แชร์

บทที่ 804

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ตระกูลกู้ส่งเงินจำนวนห้าหมื่นตำลึงโดยบอกว่าใช้เพื่อชำระหนี้ให้กับผู้หญิงเหล่านั้น กู้ฮูหยินเอาแต่บอกว่าตนเองยากจน บอกว่าพวกเขามีเงินไม่มากนักอยู่แล้ว เงินจำนวนห้าหมื่นตำลึงนั้นถือว่าทำให้คระกูลหมดตัวไปเลย

ซ่งซีซีหยุดไม่ให้นางบ่นต่อไป "ฝ่าบาททรงสั่งให้พวกเจ้าออกเงินหนึ่งแสนตำลึง ขาดเบี้ยเดียวก็มิได้ อีกสามวันข้างหน้า บุตรชายของเจ้าจะถูกประหารชีวิต คนตระกูลกู้สามารถเข้าไปพบเขาเป็นครั้งสุดท้ายได้"

แน่นอนว่ากู้ฮูหยินต้องการไปพบ บุตรชายที่นางเลี้ยงดูอย่างยากบาก ทว่าเมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของคุณท่านกู้ นางก็ยังคงร้องห่มร้องไห้ว่า "ไม่เจอแล้ว เจอแล้วมันจะได้อะไร มีแต่เพิ่มความเจ็บ...ความโกรธไปเปล่าๆ เท่านั้น เขาทำเรื่องแบบนั้นไป และตระกูลกู้ของเรารับไม่ได้"

"ใช่ เขามีโทษร้ายแรง ไม่เจอดีกว่า" คุณท่านกู้ก็พูดเช่นเดียวกัน

ตอนนี้พวกเขาอยากจะขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนกับฝู้หม่ากู้มากกว่า ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สงสารลูก แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องตาย ดังนั้นอย่าเอาครอบครัวไปพัวพันจะดีกว่า

ซ่งซีซีแค่มีหน้าที่มาแจ้งให้พวกเขาทราบ มันขึ้นอยู่กับพวกเขาที่จะตัดสินใจว่าจะพบหรือไม่ ในเมื่อไม่อยากเจอ งั้นรับเงินเสร็จ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 805

    ซ่งซีซีมองเขาอย่างเย็นชา "ข้านึกว่าใต้เท้าฉีเป็นคนมีเหตุผลและรู้ความ แต่ข้าคิดผิดไปเอง คำว่ามิใช่เหยื่อที่พูดออกมาจากปากของเจ้าอย่างสบายๆ นั้น เจ้ารู้ไหมว่าจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อคนมากเท่าไร ไม่เพียงแต่ผู้หญิงเหล่านี้ แต่ยังรวมถึงตระกูลขุนนางก็พวกนางเคยอาศัยอยู่ด้วยก็ต้องเดือดร้อนไป"ไม่ใช่ว่าซ่งซีซีต้องการมีปัญหากับเขา และไม่ใช่อยากดุเขาเพื่อระบายความโกรธ แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้เขาเป็นคนสำคัญที่ได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาท คำพูดเหล่านี้เขาสามารถพูดกับนางได้ ก็หมายความว่าเขาอาจจะพูดกับฝ่าบาทเช่นกันตอนนี้ฝ่าบาทกำลังคิดที่จะสร้างชื่อเสียงที่ดี พอผ่านไปอีกสองปีเมื่อตั้งรากฐานมั่นคง หากเขาคิดถึงคำพูดของเขา ไม่อาจรับประกันว่าเขาจะไม่เกิดความคิดกำจัดอันตรายที่แอบแฝงให้สิ้นซาก งั้นพวกนางก็จะไม่มีทางอยู่รอดได้ฉีหลิงซีรู้ด้วยว่าเมื่อกี้เขาพูดผิดไป ไม่กล้าที่จะพูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้อีก "ถ้าอย่างนั้นใต้เท้าซ่งตกลงที่จะช่วยข้าคุยกับเจ้าอาวาสและปล่อยให้เด็กอาศัยอยู่ในสำนักแม่ชีในฐานะเด็กกำพร้าได้หรือไม่? อันที่จริงทำแบบนี้ก็หวังดีกับนางด้วย อย่างน้อยแม่ลูกสองคนก็สามารถอยู่ด้วยกันได้""ถ้านี่เป็นกา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 806

    เสิ่นว่านจือเดินออกมาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"ซ่งซีซีเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ ด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไร "เจ้ากรมฉีเคยบอกว่าข้างกายเขามีเด็กไม่ได้ ตอนนี้จะส่งเด็กมาที่นี่ การเป็นเจ้ากรมกลับกลับคำพูด ไม่สามารถจัดที่อยุ่ให้เด็กของตนเองด้วยซ้ำ ทำไมให้เด็กมาโลกนี้ล่ะ เด็กไม่รู้เรื่องอะไรเลย"เสิ่นว่านจือก็โมโหกับคนแบบนี้เช่นกัน "คาดว่าที่บอกว่าตนเองจะจัดการเองคงพูดด้วยอารมณ์ หลังจากกลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วถึงพบวว่ามันใช้ไม่ได้ ดังนั้นจึงมาขอเจ้าถึงสำนักแม่ชี แต่ส่งมาให้แล้วกลับให้แม่ลูกอยู่ด้วยกันไม่ได้ ใช้ตัวตนเป็นเด็กกำพร้าให้เจ้าอาวาสเลี้ยงดู บ้าจริงๆ มีพ่อแม่ชัดๆ กลับให้เป็นเด็กกำพร้า เจ้ากรมฉีนี่กำลังแช่งตัวเองเหรอ?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ช่างเถอะ เราแค่ทำหน้าที่ให้จัดการกับคนที่ต้องจัดการให้ดี หากตระกูลฉีไม่อยากเลี้ยงเด็กคนนั้น งั้นก็เลี้ยงไว้ที่สำนักแม่ชีแทน จริงๆ แล้วสำหรับฮูหยินเจ้ากรม ไม่ว่าจะเป็นกู้ชิงเมี่ยวหรือเด็กคนนี้ พวกเขาทั้งคู่มันอย่างกับสิ่งแทงใจ""จริงด้วย ความสุขที่พังไปแล้วยังเรียกว่ามีความสุขอยู่หรือเปล่า นางไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เหรอ?""มีแต่นางเองที่รู้""จริงสิ" เ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 807

    ในขณะนี้ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือต่างก็รู้สึกอึดอัดใจมาก"หยงโน่ เราจะไปอยู่ที่อื่นแล้ว หนูจะไปกับน้าหรือเปล่า" เสิ่นว่านจือสงบลงและถามเด็กหญิงตัวเล็กๆ เบาๆเด็กหญิงวัยหนึ่งขวบยังพูดไม่คล่องนัก เอาแต่พูดว่าจะตามหาแม่เสิ่นว่านจือตอบด้วยรอยยิ้ม "ได้ ไปหาแม่นะ"นางและซ่งซีซีมองหน้ากัน ทั้งคู่หนักใจเล็กน้อย เพราะแม้ว่าจะไป นางก็จะอยู่กับเจ้าอาวาสหรือมีคนอื่นดูแลนาง และไม่สามารถอยู่ข้างกายกู้ชิงเมี่ยวได้พี่เลี้ยงเด็กหาสายรัดมาให้เด็กขี่หลังเสิ่นว่านจือไว้ พี่เลี้ยงเด็กไม่ได้ไปด้วย หยงโน่ร้องไห้อยู่นาง หลังจากถูกเสิ่นว่านจือกล่อมให้หยุด จากนั้นเสิ่นว่านจือถึงนำม้าออกมาทันทีที่มาถึงด้านนอกหมู่บ้านจาว ก็เห็นรถม้าจอดอยู่ข้างนอก ซ่งซีซีเหลือบมองตราสัญลักษณ์บนรถม้าซึ่งเป็นของจวนเจ้ากรมฉีนางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นั่นคือเจ้ากรมฉีหรือฉีหลิงซี? หรือว่าจะเป็น?เสิ่นว่านจือก็เห็นมันเช่นกัน นางทำกำลังจูงม้า ฝีเท้าหยุดลง จากนั้นเอื้อมมือไปตบก้นของหยงโน่เพื่อไม่ให้นางเคลื่อนไหวตลอดม่านรถม้าเปิดออกในเวลาต่อมา เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ซีดเซียวนางสวมชุดผ้าสีฟ้า และมวยของนางก็ตกแต่งด้วยไข่มุกอย่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 808

    ซ่งซีซีตกตะลึงและแทบไม่น่าเชื่อ "เอากลับไป ฮูหยิน เด็กคนนี้ไม่ใช่... ทำไมเจ้าถึงอยากพาเด็กกลับไป?"นางอยากจะบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กของเจ้ากรมฉี แต่โกหกไม่ลงคอจริงๆ และฉีฮูหยินใหญ่สามารถมาที่นี่ได้คงจะรู้หมดแล้วไม่มีประโยชน์ที่จะพูดโกหกนาง"แน่นอนว่าพานางกลับไปเลี้ยงดู เด็กน้อยเช่นนี้ถูกส่งไปสำนักแม่ชีจะทนความยากลำบากเช่นนี้ได้อย่างไร" นางยิ้มอย่างน่าสมเพช "เด็กไม่ได้ทำผิดอะไร นางเลือกพ่อแม่ไม่ได้ เลือกตัวต้นไม่ได้ คนที่ทำผิดคือผู้ใหญ่ เป็นคนทำผิดก็ต้องรับผิดชอบผที่ตามมา"ซ่งซีซีเห็นด้วยกับคำพูดของนางและชื่นชมนางมาก "เจ้ากรมฉีรู้ไหมว่าเจ้ามาที่นี่ เขา... รู้ว่าเจ้าได้รู้เรื่องนี้ไหม"ฉีฮูหยินใหญ่น้ำตาคลอเบ้า แต่ก็ไม่ได้ไหลออกมา "เขาคิดว่าเขาหลอกข้าได้สำเร็จ และตอนแรกๆ ข้าก็เชื่อเขา แต่หลังจากคิดเรื่องนี้อย่างดีๆ แล้ว ก็เข้าใจทุกอย่าง เข้าใจได้ไม่ยากเลยหรอก ใช่ไหม""ถ้าเจ้าเอาเด็กกลับไป เขาอาจจะไม่รู้สึกซาบซึ้งใจก็ได้นะ พานางกลับบ้านหมายความว่าเรื่องนี้ไม่สามารถปกปิดได้อีก""ข้าได้เตรียมตัวมาอย่างดีแล้วถึงมา ถ้าอยากจะซ่อนก็มีวิธีซ่อนได้แหละ ก็บอกว่าเป็นลูกของอนุเฉินแล้วกัน ถึงย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 809

    ในเวลาพลบค่ำ พระอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับขอบฟ้า ทำให้ท้องฟ้ามีสีสันซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือขี่ม้าลงมาจากภูเขา แม้ว่าคดีจะยังไม่จบ แต่ก็ถือยุติลงในชั่วคราวและสามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อย"ฝู้หม่ากู้จะถูกประหารชีวิตในวันพรุ่งนี้ เจ้าคิดว่าตระกูลกู้จะมาเก็บศพของเขาหรือไม่" เสิ่นว่านจือถาม"ก็ไม่รู้นี่" ซ่งซีซีกำลังคิดถึงเรื่องที่ฉีฮูหยินใหญ่จะพาเด็กกลับบ้านเสิ่นว่านจือรู้จักนางเป็นอย่างดี "ฉีฮูหยินใหญ่คนนั้นต้องการรับเด็กกลับจริงๆ หรือ?""นางพูดไปอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดจะอารมณ์ชั่ววูบหรือไม่"เสิ่นว่านจือกล่าวว่า "แม้ว่าเด็กๆ จะเป็นเหยื่อที่ถูกเซี่ยอวี้นทำร้าย และไม่ใช่ฝ่ายผิด แต่ทำไมต้องให้ฉีฮูหยินใหญ่ทนกับผลที่ตามมาทั้งหมดนี้ สำหรับฉีฮูหยินใหญ่ การปรากฏตัวของเด็กคนนี้ทำให้ชีวิตของนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดใจมาก ความงดงามแห่งอดีตกลายเป็นภาพหลอนอันน่าเศร้ายิ่งนัก""นางถามในรถม้าว่าหากข้าเป็นนางข้าจะทำอย่างไร" ซ่งซีซีปล่อยให้ม้าเดินต่อไปอย่างสบายๆ สายฟ้าเดินบนถนนบนภูเขาค่อนข้างคงที่ "เจ้าคิดว่าถ้าศิษย์น้องมีบ้านเล็กอยู่ข้างนอกแล้วมีลูกด้วย ข้าจะทำอย่างไร?"เสิ่นว่านจือพูดโดยไม่ต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 810

    นางนั่งลงก่อนแล้วจึงสั่งอย่างใจเย็น "หลิงซีปิดประตู เราสามคนนั่งลง มีเรื่องจะคุยด้วย"ฉีหลิงซีก็มองออกว่ามีอะไรผิดปกติ เขามองไปที่ท่านพ่ออย่างสงสัย และเห็นว่าท่านพ่อเม้มริมฝีปากแน่นด้วย ดูสับสนและวุ่นวายใจเขาปิดประตูแล้วเดินกลับด้วยฝีเท้าหนักอึ้งฉีฮูหยินใหญ่วางมือข้างหนึ่งไว้บนที่วางแขนและอีกข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้า หลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่ง สามีภรรยารักใคร่กัน ดังนั้นนางจึงดูอ่อนกว่าวัยกว่าคนรอบข้าง มีรูปร่างอวบอิ่ม แค่มองดูก็รู้ว่าเป็นผู้ดี เพียงแต่ช่วงนี้จะดูซีดเซียวนิดหน่อยนางมองไปที่เจ้ากรมฉี ราวกับกำลังเล่าถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ "วันนี้ข้าได้พบกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง"เจ้ากรมฉีดูเหมือนถูกงูพิษกัดอย่างแรง เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและพูดว่า "นางไปหาเจ้าหรือ นางได้บอกข่าวลืออะไรกับเจ้า ไม่ว่านางจะพูดอะไร ฮูหยินอย่าไปเชื่อใจนางเลย นางไว้ใจไม่ได้"ฉีฮูหยินใหญ่มองดูเขา ดวงตาที่ไม่มืดทะมึนอีกแต่กลับสง่างามเป็นพิเศษ "แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยรู้จักกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง แต่ข้ารู้ว่านางไม่ใช่คนแบบนั้น นอกจากนี้ ไม่ใช่นางมาหาข้า แต่เป็นข้าไปบ้านพักจ่าวจวงแล้วพบนางไปรับเด็ก"ริมฝีปา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 811

    วันรุ่งขึ้น ฉีหลิงซีไปที่สำนักแม่ชีหลี่ซุยเพื่อรับฉีหยงโน่ซ่งซีซีอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงขอคุยกับซ่งซีซีตามลำพัง "ใต้เท้าซ่งวางใจได้ ท่านแม่ของข้าจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีแน่นอน และจะไม่ทำให้นางลำบากใจ ข้ามีน้องต่างแม่ด้วย ท่านแม่ใจดีกับพวกเขาตลอด"ซ่งซีซีพูดตรงๆ "ข้าได้พูดคุยกับแม่ของเจ้ามา ไม่ได้กังวลว่าแม่ของเจ้าจะปฏิบัติต่อเด็กไม่ดี มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าอยากจะบอกเจ้าให้ชัดเจน เมื่อวาน แม่ของเจ้าถามข้าว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร ข้าบอกนางว่าเด็กคนนี้ชื่อเสี่ยวเฉา ส่วนจะให้เด็กชื่ออะไร หลังกลับไปพวกเจ้าจะใช้ชื่อฉีหยงโน่อีกหรือไม่ก็ตัดสินใจเองแล้วกัน"ฉีหลิงซีถอนหายใจเล็กน้อย "ขอบคุณใต้เท้าซ่ง""ถึงยังไงพวกเจ้าจะพาเด็กกลับไป จะให้นางพบกับกู้ชิงเมี่ยวสักครั้งหรือไม่"ฉีหลิงซีพยักหน้า "ได้ จริงๆ แล้วเมื่อวานนี้ท่านแม่ก็พูดด้วยว่าถ้าท่านพ่อต้องการนำนางกลับบ้าง ท่านแม่ก็ยินยอม"ซ่งซีซีมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ใต้เท้าฉีไม่ใช่คนเรียบง่ายขนาดนั้น นั่นคือแม่ของเจ้า โปรดเห็นใจนางบ้างเถอะ คำนึงถึงความรู้สึกของนางด้วย"ฉีหลิงซีรีบอธิบายขึ้นมา "ใต้เท้าซ่งอย่าเข้าใจข้าผิด ท่านแม่ของข้ามิได้ตระหนี่ขนา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 812

    กู้ชิงเมี่ยวส่ายหัว "ไม่ยินยอม ข้าอยากอยู่ที่นี่""ลูกสาวของเจ้าอยู่ในจวนตระกูลฉี" ซ่งซีซีกล่าวกู้ชิงเมี่ยวเอียงศีรษะ ผมยาวของนางหลวม "ข้ารู้ นางจะมีชีวิตที่ดี นางจะเติบโตเหมือนเด็กทั่วไปทุกคน"ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความปรารถนา นั่นคือสิ่งที่นางต้องการแต่ไม่ได้มา แต่ลูกสาวของนางได้มันแล้ว นางก็มีความสุขด้วยน้ำเสียงของซ่งซีซีอบอุ่น "ได้ ถ้าเจ้าไม่อยากกลับไป ไม่มีใครบังคับเจ้าได้ เจ้าไม่ได้มีสถานะใดๆ ในตระกูลฉี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถบังคับให้เจ้ากลับไปได้"กู้ชิงเมี่ยวลุกจากเตียงด้วยเท้าเปล่า คุกเข่าคำนับให้ซ่งซีซี เสียงของนางสะอื้น "ขอบคุณ ท่านไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีความหมายกับเราอย่างไร มีดคมๆ ที่ห้อยอยู่บนหัวของเราหายไปแล้ว ในฝันของข้าจะไม่ใช่มีแต่ฝันร้ายอีกเลย"ซ่งซีซีช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น "เมื่อคดีจบลง เจ้าสามารถไปได้ทุกที่ที่เจ้าต้องการ ตอนนี้ยังไม่นับว่าได้อิสระอย่างแท้จริง""ตอนนี้ข้าสบายดี จะไม่มีใครทำร้ายข้าอีก" นางนั่งลงบนเตียงแล้วยิ้มอย่างเศร้าๆ น้ำตาไหลอาบหน้า "ข้าไม่ชอบเจ้ากรมฉี ทุกครั้งที่เขามาข้าก็กลัวมาก ข้าไม่ขอเขาจะสงสารข้า เขาชอบใช้กำลัง"นางปลดกระดุมเสื้อผ้าเผ

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status