แชร์

บทที่ 734

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
พอเสิ่นว่านจือเดินเข้ามา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ "แหมๆๆ ให้ข้าดูใต้เท้าคนนี้ให้ดีๆ หน่อย ใต้เท้า มิทราบว่าท่านกำลังไปไหน สามารถนำข้าไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ?"

ซ่งซีซีต่อยนางที่ไหล่ "เจ้ามาพอดีเลย มีเรื่องหนึ่งขาดเจ้าไม่ได้จริงๆ"

"ใต้เท้าสั่งได้เลย ข้าจะทำตามที่สั่งแน่นอน" เสิ่นว่านจือคารวะ และตอบอย่างอ่อนโยน

ซ่งซีซีกลอกตาใส่นาง "จะพูดดีๆ ไม่เป็นแล้วใช่ไหม ต้องให้สั่งสอนสักหน่อยใช่ไหม?"

นางดึงผ้าเช็ดหน้าออกแล้วโบกไปทางหน้าของนาง เสียงยังคงแสร้งทำเป็นไพเราะ "อุ๊ย ใต้เท้าหยาบคายแล้วนะ"

ซ่งซีซีจับไหล่ของนางแล้วโยนนางให้ล้มลง เสิ่นว่านจือฉวยโอกาสสองเท้าตกลงบนพื้นแล้วตีลังกา จากนั้นยิ้วซื่อๆ "ไม่เอาน่า ไม่เอาน่า"

ทุกคนต่างก็หัวเราะ และป้าหยินพูดว่า "คุณหนูเสิ่นตลกจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไทเฟยชอบท่านมาก"

"นั่นนะสิ ที่ไทเฟยชอบข้ายังมากกว่าที่ชอบนางเลย" เสิ่นว่านจือ ทำท่าหยิ่งผยองนั้นเหมือนสนมฮุ่ยไทเฟยไม่มีผิดเลย

ซ่งซีซีกลอกตามองบนใส่นาง "เข้าประเด็นเลย ข้าจะออกไปข้างนอกแล้ว"

เสิ่นว่านจือกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า "เอาล่ะ ป้าๆ และพี่ๆ ทั้งหลายเชิญออกไปก่อนเถอะ ข้าจะคุยธุระกับใต้เท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Ketsara Phisut
ชอบมากค่ะอ่านสนุกมากๆ
goodnovel comment avatar
Phai Vanhnavongsa
ช่วยต่อหลายตอนได้มั้ยอ่านกำลังสนุกก็ต้องได้รอ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 735

    เสิ่นว่านจือตอบรับ "อืม ข้ากับหงเชวี่ยไปดูสักหน่อย เจ้าไม่ต้องกังวล"ซ่งซีซีดึงนางให้นั่งลงแล้วพูดว่า "มีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าต้องบอกเจ้าล่วงหน้าเพื่อที่เจ้าจะได้เตรียมใจไว้"เสิ่นว่านจือนั่งลง "จริงจังขนาดนี้เลยหรือ จะขู่ใครกัน เรื่องอะไร ว่ามาเร็ว!"ซ่งซีซีช่วยจับหมวกให้ตรง ยังไม่ค่อยชินกับมันเลย "ตอนนี้ทางจวนองค์หญิงใหญ่ถือว่าพังแล้ว พวกของอ๋องเยี่ยนต้องการสืบข่าวเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่อย่างแน่นอน อย่างเช่นว่านางได้สารภาพหรือไม่ ไม่ว่าเคยไปมาหาสู่กับขุนนางผู้ใดในราชสำนักก็ไม่กล้าไปหาในตอนนี้แล้ว ข้าว่าลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของเจ้าจะมาหาเจ้านะ"เสิ่นว่านจือพูดอย่างเย็นชา "นางอย่าคิดจะได้ข้อมูลจากข้าแม้แต่คำเดียว เจ้าไม่ต้องกังวลว่าข้าจะพูดหลุดปาด ด้วยสมองของนางก็หลอกข้าไม่ได้หรอก"หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง นางก็หันศีรษะ "เจ้าอยากให้ข้าไปตีสนิทกับนางเพื่อสืบข่าวจากปากนางเหรอ?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยปฏิบัติต่อนางอย่างไรตอนนี้ก็ทำอย่างนั้น ไม่ต้องเปลี่ยน นางจะมาหาเจ้าพร้อมกับชายารองจินแน่นอน ชายารองจินเป็นคนระมัดระวังและอ่อนไหว ตราบใดที่เจ้าแสดงความสงสัยกับจวนอ๋องเยี่ยนแม้แ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 736

    เรือนดอกบ๊วยเกิดโกลาหล เสิ่นว่านจือดุกุ้นเอ๋อร์จนเขาวิ่งหนีไป เป่าจูและป้าหยินรีบต้มไข่เพื่อช่วยลดอาการบวมที่แก้มและเบ้าตาของพวกนางได้ผลเลย เพราะใบหน้าได้ทาแบ้งไว้แล้ว ใบหน้าของเสิ่นว่านจือดูไม่ช้ำแล้ว แต่เบ้าตาของพระชายาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำเป่าจูบอกว่าอยากจะทาแป้งให้นาง แต่ซ่งซีซีก็สะบัดมือ "เป็นเรื่องตลก เคยเห็นราชการผู้ใดในราชสำนักได้แต่งหน้าทาแป้งด้วยล่ะ ออกไปเลย""แต่ดวงตาของท่านดูเหมือนจะดูเล็กไปนะ" เป่าจูพูดอย่างเป็นกังวล "ท่านยังต้องเข้าเฝ้านะ นี่ถือเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่า?"ซ่งซีซีคิดว่ามันไม่เป็นอะไร เวลาไปเข้าเฝ้า นางก็มักจะก้มหน้าอยู่ จะไม่เงยหน้าสบตากับฮ่องเต้ ต่อให้เงยหน้าขึ้นมอง ด้วยระยะไกลเช่นนั้นมันมองเห็นได้ยากหรอกซ่งซีซีไปที่คอกม้าจูงสายฟ้าออกมาด้วยตนเอง และลูบหัวของสายฟ้า นางหรี่ตาข้างหนึ่งลง "สายฟ้าแสนดีของข้า จากนี้ไป เราจะไปยังสนามรบอีกแห่งหนึ่งแล้ว เราร่วมมือกันและสู้ไปด้วยกัน"สายฟ้าอยู่ในคอกม้ามานานเกินไปแล้ว ปกติแค่จูงมันออกไปเดินเล่นเฉยๆ บ้าง หากไม่มีเรื่องด่วน ซ่งซีซีจะออกไปโดยนั่งรถม้า และสายฟ้าจะไม่ใช้งานให้กับรถม้ามันส่งเสียงร้องและตีนดินด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 737

    ซ่งซีซีรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว "วันนี้หม่อมฉันตื่นเช้าไปหย่อย มันมีเวลาเหลือเฟือก่อนที่ข้าจะมาเข้าเฝ้า เลยเล่นการต่อสู้กับคนในจวน ไม่ระวังจึงโดนต่อยไป"จักรพรรดิ์ซูชิงหัวเราะ "ตื่นเช้าขนาดนั้น ตื่นเต้นเหรอ กลัวว่าทำงานผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียไม่ได้หรือ?"ซ่งซีซีกล่าวตามความจริง "รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ หลักๆ ก็เพราะไม่มีประสบการณ์และกลัวว่าจะไม่สามารถทำงานได้ดีและทำให้ทุกคนผิดหวัง"จักรพรรดิ์ซูชิงมองดวงตาฟกช้ำดำเขียวของนาง และยังคงอยากจะหัวเราะเล็กน้อย แต่เนื่องจากต้องการกำชับนางสักหน่อย เขาจึงทำหน้าจริงจัง "เป็นข้าราชการสตรีคนแรกในราชวงศ์นี้ เป็นเรื่องจริง สิ่งที่เจ้าต้องเผชิญหน้าไม่เพียงแต่งานของผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียเท่านั้น ยังมีความคาดหวังของไทเฮาที่มีต่อเจ้าและสตรีทั่วใต้หล้าที่คอยนับถือเจ้า ดังนั้น เมื่อคนอื่นเป็นผู้บัญชาการ พวกเขาก็ต้องทำงานให้เต็มที่ จงรักภักดีต่อจักรพรรดิและรักชาติ ส่วนเจ้าต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำในขณะเดียวกันก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดด้วย มันค่อนข้างยากกว่าคนอื่น แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้"ซ่งซีซีพยักหน้า "หม่อมฉันรับทราบเพค่ะ หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ทำ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 738

    นางไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่ได้ขอความคิดเห็นจากนางจริงๆ เขาเทียบเท่ากับการออกคำสั่งโดยตรงแล้วให้นางได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการที่มีอำนาจ แต่ขณะเดียวกันก็เลื่อนตำแหน่งให้คนที่ไม่กินเส้นกันกับจวนเป่ยหมิงอ๋อง เพื่อให้นางและเซี่ยหลูโม่ไม่สบอารมณ์บางที ฮ่องเต้อาจคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยกระมังซ่งซีซีถอยออกไป อู๋ต้าปั้นมองดูนางอย่างกังวล เขาไม่รู้ว่าพระชายาและท่านอ๋องจะรอดจากการทดสอบความไว้วางใจครั้งแล้วครั้งเล่าได้หรือไม่ในความเป็นจริง ฮ่องเต้สามารถแต่งตั้งจ้านเป่ยว่างได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านผู้บัญชาการซ่งเลยหากต้องการให้ผู้บังคับการซ่งโอนย้ายโดยตรง ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านกระทรวงขุนนาง แค่แจ้งให้เขาทราบก็พอแต่เขาพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่างๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ซึ่งทำให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรู้สึกไม่สบอารมณ์ รวมถึงจ้านเป่ยว่างด้วยหลังจากที่ซ่งซีซีออกจากวังก็ไปที่สำนักกองกำลังเมืองหลวง เนื่องจากวันนี้นางเข้ารับตำแหน่งเป็นทางการ ปี้หมิงและลู่เจิน หัวหน้าค่ายลาดตระเวนได้นำลูกน้องมารอนางอยู่ดีที่ทุกคนไม่ได้ใส่ใจกับดวงตาฟกช้ำดำเขียวของนางมากเกิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 739

    เขาอายุประมาณสามสิบปี อวบ ไม่สูง แต่แข็งแรง มีสีหน้าค่อนข้างดูถูกไม่แยแสเขานำผู้คนไปข้างหน้าแสดงความเคารพ แต่สายตานั้นกลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง "ข้าติดธุระเลยมาสาย ผู้บัญชาการซ่งโปรดยกโทษให้ด้วย"ซ่งซีซีพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปที่นายทหารยามทั้งสิบสองคนที่ยืนอยู่สองแถวด้านหลังเขา แค่มองดูก็รู้แล้วว่ามิใช่คนที่รับมือง่าย แต่ละคนทำท่ากำเริบเสิบสาน ไม่เห็นผู้บัญชาการหญิงอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำมีแม่ทัพแบบไหน ก็จะมีลูกน้องแบบนั้นด้วย"วันนี้ไม่มีอะไร แยดย้ายไปทำธุระของตน…"ก่อนที่ซ่งซีซีจะพูดจบ หวังเจิงก็พูดว่า "ในเมื่อไม่มีอะไร แล้วได้เจอหน้ากันแล้ว งั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ ธุระที่วังมีไม่น้อยเลย"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็พาผู้คนออกไปโดยไม่สนใจซ่งซีซีเลยปี้หมิงขมวดคิ้วและตะโกนออกมาว่า "หวังเจิง!"หวังเจิงเมินเฉยเขา และจากไปโดยตรงปี้หมิงอธิบายอย่างช่วยไม่ได้กับซ่งซีซีว่า "ใต้เท้า หัวหน้าหวังเป็นคนเย็นชาและหยิ่งผยองหน่อย ไม่มีอะไรเลย อย่าไปถือสาเขาเลย"ซ่งซีซีฟังออกวว่าปี้หมิงค่อนข้างเขา ดังนั้นจึงไม่ว่าอะไร จากนั้นพูดต่อว่า "เอาล่ะ ไปหอต้าหลี่กันก่อน"วันนี้ทางหอต้าหลี่ยุ่งมากจร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 740

    เซี่ยหลูโม่ดึงนางเข้าตัวใกล้ แล้วลูบตาที่ช้ำของนางเบาๆ "เจ็บไหม?""นิดหน่อย" ซ่งซีซีกลักมือของเขาออกแล้วมองย้อนกลับไป โดยกลัวว่าจะมีใครอยู่ที่นั่น"ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเข้ามาหรอก มันเพราะอะไร" เขาถามอย่างเป็นเจ็บใจซ่งซีซีว่านอำนาจมานอน ในที่สุดก็ได้ผ่อนคลายลง นั่งบนเก้าอี้แล้วนวดขอบตา ดูเหมือนบวมกว่ายามเช้านี้เลย ไอ้กุ้นเอ๋อร์ "ก็เช้านี้ฝึกซ้อมทักษะการต่อสู้กับว่านจือ ต่อมากุ้นเอ๋อร์ก็เข้ามา แล้วข้ากับว่านจือโดนเขาทำให้บาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ""เดี๋ยวจะหักเงินเขา" เซี่ยหลูโม่รู้สึกทั้งปวดใจและตลก ที่จริงแล้ว กุ้นเอ๋อร์มักจะเป็นคนจริงจัง แต่เมื่อเขาเล่นกับว่านจือและซีซี ท่าทางของเด็กชายที่ภูเขาเหม่ยชานก็กลับมาอีกครั้งซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "หักเงินเขาก็เท่ากับเอาชีวิตเขานะ เรื่องเงินไม่เท่าไร แต่โดนศิษย์พี่ซือโซรู้เข้าแล้วไปรายงานอาจารย์ของเขา หากอาจารย์ของเขารู้ว่าโดนปรับเงิน ต้องออกคำสั่งมาสั่งสอนเขาแน่ๆ เลย""แค่ขู่เขาน่ะ ไม่ได้จะลงโทษจริงๆ" เซี่ยหลูโม่รู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดี และความสัมพันธ์ตั้งแต่วัยเด็กนี้ก็หายาก ดังนั้นเขาจะไม่ทำลายมันจริงๆ"เอาล่ะ มาเข้าประเด็นเลย"

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 741

    แม่นมฝางอายุมากแล้ว ถูกแยกจากหัวหน้าคนอื่นๆ และถูกขังอยู่ในห้องขังเล็กๆ ตามลำพัง ซึ่งค่อนข้างสะอาดเมื่อเทียบกับห้องขังอื่นๆตั้งแต่นางเข้ามาหอต้าหลี่ ก็ไม่กินอะไรทั้งนั้นและไม่พูดด้วยเฉินยีได้ไปถามนางด้วยตนเอง ชักชวนให้นางกินอะไรสักหน่อย แต่นางกลับนอนอยู่ในห้องขัง ดูเหมือนกำลังรอความตายอยู่ในความเป็นจริง เซี่ยหลูโม่ก็รู้ด้วยว่านางจะไม่พูดอะไรที่ไม่ดีต่อองค์หญิงใหญ่ นางเลี้ยงดูองค์หญิงใหญ่มาตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์นี้นี้มันไม่ใช่อค่เจ้านายกับคนใช้แล้ว ที่ผ่านมาคนข้างกายขององค์หญิงใหญ่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่ยังเฝ้าอยู่เคียงข้างองค์หญิงใหญ่ด้วยเหตุนี้ นางจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่แม้กระทั่งมีสิ่งเลวร้ายมากมายก็ได้ผ่านมือของนางด้วยซ้ำเซี่ยหลูโม่บอกกับซ่งซีซีว่า "วันนี้เฉินยีสอบปากคำตู้ฉินแล้ว โดยบอกว่าเดิมทีองค์หญิงใหญ่ ได้ออกคำสั่งให้ใบหน้าของท่านอาเจ้าเสียโฉมแล้วค่อยสังหารครอบครัวของพวกเขา แต่เป็นเพราะแม่นมฝางรั้งเรื่องนี้ไว้ ไม่ให้ตู้ฉินไปปฏิบัติตามคำสั่งนี้ มิฉะนั้นครอบครัวพวกเขาคงไปกันหมดแล้ว"ซ่งซีซีพูดด้วยความโกรธ "นางมันบ้าจริงๆ ใช้ทุ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 742

    ดวงตาของนางเย็นชา ราวกับบ่อน้ำแห้งสองแห่ง ไม่มีแสงประกายแต่งอย่างใด แล้วจ้องมองที่ซ่งซีซีทั้งอย่างนั้นซ่งซีซีก็มองดูนางเช่นกัน นางเคยเห็นแม่นมฝางมาก่อนตอนที่ไปจวนองค์หญิงใหญ่ ในเวลานั้น นางสวมชุดผ้าแพรสีฟ้า และความแข็งแกร่งซ่อนอยู่ในทุกริ้วรอยบนใบหน้าของนาง ทำให้คนอื่นมากมายหวาดกลัวแต่ตอนนี้ เสื้อผ้าสีครามของนางมีรอยย่น ผมยุ่งเหยิง ปิ่นปักผมเอียงไม่เป็นท่า ถุงใต้ตาบวมหนักมาก จุดด่างดำบนใบหน้าก็ชัดเจนขึ้นมาก และนางผอมมากความกังวลบวกกับอดอาหารทำให้นางซูบผอม และผอมจนแทบจะมีรูปร่างไม่น่ามองเลยดูเหมือนว่านางจะไม่สนใจสิ่งใดอื่นเลย และกำลังรอความตาย แต่จริงๆ แล้วนางกระวนกระวายใจมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกอยู่สภาพแก่เฒ่าจนไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้อย่างกะทันหันเฉินยีไปคุยกับนาง แต่นางไม่พูดอะไรสักคำหรือไม่แม้แต่มองเฉินยีด้วยซ้ำตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับซ่งซีซี นางกลับพูดก่อนว่า "อย่าหวังว่าจะได้ยินคำพูดที่ไม่ดีต่อองค์หญิงจากปากของข้าแม้แต่คำเดียว แนะนำเจ้าอย่าเสียเวลาเลย"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ตู้ฉินบอกว่าเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตครอบครัวของท่านอาข้า หากไม่ได้เจ้า ครอบครัวของท่านอาข้าก็ไม่อยู่แล้ว สำหรับเร

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1449

    พระอาการของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย พระองค์ก็ทรงเรียกดูฎีกาทันที พระองค์ทรงไว้วางพระทัยเสนาบดีมู่ แต่ก็มิได้ไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พระองค์ทรงหวาดระแวงที่สุดก็คือ หากกองทัพไม่ได้อยู่ที่หนานเจียง และไม่ได้อยู่ที่ซีม่อน เพื่อติดตามโจมตีกองทัพแคว้นซา แต่กลับเป็นว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังนำทัพบุกกลับมายังเมืองหลวง และข่าวทั้งหมดถูกปิดกั้น มิอาจมาถึงพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น ด้วยความเร็วของเซี่ยหลูโม่ ภายในสามเดือน กองทัพของเขาย่อมสามารถกวาดล้างและยึดครองทุกหัวเมืองที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องการตรวจสอบฎีกาจากแต่ละแคว้นด้วยพระองค์เอง บัดนี้ซ่งซีซีกลับไปประจำการที่จวนกองกำลังเมืองหลวงแล้วพระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวนางเข้าเฝ้าในห้องพระอักษร ครานี้มิใช่การสนทนาสัพเพเหระ หากแต่เป็นการไต่ถามว่านางมีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหลูโม่หรือไม่ ซ่งซีซีกราบทูลตามตรงว่านางเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรนาง ก็ไม่ทรงพบพิรุธใดๆ แต่ไม่ว่าความเป็นไปได้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น หากกองทัพของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี นั่นหมายความว่ากองทัพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1448

    คืนนั้นหมอมหัศจรรย์ดันแบกหีบยาไปพร้อมกับหงเชวี่ย ออกจากร้านยา ก่อนออกเดินทาง เขาบอกกับหมอเวรกลางคืนของร้านยาเย่าหวังว่าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของพระชายาอ๋อง รถม้าหยุดที่จวนอ๋อง หมอมหัศจรรย์ตั้นเดินพรวดพราดเข้าไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว เมื่อทุกคนทยอยออกมารับหน้า เขามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบายโทสะใส่นาง กลับหันไปเล่นงานอาจารย์หยูแทน "ใช้ข้าเป็นข้ออ้างอย่างน้อยก็ควรบอกข้าล่วงหน้าสักหน่อย! เกือบทำให้ข้าถูกผู้ตรวจการสวี่จับผิดได้แล้ว!" พอได้ยินท่านผู้เฒ่าโวยวายขึ้นมา ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่าหมายถึงเรื่องอะไรอาจารย์หยูรีบขออภัยแล้วถามว่า “ผู้ตรวจการสวี่ถามท่านไปแล้วหรือ?” “เขาป่วย! องค์หญิงใหญ่หมิ่นชิงเชิญข้าไปตรวจอาการให้เขา พอเจอข้าเขาก็ร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วคอยถามอยู่นั่นว่าฮ่องเต้ยังมีหนทางรักษาหรือไม่ แรกๆ เขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่าเป็นโรคอะไร ข้าฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก!” หมอมหัศจรรย์ดันพูดจบก็ฮึดฮัด “ท่านไม่ได้หลุดพิรุธใช่หรือไม่?” ซ่งซีซีรีบถาม เพราะเรื่องที่ผู้ตรวจการสวี่ตั้งใจจะถวายฎีกาตักเตือนด้วยชีวิตทำให้พวกนางตกใจไม่น้อย เขาเป็นคนที่ยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1447

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นว่านจือเอ่ยชวนผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไปเดินเล่นในลานกว้างของตึกว่างจิง ไม่ไกลจากตึกว่างจิงมีโรงแสดงศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยนักเล่านิทาน นักแสดงงิ้ว พ่อค้า และร้านขายอาหาร ครึกครื้นครบครันทุกอย่าง ตั้งแต่มาเมืองหลวง เสิ่นว่านจือก็ยุ่งตลอด ไม่เคยมีเวลาว่างไปเดินเที่ยวเล่นเลย ครั้งนี้จึงถือโอกาสแยก ผิงหนานป๋อ ออกไป ให้ซ่งซีซีได้พูดคุยกับจูจิ่นเป็นการส่วนตัว อีกทั้งตนเองก็จะได้ไปเที่ยวเล่นกับเฉินเฉินด้วย เมื่อคนอื่นออกไปแล้วซ่งซีซีกับจูจิ่นก็ลดเสียงให้เบาลง ก่อนหน้านี้ พวกนางไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญเลย บัดนี้ ย่อมต้องกล่าวถึงบ้างแล้ว แขกที่เฝ้าดูจากภายนอก เมื่อเห็นผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไป ต่างพากันเข้าใจว่าพระชายาเป่ยหมิงอ๋องจะลงโทษคุณหนูเจ็ดเป็นการส่วนตัว จึงตั้งใจเงี่ยหูฟัง รอชมเรื่องสนุก ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม สองคนนี้คุยกันด้วยเสียงเบาๆ แถมยังมีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ บรรยากาศกลับดูกลมเกลียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! เมื่อมีบ่าวไพร่เข้าออกตลอดเวลา ก็มีคนช่างสังเกตจงใจเลิกม่านขึ้นด้านหนึ่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกสามารถมองเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1446

    ซ่งซีซีพร้อมด้วยเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินรออยู่ในเรือนหลันซี เมื่อเด็กในร้านนำผิงหนานป๋อและครอบครัว รวมถึงบ่าวไพร่เดินผ่านสวนเข้ามาถึงด้านหน้าเรือนหลันซีก็ร้องบอก ซ่งซีซีได้รับการพยุงจากเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ผิงหนานป๋อและภรรยา รวมถึง คุณหนูเจ็ดจูจิ่นรีบคำนับทำความเคารพ ซ่งซีซีแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญด้านในนั่งเถอะ” ระหว่างที่ซ่งซีซีกล่าวคำเชื้อเชิญ นางก็ลอบพินิจทั้งสามคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางพบเจอผู้คนมามากมาย การสังเกตสีหน้า แววตา และท่าทางก็พอจะทำให้นางมองเห็นอะไรบางอย่างได้ ผิงหนานป๋อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ด้านในเป็นอาภรณ์ปักลายดอกไม้และวิหคขลิบทองบริเวณคอเสื้อ บริเวณอกมีสร้อยประคำขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ดูเหมือนเป็นผู้มีฐานะดี แต่ก็แฝงกลิ่นอายของความละวางทางโลก ทว่าขณะยืนอยู่ ร่างของเขากลับโน้มเอียงไปทางบุตรสาวโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าเผยให้เห็นท่าทางประจบประแจงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม ส่วนฮูหยินผิงหนานป๋อสวมเสื้อนอกสีแดงเข้มทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว ทำให้ดูสดใสเปล่งประกาย นางเป็นสตรีร่างท้วม ผิวพรรณเปล่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1445

    ซ่งซีซีรู้สึกว่าคุณหนูเจ็ดไม่ควรต้องรับคำด่าทอโดยไร้เหตุผล อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนป๋อผิงหนานในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม ดังนั้น นางจึงสั่งให้หัวหน้าลู่ส่งเทียบเชิญไปยังจวนป๋อผิงหนาน ขอเชิญทั้งครอบครัวไปตึกว่างจิงเพื่อร่วมรับประทานอาหาร ขณะเดียวกัน เมื่อส่งเทียบเชิญ นางก็ปล่อยข่าวนี้ออกไปด้วย ส่วนเหตุผลที่ไม่เชิญไปที่จวนของตนเอง นั่นเพราะเรื่องนี้ต้องการให้มีการชี้แจงความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ การนัดพบกันภายในจวนจึงไม่เหมาะสม ตึกว่างจิงเป็นสถานที่หรูหรา เพื่อแสดงความเคารพต่อจวนป๋อผิงหนานและคุณหนูเจ็ดการปล่อยข่าวล่วงหน้า ทำให้บรรดาพ่อค้าและขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่ชอบสู่รู้เรื่องชาวบ้านย่อมไม่พลาดโอกาสเฝ้าดูเรื่องนี้ เมื่อมีคนจับตาอยู่มาก ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคลี่คลายปัญหา ภายในเรื่องนี้ยังมีเจตนาชดเชยให้กับคุณหนูเจ็ดตลอดหลายปีที่นางทำการค้า ผู้คนมักดูถูกนางเพียงเพราะเป็นสตรี ถูกเอาเปรียบและถูกกดขี่อยู่เสมอ จวนป๋อผิงหนาน ก็ไม่มีบุรุษคนใดที่สามารถเป็นเสาหลักได้ เดิมทีตระกูลนี้เคยเป็นตระกูลสูงศักดิ์ แต่บัดนี้กลับตกต่ำจนแท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1444

    ฮองเฮาถูกลงโทษให้กักบริเวณอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นไทเฮาที่มีรับสั่งให้กักบริเวณ อีกทั้งยังสั่งถอนข้ารับใช้ในตำหนักของนางไปกว่าครึ่ง คงเหลือเพียงคนสนิทไว้รับใช้ จากนั้นยังทรงเลือกคนที่ไว้ใจได้ให้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่ ตำหนักฉางชุน ขณะที่ฮองเฮาเฝ้าดูแลจักรพรรดิ์ซูชิงนางได้ยินอู๋ย่วนเจิ้งเอ่ยว่าฮ่องเต้ทรงประชวรเป็นโรคปอดเรื้อรัง แรกเริ่มนางยังไม่รู้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่หลังจากถูกกักบริเวณ นางจึงถามหลานเจี่ยนกูกู เมื่อหลานเจี่ยนกูกูบอกว่านี่เป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต นางก็ทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ประการแรก นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงประชวร ประการที่สอง นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงล้มป่วยด้วยโรคนี้ ก็สมควรต้องกำหนดองค์รัชทายาทแล้ว ทว่ากลับถูกไทเฮากักบริเวณ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังโง่เขลาไปล่วงเกินซ่งซีซีเพราะความสัมพันธ์ของ รองแม่ทัพซ่ง ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับซ่งรุ่ยเป็นพิเศษ หากนางไม่เคยล่วงเกินซ่งซีซีและให้ซ่งซีซีส่งซ่งรุ่ยเข้ามาวัง เพื่ออยู่เป็นเพื่อน องค์ชายใหญ่ แล้วล่ะก็ฮ่องเต้คงจะทรงสนพระทัยในตัวเขามากขึ้น “หลานเจี่ยน ข้าควรทำสิ่งใด? ข้าทำอะไรได้บ้าง?” นางร่ำไห้ครู่หนึ่งแล้วก็คิดก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1443

    ฮองเฮา ยังมีหยาดน้ำตาเกาะบนใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงจากการร่ำไห้เมื่อได้ยินประโยคแรกที่ฮ่องเต้ตรัสหลังฟื้นคืนสติ กลับเป็นคำสั่งให้นางถอยออกไป นางถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่พอฟื้นคืนสติ นางก็สะอื้นพลางเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ไปเพคะ หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฮ่องเต้เพคะ”ไทเฮา เอ่ยด้วยสุรเสียงแหบพร่า ทว่ามีอำนาจล้นเหลือ “ประคองฮองเฮาออกไป”ฮองเฮาอยู่เฝ้าที่นี่นานเท่าใดไทเฮาก็อยู่เฝ้าที่นี่นานเท่านั้น ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จะฟื้นคืนสติเสียที รอคอยมาจนใจแทบขาด ทว่ากลับต้องฝืนรักษาความสงบเพื่อมิให้เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักต้องขาดหลักยึดเดิมทีขุนนางทั้งหมดคุกเข่าอยู่ภายนอกตำหนัก ทว่าความหนาวเหน็บเกินทน พอไทเฮามาถึงก็ทรงให้พวกเขาเข้าไปคอยด้านในตำหนัก แต่พวกเขากลับยังยืนกรานจะคุกเข่าต่อไปฮ่องเต้สิ้นสติไปนานเท่าใด พวกเขาก็คุกเข่าอยู่อย่างนั้นตลอดมาไทเฮาคอยให้หมอหลวงตรวจชีพจรเสร็จก่อนจึงเดินเข้าไปนั่งใกล้ แล้วตรัสห้ามไม่ให้หมอหลวงเอ่ยสิ่งใดก่อนจะกล่าวด้วยสุรเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”นางกำมือของบุตรชายแน่น พระหัตถ์เย็นเฉียบจนจับข่มไว้สุดแรงก็ยังสั่นระริกอย่างห้ามมิได้จัก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1442

    จักรพรรดิ์ซูชิงกลับไม่รู้เลยว่าความวุ่นวายในครั้งนี้จะลุกลามใหญ่โตถึงเพียงนี้ ช่วงหลายวันที่ผ่านมา พระองค์ทรงให้ความร่วมมือกับหมอหลวงในการทดลองสูตรยารักษาใหม่ ทรงมอบหมายกิจการราชการสำคัญให้แก่เสนาบดีใหญ่ ตำรับยารักษาใหม่นี้เป็นผลจากการวิจัยอย่างหนักของหมอหลวงหลายคน ซึ่งใช้การบำบัดด้วยความร้อนเป็นหลัก ร่วมกับการฝังเข็ม และเสริมด้วยยาต้มเพื่อบำรุงร่างกาย ผ่านไปปหลายวัน มีผลดีอยู่บ้าง อาการปวดศีรษะลดลง และไม่ทรงมีเหงื่อออกในเวลากลางคืน ดังนั้น ในวันนี้ที่เสด็จมาร่วมประชุมราชการ พระพักตร์ของพระองค์ดูสดใสขึ้นกว่าหลายวันที่ผ่านมา เจ้ากรมฉีแม้จะได้ไปพบอวี้ฉื่อสวี่แล้ว แต่ความคิดของอวี้ฉื่อสวี่กลับไม่เปลี่ยนแปลง เขารู้สึกผิดหวังในตัวฮ่องเต้ เพราะทรงทำตัวโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ และไม่สนใจสถานการณ์สงคราม เป็นการกระทำที่ดูไร้ความรับผิดชอบเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เชื่อคำกล่าวของเจ้ากรมฉีที่ว่า การเลือกพระชายารองให้เป่ยหมิงอ๋องเป็นความคิดของฮองเฮา โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ ตามที่เขารู้มา ฮองเฮาเพิ่งถูกปลดจากการกักบริเวณได้ไม่นาน หลังจากได้รับอิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1441

    ฉีฮองเฮายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านแม่พูดอะไรเช่นนี้ เรื่องนี้จะไปเกี่ยวอะไรกับฮ่องเต้ได้? ฮ่องเต้มีงานราชกิจล้นมือ จะมายุ่งเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? ส่วนอวี้ฉื่อสวี่นั่น ข้าจะไปทำให้เขาตายได้อย่างไร?” อวี้ฉื่อสวี่ เป็นพ่อตาขององค์หญิงใหญ่หมินฉิง ฉีฮองเฮาเห็นว่าไม่มีเหตุผลที่จะไปขัดแย้งกับตระกูลนี้ ฉีฮูหยินใหญ่ถอนหายใจ “เจ้านี่ช่างโง่เขลาเสียจริง เป่ยหมิงอ๋องกำลังออกรบ เจ้ากลับไปยุ่งเรื่องหา พระชายารองให้เขา ไหนจะเรื่องที่ฮ่องเต้เคยให้พระชายาเป่ยหมิงอ๋องอยู่ในห้องทรงพระอักษรคนเดียวหลายวัน แล้วเสด็จไปเยี่ยมกลางดึก เรื่องนั้นยังไม่ได้รับการชี้แจงให้กระจ่าง เจ้ายังจะสร้างเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมาอีก จะไม่ให้คนเขาคิดมากได้อย่างไร?” “นั่นมันพวกเขาคิดมากไปเองทั้งนั้น เป็นการคาดเดาแบบไม่มีมูล” ฉีฮองเฮากล่าวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ ฉีฮูหยินใหญ่เห็นสีหน้าที่ไม่ทุกข์ร้อนของนางก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความผิดหวัง “อย่าว่าแต่เรื่องร้อยเรียงที่ผู้คนเขาคาดเดากันเลย แค่ฮ่องเต้ขมวดคิ้วหรือพูดอะไรออกมา ขุนนางก็ยังตีความกันไปต่างๆ นานา เจ้าจะพูดว่าไม่เกี่ยว แต่แม้แต่ในวังหลัง ฮ่องเต้ทำสีหน้ากับเจ้า เจ้าจะไม่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status