แชร์

บทที่ 841

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ซ่งซีซีมีสีหน้าดีใจ "เจอแล้วเหรอ อยู่ไหน?"

ปี้หมิงก้มตัวลงและเอามือค้ำหัวเข่า หายใจเฮือกใหญ่ "อยู่... อยู่ที่สะพานวิญญาณ ท่านรีบไปเถอะ นางกำลังจะกระโดดลงจากสะพาน เราพูดโน้มน้าวแล้วแต่ไม่ได้ผล และไม่กล้าไปช่วยนางอย่างไม่วางแผนก่อน นางร้องขอว่าต้องการพบท่าน แต่ต้องไปเร็วหน่อย ลมมันแรงมาก นางยืนไม่มั่นคง"

"อ๊า?" จ้านเป่ยว่างผงะและถามด้วยความสับสน "ทำไมต้องกระโดดลงจากสะพานเล่า?"

ซ่งซีซีวิ่งออกไปทันทีและตะโกนว่า "เตรียมม้า!"

สะพานวิญญาณตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง ใต้สะพานวิญญาณมีแม่น้ำไหลเชี่ยวที่เรียกว่าแม่น้ำถงหลิน

การไหลของแม่น้ำถงหลินในบริเวณสะพานวิญญาณจะเชี่ยวกรากมากเพราะด้านบนกว้างและด้านล่างแคบ มีทางลาดชันอีกด้วย น้ำที่ไหลผ่านบริเวณนี้จะเชี่ยวกรากมาก หากตกลงจากสะพานนี้ก็สามารถบอกได้ว่าไม่รอดเลย

สะพานนี้เดิมที่ถูกตั้งชื่อว่าสะพานตงหลินที่สอง แต่ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่าสะพานวิญญาณ

หลังจากที่จ้านเป่ยว่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ฝากให้ปี้หมิงส่งคนไปที่จวนแม่ทัพเพื่อแจ้งให้พี่ชายของเขาทราบ จากนั้นเขาก็ขี่ม้าติดตามตรงไปที่สะพานวิญญาณ

เสิ่นว่านจือถึงที่นั่นแล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 842

    หนึ่งในกองกำลังเมืองหลวงรีบไปหาคบเพลิง เสิ่นว่านจือเห็นนางหลับตาราวกับว่าง่วงนอนและหนาวมาก ตัวสั่นเทาไปหมด "นางหมิน เจ้าอย่าเพิ่งหลับตา ไม่ใช่อยากเจอซีซีหรือ นางจะมาแล้ว อย่าเพิ่งหลับตานะ"นางหมินลืมตาขึ้นและมองไปที่แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวเบื้องล่าง นางขี้ขลาดมาตลอดชีวิต และเวลานี้นางก็กลัวเช่นกัน แต่การยืนอยู่ที่นี่ นางรู้สึกมันดีกว่าการยืนอยู่จวนแม่ทัพเสียอีกนางแค่กระโดดลงและทุกอย่างก็จะจบลงนางจำไม่ได้ว่าทำไมมาที่นี่ สมองของนางไม่ทำงานแล้ว นอกจากรู้สึกหนาว นางไม่มีความรู้สึกอะไรอีกนางยังมีตั๋วจำนำอยู่กับตัว นางต้องการคืนตั๋วจำนำให้กับซ่งซีซี โดยกล่าวขอโทษกับนาง และกล่าวขอบคุณอีกทีขอโทษเพราะตอนที่จ้านเป่ยว่างบอกว่าจะไล่ภรรยาออกไปนั้น นางอยู่ห่างๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรสักคำกล่าวขอบคุณเพราะตอนที่ซ่งซีซีอยู่ในจวนแม่ทัพ ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจเครื่องประดับที่นางเอาไปจำนำนั้น นางไม่มีโอกาสไปไถ่ถอนกลับมาแล้ว งั้นให้ซ่งซีซีไปไถ่ถอนแล้วกัน มันเป็นของของนาง แต่น่าเสียดายที่นางใช้เงินไปจนหมดแล้ว หวังว่านางจะไม่โกรธตนเองเสียงกีบม้าทะลุเสียงลมมุ่งตรงไปที่สะพานซ่งซีซีมาถึงก่อน และเสิ่นว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 843

    จู่ๆ หัวใจของซ่งซีซีก็เต้นไม่เป็นจังหวะ จ้านเป่ยว่างกำลังจะรีบพุ่งเข้าไปแต่ถูกเสิ่นว่านจือเตะไปที่เข่า "เจ้าอย่าไปกระตุ้นอารมณ์ของนางอีกเลย"จ้านเป่ยว่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เสิ่นว่านจือกดหัวของเขาแล้วตะโกนกับนางหมินว่า "เขาคุกเข่าลงแล้ว เขามาขอโทษเจ้า หากเจ้าไม่พอใจอะไรก็พูดมาได้เลย จะว่าจะด่าก็ได้หมด""ไร้ประโยชน์!" นางหมินคร่ำครวญและบ่นไปพร้อมๆ กัน "ไร้ประโยชน์หรอก เหมือนกันแหละ พวกเขาจะไล่ข้าออกไป ข้าไม่มีบ้านพ่อแม่ให้กลับ ข้าไม่มีเงินแล้ว สินเดิมของข้าล้วนขายหมดแล้ว หลังจากหย่าแล้ว ข้าจะอดอาหารตาย งั้นก็สู้ให้ตายตอนนี้จะดีซะกว่า""อย่าโง่นัก ลองคิดถึงเด็กของเจ้าสิ" ซ่งซีซีขยิบตาให้เสิ่นว่านจือ และให้เสิ่นว่านจือจับจ้านเป่ยว่างไว้ไม่ให้เขาพูดต่อ "เจ้าบอกว่าพวกเขาตบเจ้า ทำไมถึงตบเจ้า เจ้าบอกข้าเลย ข้าแก้แค้นให้เจ้า"ขณะที่นางพูดก็ก้าวไปข้างหน้าโดยเงียบๆตามความเร็วปัจจุบัน ถ้านางบินไปมันเทียบความเร็วที่นางหมินกระโดดลงไปไม่ได้ หากนางกระโดดลงไป งั้นนางก็ไม่แน่ใจจะช่วยนางในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวได้"ไม่มีเงิน" นางหมินร้องไห้ น้ำเสียงมีแต่ความสิ้นหวัง "ข้าทำอะไรก็ผิดหมด ซื้อยาดันเสวี่ยไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 844

    ซ่งซีซีหันหลังกลับแล้วบินไปอีกฝั่งของสะพาน จากนั้นบินลงไป เหยียบน้ำเพื่อตามหานางหมิน แต่ไม่พบนางหมินในน้ำที่มืดมิดทุกคนบนฝั่งต่างก็ตกตะลึง รวมคนสี่คนของตระกูลจ้านต่างก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางกระโดดจริงๆโดยเฉพาะจ้านเป่ยชิง เขารู้จักนิสัยของภรรยาของเขาดีที่สุด นางอ่อนแอมาก อย่าว่าแต่กระโดดลงแม่น้ำ แม้แต่ให้นางไปเล่นน้ำที่แม่น้ำก็ไม่กล้าด้วยซ้ำเขาแค่เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากเฝ้าดูและทำให้ซ่งซีซีและกองกำลังเมืองหลวงต่างก็มาเข้าร่วมด้วย เขารู้สึกอับอาย ถึงกับดุนาง เขาไม่เคยคิดว่านางจะกระโดดจริงๆเขารู้ว่านางไม่กล้า แต่ทำไมนางถึงกล้าในตอนนี้?ก็แค่ดูแลแม่สามีเท่านั้น? ก็แค่ดูแลบ้าน? ผู้หญิงอื่นๆ สามารถทำได้หมด ทำไมนางถึงบอบบางขนาดนั้น?ในขณะที่พวกเขาตะลึงพรึงเพริดมากนักนั้น ซ่งซีซีก็ลงไปตามกระแสน้ำ ส่วนเสิ่นว่านจือก็วิ่งไปตามริมฝั่งแม่น้ำเช่นกัน การตกลงไปในน้ำนั้นอันตรายมาก ดังนั้นการช่วยเหลือจะต้องเร่งด่วนมากหลังจากที่จ้านเป่ยว่างรู้ตัวได้ เขาก็ลุกขึ้น กระโดดลงไปฝั่งแล้ววิ่งตามเสิ่นว่านจือ แต่เสิ่นว่านจือก็วิ่งออกไปไกลมากแล้วในตอนนี้เขาถึงตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเขากับซ่งซีซีแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 845

    ส่งไปยังร้านขายยาเย่าหวัง ซ่งซีซีขอให้ร้านขายยาเย่าหวังหยุดคนของตระกูลจ้าน หากไม่ได้รับความยินยอมจากนางหมิน ตระกูลจ้านก็ไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมเยียนได้ตระกูลจ้านติดตามมา แต่คนจากร้านขายยาเย่าหวังห้ามไว้ข้างนอกโดยบอกว่าพวกเขากำลังรักษาให้คนไข้ และห้ามไม่อนุญาตบุกรุกเข้าร้านขายยาเย่าหวังในตอนกลางคืน และขอให้พวกเขากลับไปจ้านเป่ยชิงยืนกรานที่จะพบนาง แต่หลังจากที่ชักชวนอยู่นานก็ไม่ได้ผล ผู้คุ้มกันทรงพลังทั้งสี่จากร้านขายยาเย่าหวังก็เข้าหน้าเพื่อขับไล่พวกเขาออกไป และจ้านเป่ยว่างไม่กล้าที่จะลงมือ และคนอื่นๆ ก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะลงมือจ้านจี้ในฐานะพ่อจึงสั่งว่า "เรากลับก่อนเถอะ อยู่ในร้านขายยาเย่าหวังนางจะปลอดภัยดี"จ้านจี้ในจวนแม่ทัพแทบจะไร้ตัวตนเลยก็ว่าได้ เมื่อเจอปัญหาหรือเหตุการณ์ใดๆ เขามักจะเลือกที่จะซ่อนตัวเอาไว้ และไม่เคยออกความคิดเห็นให้ เมื่อเจอกับเรื่องนี้ เขาออกหน้าพูดแบบนั้นจ้านเป่ยชิงย่อมต้องเชื่อฟังด้วย เพราะมันเข้าไม่ได้จริงๆ...เขาบีบตั๋วจำนำใบนั้นและเดินจากไปอย่างขวัญหนีดีฝ่อ นอกจากงุนงงและทำอะไรไม่ถูกนั้น ยังโกรธเล็กน้อย น้องรองเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ที่นางหมิน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 846

    จวนแม่ทัพ นอกจากคนบ้านรองและยี่ฝาง เกือบทุกคนในบ้านใหญ่ก็รวมตัวอยู่ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่าฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัว "นางกระโดดลงแม่น้ำงั้นเหรอ ยังถูกซ่งซีซีช่วยชีวิตกลับมา หากนางอยากตายทำไมไม่ตายอย่างเงียบๆ ทำไมนางถึงทำให้เรื่องไปกันใหญ่ ทั้งๆ ที่รู้ชัดเจนว่ามีคนจะช่วยนางถึงแกล้งทำแบบนั้น นางจะบ่นจะนักหนา ทางจวนแม่ทัพเคยปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ดีที่ไหนกัน นางทั้งไร้ความสามารถทั้งดูแลบ้านไม่ดี และยังไม่มีครอบครัวพ่อแม่ให้เป็นที่พึ่งพา แค่ให้นางมาดูแลข้าเองทำเหมือนถูกทรมานร้ายแรงเอาเสีย ยังกล้าฆ่าตัวตาย หากแพร่ออกไปก็จะหาว่าข้าเป็นแม่สามีใจร้าย นางนี่ฆ่าตัวตายที่ไหนกัน นางอยากจะให้ข้าตายมากกว่า คนที่อยากจะตายจริงๆ มันจำเป็นต้องทำให้คนอื่นมากมายรู้ด้วยไหม? ได้กระโดดลงไปตั้งแต่แต่ไหนแต่ไรแล้ว"จ้านเป่ยชิงยังไม่ดึงสติ เขารู้สึกหวาดกลัวจริงๆ ทันทีที่เขาเห็นภรรยากระโดดลง มันไม่ได้แค่แกล้งทำท่าอย่างที่ท่านแม่พูดแน่นอน แม้ว่าข้างล่างน้ำจะมืดมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายช่วยอย่างไร แต่ถ้าเป็นเขาที่กระโดดลงไป งั้นก็คงไม่มีโอกาสกลับมาอีกฮูหยินผู้เฒ่าจ้านยังคงสาปแช่งต่อไปว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 847

    ไหล่ของของจ้านเป่ยว่างหดลงเล็กน้อย อีกแล้ว!การทะเลาะไม่จบไม่สิ้นแบบนี้ทำให้ครอบครัวไม่สงบสักที มีชั่วขณะหนึ่ง เขาเข้าใจพี่สะใภ้ใหญ่จริงๆ และสถานที่แบบนี้เขาก็ไม่ต้องการอยู่เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าท่านพ่อเดินออกไปอย่างลับๆ แล้ว มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อใดก็ตามที่เกิดความขัดแย้งใดๆ ที่เขารับมือไม่ได้ เขาก็จะออกไปอย่างลับๆจากนั้นก็มองไปที่พี่ชายใหญ่และน้องสามอีกครั้ง พี่ชายใหญ่ยังทำหน้าอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ทำยังไงต่อ ส่วนน้องสามพร้อมที่จะพูดแทรกแซงเพื่อพูดแทนให้ท่านแม่เขาตะโกนเสียงดังว่า "พอได้แล้ว อย่าทะเลาะอีกเลย รอพี่สะใภ้ใหญ่กลับมา ยังให้พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลบ้าน เงินเดือนของข้าจะมอบให้เต็มจำนวน จะใช้จ่ายยังไงก็แล้วแต่พี่สะใภ้ใหญ่ตัดสิน"หวังชิงหลูทำหน้าเย็นชาและเด็ดขาด "ข้าไม่เห็นด้วย มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมเจ้าต้องจ่ายเงินเป็นสองเท่าของพวกเขาเล่า?"จ้านเป่ยว่างอารมณ์ปรี๊ดแตก แต่ก็อับอายมาก "เพราะว่าเราใช้จ่ายเยอะกว่า และเพราะข้าเป็นหนี้ครอบครัวมากที่สุด""นั่นเป็นหนี้ของเจ้า ไม่ใช่ข้า""เพราะงั้นข้าเอาเงินเดือนของข้ามาคืน" จ้านเป่ยว่างคิดถึงฉากพี่สะใภ้ใหญ่กระโดดลงจากสะพานในค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 848

    วันรุ่งขึ้น จ้านเป่ยชิงไปร้านขายยาเย่าหวังเพื่อรับนางหมิน ผู้คนที่ร้านขายยาเย่าหวังไม่อนุญาตให้เขาเข้าไป เขาจึงยืนข้างนอกเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามนางหมินทานอาหารเงียบๆ ที่สวนหลังบ้านของร้านขายยาเย่าหวัง และดื่มชาช้าๆ สักหม้อ นางเงยหน้าขึ้นมองดูหงเชวี่ย "ข้าไม่ได้ทานอาหารสบายๆ แบบนี้มานานแล้ว"หงเชวี่ยกล่าวว่า "ถ้าเจ้าต้องการ คืนนี้เจ้าก็สามารถทานอาหารสบายๆ ได้ ในอนาคตก็ทำได้ ร้านขายยาเย่าหวังจะไม่ขับไล่เจ้าออกไปไหน"นางหมินมองดูใบชาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นและพูดว่า "ข้าจะกลับไปกับเขา"หงเชวี่ยกล่าวว่า "เจ้าคิดดีหรือยัง เจ้าต้องคิดให้ดีๆ กลับไปตอนนี้กลัวว่าพวกเขาจะเล่นงานเจ้าเช่นเดิมนะ""ยังไงข้าก็ต้องกลับไป" ดวงตาของนางหมินแดงเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้มเล็กน้อย "หมอหงเชวี่ย ขอบคุณท่านมาก""ไม่ต้องเกรงใจเลย เขาอยู่ข้างนอก ข้าจะเตรียมยาให้เจ้านำกลับด้วย กรุณารอสักครู่""ไม่ต้องหรอก ข้าม่จำเป็นต้องกินยาอีก ข้าสบายดี" นางหมินเดินออกไปแล้วเดินไปที่ซุ้มประตูแล้วหันกลับมายิ้มให้หงเชวี่ย "ข้าชื่อหมินซู่เจิน"หงเชวี่ยสะดุ้ง "โอ้ ซู่เจิน ชื่อเพราะจัง""ใช่ ชื่อมันเพราะ แต่ไม่มีใครเรียกมันมานา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 849

    ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านนอนอยู่บนที่นั่งนุ่นๆ สายตาเย็นชา จากนั้นพ่นคำพูดที่ไม่แยแสว่า "คุกเข่าลง!"นางหมินคุกเข่าลง จากนั้นฝ่ามือหนึ่งก็ตบไปที่แก้มนาง แล้วตามด้วยคำสาปอันเลวร้าย "ทำไมไม่ตายอยู่ไปข้างนอกล่ะ แล้วกลับมาทำไม กล้าขู่ข้าด้วยฆ่าตัวตาย ข้าว่าเจ้าปีกกล้าขาแข็ง กล้ามากจริงๆ สินะ"ป้าซุนพูดโน้มน้าวว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าใจเย็นๆ ก่อน ฮูหยินใหญ่สำนึกผิดแล้ว ช่างมันแถอะ อย่าทำให้สุขภาพตนเองเป็นอะไรไปเพราะความโกรธแบบนี้นะ"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านหยิบถ้วยจากโต๊ะข้างๆ แล้วทุบหัวนางหมิน "ตอนนี้นางรู้จักสำนึกผิดแล้วเหรอ ตอนที่ก่อเรื่องนั้นทไไมไม่สำนึกผิด ทำเอาชื่อเสียงของจวนแม่ทัพของเราเสียหายไปหมด ออกไปเดี๋ยวนี้ ให้คุกเข่าที่หน้าประตูลานจนถึงพรุ่งนี้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็ห้าลุกขึ้น"ถ้วยชากระทบพื้นเสียงดัง และชาอุ่นๆ ก็ตกลงมาจากหน้าผากของนางหมินพร้อมกับเลือด เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ ป้าซุนก็อุทานออกมา "เอาล่ะ เอาล่ะ ฮูหยินใหญ่ออกไปคุกเข่าข้างนอกเถอะ อย่ามาขัดหูขัดตาฮูหยินผู้เฒ่าที่นี่อีก"เดิมทีป้าซุนก็มีเจตนาดีเช่นกัน และอยากจะให้นางออกไปโดยเร็วเผื่อเดี๋ยวถูกทุบตีอีกนางหมินยืนขึ้นเงียบๆ และเดิน

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1451

    ภายใน ตำหนักฉางชุน มังกรดินใต้พื้นถูกจุดให้ความอบอุ่นทั่วทั้งห้อง ซ่งซีซีถอดเสื้อคลุมออก แล้วนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ เมื่อมาถึง นางกำนัลได้แจ้งว่าฮองเฮาเสด็จกลับไปเปลี่ยนเครื่องทรง ให้รอสักครู่ นางจึงนั่งรอโดยมิได้เร่งรีบ ขณะเดียวกัน ฉีฮองเฮากำลังกินรังนกอยู่ในตำหนักบรรทม นางไม่พอใจนักที่หลานเจี่ยนกูกูเร่งเร้าให้รีบออกไป นางกล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญ “ให้นางรอหน่อยแล้วอย่างไร?” หลานเจี่ยนกูกูเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ฮองเฮา ท่านทรงกล่าวมาตลอดว่า ไม่ควรทำให้พระชายาอ๋องขุ่นเคือง บัดนี้เมื่อทรงเชิญนางมาแล้ว ก็ควรพูดจากันดีๆ อธิบายเรื่องเข้าใจผิดให้กระจ่าง เรื่องก็จะจบลง” ฮองเฮาหัวเราะเยาะตนเอง ก่อนจะกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่เจ้าเองก็ได้ยินว่าตอนที่ข้าขอตัวออกมา ฮ่องเต้ตรัสว่าอะไร พระองค์ตรัสว่า ต่อให้ซ่งซีซีจะตีหรือด่าข้า ข้าก็ต้องอดทนรับไว้ พระองค์มิได้เห็นข้าเป็นฮองเฮาเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่อยากให้คนที่อยู่ในดวงใจของพระองค์ได้ระบายความโกรธออกมา” ฮองเฮา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ ดันถ้วยรังนกออกไป น้ำตาหยดแหมะลงบนโต๊ะ “เขาทรงป่วยจนเลอะเลือนไปแล้ว หรือแท้จริงทรงโปรดปรานซ่ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1450

    ปีนี้ งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าในวัง เงียบเหงากว่าปีที่แล้วมาก ฮองเฮา แม้จะได้รับอนุญาตให้พ้นโทษกักบริเวณเป็นเวลา หนึ่งวัน แต่นางกลับแทบไม่ได้พูดอะไรเลย ดูท่าทางเหมือนมีเรื่องในใจมากมาย แม้แต่เหล่าพระโอรสพระธิดาที่เข้ามาทักทาย นางก็เพียงรับคำอย่างเรียบเฉย จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงอ่อนล้ายิ่งนัก ตั้งแต่เช้าตรู่ทรงต้องเสด็จออกประกอบพิธีบวงสรวงสวรรค์ วุ่นวายไปทั้งวันจนหมดเรี่ยวแรง ไทเฮาเองก็ทรงได้รับลมเย็นจนประชวร จึงทรงลุกจากที่นั่งแต่เนิ่นๆ โดยมี สนมฮุ่ยไทเฟย ประคองกลับไปยังตำหนักฉืออัน ตอนที่ไทเฮาเสด็จออกจากงานฮองเฮารีบสั่งการทันที “พาองค์ชายใหญ่ ไปยังตำหนักฉืออันให้ไปอยู่ข้างพระวรกายของไทเฮา” จักรพรรดิ์ซูชิงขมวดพระขนง “เสด็จแม่ประชวร เจ้าให้เขาไปอยู่ด้วยทำไม?” ฮองเฮาสีพระพักตร์เคร่งขรึม เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เสด็จแม่ทรงรักและเอ็นดูเขานัก บัดนี้พระองค์ทรงประชวร เขาก็ต้องไปอยู่ข้างกาย คอยปรนนิบัติ” กล่าวจบ นางก็ทอดถอนใจอย่างเศร้าสร้อย “เดิมควรเป็นหม่อมฉันที่ต้องคอยดูแลปรนนิบัติพระอาการของไทเฮาแต่หม่อมฉันกลับไร้ความสามารถ เช่นนั้นก็ให้เขาทำหน้าที่กตัญญูแทนหม่อมฉันเถิด” จักร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1449

    พระอาการของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย พระองค์ก็ทรงเรียกดูฎีกาทันที พระองค์ทรงไว้วางพระทัยเสนาบดีมู่ แต่ก็มิได้ไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พระองค์ทรงหวาดระแวงที่สุดก็คือ หากกองทัพไม่ได้อยู่ที่หนานเจียง และไม่ได้อยู่ที่ซีม่อน เพื่อติดตามโจมตีกองทัพแคว้นซา แต่กลับเป็นว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังนำทัพบุกกลับมายังเมืองหลวง และข่าวทั้งหมดถูกปิดกั้น มิอาจมาถึงพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น ด้วยความเร็วของเซี่ยหลูโม่ ภายในสามเดือน กองทัพของเขาย่อมสามารถกวาดล้างและยึดครองทุกหัวเมืองที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องการตรวจสอบฎีกาจากแต่ละแคว้นด้วยพระองค์เอง บัดนี้ซ่งซีซีกลับไปประจำการที่จวนกองกำลังเมืองหลวงแล้วพระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวนางเข้าเฝ้าในห้องพระอักษร ครานี้มิใช่การสนทนาสัพเพเหระ หากแต่เป็นการไต่ถามว่านางมีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหลูโม่หรือไม่ ซ่งซีซีกราบทูลตามตรงว่านางเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรนาง ก็ไม่ทรงพบพิรุธใดๆ แต่ไม่ว่าความเป็นไปได้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น หากกองทัพของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี นั่นหมายความว่ากองทัพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1448

    คืนนั้นหมอมหัศจรรย์ดันแบกหีบยาไปพร้อมกับหงเชวี่ย ออกจากร้านยา ก่อนออกเดินทาง เขาบอกกับหมอเวรกลางคืนของร้านยาเย่าหวังว่าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของพระชายาอ๋อง รถม้าหยุดที่จวนอ๋อง หมอมหัศจรรย์ตั้นเดินพรวดพราดเข้าไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว เมื่อทุกคนทยอยออกมารับหน้า เขามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบายโทสะใส่นาง กลับหันไปเล่นงานอาจารย์หยูแทน "ใช้ข้าเป็นข้ออ้างอย่างน้อยก็ควรบอกข้าล่วงหน้าสักหน่อย! เกือบทำให้ข้าถูกผู้ตรวจการสวี่จับผิดได้แล้ว!" พอได้ยินท่านผู้เฒ่าโวยวายขึ้นมา ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่าหมายถึงเรื่องอะไรอาจารย์หยูรีบขออภัยแล้วถามว่า “ผู้ตรวจการสวี่ถามท่านไปแล้วหรือ?” “เขาป่วย! องค์หญิงใหญ่หมิ่นชิงเชิญข้าไปตรวจอาการให้เขา พอเจอข้าเขาก็ร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วคอยถามอยู่นั่นว่าฮ่องเต้ยังมีหนทางรักษาหรือไม่ แรกๆ เขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่าเป็นโรคอะไร ข้าฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก!” หมอมหัศจรรย์ดันพูดจบก็ฮึดฮัด “ท่านไม่ได้หลุดพิรุธใช่หรือไม่?” ซ่งซีซีรีบถาม เพราะเรื่องที่ผู้ตรวจการสวี่ตั้งใจจะถวายฎีกาตักเตือนด้วยชีวิตทำให้พวกนางตกใจไม่น้อย เขาเป็นคนที่ยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1447

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นว่านจือเอ่ยชวนผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไปเดินเล่นในลานกว้างของตึกว่างจิง ไม่ไกลจากตึกว่างจิงมีโรงแสดงศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยนักเล่านิทาน นักแสดงงิ้ว พ่อค้า และร้านขายอาหาร ครึกครื้นครบครันทุกอย่าง ตั้งแต่มาเมืองหลวง เสิ่นว่านจือก็ยุ่งตลอด ไม่เคยมีเวลาว่างไปเดินเที่ยวเล่นเลย ครั้งนี้จึงถือโอกาสแยก ผิงหนานป๋อ ออกไป ให้ซ่งซีซีได้พูดคุยกับจูจิ่นเป็นการส่วนตัว อีกทั้งตนเองก็จะได้ไปเที่ยวเล่นกับเฉินเฉินด้วย เมื่อคนอื่นออกไปแล้วซ่งซีซีกับจูจิ่นก็ลดเสียงให้เบาลง ก่อนหน้านี้ พวกนางไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญเลย บัดนี้ ย่อมต้องกล่าวถึงบ้างแล้ว แขกที่เฝ้าดูจากภายนอก เมื่อเห็นผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไป ต่างพากันเข้าใจว่าพระชายาเป่ยหมิงอ๋องจะลงโทษคุณหนูเจ็ดเป็นการส่วนตัว จึงตั้งใจเงี่ยหูฟัง รอชมเรื่องสนุก ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม สองคนนี้คุยกันด้วยเสียงเบาๆ แถมยังมีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ บรรยากาศกลับดูกลมเกลียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! เมื่อมีบ่าวไพร่เข้าออกตลอดเวลา ก็มีคนช่างสังเกตจงใจเลิกม่านขึ้นด้านหนึ่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกสามารถมองเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1446

    ซ่งซีซีพร้อมด้วยเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินรออยู่ในเรือนหลันซี เมื่อเด็กในร้านนำผิงหนานป๋อและครอบครัว รวมถึงบ่าวไพร่เดินผ่านสวนเข้ามาถึงด้านหน้าเรือนหลันซีก็ร้องบอก ซ่งซีซีได้รับการพยุงจากเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ผิงหนานป๋อและภรรยา รวมถึง คุณหนูเจ็ดจูจิ่นรีบคำนับทำความเคารพ ซ่งซีซีแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญด้านในนั่งเถอะ” ระหว่างที่ซ่งซีซีกล่าวคำเชื้อเชิญ นางก็ลอบพินิจทั้งสามคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางพบเจอผู้คนมามากมาย การสังเกตสีหน้า แววตา และท่าทางก็พอจะทำให้นางมองเห็นอะไรบางอย่างได้ ผิงหนานป๋อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ด้านในเป็นอาภรณ์ปักลายดอกไม้และวิหคขลิบทองบริเวณคอเสื้อ บริเวณอกมีสร้อยประคำขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ดูเหมือนเป็นผู้มีฐานะดี แต่ก็แฝงกลิ่นอายของความละวางทางโลก ทว่าขณะยืนอยู่ ร่างของเขากลับโน้มเอียงไปทางบุตรสาวโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าเผยให้เห็นท่าทางประจบประแจงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม ส่วนฮูหยินผิงหนานป๋อสวมเสื้อนอกสีแดงเข้มทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว ทำให้ดูสดใสเปล่งประกาย นางเป็นสตรีร่างท้วม ผิวพรรณเปล่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1445

    ซ่งซีซีรู้สึกว่าคุณหนูเจ็ดไม่ควรต้องรับคำด่าทอโดยไร้เหตุผล อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนป๋อผิงหนานในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม ดังนั้น นางจึงสั่งให้หัวหน้าลู่ส่งเทียบเชิญไปยังจวนป๋อผิงหนาน ขอเชิญทั้งครอบครัวไปตึกว่างจิงเพื่อร่วมรับประทานอาหาร ขณะเดียวกัน เมื่อส่งเทียบเชิญ นางก็ปล่อยข่าวนี้ออกไปด้วย ส่วนเหตุผลที่ไม่เชิญไปที่จวนของตนเอง นั่นเพราะเรื่องนี้ต้องการให้มีการชี้แจงความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ การนัดพบกันภายในจวนจึงไม่เหมาะสม ตึกว่างจิงเป็นสถานที่หรูหรา เพื่อแสดงความเคารพต่อจวนป๋อผิงหนานและคุณหนูเจ็ดการปล่อยข่าวล่วงหน้า ทำให้บรรดาพ่อค้าและขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่ชอบสู่รู้เรื่องชาวบ้านย่อมไม่พลาดโอกาสเฝ้าดูเรื่องนี้ เมื่อมีคนจับตาอยู่มาก ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคลี่คลายปัญหา ภายในเรื่องนี้ยังมีเจตนาชดเชยให้กับคุณหนูเจ็ดตลอดหลายปีที่นางทำการค้า ผู้คนมักดูถูกนางเพียงเพราะเป็นสตรี ถูกเอาเปรียบและถูกกดขี่อยู่เสมอ จวนป๋อผิงหนาน ก็ไม่มีบุรุษคนใดที่สามารถเป็นเสาหลักได้ เดิมทีตระกูลนี้เคยเป็นตระกูลสูงศักดิ์ แต่บัดนี้กลับตกต่ำจนแท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1444

    ฮองเฮาถูกลงโทษให้กักบริเวณอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นไทเฮาที่มีรับสั่งให้กักบริเวณ อีกทั้งยังสั่งถอนข้ารับใช้ในตำหนักของนางไปกว่าครึ่ง คงเหลือเพียงคนสนิทไว้รับใช้ จากนั้นยังทรงเลือกคนที่ไว้ใจได้ให้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่ ตำหนักฉางชุน ขณะที่ฮองเฮาเฝ้าดูแลจักรพรรดิ์ซูชิงนางได้ยินอู๋ย่วนเจิ้งเอ่ยว่าฮ่องเต้ทรงประชวรเป็นโรคปอดเรื้อรัง แรกเริ่มนางยังไม่รู้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่หลังจากถูกกักบริเวณ นางจึงถามหลานเจี่ยนกูกู เมื่อหลานเจี่ยนกูกูบอกว่านี่เป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต นางก็ทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ประการแรก นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงประชวร ประการที่สอง นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงล้มป่วยด้วยโรคนี้ ก็สมควรต้องกำหนดองค์รัชทายาทแล้ว ทว่ากลับถูกไทเฮากักบริเวณ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังโง่เขลาไปล่วงเกินซ่งซีซีเพราะความสัมพันธ์ของ รองแม่ทัพซ่ง ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับซ่งรุ่ยเป็นพิเศษ หากนางไม่เคยล่วงเกินซ่งซีซีและให้ซ่งซีซีส่งซ่งรุ่ยเข้ามาวัง เพื่ออยู่เป็นเพื่อน องค์ชายใหญ่ แล้วล่ะก็ฮ่องเต้คงจะทรงสนพระทัยในตัวเขามากขึ้น “หลานเจี่ยน ข้าควรทำสิ่งใด? ข้าทำอะไรได้บ้าง?” นางร่ำไห้ครู่หนึ่งแล้วก็คิดก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1443

    ฮองเฮา ยังมีหยาดน้ำตาเกาะบนใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงจากการร่ำไห้เมื่อได้ยินประโยคแรกที่ฮ่องเต้ตรัสหลังฟื้นคืนสติ กลับเป็นคำสั่งให้นางถอยออกไป นางถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่พอฟื้นคืนสติ นางก็สะอื้นพลางเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ไปเพคะ หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฮ่องเต้เพคะ”ไทเฮา เอ่ยด้วยสุรเสียงแหบพร่า ทว่ามีอำนาจล้นเหลือ “ประคองฮองเฮาออกไป”ฮองเฮาอยู่เฝ้าที่นี่นานเท่าใดไทเฮาก็อยู่เฝ้าที่นี่นานเท่านั้น ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จะฟื้นคืนสติเสียที รอคอยมาจนใจแทบขาด ทว่ากลับต้องฝืนรักษาความสงบเพื่อมิให้เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักต้องขาดหลักยึดเดิมทีขุนนางทั้งหมดคุกเข่าอยู่ภายนอกตำหนัก ทว่าความหนาวเหน็บเกินทน พอไทเฮามาถึงก็ทรงให้พวกเขาเข้าไปคอยด้านในตำหนัก แต่พวกเขากลับยังยืนกรานจะคุกเข่าต่อไปฮ่องเต้สิ้นสติไปนานเท่าใด พวกเขาก็คุกเข่าอยู่อย่างนั้นตลอดมาไทเฮาคอยให้หมอหลวงตรวจชีพจรเสร็จก่อนจึงเดินเข้าไปนั่งใกล้ แล้วตรัสห้ามไม่ให้หมอหลวงเอ่ยสิ่งใดก่อนจะกล่าวด้วยสุรเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”นางกำมือของบุตรชายแน่น พระหัตถ์เย็นเฉียบจนจับข่มไว้สุดแรงก็ยังสั่นระริกอย่างห้ามมิได้จัก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status