เซี่ยหลูโม่ดึงนางเข้าตัวใกล้ แล้วลูบตาที่ช้ำของนางเบาๆ "เจ็บไหม?""นิดหน่อย" ซ่งซีซีกลักมือของเขาออกแล้วมองย้อนกลับไป โดยกลัวว่าจะมีใครอยู่ที่นั่น"ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเข้ามาหรอก มันเพราะอะไร" เขาถามอย่างเป็นเจ็บใจซ่งซีซีว่านอำนาจมานอน ในที่สุดก็ได้ผ่อนคลายลง นั่งบนเก้าอี้แล้วนวดขอบตา ดูเหมือนบวมกว่ายามเช้านี้เลย ไอ้กุ้นเอ๋อร์ "ก็เช้านี้ฝึกซ้อมทักษะการต่อสู้กับว่านจือ ต่อมากุ้นเอ๋อร์ก็เข้ามา แล้วข้ากับว่านจือโดนเขาทำให้บาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ""เดี๋ยวจะหักเงินเขา" เซี่ยหลูโม่รู้สึกทั้งปวดใจและตลก ที่จริงแล้ว กุ้นเอ๋อร์มักจะเป็นคนจริงจัง แต่เมื่อเขาเล่นกับว่านจือและซีซี ท่าทางของเด็กชายที่ภูเขาเหม่ยชานก็กลับมาอีกครั้งซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "หักเงินเขาก็เท่ากับเอาชีวิตเขานะ เรื่องเงินไม่เท่าไร แต่โดนศิษย์พี่ซือโซรู้เข้าแล้วไปรายงานอาจารย์ของเขา หากอาจารย์ของเขารู้ว่าโดนปรับเงิน ต้องออกคำสั่งมาสั่งสอนเขาแน่ๆ เลย""แค่ขู่เขาน่ะ ไม่ได้จะลงโทษจริงๆ" เซี่ยหลูโม่รู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดี และความสัมพันธ์ตั้งแต่วัยเด็กนี้ก็หายาก ดังนั้นเขาจะไม่ทำลายมันจริงๆ"เอาล่ะ มาเข้าประเด็นเลย"
แม่นมฝางอายุมากแล้ว ถูกแยกจากหัวหน้าคนอื่นๆ และถูกขังอยู่ในห้องขังเล็กๆ ตามลำพัง ซึ่งค่อนข้างสะอาดเมื่อเทียบกับห้องขังอื่นๆตั้งแต่นางเข้ามาหอต้าหลี่ ก็ไม่กินอะไรทั้งนั้นและไม่พูดด้วยเฉินยีได้ไปถามนางด้วยตนเอง ชักชวนให้นางกินอะไรสักหน่อย แต่นางกลับนอนอยู่ในห้องขัง ดูเหมือนกำลังรอความตายอยู่ในความเป็นจริง เซี่ยหลูโม่ก็รู้ด้วยว่านางจะไม่พูดอะไรที่ไม่ดีต่อองค์หญิงใหญ่ นางเลี้ยงดูองค์หญิงใหญ่มาตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์นี้นี้มันไม่ใช่อค่เจ้านายกับคนใช้แล้ว ที่ผ่านมาคนข้างกายขององค์หญิงใหญ่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่ยังเฝ้าอยู่เคียงข้างองค์หญิงใหญ่ด้วยเหตุนี้ นางจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่แม้กระทั่งมีสิ่งเลวร้ายมากมายก็ได้ผ่านมือของนางด้วยซ้ำเซี่ยหลูโม่บอกกับซ่งซีซีว่า "วันนี้เฉินยีสอบปากคำตู้ฉินแล้ว โดยบอกว่าเดิมทีองค์หญิงใหญ่ ได้ออกคำสั่งให้ใบหน้าของท่านอาเจ้าเสียโฉมแล้วค่อยสังหารครอบครัวของพวกเขา แต่เป็นเพราะแม่นมฝางรั้งเรื่องนี้ไว้ ไม่ให้ตู้ฉินไปปฏิบัติตามคำสั่งนี้ มิฉะนั้นครอบครัวพวกเขาคงไปกันหมดแล้ว"ซ่งซีซีพูดด้วยความโกรธ "นางมันบ้าจริงๆ ใช้ทุ
ดวงตาของนางเย็นชา ราวกับบ่อน้ำแห้งสองแห่ง ไม่มีแสงประกายแต่งอย่างใด แล้วจ้องมองที่ซ่งซีซีทั้งอย่างนั้นซ่งซีซีก็มองดูนางเช่นกัน นางเคยเห็นแม่นมฝางมาก่อนตอนที่ไปจวนองค์หญิงใหญ่ ในเวลานั้น นางสวมชุดผ้าแพรสีฟ้า และความแข็งแกร่งซ่อนอยู่ในทุกริ้วรอยบนใบหน้าของนาง ทำให้คนอื่นมากมายหวาดกลัวแต่ตอนนี้ เสื้อผ้าสีครามของนางมีรอยย่น ผมยุ่งเหยิง ปิ่นปักผมเอียงไม่เป็นท่า ถุงใต้ตาบวมหนักมาก จุดด่างดำบนใบหน้าก็ชัดเจนขึ้นมาก และนางผอมมากความกังวลบวกกับอดอาหารทำให้นางซูบผอม และผอมจนแทบจะมีรูปร่างไม่น่ามองเลยดูเหมือนว่านางจะไม่สนใจสิ่งใดอื่นเลย และกำลังรอความตาย แต่จริงๆ แล้วนางกระวนกระวายใจมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกอยู่สภาพแก่เฒ่าจนไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้อย่างกะทันหันเฉินยีไปคุยกับนาง แต่นางไม่พูดอะไรสักคำหรือไม่แม้แต่มองเฉินยีด้วยซ้ำตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับซ่งซีซี นางกลับพูดก่อนว่า "อย่าหวังว่าจะได้ยินคำพูดที่ไม่ดีต่อองค์หญิงจากปากของข้าแม้แต่คำเดียว แนะนำเจ้าอย่าเสียเวลาเลย"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ตู้ฉินบอกว่าเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตครอบครัวของท่านอาข้า หากไม่ได้เจ้า ครอบครัวของท่านอาข้าก็ไม่อยู่แล้ว สำหรับเร
ซ่งซีซีไม่คิดว่าคำพูดเหล่านี้ไร้สาระน่าขำ แต่กลับรู้สึกน่าเศร้า ไม่ว่าตอนนี้แม่นมฝางจะคิดอย่างไร สามารถยืยยันได้ว่าก่อนหน้านี้นางก็เคยคิดเช่นนั้นจริงๆซ่งซีซีไม่ได้ไปโต้แย้งกับคำพูดของแม่นมฝาง เพราะจากการที่นางแอบปล่อยให้ครอบครัวของท่านอาโดยไม่ให้องค์หญิงใหญ่รู้ ก็รู้ว่าความคิดของนางแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนแล้ว ที่นางพูดเช่นนี้ในตอนนี้ไม่ได้คิดจะโน้มน้าวใคร แต่เพื่อโน้มน้าวตัวเธอก็เท่านั้น"ได้ ในเมื่อทั้งหมดเป็นฝีมือของแม่นมและตู้ฉิน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่ งั้นแม่นมช่วยบอกทีว่ามีผู้หญิที่ถูกลักพาตัวไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ด้วยมือของเจ้ามีกี่คนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีกี่คนที่เสียชีวิต และจำนวนเด็กผู้ชายที่เสียชีวิตมีกี่คน"แม่นมฝางเงียบ แต่สีหน้ากลับดูหม่นหมองเล็กน้อยซ่งซีซีกล่าวต่อว่า "พวกเขาตายแล้ว แม่นมก็ต้องคืนความยุติธรรมให้พวกเขาสิ และให้พ่อแม่และญาติของผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวเหล่านั้นรู้ว่าพวกเขาไม่ต้องพยายามค้นหาอีกต่อไป นอกจากนี้ องค์หญิงใหญ่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงในข้อหากบฏ ไม่สามารถรอดชีวิตได้หรอก หากเจ้ายอมบอกตัวตนของสตรีเหล่านั้นออกมาให้ก็ถือว่าช่วยทำบุญให้นางแล้ว"
หลังจากที่ซ่งซีซีได้ยินคำพูดเหล่านี้ เปลวไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวก็แทบจะกลืนนางลงไป รายละเอียดนั้นน่าสะเทือนใจที่สุดแต่นางพยายามระงับความโกรธอย่างเต็มที่และไม่แสงดออก นางแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน ตั้งสติฟังนางพูดอย่างใจเย็น ยิ่งนางพูดมากเท่าไร ก็สามรถพบหลักฐานจากคำสารภาพของนางมากยิ่งขึ้นเท่านั้น จะสามารถใช้ประโยคตอนที่สอบปากคำองค์หญิงใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นความผิดฐานกบฏหรือความผิดฐานทำร้ายสตรี นางก็หนีไม่พ้นหรอก"ข้ารู้ว่าคราวนี้องค์หญิงจะไม่มีทางรอด แต่นางเคยเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงและมีชีวิตชีวาเช่นนั้น ได้สูงศักดิ์อย่างยิ่ง ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ก็ต่อแถวให้นางเลือกตามอำเภอใจ ทว่านางกลับตกหลุมรักกับซ่งฮวยอันผู้เป็นนักรบตั้งแต่แรกพบ และซ่งฮวยอันกลับไม่ได้ชอบนางอีก ...ในตอนแรก ข้าแค่อยากทำให้องค์หญิงมีความสุข"แม่นมฝางที่จมอยู่กับความทรงจำของนาง โดยไม่สนใจอีกต่อไปว่าคนตรงหน้าคือใคร นางเก็บงำคำพูดเหล่านี้ไว้นานเกินไป นางก็อยยากจะระบายสักหน่อย อายุเยอะแล้วใจมันก็อ่อนลง เรื่องที่ก่อนหน้านี้ทำจนชินนั้นพอหวนคิดดูในตอนนี้กลับรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นด้วยคำพูดของนางไม่ได้เรียงตามลำดับ แค่นึกถึงอะไรก็พูดไ
เซี่ยหลูโม่และเจ้าหน้าที่บันทึกข้อความออกมาจากด้านหลัง เขาไปกอดซ่งซีซีไว้ในอ้อมแขนก่อนแล้วจึงสั่งคนพาแม่นมฝางออกไปซ่งซีซีกล่าวอย่างใจเย็นว่า "ไปตามหากล่องใต้ต้นพุทรา นางได้จดที่ไปที่มาของผู้หญิงเหล่านั้นไว้""ขอรับ!" เจ้าหน้าที่บันทึกข้อความรับคำสั่งแล้วออกไปซ่งซีซีโน้มตัวไปในอ้อมแขนของเซี่ยหลูโม่ หัวใจและลำคอของนางดูเหมือนจะเต็มไปด้วยสำลีเหม็น เกิดความรู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ได้"ซีซี ไม่ถามแล้ว" เซี่ยหลูโม่พูดอย่างกังวล "สิ่งที่นางพูดนั้นอย่าเก็บไว้ใส่ใจ ท่านพ่อตาไม่ได้ทำผิด แค่นางรักฝ่ายเดียวอย่างหัวปักหัวปำ คิดจะทำร้ายผู้อื่นสุดท้ายก็ต้องเจอกับผลที่ตามมาด้วย"ซ่งซีซีดึงสติกลับมา ใบหน้ายังซีดเล็กน้อย "ข้าไม่เป็นไร ข้าสามารถสอบปากคำต่อไปได้ รอนางกลับมา ข้าจะค่อยๆ ถาม อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้ที่มาของผู้หญิงเหล่านั้นแล้ว สามารถส่งคนไปแจ้งครอบครัวของพวกนางให้ทราบ ไม่ต้องตามหาอีกแล้ว หาไม่เจอแล้ว ไม่ต้องกังวลใจทุกวันอย่างกับครอบครัวอาจารย์หยู ตอนนี้รู้แล้วว่าพวกนางตายแล้ว..."เท้าของนางอ่อนแรงลง ตายแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีโอกาสได้เจอกันิีก นางรู้ถึงความเจ็บปวดจากการตายของคนใน
กู้ชิงหลานตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นเสิ่นว่านจือ จากนั้นก็คิดถึงเรื่องที่พวกนางหลอกลวงตนเอง และรู้สึกไม่สอบอารมณ์เล็กน้อยแม้ว่าพวกนางต้องการให้แผนดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่การหลอกลวงก็คือการหลอกลวง ดังนั้น กู้ชิงหลานจึงทำได้เพียงรักษามารยาทขั้นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น "คุณหนูเสิ่น มีอะไรหรือเปล่า"เสิ่นว่านจือไม่ใช่คนประเภทที่มองสีหน้าคนอื่นไม่ออก นางรู้ว่าอีกฝ่ายต้องไม่พอใจแน่ๆ จึงถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "ขอเข้าไปคุยข้างในได้ไหม"กู้ชิงหลานหลีกทางให้ "เชิญ"นางห็แค่อารมณ์วูบเท่านั้น เพราะนางรู้ดีว่าหากแผนการนี้ไม่ถูกซ่อนไว้จากนาง นางจะต้องบอกพ่ออย่างแน่นอน นางไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าพ่อจะทรยศนางบ้านพักหลังนี้เรียบง่าย มีหลังคากระเบื้อง และสามารถมองเห็นส่วนท้ายได้อย่างรวดเร็ว โดยมีห้องครัวขนาดเล็กด้านนอก ด้านใบบ้านพักมีห้องโถงเล็กๆ และห้องนอนห้องหนึ่งก็เท่านั้นเมื่อเข้าไปจะมองเห็นแสงแดดลอดผ่านเศษหินได้ เห็นๆ อยู่ว่าหลังคาบ้านพักมีรอยแตกลาย และไม่ได้รับการซ่อมแซม หากฝนตกหนัก บ้านพักนี้จะกลายเป็นสระน้ำอย่างแน่นอนแม้ว่าเสิ่นว่านจือจะพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดเพื่อมองข้ามมัน แต่นางก็รู้สึกอึ
เสิ่นว่านจือไม่เข้าใจ "แต่ทำไมล่ะ แม่ของเจ้าเป็นลูกสาวของตระกูลหลิน และเจ้าเป็นหลานสาวของพวกเขาด้งบ ทำไมไม่ให้กลับบ้านล่ะ"กู้ชิงหลานทำท่าให้เงียบ "เบาๆ หน่อย แม่จะได้ยินเข้า"เสิ่นว่านจือพูดตรงๆ ว่า "เราออกไปคุยข้างนอกกันเถอะ พอดีข้าต้องรอหมอหงเชวี่ยมา หงเชวี่ยคิดว่าพวกเจ้าอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน งั้นเราไปรอนางที่นั่นกันเลย"ทั้งสองเปิดประตูแล้วเดินออกไป ประตูนี้... เสิ่นว่านจือก้าวออกไปสามก้าวแล้วมองย้อนกลับไป "พวกเขาให้พวกเจ้าอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เหรอ?"กู้ชิงหลานพูดอย่างเรียบๆ "เดิมทีบ้านหลังนี้ปล่อยให้เช่น แต่ต่อมาไม่มีใครเช่าอีกเพราะมันทรุดโทรมเกินไป พวกเขาไม่ยอมซ่อมแซม บอกว่าให้เราอยู่เป็นชั่วคราวไปก่อน และรอให้คดีจบลงค่อยให้เรากลับตระกูลหลิน""เจ้าเชื่อเหรอ?" เสิ่นว่านจือถาม"ไม่เชื่อ แต่เราไม่มีที่ไปในตอนนี้ อีกหน่อยข้าจะออกไปหาเงิน พอทำเงินได้ก็จะเปลี่ยนที่พัก""เจ้าจะออกไปหาเงินเหรอ? จะไปหางานอะไร?" เสิ่นว่านจือถามกู้ชิงหลานเดินช้าๆ พลางขมวดคิ้ว "เดิมทีข้ากะว่าจะไปทำงานเป็นคนใช้ข้างกายของพวกคุณหนูจากตระกูลใหญ่ ข้ามีวรยุทธ์... แต่ด้วยตัวตนของข้าคงไม่มีใครกล้ารับข้า เพรา