ส่งไปยังร้านขายยาเย่าหวัง ซ่งซีซีขอให้ร้านขายยาเย่าหวังหยุดคนของตระกูลจ้าน หากไม่ได้รับความยินยอมจากนางหมิน ตระกูลจ้านก็ไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมเยียนได้ตระกูลจ้านติดตามมา แต่คนจากร้านขายยาเย่าหวังห้ามไว้ข้างนอกโดยบอกว่าพวกเขากำลังรักษาให้คนไข้ และห้ามไม่อนุญาตบุกรุกเข้าร้านขายยาเย่าหวังในตอนกลางคืน และขอให้พวกเขากลับไปจ้านเป่ยชิงยืนกรานที่จะพบนาง แต่หลังจากที่ชักชวนอยู่นานก็ไม่ได้ผล ผู้คุ้มกันทรงพลังทั้งสี่จากร้านขายยาเย่าหวังก็เข้าหน้าเพื่อขับไล่พวกเขาออกไป และจ้านเป่ยว่างไม่กล้าที่จะลงมือ และคนอื่นๆ ก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะลงมือจ้านจี้ในฐานะพ่อจึงสั่งว่า "เรากลับก่อนเถอะ อยู่ในร้านขายยาเย่าหวังนางจะปลอดภัยดี"จ้านจี้ในจวนแม่ทัพแทบจะไร้ตัวตนเลยก็ว่าได้ เมื่อเจอปัญหาหรือเหตุการณ์ใดๆ เขามักจะเลือกที่จะซ่อนตัวเอาไว้ และไม่เคยออกความคิดเห็นให้ เมื่อเจอกับเรื่องนี้ เขาออกหน้าพูดแบบนั้นจ้านเป่ยชิงย่อมต้องเชื่อฟังด้วย เพราะมันเข้าไม่ได้จริงๆ...เขาบีบตั๋วจำนำใบนั้นและเดินจากไปอย่างขวัญหนีดีฝ่อ นอกจากงุนงงและทำอะไรไม่ถูกนั้น ยังโกรธเล็กน้อย น้องรองเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ที่นางหมิน
จวนแม่ทัพ นอกจากคนบ้านรองและยี่ฝาง เกือบทุกคนในบ้านใหญ่ก็รวมตัวอยู่ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่าฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัว "นางกระโดดลงแม่น้ำงั้นเหรอ ยังถูกซ่งซีซีช่วยชีวิตกลับมา หากนางอยากตายทำไมไม่ตายอย่างเงียบๆ ทำไมนางถึงทำให้เรื่องไปกันใหญ่ ทั้งๆ ที่รู้ชัดเจนว่ามีคนจะช่วยนางถึงแกล้งทำแบบนั้น นางจะบ่นจะนักหนา ทางจวนแม่ทัพเคยปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ดีที่ไหนกัน นางทั้งไร้ความสามารถทั้งดูแลบ้านไม่ดี และยังไม่มีครอบครัวพ่อแม่ให้เป็นที่พึ่งพา แค่ให้นางมาดูแลข้าเองทำเหมือนถูกทรมานร้ายแรงเอาเสีย ยังกล้าฆ่าตัวตาย หากแพร่ออกไปก็จะหาว่าข้าเป็นแม่สามีใจร้าย นางนี่ฆ่าตัวตายที่ไหนกัน นางอยากจะให้ข้าตายมากกว่า คนที่อยากจะตายจริงๆ มันจำเป็นต้องทำให้คนอื่นมากมายรู้ด้วยไหม? ได้กระโดดลงไปตั้งแต่แต่ไหนแต่ไรแล้ว"จ้านเป่ยชิงยังไม่ดึงสติ เขารู้สึกหวาดกลัวจริงๆ ทันทีที่เขาเห็นภรรยากระโดดลง มันไม่ได้แค่แกล้งทำท่าอย่างที่ท่านแม่พูดแน่นอน แม้ว่าข้างล่างน้ำจะมืดมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายช่วยอย่างไร แต่ถ้าเป็นเขาที่กระโดดลงไป งั้นก็คงไม่มีโอกาสกลับมาอีกฮูหยินผู้เฒ่าจ้านยังคงสาปแช่งต่อไปว่า
ไหล่ของของจ้านเป่ยว่างหดลงเล็กน้อย อีกแล้ว!การทะเลาะไม่จบไม่สิ้นแบบนี้ทำให้ครอบครัวไม่สงบสักที มีชั่วขณะหนึ่ง เขาเข้าใจพี่สะใภ้ใหญ่จริงๆ และสถานที่แบบนี้เขาก็ไม่ต้องการอยู่เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าท่านพ่อเดินออกไปอย่างลับๆ แล้ว มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อใดก็ตามที่เกิดความขัดแย้งใดๆ ที่เขารับมือไม่ได้ เขาก็จะออกไปอย่างลับๆจากนั้นก็มองไปที่พี่ชายใหญ่และน้องสามอีกครั้ง พี่ชายใหญ่ยังทำหน้าอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ทำยังไงต่อ ส่วนน้องสามพร้อมที่จะพูดแทรกแซงเพื่อพูดแทนให้ท่านแม่เขาตะโกนเสียงดังว่า "พอได้แล้ว อย่าทะเลาะอีกเลย รอพี่สะใภ้ใหญ่กลับมา ยังให้พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลบ้าน เงินเดือนของข้าจะมอบให้เต็มจำนวน จะใช้จ่ายยังไงก็แล้วแต่พี่สะใภ้ใหญ่ตัดสิน"หวังชิงหลูทำหน้าเย็นชาและเด็ดขาด "ข้าไม่เห็นด้วย มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมเจ้าต้องจ่ายเงินเป็นสองเท่าของพวกเขาเล่า?"จ้านเป่ยว่างอารมณ์ปรี๊ดแตก แต่ก็อับอายมาก "เพราะว่าเราใช้จ่ายเยอะกว่า และเพราะข้าเป็นหนี้ครอบครัวมากที่สุด""นั่นเป็นหนี้ของเจ้า ไม่ใช่ข้า""เพราะงั้นข้าเอาเงินเดือนของข้ามาคืน" จ้านเป่ยว่างคิดถึงฉากพี่สะใภ้ใหญ่กระโดดลงจากสะพานในค
วันรุ่งขึ้น จ้านเป่ยชิงไปร้านขายยาเย่าหวังเพื่อรับนางหมิน ผู้คนที่ร้านขายยาเย่าหวังไม่อนุญาตให้เขาเข้าไป เขาจึงยืนข้างนอกเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามนางหมินทานอาหารเงียบๆ ที่สวนหลังบ้านของร้านขายยาเย่าหวัง และดื่มชาช้าๆ สักหม้อ นางเงยหน้าขึ้นมองดูหงเชวี่ย "ข้าไม่ได้ทานอาหารสบายๆ แบบนี้มานานแล้ว"หงเชวี่ยกล่าวว่า "ถ้าเจ้าต้องการ คืนนี้เจ้าก็สามารถทานอาหารสบายๆ ได้ ในอนาคตก็ทำได้ ร้านขายยาเย่าหวังจะไม่ขับไล่เจ้าออกไปไหน"นางหมินมองดูใบชาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นและพูดว่า "ข้าจะกลับไปกับเขา"หงเชวี่ยกล่าวว่า "เจ้าคิดดีหรือยัง เจ้าต้องคิดให้ดีๆ กลับไปตอนนี้กลัวว่าพวกเขาจะเล่นงานเจ้าเช่นเดิมนะ""ยังไงข้าก็ต้องกลับไป" ดวงตาของนางหมินแดงเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้มเล็กน้อย "หมอหงเชวี่ย ขอบคุณท่านมาก""ไม่ต้องเกรงใจเลย เขาอยู่ข้างนอก ข้าจะเตรียมยาให้เจ้านำกลับด้วย กรุณารอสักครู่""ไม่ต้องหรอก ข้าม่จำเป็นต้องกินยาอีก ข้าสบายดี" นางหมินเดินออกไปแล้วเดินไปที่ซุ้มประตูแล้วหันกลับมายิ้มให้หงเชวี่ย "ข้าชื่อหมินซู่เจิน"หงเชวี่ยสะดุ้ง "โอ้ ซู่เจิน ชื่อเพราะจัง""ใช่ ชื่อมันเพราะ แต่ไม่มีใครเรียกมันมานา
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านนอนอยู่บนที่นั่งนุ่นๆ สายตาเย็นชา จากนั้นพ่นคำพูดที่ไม่แยแสว่า "คุกเข่าลง!"นางหมินคุกเข่าลง จากนั้นฝ่ามือหนึ่งก็ตบไปที่แก้มนาง แล้วตามด้วยคำสาปอันเลวร้าย "ทำไมไม่ตายอยู่ไปข้างนอกล่ะ แล้วกลับมาทำไม กล้าขู่ข้าด้วยฆ่าตัวตาย ข้าว่าเจ้าปีกกล้าขาแข็ง กล้ามากจริงๆ สินะ"ป้าซุนพูดโน้มน้าวว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าใจเย็นๆ ก่อน ฮูหยินใหญ่สำนึกผิดแล้ว ช่างมันแถอะ อย่าทำให้สุขภาพตนเองเป็นอะไรไปเพราะความโกรธแบบนี้นะ"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านหยิบถ้วยจากโต๊ะข้างๆ แล้วทุบหัวนางหมิน "ตอนนี้นางรู้จักสำนึกผิดแล้วเหรอ ตอนที่ก่อเรื่องนั้นทไไมไม่สำนึกผิด ทำเอาชื่อเสียงของจวนแม่ทัพของเราเสียหายไปหมด ออกไปเดี๋ยวนี้ ให้คุกเข่าที่หน้าประตูลานจนถึงพรุ่งนี้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็ห้าลุกขึ้น"ถ้วยชากระทบพื้นเสียงดัง และชาอุ่นๆ ก็ตกลงมาจากหน้าผากของนางหมินพร้อมกับเลือด เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ ป้าซุนก็อุทานออกมา "เอาล่ะ เอาล่ะ ฮูหยินใหญ่ออกไปคุกเข่าข้างนอกเถอะ อย่ามาขัดหูขัดตาฮูหยินผู้เฒ่าที่นี่อีก"เดิมทีป้าซุนก็มีเจตนาดีเช่นกัน และอยากจะให้นางออกไปโดยเร็วเผื่อเดี๋ยวถูกทุบตีอีกนางหมินยืนขึ้นเงียบๆ และเดิน
จ้านเป่ยชิงรับปากจ้านเป่ยชิงแล้ว แต่เขายังคงคงดื้อรั้นและคิดว่านางหมินต้องได้รับการอภัยจากท่านแม่ก่อนตอนนี้เขาก็คิดตกแล้ว จริงๆ แล้วท่านทำแบบนี้ก็ไม่ผิด เอะอะโวยวายก็จะเอาความตายมาข่มขู่ มีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สอง ต้องให้นางตัดความคิดนี้ทิ้งโดยแท้จริง จะใจแข็งหน่อยไม่ไปสนใจนางคืนนี้อุณหภูมิลดลง อากาศหนาวมาก นางหมินคุกเข่ามาครึ่งวันก็เหมือนรูปปั้นไม่ขยับเขยื้อนป้าซุนสวมเสื้อคลุมให้นาง จากนั้นก็เข้าไปในห้องเพื่อพูดเกลี้ยกล่อม แต่ฮูหยินผู้เฒ่าปฏิเสธและยืนกรานที่ให้นางคุกเข่าจนถึงวันพรุ่งนี้"ถ้าไม่ลงโทษนางให้กนักๆ แล้วนางจะสำนึกผิดได้ยังไง" ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างเย็นชา"เพียงแต่มันหนาวมากจริงๆ ฮูหยินใหญ่ยังลงไปในแม่น้ำร่างกายไม่ไหวแน่ๆ กลัวว่าจะเป็นอะไรขึ้นมาได้"น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าไม่แยแส เต็มไปด้วยความเกลียดชังและการข่มขู่ "ห้ามพูดอะไรอีก ปิดประตู หากใครกล้ามาขอความเมตตาอีก พรุ่งนี้ก็ให้คุกเข่าต่อไป"ป้าซุนไม่กล้าชักชวนอีกต่อไป ได้แต่แอบออกไปเติมเสื้อผ้าอีกชิ้นให้นางหมิน จากนั้นจึงสั่งให้สาวใช้ออกไปและเข้าไปดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องตื่นขึ้นทำเรื่องส่วนตัวสองหร
หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านตื่นขึ้น ดวงตาของนางก็จับจ้องไปที่เพดาน และภาพที่นางหมินแขวนอยู่นอกประตูก็ยังคงปรากฏในหัวของนาง นางรู้สึกขนลุกจากนั้นก็แน่นหน้าอกขึ้นมา"นังสารเลว!" ผ่านไปพักใหญ่ นางถึงสาปแช่งด้วยความโกรธ "นังสารเลวที่ไม่รู้จักบุญคุณเลย"ป้าซุนร้องไห้หนักมากและเสียใจที่ไม่ได้ออกไปดูสักหน่อย ถ้าออกไปเร็วกว่านั้นคงทันเวลาที่ช่วยชีวิตนางนางรู้สึกอึดอัดใจถึงที่สุดแล้ว เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าด่าแบบนี้ ก็อดช่วยพูแทนนางหมินไม่ได้ด้วยเสียงแผ่วเบา "ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ว่ายังไงฮูหยินใหญ่ก็เคยดูแลท่านมา ถือว่าเต็มที่แล้ว ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว อย่าด่าเลย"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพูดด้วยอารมณ์ปรี๊ดแตก "ทำไมจะไม่ด่า หากจะตายก็ตายไปไกลๆ เลย มาตายต่อหน้าห้องข้าแบบนี้คิดจะมาหาเรื่องผู้ใด"หลังจากที่นางด่าเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ "ไม่นึกเลยว่านางเป็นคนใจร้ายแบบนี้ นางแขวนคอตายที่ประตูบ้านของข้า นั่นไม่เท่ากับว่าข้าเป็นคนร้ายกาจหรือ มันทำให้ข้าเสียชื่อเลย หากเจ้าสามจะหาคู่ครองก็ยากแล้ว ทำไมโชคชะตาของข้าจะไม่ดีเช่นนี้ ที่บ้านเจอแต่คนแบบนี้หมด""ตายแล้ว ชื่อเสียงของจวนแม่ทัพของเราเสียหายไปหมดแล้ว ม
แม้ว่าบอกว่าฆ่าตัวตาย แต่สำนักเขตจิงจ้าวยังคงต้องการสอบสวนว่ามีใครบางคนจงใจฆ่านางหรือไม่จ้านกังทำงานในสำนักเขตจิงจ้าว แต่คดีนี้เกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพ และเขาไม่สามารถมีส่วนร่วมในการสอบสวนคดีนี้ได้ขงหยาง เจ้าสำนักเขตจิงจ้าวส่งคนไปสอบถาม นางหมินในปากของทุกคนมันแตกต่างกันหวังชิงหลูบอกว่านางเห็นแก่ตัวและเกียจคร้านจ้านเป่ยว่างกล่าวว่านางมีน้ำใจมีเหตุผลฮูหยินผู้เฒ่าจ้านด่านางตรงๆ ว่าเป็นผู้หญิงร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ไม่ได้เรื่อง ทำลายชื่อเสียงของจวนแม่ทัพเป็นเรื่องหายากเลยที่ยี่ฝางออกจากเรืองมงคล แต่แค่กล่าวว่า มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยคนรับใช้บอกว่านางใจดี แต่ก็อ่อนแอและถูกรังแกได้ง่ายฮูหยินผู้เฒ่ารองพูดพลางร้องไห้ว่านางเป็นคนน่าสงสาร นางไม่มีทางเลือกแล้วมีเพียงจ้านเป่ยชิง สามีของนางเท่านั้นที่ไม่สามารถบอกได้ว่านางเป็นคนแบบไหนเขาคิดอยู่นานแต่ก็แค่นึกถึงรูปร่างหน้าตาของนางหมินเท่านั้น ทุกครั้งที่เขากลับบ้านอย่างเมามายจากงานสังสรรค์ นางจะคอยดูแลตนเองอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไร ไม่น่าสนใจ ทื่อๆ และน่าเบื่อเนื่องจากนางเองเคยกระโดดลงไปในแม่น้ำ ดังนั้นหลังจากการสอบสวนได้สรุปว่า เป็นเพราะโ