หนึ่งในกองกำลังเมืองหลวงรีบไปหาคบเพลิง เสิ่นว่านจือเห็นนางหลับตาราวกับว่าง่วงนอนและหนาวมาก ตัวสั่นเทาไปหมด "นางหมิน เจ้าอย่าเพิ่งหลับตา ไม่ใช่อยากเจอซีซีหรือ นางจะมาแล้ว อย่าเพิ่งหลับตานะ"นางหมินลืมตาขึ้นและมองไปที่แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวเบื้องล่าง นางขี้ขลาดมาตลอดชีวิต และเวลานี้นางก็กลัวเช่นกัน แต่การยืนอยู่ที่นี่ นางรู้สึกมันดีกว่าการยืนอยู่จวนแม่ทัพเสียอีกนางแค่กระโดดลงและทุกอย่างก็จะจบลงนางจำไม่ได้ว่าทำไมมาที่นี่ สมองของนางไม่ทำงานแล้ว นอกจากรู้สึกหนาว นางไม่มีความรู้สึกอะไรอีกนางยังมีตั๋วจำนำอยู่กับตัว นางต้องการคืนตั๋วจำนำให้กับซ่งซีซี โดยกล่าวขอโทษกับนาง และกล่าวขอบคุณอีกทีขอโทษเพราะตอนที่จ้านเป่ยว่างบอกว่าจะไล่ภรรยาออกไปนั้น นางอยู่ห่างๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรสักคำกล่าวขอบคุณเพราะตอนที่ซ่งซีซีอยู่ในจวนแม่ทัพ ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจเครื่องประดับที่นางเอาไปจำนำนั้น นางไม่มีโอกาสไปไถ่ถอนกลับมาแล้ว งั้นให้ซ่งซีซีไปไถ่ถอนแล้วกัน มันเป็นของของนาง แต่น่าเสียดายที่นางใช้เงินไปจนหมดแล้ว หวังว่านางจะไม่โกรธตนเองเสียงกีบม้าทะลุเสียงลมมุ่งตรงไปที่สะพานซ่งซีซีมาถึงก่อน และเสิ่นว่า
จู่ๆ หัวใจของซ่งซีซีก็เต้นไม่เป็นจังหวะ จ้านเป่ยว่างกำลังจะรีบพุ่งเข้าไปแต่ถูกเสิ่นว่านจือเตะไปที่เข่า "เจ้าอย่าไปกระตุ้นอารมณ์ของนางอีกเลย"จ้านเป่ยว่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เสิ่นว่านจือกดหัวของเขาแล้วตะโกนกับนางหมินว่า "เขาคุกเข่าลงแล้ว เขามาขอโทษเจ้า หากเจ้าไม่พอใจอะไรก็พูดมาได้เลย จะว่าจะด่าก็ได้หมด""ไร้ประโยชน์!" นางหมินคร่ำครวญและบ่นไปพร้อมๆ กัน "ไร้ประโยชน์หรอก เหมือนกันแหละ พวกเขาจะไล่ข้าออกไป ข้าไม่มีบ้านพ่อแม่ให้กลับ ข้าไม่มีเงินแล้ว สินเดิมของข้าล้วนขายหมดแล้ว หลังจากหย่าแล้ว ข้าจะอดอาหารตาย งั้นก็สู้ให้ตายตอนนี้จะดีซะกว่า""อย่าโง่นัก ลองคิดถึงเด็กของเจ้าสิ" ซ่งซีซีขยิบตาให้เสิ่นว่านจือ และให้เสิ่นว่านจือจับจ้านเป่ยว่างไว้ไม่ให้เขาพูดต่อ "เจ้าบอกว่าพวกเขาตบเจ้า ทำไมถึงตบเจ้า เจ้าบอกข้าเลย ข้าแก้แค้นให้เจ้า"ขณะที่นางพูดก็ก้าวไปข้างหน้าโดยเงียบๆตามความเร็วปัจจุบัน ถ้านางบินไปมันเทียบความเร็วที่นางหมินกระโดดลงไปไม่ได้ หากนางกระโดดลงไป งั้นนางก็ไม่แน่ใจจะช่วยนางในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวได้"ไม่มีเงิน" นางหมินร้องไห้ น้ำเสียงมีแต่ความสิ้นหวัง "ข้าทำอะไรก็ผิดหมด ซื้อยาดันเสวี่ยไ
ซ่งซีซีหันหลังกลับแล้วบินไปอีกฝั่งของสะพาน จากนั้นบินลงไป เหยียบน้ำเพื่อตามหานางหมิน แต่ไม่พบนางหมินในน้ำที่มืดมิดทุกคนบนฝั่งต่างก็ตกตะลึง รวมคนสี่คนของตระกูลจ้านต่างก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางกระโดดจริงๆโดยเฉพาะจ้านเป่ยชิง เขารู้จักนิสัยของภรรยาของเขาดีที่สุด นางอ่อนแอมาก อย่าว่าแต่กระโดดลงแม่น้ำ แม้แต่ให้นางไปเล่นน้ำที่แม่น้ำก็ไม่กล้าด้วยซ้ำเขาแค่เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากเฝ้าดูและทำให้ซ่งซีซีและกองกำลังเมืองหลวงต่างก็มาเข้าร่วมด้วย เขารู้สึกอับอาย ถึงกับดุนาง เขาไม่เคยคิดว่านางจะกระโดดจริงๆเขารู้ว่านางไม่กล้า แต่ทำไมนางถึงกล้าในตอนนี้?ก็แค่ดูแลแม่สามีเท่านั้น? ก็แค่ดูแลบ้าน? ผู้หญิงอื่นๆ สามารถทำได้หมด ทำไมนางถึงบอบบางขนาดนั้น?ในขณะที่พวกเขาตะลึงพรึงเพริดมากนักนั้น ซ่งซีซีก็ลงไปตามกระแสน้ำ ส่วนเสิ่นว่านจือก็วิ่งไปตามริมฝั่งแม่น้ำเช่นกัน การตกลงไปในน้ำนั้นอันตรายมาก ดังนั้นการช่วยเหลือจะต้องเร่งด่วนมากหลังจากที่จ้านเป่ยว่างรู้ตัวได้ เขาก็ลุกขึ้น กระโดดลงไปฝั่งแล้ววิ่งตามเสิ่นว่านจือ แต่เสิ่นว่านจือก็วิ่งออกไปไกลมากแล้วในตอนนี้เขาถึงตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเขากับซ่งซีซีแ
ส่งไปยังร้านขายยาเย่าหวัง ซ่งซีซีขอให้ร้านขายยาเย่าหวังหยุดคนของตระกูลจ้าน หากไม่ได้รับความยินยอมจากนางหมิน ตระกูลจ้านก็ไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมเยียนได้ตระกูลจ้านติดตามมา แต่คนจากร้านขายยาเย่าหวังห้ามไว้ข้างนอกโดยบอกว่าพวกเขากำลังรักษาให้คนไข้ และห้ามไม่อนุญาตบุกรุกเข้าร้านขายยาเย่าหวังในตอนกลางคืน และขอให้พวกเขากลับไปจ้านเป่ยชิงยืนกรานที่จะพบนาง แต่หลังจากที่ชักชวนอยู่นานก็ไม่ได้ผล ผู้คุ้มกันทรงพลังทั้งสี่จากร้านขายยาเย่าหวังก็เข้าหน้าเพื่อขับไล่พวกเขาออกไป และจ้านเป่ยว่างไม่กล้าที่จะลงมือ และคนอื่นๆ ก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะลงมือจ้านจี้ในฐานะพ่อจึงสั่งว่า "เรากลับก่อนเถอะ อยู่ในร้านขายยาเย่าหวังนางจะปลอดภัยดี"จ้านจี้ในจวนแม่ทัพแทบจะไร้ตัวตนเลยก็ว่าได้ เมื่อเจอปัญหาหรือเหตุการณ์ใดๆ เขามักจะเลือกที่จะซ่อนตัวเอาไว้ และไม่เคยออกความคิดเห็นให้ เมื่อเจอกับเรื่องนี้ เขาออกหน้าพูดแบบนั้นจ้านเป่ยชิงย่อมต้องเชื่อฟังด้วย เพราะมันเข้าไม่ได้จริงๆ...เขาบีบตั๋วจำนำใบนั้นและเดินจากไปอย่างขวัญหนีดีฝ่อ นอกจากงุนงงและทำอะไรไม่ถูกนั้น ยังโกรธเล็กน้อย น้องรองเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ที่นางหมิน
จวนแม่ทัพ นอกจากคนบ้านรองและยี่ฝาง เกือบทุกคนในบ้านใหญ่ก็รวมตัวอยู่ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่าฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัว "นางกระโดดลงแม่น้ำงั้นเหรอ ยังถูกซ่งซีซีช่วยชีวิตกลับมา หากนางอยากตายทำไมไม่ตายอย่างเงียบๆ ทำไมนางถึงทำให้เรื่องไปกันใหญ่ ทั้งๆ ที่รู้ชัดเจนว่ามีคนจะช่วยนางถึงแกล้งทำแบบนั้น นางจะบ่นจะนักหนา ทางจวนแม่ทัพเคยปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ดีที่ไหนกัน นางทั้งไร้ความสามารถทั้งดูแลบ้านไม่ดี และยังไม่มีครอบครัวพ่อแม่ให้เป็นที่พึ่งพา แค่ให้นางมาดูแลข้าเองทำเหมือนถูกทรมานร้ายแรงเอาเสีย ยังกล้าฆ่าตัวตาย หากแพร่ออกไปก็จะหาว่าข้าเป็นแม่สามีใจร้าย นางนี่ฆ่าตัวตายที่ไหนกัน นางอยากจะให้ข้าตายมากกว่า คนที่อยากจะตายจริงๆ มันจำเป็นต้องทำให้คนอื่นมากมายรู้ด้วยไหม? ได้กระโดดลงไปตั้งแต่แต่ไหนแต่ไรแล้ว"จ้านเป่ยชิงยังไม่ดึงสติ เขารู้สึกหวาดกลัวจริงๆ ทันทีที่เขาเห็นภรรยากระโดดลง มันไม่ได้แค่แกล้งทำท่าอย่างที่ท่านแม่พูดแน่นอน แม้ว่าข้างล่างน้ำจะมืดมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายช่วยอย่างไร แต่ถ้าเป็นเขาที่กระโดดลงไป งั้นก็คงไม่มีโอกาสกลับมาอีกฮูหยินผู้เฒ่าจ้านยังคงสาปแช่งต่อไปว่า
ไหล่ของของจ้านเป่ยว่างหดลงเล็กน้อย อีกแล้ว!การทะเลาะไม่จบไม่สิ้นแบบนี้ทำให้ครอบครัวไม่สงบสักที มีชั่วขณะหนึ่ง เขาเข้าใจพี่สะใภ้ใหญ่จริงๆ และสถานที่แบบนี้เขาก็ไม่ต้องการอยู่เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าท่านพ่อเดินออกไปอย่างลับๆ แล้ว มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อใดก็ตามที่เกิดความขัดแย้งใดๆ ที่เขารับมือไม่ได้ เขาก็จะออกไปอย่างลับๆจากนั้นก็มองไปที่พี่ชายใหญ่และน้องสามอีกครั้ง พี่ชายใหญ่ยังทำหน้าอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ทำยังไงต่อ ส่วนน้องสามพร้อมที่จะพูดแทรกแซงเพื่อพูดแทนให้ท่านแม่เขาตะโกนเสียงดังว่า "พอได้แล้ว อย่าทะเลาะอีกเลย รอพี่สะใภ้ใหญ่กลับมา ยังให้พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลบ้าน เงินเดือนของข้าจะมอบให้เต็มจำนวน จะใช้จ่ายยังไงก็แล้วแต่พี่สะใภ้ใหญ่ตัดสิน"หวังชิงหลูทำหน้าเย็นชาและเด็ดขาด "ข้าไม่เห็นด้วย มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมเจ้าต้องจ่ายเงินเป็นสองเท่าของพวกเขาเล่า?"จ้านเป่ยว่างอารมณ์ปรี๊ดแตก แต่ก็อับอายมาก "เพราะว่าเราใช้จ่ายเยอะกว่า และเพราะข้าเป็นหนี้ครอบครัวมากที่สุด""นั่นเป็นหนี้ของเจ้า ไม่ใช่ข้า""เพราะงั้นข้าเอาเงินเดือนของข้ามาคืน" จ้านเป่ยว่างคิดถึงฉากพี่สะใภ้ใหญ่กระโดดลงจากสะพานในค
วันรุ่งขึ้น จ้านเป่ยชิงไปร้านขายยาเย่าหวังเพื่อรับนางหมิน ผู้คนที่ร้านขายยาเย่าหวังไม่อนุญาตให้เขาเข้าไป เขาจึงยืนข้างนอกเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามนางหมินทานอาหารเงียบๆ ที่สวนหลังบ้านของร้านขายยาเย่าหวัง และดื่มชาช้าๆ สักหม้อ นางเงยหน้าขึ้นมองดูหงเชวี่ย "ข้าไม่ได้ทานอาหารสบายๆ แบบนี้มานานแล้ว"หงเชวี่ยกล่าวว่า "ถ้าเจ้าต้องการ คืนนี้เจ้าก็สามารถทานอาหารสบายๆ ได้ ในอนาคตก็ทำได้ ร้านขายยาเย่าหวังจะไม่ขับไล่เจ้าออกไปไหน"นางหมินมองดูใบชาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นและพูดว่า "ข้าจะกลับไปกับเขา"หงเชวี่ยกล่าวว่า "เจ้าคิดดีหรือยัง เจ้าต้องคิดให้ดีๆ กลับไปตอนนี้กลัวว่าพวกเขาจะเล่นงานเจ้าเช่นเดิมนะ""ยังไงข้าก็ต้องกลับไป" ดวงตาของนางหมินแดงเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้มเล็กน้อย "หมอหงเชวี่ย ขอบคุณท่านมาก""ไม่ต้องเกรงใจเลย เขาอยู่ข้างนอก ข้าจะเตรียมยาให้เจ้านำกลับด้วย กรุณารอสักครู่""ไม่ต้องหรอก ข้าม่จำเป็นต้องกินยาอีก ข้าสบายดี" นางหมินเดินออกไปแล้วเดินไปที่ซุ้มประตูแล้วหันกลับมายิ้มให้หงเชวี่ย "ข้าชื่อหมินซู่เจิน"หงเชวี่ยสะดุ้ง "โอ้ ซู่เจิน ชื่อเพราะจัง""ใช่ ชื่อมันเพราะ แต่ไม่มีใครเรียกมันมานา
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านนอนอยู่บนที่นั่งนุ่นๆ สายตาเย็นชา จากนั้นพ่นคำพูดที่ไม่แยแสว่า "คุกเข่าลง!"นางหมินคุกเข่าลง จากนั้นฝ่ามือหนึ่งก็ตบไปที่แก้มนาง แล้วตามด้วยคำสาปอันเลวร้าย "ทำไมไม่ตายอยู่ไปข้างนอกล่ะ แล้วกลับมาทำไม กล้าขู่ข้าด้วยฆ่าตัวตาย ข้าว่าเจ้าปีกกล้าขาแข็ง กล้ามากจริงๆ สินะ"ป้าซุนพูดโน้มน้าวว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าใจเย็นๆ ก่อน ฮูหยินใหญ่สำนึกผิดแล้ว ช่างมันแถอะ อย่าทำให้สุขภาพตนเองเป็นอะไรไปเพราะความโกรธแบบนี้นะ"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านหยิบถ้วยจากโต๊ะข้างๆ แล้วทุบหัวนางหมิน "ตอนนี้นางรู้จักสำนึกผิดแล้วเหรอ ตอนที่ก่อเรื่องนั้นทไไมไม่สำนึกผิด ทำเอาชื่อเสียงของจวนแม่ทัพของเราเสียหายไปหมด ออกไปเดี๋ยวนี้ ให้คุกเข่าที่หน้าประตูลานจนถึงพรุ่งนี้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็ห้าลุกขึ้น"ถ้วยชากระทบพื้นเสียงดัง และชาอุ่นๆ ก็ตกลงมาจากหน้าผากของนางหมินพร้อมกับเลือด เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ ป้าซุนก็อุทานออกมา "เอาล่ะ เอาล่ะ ฮูหยินใหญ่ออกไปคุกเข่าข้างนอกเถอะ อย่ามาขัดหูขัดตาฮูหยินผู้เฒ่าที่นี่อีก"เดิมทีป้าซุนก็มีเจตนาดีเช่นกัน และอยากจะให้นางออกไปโดยเร็วเผื่อเดี๋ยวถูกทุบตีอีกนางหมินยืนขึ้นเงียบๆ และเดิน