แชร์

บทที่ 830

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เมื่อกลับมาถึงเรือน หวังชิงหลูกำลังเย็บปักถักร้อย นางได้ทำตัวว่าง่ายขึ้นมากหลังจากทะเลาะในครั้งนั้น

จ้านเป่ยว่างบอกนางด้วยความวิตกกังวลว่ามอบอำนาจในการดูแลบ้านให้กับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว หวังชิงหลูเงยหน้าขึ้นและจ้องมองเขา "มันควรจะมอบให้กับพี่สะใภ้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่ข้าท้องในตอนนี้ แม้ว่าข้าไม่ได้ท้องก็ไม่ควรให้ข้ามาดูแลจวน"

จ้านเป่ยว่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก นั่งลงแล้วมองดูนาง แล้วพูดว่า "งานเย็บปักถักร้อยจะไม่ดีกับสายตาเจ้าอย่าทำเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่คนใช้ไป ข้าจำได้ว่างานเย็บปักถักร้อยของหงเอ๋อร์ก็ค่อนข้างดีเช่นกัน งั้นก็ให้นางทำเลย"

"ข้าในฐานะแม่ ข้าก็ต้องทำเสื้อผ้าให้ลูกตนเองสักสองสามชินสิ" หวังชิงหลูเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า "นอกจากนี้ แม้ว่าครอบครัวของเรามีสามคนมีเงินเดือน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลี้ยงดูครอบครัวใหญ่เช่นนี้ ท่านแม่ยังต้องกินยา ดังนั้นก็ช่วยประหยัดเงินด้วย"

จ้านเป่ยว่างไม่รู้ว่าทำไมนางถึงพูดถึงการประหยัดเงิน ให้คนใช้ไปทำงานพวกนี้ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับประหยัดเงินนี่

แต่ว่า ขอแค่นางไม่อารมณ์เสียก็พอ ตราบใดที่บ้านไม่เกิดปัญหา ชีวิตก็ยังไปต่อได้

ตอนน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 831

    วันรุ่งขึ้น จ้านเป่ยว่าง เลิกงานดึก เลยซื้อเม็ดซืนเจียวไม่ได้ เลยฝากนางหมินไปซื้อเม็ดซืนเจียวที่ร้านขายยาเย่าหวังแปดเม็ดในวันพรุ่งนี้ จากนั้นช่วยคัดเลือกแม่นมและผดุงครรภ์ด้วยนางหมินรับปาก เพราะก็ต้องเตรียมยาดันเสวี่ยล่วงหน้าให้กับท่านแม่ด้วยแม้ว่านางก่อนหน้านี้นางอ้างว่าตนเองไม่สบายเลยไม่ได้ดูแลงานในบ้าน แต่ก็รู้ว่าจริงๆ แล้ว จวนแม่ทัพที่ดูยิ่งใหญ่นั้นมีเงินในบัญชีไม่เท่าไร ดังนั้นก่อนที่นางจะออกไปซื้อยาในวันรุ่งขึ้น จึงไปเบิกเงินที่ห้องบัญชี แต่กลับพบว่ามีเงินเพียงสิบตำลึงเท่านั้นนางรู้ว่าไม่มีเงิน แต่ไม่รู้ว่ามีเงินเหลือเพียงสิบตำลึงในจวนแม่ทัพเท่านั้น ซึ่งทำให้นางตกใจมากนางคิดว่าน่าจะมีอย่างน้อยสองสามร้อยตำลึงในบัญชี เพราะบ้านรองไม่ได้แยกออกไป และรายได้ส่วนใหญ่จากบ้านรองก็จะมอบให้บัญชีส่วนกลางเช่นกัน บวกกับเงินเดือนของสามีนาง ท่านพ่อด้วยและน้องรองจ้านเป่ยว่าง บวกกับทองคำหนึ่งร้อยตำลึงที่เป็นรางวัลนั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีเงินเหลืออยู่สองสามร้อยตำลึงกระมัง?แต่แล้วกลับมีเงินเพียงสิบตำลึงเท่านั้นนางตรวจสอบบัญชีทีละรายการและพบว่าได้ใช้เงินไปกับสินเดิมของน้องสามวไปบ้าง ยี่ฝางม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 832

    นางพาสาวใช้ไปที่ร้านขายยาเย่าหวัง และราคาของเม็ดซืนเจียวนั้นไม่ถูกเลย ราคาเม็ดละห้าตำลึง ยังคงต้องซื้อแปดเม็ด วันนี้หนาวจัดมาก นางปาดเหงื่อที่หน้าผากและกลั้นน้ำตาไว้ ทว่าตัดสินใจไม่ได้สักทีพนักงานที่ร้านขายยาเย่าหวังก็จำนางได้ และรู้สถานการณ์ของนาง จึงชักชวนว่า "ฮูหยิน เม็ดซืนเจียวนี้ถูกใช้โดยสตรีที่มีชี่และเลือดไม่เพียงพอเมื่อคลอดบุตร โดยทั่วไป หากต้องการปรับปรุงชี่และเลือด สามารถซื้อยากลับไปต้มเองมันจะถูกกว่าเยอะ อีกอย่างในเมื่อใช้กับคลอดบุตร ใช้เม็ดเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อจำนวนมากนัก มันก็ไม่ใช่ว่าคนแปดคนจะคลอดด้วยกัน"นางหมินเช็ดน้ำตาแล้วถามอย่างใจร้อนว่า "เม็ดเดียวก็พอเหรอ?""ยาเม็ดเดียวก็เพียงพอแล้ว หากเจ้าไม่สบายใจงั้นก็สาองเม็ด ยานี้ก็ไม่ได้รับประกันว่าผู้หญิงจะได้คลอดอย่างสบายๆ แล้ว ใช้เฉพาะสำหรับผู้ที่มีชี่และเลือดบกพร่องอย่างรุนแรงหรือเมื่อถึงกระบวนการคลอดมันกินเวลานานเกินไปค่อยกินยาหนึ่งเม็ดเพื่อให้นางมีแรงคลอดลูกต่อไป"นางหมินยื่นเงินให้เขา "ก็ได้ งั้นข้าเอาสองเม็ด และยาดันเสวี่ยสองเม็ด"หนักงานพยักหน้า ชั่งน้ำหนักก่อนที่จะคำนวนเงิน และทอนเหรียญทองแดงจำนวนหนึ่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 833

    นางหมินมองหน้าแม่สามีที่โกรธเคืองและดุร้ายด้วยดวงตาเบิกกว้าง คำว่าจดหมายหย่าแล้วออกจากบ้านซึ่งทำให้สมองของนางว่างเปล่าไป นางลุกขึ้นอย่างมึนงง จากนั้นเดินออกไปอย่างช้าๆ"กลับมาเดี๋ยวนี้ ข้ายังด่าไม่พอ กล้าดียังไง เจ้ากล้าดียังไงมาให้แม่สามีขายเครื่องประดับ เจ้ารู้จักอายบ้างไหม นังตัวดี" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านเห็นนางลุกขึ้นเดินจากไปก็โกรธมากจึงตะโกนต่อไปว่า "กลับมาเดี๋ยวนี้ จับนางไว้"บางทีอาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ร่างกายของนางหมินกำลังสั่นเทา และฝีเท้าก็เหลื่อมล้ำ เหมือนแจกันที่แตกร้าว ไม่มีใครกล้าจับนางจริงๆ แต่แค่พูดโน้มน้าวว่า "ฮูหยินใหญ่อย่าเพิ่งไป"ดูเหมือนนางหมินจะไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นางเดินกลับไปที่ลานบ้านของตนเองทีละก้าว แต่เมื่อถึงสุดทางเดินก็เห็นหวังชิงหลูมาพร้อมกับหงเอ๋อร์นางหมินก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงนางยื่นกรรไกรให้ นางหมินก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวและหวาดกลัวมาก"พี่สะใภ้ใหญ่หมายความว่าไง? แค่ซื้อยาสองเม็ดเหรอ? ไม่ได้บอกให้ซื้อเจ็ดแปดเม็ดเหรอ?" หวังชิงหลูถามอย่างไม่พอใจ "อย่าบอกนะว่าไม่มีเงิน ข้าก็หารือกับเป่ยว่างเมื่อคืนนี้ นับจากนี้ไปให้เจ้าดูแลบ้าน เงินเดือนของเป่ย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 834

    ความหวังสุดท้ายในใจของนางถูกดับลง วันเวลาที่เหนื่อยล้า แม่สามีและน้องสะใภ้ที่เอาแต่หาเรื่องไม่หยุด ทำให้นางหายใจแทบไม่ออก และพวกผู้ชายที่นิ่งเฉย และยี่ฝาง นังชั่วที่ขังตนเองอยู่ในเรืองมงคล จะออกมาแย่งของเป็นครั้งคราว บ้านนี้ไม่ใช่บ้านแล้ว แต่เป็นนรกนางถูกลากเข้าไปในห้องฮูหยินผู้เฒ่า และบังคับให้คุกเข่าข้างเตียง นางเงยหน้าขึ้นมองที่พ่อสามีและจ้านเป่ยว่างด้วยสีหน้ามึนงง พวกเขามีสีหน้าตำหนิ พอมองดูสามีจ้านเป่ยชิง เขากำลังโกรธจัด จากนั้นก็ตบหน้านางอย่างแรง แล้วกล่าวขอโทษกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า "ท่านแม่อย่าโกรธไปเลยนะ ลูกได้สอนบทเรียนให้นางแล้ว นางจะไม่กล้าทำเช่นนั้นอีกเลย"เมื่อเห็นว่าบุตรชายของตนเองกตัญญู ฮูหยินผู้เฒ่าจึงยกโทษให้นาง "ช่างเถอะ จะว่าไปนางก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ชั้นสูง ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะตระหนี่ไปหน่อย"แก้มของนางหมินเจ็บมากแต่ก็สู้ความเจ็บปวดในใจไม่ได้ แต่หลังจากปวดใจแล้วก็รู้สึกตายใจแล้ววันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่สว่าง คนรับใช้ที่จัดซื้อของก็ลุกขึ้นกำลังเตรียมจะออกไปซื้อเนื้อสัตว์และผัก แต่เห็นประตูหลังเปิดอยู่ และมีลมหนาวพัดเข้ามา"เมื่อคืนทำไมไม่ปิดประตูหลัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 835

    เมื่อป้าซุนได้ยินนางพูดเช่นนั้น งั้นฮูหยินใหญ่คงไม่ได้อยู่ในนั้น ได้แต่กลับไปรายงานเมื่อได้ยินดังนั้น จากนั้นก็คิดเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน ฮูหยินผู้เฒ่าอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ "อาจเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ นางรู้สึกไม่พอใจสินะ นางนี่กล้ามากจริงๆ ไม่ต้องสนใจนาง นางจะไปไหนได้อีกล่ะ ตอนนี้ครอบครัวพ่อแม่ของนาไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง พ่อของนางทำงานเป็นข้าราชการในตำแหน่งเล็กๆ มานานแต่ไม่สามารถย้ายกลับเมืองหลวงได้สีกที ต่อให้กลับมาเมื่องหลวง มีแม่เลี้ยงของนางอยู่ นางกล้าจะสร้างปัญหาอะไรได้?"ป้าซุนเป็นห่วงเล็กน้อย "แล้ว... ไม่งั้นส่งคนไปตามหาล่ะ? ฮูหยินใหญ่จะออกไปโดยไม่บอกใคนแบบนี้มันไม่ค่อยมีเลย"ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วด้วยความโกรธ "ไม่ต้อง หากไปตามหาแล้วนางคงจะคิดว่าตนเองสำคัญมาก มันเป็นความผิดของนางอยู่แล้วที่ดูแลบ้านไม่ดีเอง ยังกล้าให้ข้าไปขายเครื่องประดับเพื่ออุดหนุนให้ครอบครัว เงินทั้งหมดหายไปไหนหมด?"ป้าซุนรู้ว่านางโกรธแต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดอะไรแทนนางหมิน "ช่วงนี้ฮูหยินใหญ่ทำงานหนักจริงๆ ทุ่มเทความพยายาม ดูแลท่านข้างกายทุกวัน ยังต้องดูแลคุณหนูคุณชายด้วย""ที่นางมาดูแลข้ามิใช่หน้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 836

    ก่อนหน้านี้ เนื่องจากฝ่าบาทให้ความสำคัญกับคดีดบฏของเซี่ยอวี้นเป็นอย่างมาก ซ่งซีซีจึงไม่ได้เข้าการประชุมที่ราชสำนักวันนี้เป็นครั้งแรกที่ซ่งซีซีเข้าร่มการประชุมที่ราชสำนักหลังจากเสร็จสิ้นคดี ดังนั้นเมื่อเฉินฟูมาถึงจวนอ๋อง ซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ก็เข้าวังแล้วเฉินฟูไม่เจอคุณหนู เขาจึงเล่าให้เรื่องให้อาจารย์หยูฟังอาจารย์หยูไม่ได้เพิกเฉยเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับจวนแม่ทัพ เขาเชิญเฉินฟูเข้าไปดื่มชาและคุยเล่นกับแม่นมเหลียงไปก่อน จากนั้นให้ใคนไปตามหาเสิ่นว่านจือมาถามเขารู้ว่าพระชายาให้คนของคุณหนูเสิ่นช่วยจับตาดูว่าจ้านเป่ยว่างได้ไปมาหาสู่กับอ๋องเยี่ยนต่อหรือไม่ ดังนั้นเรื่องของจวนแม่ทัพ นางอาจจะรู้บ้างแต่หลังจากที่เสิ่นว่านจือมาถึง นางหาวพลางพูดว่า "ไม่รู้สิ ไม่ได้จับตาดูจวนแม่ทัพ แค่แอบส่งคนจับตาดูการเคลื่อนไหวของอ๋องเยี่ยนเท่านั้น เขาติดต่อกับใครบ้างข้ารู้ แต่เกิดอะไรขึ้นในจวนแม่ทัพ ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ""นี่มันแปลกจริงๆ" อาจารย์หยูกล่าว"เจ้าไปสนใจเรื่องของจวนแม่ทัพทำไม" เสิ่นว่านจือไม่สนใจ แม้ว่านางจะไม่มีความเกลียดชังต่อนางหมิน แต่ก็ไม่มีความประทับใจที่ดีเช่นกัน"เราไม่สนใจเรื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 837

    หงเชวี่ยกล่าวว่า "แม้ว่าท่านอาจารย์จะไม่ยอมไปรักษาให้ยายแก่ตระกูลจ้าน แต่ก็กินยาดันเสวี่ยอยู่ ดังนั้นทุกครั้งที่นางหมินมาซื้อยา เขาจะสั่งให้เด็กใช้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์บ้าง นางหมินรู้จักกับเด็กใช้แล้ว ก็จะบ่นเรื่องไม่สบอารมณ์ด้วย เมื่อวานไม่ได้พูดอะไร แค่เห็นนางเคยร้องไห้ ก่อนหน้านี้นางได้บอกว่าทุกอย่างที่บ้านล้วนต้องให้นางมารับผิดชอบ ยังต้องดูแลแม่สามีด้วย หวังชิงหลูรับผิดชอบทางบัญชี แค่ให้เงินนางเล็กๆ น้อยๆ เอง นางไม่มีเงินใช้ก็ต้องขายของมี่ค่าหรือเอาของของตนเองไปจำนำ ดูเหมือนใช้ชีวิตค่อนข้างหดหู่ใจ"เมื่อมาถึงห้องแม่นมเหลียง เฉินฟูก็อยู่ที่นั่นด้วย ทั้งสองคนกำลังคุยเล่นกัน ส่วนเป่าจูอยู่เคียงข้างแม่นมเหลียงมีสีหน้าไม่ดี เมื่อได้ยินพวกนางพูดถึงนางหมิน แม่นมเหลียงถอนหายใจ "นางอ่อนแอเกินไป ไม่มีความคิดเห็นของตนเองและพึ่งพาตนเองไม่ได้ ครอบครัวพ่อแม่ของนางก็ยิ่งไม่ต้แงพูดถึงเลย พ่อเป็นขุนนางเล็กๆ อยู่ต่างเมือง บอกว่าอยู่ต่างเมืองจริงๆ แล้วถูกไล่ออกไป จวนแม่ทัพจะอยู่ยาก แต่นางก็ไม่มีที่พึ่งพาในครอบครัวพ่อแม่ พ่อเป็นพ่อแท้ๆ แต่แม่เป็นแม่เลี้ยง งั้นพ่อแท้ก็จะกลายเป็นพ่อเลี้ยง ดังนั้นไม่ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 838

    ซ่งซีซีนึกถึงนางหมินเคยเป็นพี่สะใภ้ของตนเอง ค่อนข้างรู้จักนิสัยใจคอของนางนางขี้ขลาดและอ่อนแอ ถือเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่ายที่สุดในจวนแม่ทัพตอนนี้จวนแม่ทัพอยู่ในสถานการณ์เช่นไร นางพอจะรู้บ้าง ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งตระกูลจ้านคนนั้นยังไม่หายจากอาการป่วย หวังชิงหลูตั้งครรภ์จะไม่ไปดูแลผู้ป่วย ยี่ฝางยิ่งเป็นไปไม่ได้ นางเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในเรืองมงคลไม่ออกไปไหน ดังนั้นคนที่ดูแลผู้ป่วยก็มีแต่นางหมินเท่านั้นตอนที่นางอยู่ในจวนแม่ทัพ นางเป็นคนที่คอยดูแลคนไข้ แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะเรื่องมากแต่ก็ไม่หาเรื่องนางอย่างตามอำเภอใจ เพราะนางมีสินเดิมเป็นจำนวนมากมายและนี่ก็คือสิ่งที่ทำให้นางมีความมั่นใจแต่นางหมินแตกต่างออกไป"น่าจะถูกรังแกแล้วแหละ?" ซ่งซีซีกล่าวเสิ่นว่านจือกล่าวว่า "ได้ถูกรังแกอย่างแน่นอน แค่ดูว่าถูกรังแกมากแค่ไหนที่ทำให้นางออกไปกลางดึก ได้ยินแม่นมเหลียงพูดว่าถ้านางอยู่ในจวนแม่ทัพไปต่อไม่ได้ งั้นนางก็ไม่มีทางอื่นแล้ว อาจารย์หยูได้ส่งคนออกไปค้นหาแล้ว และข้าก็ให้หงเซียวไปสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตระกูลจ้าน และดูว่ามีได้ส่งคนไปตามหาหรือไม่ คิดว่าฮูหยินใหญ่หายตัวไป พวกเขาก็คงร้อนใจมาก"ซ่งซ

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1415

    จักรพรรดิ์ซูชิงเวลานี้ หากมีการปรึกษาเรื่องการทหาร มักจะเรียกซ่งซีซีไปยังห้องทรงพระอักษร และอนุญาตให้นางเข้าร่วมอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์การรบ ตำแหน่งในที่ประชุมห้องทรงพระอักษรนี้ นางได้รับมาจากการนำกองทัพซวนเจียเอาชนะกองกบฏด้วยเลือดและหยาดเหงื่อ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความสามารถของนาง ข้อมูลทางการทหารนั้นได้มาจากรายงานของชายแดนเฉิงหลิงและหนานเจียง เหล่าขุนนางจะวิเคราะห์สถานการณ์ต่อ และเตรียมการสนับสนุนแนวหลัง รวมถึงการวางแผนยุทธวิธี ถึงแม้จะมีแผนยุทธวิธี จักรพรรดิ์ซูชิงก็จะไม่ออกพระราชโองการโดยตรง เพียงแต่ให้คำแนะนำเท่านั้น จากจุดนี้แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเชื่อมั่นในตัวเซี่ยหลูโม่และตระกูลเซียว แม้ความไว้วางใจนี้จะจำกัดอยู่เพียงในเรื่องการนำทัพก็ตาม ในขณะนี้ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ทหารจำเป็นต้องใช้เสื้อผ้ากันหนาวและอาวุธเพิ่มเติม ส่วนใหญ่ในที่ประชุมจึงหารือกันเรื่องการจัดสรรสิ่งของเหล่านี้ สถานการณ์ของซูลันซือที่ชายแดนเฉิงหลิงกับวิกเตอร์มีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว วิกเตอร์ไม่มีทางถอยอีกแล้ว แต่ซูลันซือยังมีฮ่องเต้ซีจิงเป็นผู้สนับสนุน ทว่าฮ่องเต้ซีจิงในเวล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1414

    สวนของตำหนักฮุ่ยอี๋นั้นกว้างขวางไม่น้อย แต่ถ้าเทียบกับสวนหลวงแล้ว ย่อมไม่อาจเทียบกันได้หากเดินไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ชม หรือหยุดยืนชมดอกไม้บ้างระหว่างทาง ก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้แต่ซ่งซีซีคุ้นชินกับการเดินเร็ว ดอกไม้ต่างๆ เพียงมองผ่านตาไปก็เพียงพอแล้ว สำหรับนางแล้ว ดอกไม้เหล่านี้ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากมายนางเคยเห็นทิวทัศน์ที่งดงามเหนือคำบรรยาย ทั้งดอกเหมยที่ท้าลมหนาวบนภูเขา ดอกกุหลาบพันปีบนยอดเขาสูง ดอกท้ออันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ และไร่ชาดอกเขียวที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ล้วนเป็นความงดงามที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริงพอมองดอกโบตั๋นที่ถูกเลี้ยงดูอย่างประณีตในกระถางดินที่นี่ กลับทำให้นางรู้สึกเฉยๆ จนยากจะเกิดความสนใจดังนั้น หลังจากเดินวนจนรอบแล้ว บางคนยังไม่ทันได้จิบน้ำชาเสียด้วยซ้ำ และในขณะที่ถงเจี๋ยหยวีกำลังเริ่มพูดคุยเรื่องโรงงาน พวกนางก็กลับมาถึงท้องพระโรงของตำหนักฮุ่ยอี๋เสียแล้วถงเจี๋ยหยวีหัวเราะเบาๆ พร้อมกล่าว "เชิญเข้าไปนั่งพักกันเถอะเจ้าค่ะ เพื่อแสดงความยินดีกับพระสนมซูเฟย"ซ่งซีซีตอบกลับไป "ข้ามีธุระ ต้องขอตัวก่อน""พระชายา!" ถงเจี๋ยหยวีรีบร้อนร้องเรียกนางไว้ซ่งซีซีหั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1413

    เมื่อพระสนมซูเฟยย้ายตำหนัก แต่ละตำหนักต่างส่งของขวัญแสดงความยินดี แม้แต่เหล่าขุนนางและพระญาติวงศ์ก็ส่งของขวัญสำหรับการย้ายตำหนักเช่นกันสำหรับสิ่งของที่ต้องส่งไปนั้น ในจวนของอ๋องเป่ยหมิง ผู้ที่ตัดสินใจก็คืออาจารย์หยูและหลู่จ่งกว่านทั้งสองคนค้นหาสิ่งของในคลังอยู่นาน แต่ก็ไม่พบสิ่งที่เหมาะสม บางอย่างก็ดูจะมีค่ามากเกินไป บางอย่างก็เป็นเพียงเครื่องประดับจากทองคำและเงินธรรมดาๆ พวกขวดหยกหรือถ้วยเงินก็ให้ความรู้สึกเล็กน้อยไปส่วนของชิ้นใหญ่อย่างต้นปะการังหรือฉากกั้น อาจารย์หยูก็ไม่อยากนำออกมา ต้นปะการังที่มีอยู่ในจวนนั้นหายากยิ่ง และต้นที่มีอยู่ก็เป็นของขวัญจากสำนักว่านจงเหมินที่มอบให้ในงานสมรสของพระชายาสุดท้าย ทั้งสองจึงหันไปมองสิ่งของที่มีอยู่มากที่สุดในคลัง นั่นก็คือภาพเขียนดอกเหมยของเสิ่นชิงเหอการมอบภาพเขียนเหล่านี้ออกไปนับว่ามีเกียรติอย่างยิ่ง เพราะมีมูลค่ามหาศาล แต่ในจวนอ๋องกลับมีมากมาย อีกทั้งหากไม่พอ ข้างหน้าก็ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ดอกเหมยกำลังจะเบ่งบาน เพียงให้เสิ่นชิงเหอเขียนเพิ่มก็พออย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการให้เกียรติเสิ่นชิงเหอ ทั้งสองจึงไปขอคำอนุญาตจากเขาก่อน ซึ่งเสิ่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1412

    ในบรรดาเหล่าพระสนมและมเหสี ฉีฮองเฮาหวั่นเกรงเต๋อเฟยและพระสนมซูเฟยมากที่สุด เนื่องจากทั้งสองต่างให้กำเนิดองค์ชายรองและองค์ชายสามโดยปกติ พระสนมซูเฟยแม้ไม่ได้เป็นมารดาแท้ๆ ขององค์ชายสาม อีกทั้งองค์ชายสามยังอายุน้อย นางไม่ควรต้องกังวลมากนัก แต่พระสนมซูเฟยเป็นคนที่เคยอวดดีและมีชาติตระกูลสูงส่ง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญเรื่องการใช้อำนาจในช่วงปีเศษที่ผ่านมา พระสนมซูเฟยกับเต๋อเฟยร่วมกันดูแลกิจการในวังหลัง นิสัยของพระสนมซูเฟยดูเหมือนจะสงบเสงี่ยมลงบ้าง นางรู้จักวิธีซื้อใจผู้คน อีกทั้งยังสนับสนุนโรงงานและโรงเรียนสตรีของซ่งซีซี ทำให้นางมีชื่อเสียงในหมู่ประชาชนเมื่อเทียบกันแล้ว เต๋อเฟยดูสุขุมเรียบร้อยกว่ามาก แม้นางจะร่วมบริหารวังหลังกับพระสนมซูเฟย แต่ก็ยังคอยมาสอบถามความคิดเห็นของฉีฮองเฮาอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังแสดงความเคารพต่อฉีฮองเฮาในฐานะพระมเหสีทว่า องค์ชายรองของเต๋อเฟยนั้นฉลาดปราดเปรื่อง สุภาพนอบน้อม และรู้จักมารยาท จึงเป็นที่โปรดปรานของไทเฮาและฝ่าบาทหากตอนนี้จะต้องแต่งตั้งองค์รัชทายาท ย่อมต้องยึดตามธรรมเนียมให้ตั้งองค์ชายผู้เป็นโอรสองค์โตและเกิดจากมเหสีหลวง แต่หากปล่อยให้องค์ชายเหล่านี้เต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1411

    ในตำหนักฉางชุน ฮองเฮายังไม่ได้ปลดปิ่นปักผมและเครื่องประดับออกจากร่าง ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ดวงตาฉายแววคาดหวัง วันนี้มีข่าวจากหน้าพระที่นั่งส่งมาบอกว่า ฝ่าบาทจะเสด็จมายังวังหลังในคืนนี้ นางรออยู่นานแต่ไม่ได้ยินว่าฝ่าบาทเลือกสนมคนใด ในใจก็พลันยินดี เพราะการไม่เลือกหมายถึงฝ่าบาทจะเสด็จมาที่ตำหนักกลาง "หลานเจี่ยน ไปดูหน่อยสิว่าฝ่าบาทมาแล้วหรือยัง?" นางเร่งเร้าอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สามของคืนนี้แล้ว หลานเจี่ยนกูกูที่ยืนรับใช้อยู่ด้านข้างยิ้มพลางกล่าว "พระนางโปรดอย่ารีบร้อนเลยเพคะ หากฝ่าบาทจะเสด็จมา แน่นอนว่าต้องมีคนมาบอกล่วงหน้า เพื่อให้พระนางเตรียมตัวรับเสด็จ" "จริงด้วย จริงด้วย ฝ่าบาทไม่ได้มาที่ตำหนักฉางชุนนานจนข้าแทบจะลืมเสียแล้ว" ฮองเฮาใช้นิ้วลูบไปที่ปอยผมข้างใบหู พลางยิ้มอย่างอ่อนหวาน "ข้ากับฝ่าบาทถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยา สามีภรรยาที่ไหนจะมีความแค้นข้ามคืนกันได้? ตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็มีความก้าวหน้า ฝ่าบาทย่อมใจอ่อนลงบ้างแล้ว" "เมื่อฝ่าบาทเสด็จมา พระนางค่อยๆ พูดเถิด อย่ารีบร้อนที่จะพูดเรื่องให้องค์ชายใหญ่กลับมา" หลานเจี่ยนกูกูเตือนด้วยความนอบน้อม ฮองเฮาพยักหน้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1410

    ในห้องทรงพระอักษรในพระราชวัง ยังไม่มีการจุดเตาใต้พื้น ความเย็นแทรกซึมเข้ามาทีละน้อยฎีกาถูกพิจารณาเสร็จสิ้นนานแล้ว แต่จักรพรรดิ์ซูชิงกลับยังไม่เลือกสนม เพียงนั่งนิ่งมองแสงตะเกียงที่ริบหรี่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอยเขาได้อ่านจดหมายจากเซี่ยหลูโม่ที่เขียนถึงซ่งซีซี ในนั้นเต็มไปด้วยความคิดถึงที่เอ่อล้น และความรู้สึกในใจที่ถ่ายทอดไม่หมด ราวกับพวกเขาเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ช่างหวานชื่นจนยากจะพรากจากกันนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้อ่านจดหมายของพวกเขา แม้ก่อนหน้านี้จะมีเนื้อความที่กล่าวถึงความคิดถึงอยู่บ้าง แต่กลับไม่ถึงขั้น "เปิดเผยและห้าวหาญ" เช่นครั้งนี้คำเหล่านี้ แค่พูดออกมาก็รู้สึกน่าอายอยู่แล้ว หากเขียนลงในจดหมายไม่ยิ่งน่าอายกว่าหรือ?เขาคิดว่าพระอนุชาเช่นนี้ช่างไม่เหมาะสม ฉาบฉวยเกินไปวิธีเอาใจสตรีนั้นมีมากมาย ไยต้องทำถึงเพียงนี้?เขาคิดเช่นนั้น แต่ในใจกลับเหมือนมีกรวดเล็กๆ ก้อนหนึ่งตกลงไป ทำให้ผิวน้ำในจิตใจเป็นระลอกคลื่นวนไปมาอย่างไม่อาจสงบได้เขาไม่รู้เลยว่า การเป็นฮ่องเต้เช่นนี้ เขาสูญเสียไปมากเพียงใด...เรื่องความรักระหว่างชายหญิงนั้น จักรพรรดิไม่เคยกล้าคิดถึง แม้จะเคยมีช่วงเวลาที่หวั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1409

    เส้าปู้เข้ามาในเมืองพร้อมกับคนเพียงสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนกำยำล่ำสัน มีมีดโค้งคาดอยู่ที่เอว ดูท่าทางน่าเกรงขามราวกับเทพเจ้าสงคราม แต่เมื่อได้นั่งดื่มสุรากินเนื้อ ใบหน้าสีเข้มของพวกเขากลับเปื้อนรอยยิ้มสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ หลางจู่เส้าปู่อายุห้าสิบกว่าปี ผิวสีเข้มเป็นประกายเหมือนพวกเขา ดวงตาเต็มไปด้วยพลังและความคมกล้า เขาเป็นคนฉลาดเป็นพิเศษและมีจิตใจรอบคอบ หรืออาจกล่าวได้ว่า เขาระแวงอยู่เสมอและไม่กล้ามอบความไว้วางใจให้เป่ยหมิงอ๋องอย่างเต็มที่ เขามีเพียงข้อเรียกร้องเดียว คือการร่วมมือกันครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หลังจากขับไล่คนของแคว้นซาได้สำเร็จ พวกเขาต้องถอนกำลังออกจากทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็ว และห้ามเข้าสู่เขตหลักของทุ่งหญ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เซี่ยหลูโม่ตอบรับข้อเรียกร้องและลงนามในข้อตกลงทันที หลังจากลงนามในข้อตกลง พวกเขาก็ไม่รั้งรอและจากไปทันที ชนเผ่าทุ่งหญ้าไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อแคว้นซางนัก เพราะสงครามที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีล้วนส่งผลกระทบถึงพวกเขาไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าทุ่งหญ้ามีหลายเผ่าและไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงไม่สามารถต่อต้านทั้งแคว้นซางหรือแคว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1408

    หลังจากกลับมาที่จวนอ๋องจากงานเลี้ยงที่ครึกครื้น ซ่งซีซีรู้สึกว่าลานเหมยฮวานั้นเงียบเหงาเป็นพิเศษ นางคิดถึงศิษย์น้อง แต่เขาอยู่ไกลถึงหนานเจียง แม้จะไม่ได้คำนวณวันเวลาที่แยกจากกัน แต่นางรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน เมื่อนางคิดจะออกไปยังตึกว่างจิงเพื่อหาอาจารย์เหมือนเดิม นางก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ได้กลับไปที่ภูเขาเหม่ยชานแล้ว หัวใจของนางรู้สึกเหงาหงอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางคิดถึงหยานหรูอวี้ในค่ำคืนนี้ ถึงได้เข้าใจว่าหญิงสาวในยามแต่งงานนั้นเต็มไปด้วยความสุข ความคาดหวัง และความเขินอายจนความสุขล้นเอ่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับตัวนาง การแต่งงานทั้งสองครั้งกลับเงียบสงบเกินไป หลังจากที่เป่าจูช่วยนางล้างเครื่องสำอางและเตรียมน้ำสำหรับอาบ ซ่งซีซีก็ส่ายหน้าและดึงนางให้นั่งลงข้างกัน "เป่าจู ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับเจ้าว่า เรื่องแต่งงานของเจ้าควรจะเริ่มพูดคุยกันแล้ว เจ้าพอจะมีคนที่ชอบหรือยัง?" เป่าจูมองนางแวบหนึ่งและกล่าว "คุณหนูไปกินเลี้ยงแต่งงานแล้วติดใจหรือเจ้าคะ ถึงได้รีบเร่งให้มีอีกงาน?" ซ่งซีซีหัวเราะ "ข้าเป็นคนตะกละขนาดนั้นหรือ? ข้าทำเพื่อเจ้านะ ถ้ายังอยู่แบบนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1407

    งานแต่งงานของเจ้าสิบเอ็ดฝางกับหยานหรูอวี้ที่ถูกเลื่อนมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้เลือกวันมงคลจัดขึ้น งานแต่งไม่ได้จัดอย่างเอิกเกริก แต่เมื่อเป็นหลานสาวของไท่ฟู่ สิ่งที่สมควรมีเพื่อความสง่างามก็จัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วน ไทเฮาทรงเป็นผู้นำในการมอบของขวัญ ตามด้วยบรรดามเหสีที่ต่างมอบรางวัลและเพิ่มสินเดิมให้หยานหรูอวี้ นักเรียนจากโรงเรียนสตรีหย่าจวินต่างพากันทำของขวัญแสดงความยินดีด้วยมือของพวกนางเองให้กับหยานหรูอวี้ นักเรียนหญิงในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของครอบครัวชาวบ้านธรรมดา แม้ของขวัญจะไม่ล้ำค่า แต่สิ่งที่พวกนางปักเย็บหรือทำด้วยมือเอง ล้วนแสดงถึงน้ำใจอันบริสุทธิ์ที่สุด ชุดเจ้าสาวของหยานหรูอวี้ถูกสั่งทำล่วงหน้าโดยโม่เหนียงจื่อจากโรงงานฝีมือ ชุดนี้เคยถูกนำไปจัดแสดงในร้านผ้าปักของโรงงานมาก่อน ทำให้หญิงสาวที่กำลังรอแต่งงานหลายคนหลงใหลและใฝ่ฝันอยากสวมชุดสวยเช่นนี้ในวันแต่งงานของพวกนาง โม่เหนียงจื่อที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เมื่อหลานสาวของไท่ฟู่ยังสวมชุดเจ้าสาวที่นางทำ จะมีใครอีกที่คิดว่าอดีตของนางเป็นเรื่องโชคร้าย? ในเวลาไม่นาน ร้านผ้าปักของโรงงานก็คึกคักจนประตูแทบทรุดจากการเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status