ในเวลาพลบค่ำ พระอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับขอบฟ้า ทำให้ท้องฟ้ามีสีสันซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือขี่ม้าลงมาจากภูเขา แม้ว่าคดีจะยังไม่จบ แต่ก็ถือยุติลงในชั่วคราวและสามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อย"ฝู้หม่ากู้จะถูกประหารชีวิตในวันพรุ่งนี้ เจ้าคิดว่าตระกูลกู้จะมาเก็บศพของเขาหรือไม่" เสิ่นว่านจือถาม"ก็ไม่รู้นี่" ซ่งซีซีกำลังคิดถึงเรื่องที่ฉีฮูหยินใหญ่จะพาเด็กกลับบ้านเสิ่นว่านจือรู้จักนางเป็นอย่างดี "ฉีฮูหยินใหญ่คนนั้นต้องการรับเด็กกลับจริงๆ หรือ?""นางพูดไปอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดจะอารมณ์ชั่ววูบหรือไม่"เสิ่นว่านจือกล่าวว่า "แม้ว่าเด็กๆ จะเป็นเหยื่อที่ถูกเซี่ยอวี้นทำร้าย และไม่ใช่ฝ่ายผิด แต่ทำไมต้องให้ฉีฮูหยินใหญ่ทนกับผลที่ตามมาทั้งหมดนี้ สำหรับฉีฮูหยินใหญ่ การปรากฏตัวของเด็กคนนี้ทำให้ชีวิตของนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดใจมาก ความงดงามแห่งอดีตกลายเป็นภาพหลอนอันน่าเศร้ายิ่งนัก""นางถามในรถม้าว่าหากข้าเป็นนางข้าจะทำอย่างไร" ซ่งซีซีปล่อยให้ม้าเดินต่อไปอย่างสบายๆ สายฟ้าเดินบนถนนบนภูเขาค่อนข้างคงที่ "เจ้าคิดว่าถ้าศิษย์น้องมีบ้านเล็กอยู่ข้างนอกแล้วมีลูกด้วย ข้าจะทำอย่างไร?"เสิ่นว่านจือพูดโดยไม่ต้
นางนั่งลงก่อนแล้วจึงสั่งอย่างใจเย็น "หลิงซีปิดประตู เราสามคนนั่งลง มีเรื่องจะคุยด้วย"ฉีหลิงซีก็มองออกว่ามีอะไรผิดปกติ เขามองไปที่ท่านพ่ออย่างสงสัย และเห็นว่าท่านพ่อเม้มริมฝีปากแน่นด้วย ดูสับสนและวุ่นวายใจเขาปิดประตูแล้วเดินกลับด้วยฝีเท้าหนักอึ้งฉีฮูหยินใหญ่วางมือข้างหนึ่งไว้บนที่วางแขนและอีกข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้า หลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่ง สามีภรรยารักใคร่กัน ดังนั้นนางจึงดูอ่อนกว่าวัยกว่าคนรอบข้าง มีรูปร่างอวบอิ่ม แค่มองดูก็รู้ว่าเป็นผู้ดี เพียงแต่ช่วงนี้จะดูซีดเซียวนิดหน่อยนางมองไปที่เจ้ากรมฉี ราวกับกำลังเล่าถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ "วันนี้ข้าได้พบกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง"เจ้ากรมฉีดูเหมือนถูกงูพิษกัดอย่างแรง เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและพูดว่า "นางไปหาเจ้าหรือ นางได้บอกข่าวลืออะไรกับเจ้า ไม่ว่านางจะพูดอะไร ฮูหยินอย่าไปเชื่อใจนางเลย นางไว้ใจไม่ได้"ฉีฮูหยินใหญ่มองดูเขา ดวงตาที่ไม่มืดทะมึนอีกแต่กลับสง่างามเป็นพิเศษ "แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยรู้จักกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง แต่ข้ารู้ว่านางไม่ใช่คนแบบนั้น นอกจากนี้ ไม่ใช่นางมาหาข้า แต่เป็นข้าไปบ้านพักจ่าวจวงแล้วพบนางไปรับเด็ก"ริมฝีปา
วันรุ่งขึ้น ฉีหลิงซีไปที่สำนักแม่ชีหลี่ซุยเพื่อรับฉีหยงโน่ซ่งซีซีอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงขอคุยกับซ่งซีซีตามลำพัง "ใต้เท้าซ่งวางใจได้ ท่านแม่ของข้าจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีแน่นอน และจะไม่ทำให้นางลำบากใจ ข้ามีน้องต่างแม่ด้วย ท่านแม่ใจดีกับพวกเขาตลอด"ซ่งซีซีพูดตรงๆ "ข้าได้พูดคุยกับแม่ของเจ้ามา ไม่ได้กังวลว่าแม่ของเจ้าจะปฏิบัติต่อเด็กไม่ดี มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าอยากจะบอกเจ้าให้ชัดเจน เมื่อวาน แม่ของเจ้าถามข้าว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร ข้าบอกนางว่าเด็กคนนี้ชื่อเสี่ยวเฉา ส่วนจะให้เด็กชื่ออะไร หลังกลับไปพวกเจ้าจะใช้ชื่อฉีหยงโน่อีกหรือไม่ก็ตัดสินใจเองแล้วกัน"ฉีหลิงซีถอนหายใจเล็กน้อย "ขอบคุณใต้เท้าซ่ง""ถึงยังไงพวกเจ้าจะพาเด็กกลับไป จะให้นางพบกับกู้ชิงเมี่ยวสักครั้งหรือไม่"ฉีหลิงซีพยักหน้า "ได้ จริงๆ แล้วเมื่อวานนี้ท่านแม่ก็พูดด้วยว่าถ้าท่านพ่อต้องการนำนางกลับบ้าง ท่านแม่ก็ยินยอม"ซ่งซีซีมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ใต้เท้าฉีไม่ใช่คนเรียบง่ายขนาดนั้น นั่นคือแม่ของเจ้า โปรดเห็นใจนางบ้างเถอะ คำนึงถึงความรู้สึกของนางด้วย"ฉีหลิงซีรีบอธิบายขึ้นมา "ใต้เท้าซ่งอย่าเข้าใจข้าผิด ท่านแม่ของข้ามิได้ตระหนี่ขนา
กู้ชิงเมี่ยวส่ายหัว "ไม่ยินยอม ข้าอยากอยู่ที่นี่""ลูกสาวของเจ้าอยู่ในจวนตระกูลฉี" ซ่งซีซีกล่าวกู้ชิงเมี่ยวเอียงศีรษะ ผมยาวของนางหลวม "ข้ารู้ นางจะมีชีวิตที่ดี นางจะเติบโตเหมือนเด็กทั่วไปทุกคน"ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความปรารถนา นั่นคือสิ่งที่นางต้องการแต่ไม่ได้มา แต่ลูกสาวของนางได้มันแล้ว นางก็มีความสุขด้วยน้ำเสียงของซ่งซีซีอบอุ่น "ได้ ถ้าเจ้าไม่อยากกลับไป ไม่มีใครบังคับเจ้าได้ เจ้าไม่ได้มีสถานะใดๆ ในตระกูลฉี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถบังคับให้เจ้ากลับไปได้"กู้ชิงเมี่ยวลุกจากเตียงด้วยเท้าเปล่า คุกเข่าคำนับให้ซ่งซีซี เสียงของนางสะอื้น "ขอบคุณ ท่านไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีความหมายกับเราอย่างไร มีดคมๆ ที่ห้อยอยู่บนหัวของเราหายไปแล้ว ในฝันของข้าจะไม่ใช่มีแต่ฝันร้ายอีกเลย"ซ่งซีซีช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น "เมื่อคดีจบลง เจ้าสามารถไปได้ทุกที่ที่เจ้าต้องการ ตอนนี้ยังไม่นับว่าได้อิสระอย่างแท้จริง""ตอนนี้ข้าสบายดี จะไม่มีใครทำร้ายข้าอีก" นางนั่งลงบนเตียงแล้วยิ้มอย่างเศร้าๆ น้ำตาไหลอาบหน้า "ข้าไม่ชอบเจ้ากรมฉี ทุกครั้งที่เขามาข้าก็กลัวมาก ข้าไม่ขอเขาจะสงสารข้า เขาชอบใช้กำลัง"นางปลดกระดุมเสื้อผ้าเผ
วันรุ่งขึ้น ฝู้หม่ากู้ถูกประหารชีวิต เซี่ยหลูโม่เป็นเจ้าหน้าที่กำกับดูแล และกองกำลังเมืองหลวงมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดตั้งขอบเขตทำงานเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยแต่เดิมเซี่ยหลูโม่ไม่ต้องการให้นางไป แม้ว่า ฝู้หม่ากู้จะน่าเกลียดชัง แต่เขาไม่ใช่ผู้บงการ นอกจากนี้ เซี่ยหลูโม่ก็ไม่อยากให้ซ่งซีซีเห็นฉากนองเลือดของการตัดศีรษะแต่สถานการณ์ที่โหดร้ายแบบไหนที่ซ่งซีซีไม่เคยเห็นบ้าง? แม้ว่าฝู้หม่ากู้จะไม่ใช่ผู้บงการ แต่เขาก็ช่วยผู้บงการทำสิ่งชั่วร้ายเพื่อลัทธิเอาประโยชน์และทำร้ายผู้คนมากมายเพราะความอ่อนแอของเขา เขามีความผิดร้ายแรงอย่างแท้จริงดังนั้นนางจะไปในตอนเช้า บริเวณด้านนอกของพื้นที่ประหารชีวิตเต็มไปด้วยผู้คน เนื่องจากมีการประหารชีวิตตอนเที่ยง กองกำลังเมืองหลวง จึงไม่ได้มาแต่เช้าเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งทำให้บริเวณรอบๆ สถานที่ประหารชีวิตก่อความวุ่นวาย ถึงขนาดมีพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงขายของริมถนนภายนอกด้วยคนที่ขี้กลัวจะไม่มาดูและไม่อนุญาตให้เด็กเข้ามา แต่ถึงแม้จะไม่ห้าม ผู้ปกครองก็ไม่ยอมให้เด็กมาอยู่แล้วแต่โลกนี้ก็ไม่เคยขาดแคลนผู้ชม โดยเฉพาะตัวตนของฝู้หม่าที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนม
เขาเริ่มพูดพล่าม "ทุกสิ่งไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจะทำ หากให้ข้ามีโอกาสได้เลือกอีกครั้ง ข้าจะไม่แต่งงานกับองค์หญิงเลย แม้ว่าจวนโหวกู้จะตกอับ แต่ก็ยังคงเป็นจวนโหวกู้ รากฐานยังคงอยู่ มันจะตกอับมากขนาดไหนกัน?""ข้าผู้สอบผ่านขุนนาง ได้คุณวุฒิ "จวี่เหริน" ข้าสามารถสอบต่อได้อีก ข้าไม่ใช่มีทางเดียวนี่เอง ทำไมตอนแรกๆ ข้าถึงโง่เช่นนั้น ข้าโง่จริงๆ ควรจะมีอนาคตที่สดใส และแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีๆ คนหนึ่งเป็นภรรยาเอก รับอนุภรรยาสักสองสามคน มีลูกชายสามสีคนและลูกสาวหลายๆ คน แค่เกี่ยวดองกับตระกูลที่แข็งแกร่งกว่าจะทำให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ข้าคิดว่ามันเป็นทางลัด แต่กลับไม่รู้ว่ามันเป็นทางตัน"ตะเกียบในมือของเขาร่วงลงอีกครั้ง และไหล่ก็สั่นในขณะที่เขาร้องไห้สวีผิงอันช่วยเขาหยิบมันขึ้นมาแล้วพูดว่า "แค่นึกเสียใจก็ไร้ประโยชน์ การกระทำนั้นมีประโยชน์มากที่สุด เจ้าสามารถบอกสิ่งที่เจ้ารู้ แล้วทุกอย่างก็มีโอกาสได้พลิกผัน ถ้าไม่บอกงั้นก็มีทางตายเท่านั้น"ฝู้หม่ากู้ปิดหน้าร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นปล่อยมือออก เช็ดน้ำตาและน้ำมูกด้วยแขนเสื้อ หลังจากถูกทรมาน การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงและงุ่มง่าม หลังของเขาก็โค้ง
เมื่อเขามาถึงลานประหาร เขาถูกลากออกไปและให้คุกเข่าลงกลางลานประหาร เพชฌฆาตร่างสูงกำยำยืนอยู่ข้างเขาถือมีดอยู่ มันส่องประกายทำเอาเขาตกใจมากจนไม่สามารถคุกเข่าให้มั่นคงได้ มองขอร้องให้ประชาชนที่รับชมช่วยเหลือเขาสถานที่นั้นเสียงดังวุ่นวายมาก แต่เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้นเลย เขาได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตัวเองเท่านั้น เหมือนเสียงตีกลอง มันจะเต้นออกมาจากหน้าอกอยู่แล้วเขาไม่เห็นเซี่ยหลูโม่ ผู้ดูแลกำกับที่อยู่ข้างหลังเขา แต่ได้ยินเสียงของเขาอย่างคลุมเครือ เขาอยากจะมองย้อนกลับไป แต่มีป้ายแผ่นหนึ่งผูกอยู่ข้างหลังเขา และเขาไม่สามารถหันหน้าออกไปได้ มองเห็นเพียงเพชฌฆาตกำลังปิดจมูกด้วยสีหน้ารังเกียจเท่านั้นทันใดนั้นเขาถึงตระหนักว่าเขามีอึอยู่ในกางเกง เขาฉี่ราดโดยไม่รู้ตัว ความกลัวก็เหมือนกับงูพิษที่กัดเซาะไปตามผิวหนังของเขา เขากลัวแล้ว กลัวมากในที่สุดเขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยในฝูงชน เขาดีใจมากและส่งเสียงแหบแห้งจากลำคอออกมา "หยิงเอ๋อร์ หยิงเอ๋อร์..."ท่านอ๋องฮุยยืนอยู่นอกแถวกับกู้ชิงหยิงผู้อ้วนท้วน มองเขาด้วยดวงตาที่เหมือนองุ่นสีดำ แต่กู้ชิงหยิงดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความกลัวหรือความสุขของบิด
ซ่งซีซีรู้สึกว่านางเป็นผู้หญิงที่พิเศษมากจริงๆ เมื่อเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สิ่งที่นางอยากทำคือใช้ชีวิตให้ดีทุกวัน และพยายามไม่ทำให้ตัวเองคับข้องใจเท่าที่จะทำได้สำหรับพ่อคนนี้ นางไม่ได้รักหรือแค้นใจ นางแค่ไม่ชอบเขานางถามซ่งซีซี ว่า "ใต้เท้าซ่ง ถ้าไม่มีใครช่วยเก็บศพหลังจากการตัดศีรษะ ศพจะถูกทิ้งที่ไหน หรือจะถูกแขวนไว้แสดงต่อสาธารณะไหม?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "หากไม่มีสมาชิกในครอบครัวมาเก็บ จะถูกฝังอย่างส่งๆ เว้นแต่เขาเป็นผู้บงการกบฏ ถึงถูกแขวนคอเพื่อแสดงต่อสาธารณะ"นางตอบว่าโอ้แล้วหยุดถามอีกเลย เมื่อกลับไปหาท่านอ๋องฮุย นางพูดว่า "ตอนที่ออกมา ข้ายังมีขนมพุทราที่ยังไม่ได้กิน รีบกลับไปกินกันเถอะ ถ้าปล่อยไว้นานๆ คงไม่อร่อยเลย""ไม่ดูแล้วเหรอ?" ท่านอ๋องฮุยถาม"ข้ากลัวเลือด ดังนั้นอย่าดูจะดีกว่า" กู้ชิงหยิงกล่าวท่านอ๋องฮุยยังคงจ้องมองนาง และพูดว่า "ไปกันเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวทะเลสาบ"นางคลุมตัวเองด้วยเสื้อคลุม "ทำไมไปเที่ยวทะเลสาบทั้งๆ ที่อากาศหนาวขนาดนี้ ต้มชาข้างเตาไฟที่บ้านและย่างเนื้อแกะสักสองสามชิ้นได้ไม่ดีกว่าหรือ?""ข้าอยากพาเจ้าไปเดินเล่น เจ้าตัวแสบกลับไม่รู้จะขอบ