่างเศร้าสร้อย “เดิมควรเป็นหม่อมฉันที่ต้องคอยดูแลปรนนิบัติพระอาการของไทเฮาแต่หม่อมฉันกลับไร้ความสามารถ เช่นนั้นก็ให้เขาทำหน้าที่กตัญญูแทนหม่อมฉันเถิด” จักร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1449

    พระอาการของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย พระองค์ก็ทรงเรียกดูฎีกาทันที พระองค์ทรงไว้วางพระทัยเสนาบดีมู่ แต่ก็มิได้ไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พระองค์ทรงหวาดระแวงที่สุดก็คือ หากกองทัพไม่ได้อยู่ที่หนานเจียง และไม่ได้อยู่ที่ซีม่อน เพื่อติดตามโจมตีกองทัพแคว้นซา แต่กลับเป็นว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังนำทัพบุกกลับมายังเมืองหลวง และข่าวทั้งหมดถูกปิดกั้น มิอาจมาถึงพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น ด้วยความเร็วของเซี่ยหลูโม่ ภายในสามเดือน กองทัพของเขาย่อมสามารถกวาดล้างและยึดครองทุกหัวเมืองที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องการตรวจสอบฎีกาจากแต่ละแคว้นด้วยพระองค์เอง บัดนี้ซ่งซีซีกลับไปประจำการที่จวนกองกำลังเมืองหลวงแล้วพระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวนางเข้าเฝ้าในห้องพระอักษร ครานี้มิใช่การสนทนาสัพเพเหระ หากแต่เป็นการไต่ถามว่านางมีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหลูโม่หรือไม่ ซ่งซีซีกราบทูลตามตรงว่านางเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรนาง ก็ไม่ทรงพบพิรุธใดๆ แต่ไม่ว่าความเป็นไปได้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น หากกองทัพของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี นั่นหมายความว่ากองทัพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1448

    คืนนั้นหมอมหัศจรรย์ดันแบกหีบยาไปพร้อมกับหงเชวี่ย ออกจากร้านยา ก่อนออกเดินทาง เขาบอกกับหมอเวรกลางคืนของร้านยาเย่าหวังว่าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของพระชายาอ๋อง รถม้าหยุดที่จวนอ๋อง หมอมหัศจรรย์ตั้นเดินพรวดพราดเข้าไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว เมื่อทุกคนทยอยออกมารับหน้า เขามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบายโทสะใส่นาง กลับหันไปเล่นงานอาจารย์หยูแทน "ใช้ข้าเป็นข้ออ้างอย่างน้อยก็ควรบอกข้าล่วงหน้าสักหน่อย! เกือบทำให้ข้าถูกผู้ตรวจการสวี่จับผิดได้แล้ว!" พอได้ยินท่านผู้เฒ่าโวยวายขึ้นมา ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่าหมายถึงเรื่องอะไรอาจารย์หยูรีบขออภัยแล้วถามว่า “ผู้ตรวจการสวี่ถามท่านไปแล้วหรือ?” “เขาป่วย! องค์หญิงใหญ่หมิ่นชิงเชิญข้าไปตรวจอาการให้เขา พอเจอข้าเขาก็ร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วคอยถามอยู่นั่นว่าฮ่องเต้ยังมีหนทางรักษาหรือไม่ แรกๆ เขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่าเป็นโรคอะไร ข้าฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก!” หมอมหัศจรรย์ดันพูดจบก็ฮึดฮัด “ท่านไม่ได้หลุดพิรุธใช่หรือไม่?” ซ่งซีซีรีบถาม เพราะเรื่องที่ผู้ตรวจการสวี่ตั้งใจจะถวายฎีกาตักเตือนด้วยชีวิตทำให้พวกนางตกใจไม่น้อย เขาเป็นคนที่ยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1447

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นว่านจือเอ่ยชวนผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไปเดินเล่นในลานกว้างของตึกว่างจิง ไม่ไกลจากตึกว่างจิงมีโรงแสดงศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยนักเล่านิทาน นักแสดงงิ้ว พ่อค้า และร้านขายอาหาร ครึกครื้นครบครันทุกอย่าง ตั้งแต่มาเมืองหลวง เสิ่นว่านจือก็ยุ่งตลอด ไม่เคยมีเวลาว่างไปเดินเที่ยวเล่นเลย ครั้งนี้จึงถือโอกาสแยก ผิงหนานป๋อ ออกไป ให้ซ่งซีซีได้พูดคุยกับจูจิ่นเป็นการส่วนตัว อีกทั้งตนเองก็จะได้ไปเที่ยวเล่นกับเฉินเฉินด้วย เมื่อคนอื่นออกไปแล้วซ่งซีซีกับจูจิ่นก็ลดเสียงให้เบาลง ก่อนหน้านี้ พวกนางไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญเลย บัดนี้ ย่อมต้องกล่าวถึงบ้างแล้ว แขกที่เฝ้าดูจากภายนอก เมื่อเห็นผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไป ต่างพากันเข้าใจว่าพระชายาเป่ยหมิงอ๋องจะลงโทษคุณหนูเจ็ดเป็นการส่วนตัว จึงตั้งใจเงี่ยหูฟัง รอชมเรื่องสนุก ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม สองคนนี้คุยกันด้วยเสียงเบาๆ แถมยังมีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ บรรยากาศกลับดูกลมเกลียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! เมื่อมีบ่าวไพร่เข้าออกตลอดเวลา ก็มีคนช่างสังเกตจงใจเลิกม่านขึ้นด้านหนึ่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกสามารถมองเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1446

    ซ่งซีซีพร้อมด้วยเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินรออยู่ในเรือนหลันซี เมื่อเด็กในร้านนำผิงหนานป๋อและครอบครัว รวมถึงบ่าวไพร่เดินผ่านสวนเข้ามาถึงด้านหน้าเรือนหลันซีก็ร้องบอก ซ่งซีซีได้รับการพยุงจากเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ผิงหนานป๋อและภรรยา รวมถึง คุณหนูเจ็ดจูจิ่นรีบคำนับทำความเคารพ ซ่งซีซีแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญด้านในนั่งเถอะ” ระหว่างที่ซ่งซีซีกล่าวคำเชื้อเชิญ นางก็ลอบพินิจทั้งสามคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางพบเจอผู้คนมามากมาย การสังเกตสีหน้า แววตา และท่าทางก็พอจะทำให้นางมองเห็นอะไรบางอย่างได้ ผิงหนานป๋อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ด้านในเป็นอาภรณ์ปักลายดอกไม้และวิหคขลิบทองบริเวณคอเสื้อ บริเวณอกมีสร้อยประคำขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ดูเหมือนเป็นผู้มีฐานะดี แต่ก็แฝงกลิ่นอายของความละวางทางโลก ทว่าขณะยืนอยู่ ร่างของเขากลับโน้มเอียงไปทางบุตรสาวโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าเผยให้เห็นท่าทางประจบประแจงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม ส่วนฮูหยินผิงหนานป๋อสวมเสื้อนอกสีแดงเข้มทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว ทำให้ดูสดใสเปล่งประกาย นางเป็นสตรีร่างท้วม ผิวพรรณเปล่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1445

    ซ่งซีซีรู้สึกว่าคุณหนูเจ็ดไม่ควรต้องรับคำด่าทอโดยไร้เหตุผล อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนป๋อผิงหนานในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม ดังนั้น นางจึงสั่งให้หัวหน้าลู่ส่งเทียบเชิญไปยังจวนป๋อผิงหนาน ขอเชิญทั้งครอบครัวไปตึกว่างจิงเพื่อร่วมรับประทานอาหาร ขณะเดียวกัน เมื่อส่งเทียบเชิญ นางก็ปล่อยข่าวนี้ออกไปด้วย ส่วนเหตุผลที่ไม่เชิญไปที่จวนของตนเอง นั่นเพราะเรื่องนี้ต้องการให้มีการชี้แจงความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ การนัดพบกันภายในจวนจึงไม่เหมาะสม ตึกว่างจิงเป็นสถานที่หรูหรา เพื่อแสดงความเคารพต่อจวนป๋อผิงหนานและคุณหนูเจ็ดการปล่อยข่าวล่วงหน้า ทำให้บรรดาพ่อค้าและขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่ชอบสู่รู้เรื่องชาวบ้านย่อมไม่พลาดโอกาสเฝ้าดูเรื่องนี้ เมื่อมีคนจับตาอยู่มาก ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคลี่คลายปัญหา ภายในเรื่องนี้ยังมีเจตนาชดเชยให้กับคุณหนูเจ็ดตลอดหลายปีที่นางทำการค้า ผู้คนมักดูถูกนางเพียงเพราะเป็นสตรี ถูกเอาเปรียบและถูกกดขี่อยู่เสมอ จวนป๋อผิงหนาน ก็ไม่มีบุรุษคนใดที่สามารถเป็นเสาหลักได้ เดิมทีตระกูลนี้เคยเป็นตระกูลสูงศักดิ์ แต่บัดนี้กลับตกต่ำจนแท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1444

    ฮองเฮาถูกลงโทษให้กักบริเวณอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นไทเฮาที่มีรับสั่งให้กักบริเวณ อีกทั้งยังสั่งถอนข้ารับใช้ในตำหนักของนางไปกว่าครึ่ง คงเหลือเพียงคนสนิทไว้รับใช้ จากนั้นยังทรงเลือกคนที่ไว้ใจได้ให้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่ ตำหนักฉางชุน ขณะที่ฮองเฮาเฝ้าดูแลจักรพรรดิ์ซูชิงนางได้ยินอู๋ย่วนเจิ้งเอ่ยว่าฮ่องเต้ทรงประชวรเป็นโรคปอดเรื้อรัง แรกเริ่มนางยังไม่รู้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่หลังจากถูกกักบริเวณ นางจึงถามหลานเจี่ยนกูกู เมื่อหลานเจี่ยนกูกูบอกว่านี่เป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต นางก็ทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ประการแรก นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงประชวร ประการที่สอง นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงล้มป่วยด้วยโรคนี้ ก็สมควรต้องกำหนดองค์รัชทายาทแล้ว ทว่ากลับถูกไทเฮากักบริเวณ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังโง่เขลาไปล่วงเกินซ่งซีซีเพราะความสัมพันธ์ของ รองแม่ทัพซ่ง ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับซ่งรุ่ยเป็นพิเศษ หากนางไม่เคยล่วงเกินซ่งซีซีและให้ซ่งซีซีส่งซ่งรุ่ยเข้ามาวัง เพื่ออยู่เป็นเพื่อน องค์ชายใหญ่ แล้วล่ะก็ฮ่องเต้คงจะทรงสนพระทัยในตัวเขามากขึ้น “หลานเจี่ยน ข้าควรทำสิ่งใด? ข้าทำอะไรได้บ้าง?” นางร่ำไห้ครู่หนึ่งแล้วก็คิดก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1443

    ฮองเฮา ยังมีหยาดน้ำตาเกาะบนใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงจากการร่ำไห้เมื่อได้ยินประโยคแรกที่ฮ่องเต้ตรัสหลังฟื้นคืนสติ กลับเป็นคำสั่งให้นางถอยออกไป นางถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่พอฟื้นคืนสติ นางก็สะอื้นพลางเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ไปเพคะ หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฮ่องเต้เพคะ”ไทเฮา เอ่ยด้วยสุรเสียงแหบพร่า ทว่ามีอำนาจล้นเหลือ “ประคองฮองเฮาออกไป”ฮองเฮาอยู่เฝ้าที่นี่นานเท่าใดไทเฮาก็อยู่เฝ้าที่นี่นานเท่านั้น ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จะฟื้นคืนสติเสียที รอคอยมาจนใจแทบขาด ทว่ากลับต้องฝืนรักษาความสงบเพื่อมิให้เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักต้องขาดหลักยึดเดิมทีขุนนางทั้งหมดคุกเข่าอยู่ภายนอกตำหนัก ทว่าความหนาวเหน็บเกินทน พอไทเฮามาถึงก็ทรงให้พวกเขาเข้าไปคอยด้านในตำหนัก แต่พวกเขากลับยังยืนกรานจะคุกเข่าต่อไปฮ่องเต้สิ้นสติไปนานเท่าใด พวกเขาก็คุกเข่าอยู่อย่างนั้นตลอดมาไทเฮาคอยให้หมอหลวงตรวจชีพจรเสร็จก่อนจึงเดินเข้าไปนั่งใกล้ แล้วตรัสห้ามไม่ให้หมอหลวงเอ่ยสิ่งใดก่อนจะกล่าวด้วยสุรเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”นางกำมือของบุตรชายแน่น พระหัตถ์เย็นเฉียบจนจับข่มไว้สุดแรงก็ยังสั่นระริกอย่างห้ามมิได้จัก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status