Share

บทที่ 747

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เสิ่นว่านจือไม่เข้าใจ "แต่ทำไมล่ะ แม่ของเจ้าเป็นลูกสาวของตระกูลหลิน และเจ้าเป็นหลานสาวของพวกเขาด้งบ ทำไมไม่ให้กลับบ้านล่ะ"

กู้ชิงหลานทำท่าให้เงียบ "เบาๆ หน่อย แม่จะได้ยินเข้า"

เสิ่นว่านจือพูดตรงๆ ว่า "เราออกไปคุยข้างนอกกันเถอะ พอดีข้าต้องรอหมอหงเชวี่ยมา หงเชวี่ยคิดว่าพวกเจ้าอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน งั้นเราไปรอนางที่นั่นกันเลย"

ทั้งสองเปิดประตูแล้วเดินออกไป ประตูนี้... เสิ่นว่านจือก้าวออกไปสามก้าวแล้วมองย้อนกลับไป "พวกเขาให้พวกเจ้าอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เหรอ?"

กู้ชิงหลานพูดอย่างเรียบๆ "เดิมทีบ้านหลังนี้ปล่อยให้เช่น แต่ต่อมาไม่มีใครเช่าอีกเพราะมันทรุดโทรมเกินไป พวกเขาไม่ยอมซ่อมแซม บอกว่าให้เราอยู่เป็นชั่วคราวไปก่อน และรอให้คดีจบลงค่อยให้เรากลับตระกูลหลิน"

"เจ้าเชื่อเหรอ?" เสิ่นว่านจือถาม

"ไม่เชื่อ แต่เราไม่มีที่ไปในตอนนี้ อีกหน่อยข้าจะออกไปหาเงิน พอทำเงินได้ก็จะเปลี่ยนที่พัก"

"เจ้าจะออกไปหาเงินเหรอ? จะไปหางานอะไร?" เสิ่นว่านจือถาม

กู้ชิงหลานเดินช้าๆ พลางขมวดคิ้ว "เดิมทีข้ากะว่าจะไปทำงานเป็นคนใช้ข้างกายของพวกคุณหนูจากตระกูลใหญ่ ข้ามีวรยุทธ์... แต่ด้วยตัวตนของข้าคงไม่มีใครกล้ารับข้า เพรา
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 748

    เสิ่นว่านจือมองไปกู้ชิงหลานที่กำลังโกรธแค้น ไม่รู้ว่าทำไม แต่เนื่องจากนางลงจากภูเขาเพื่อติดตามซีซีไปออกรบ ต่อมาได้เจอเรื่องไม่เอาไหนที่เมืองหลวงมากมาย ตอนนี้นางมีความอดทนมากขึ้นกว่าเดิมแล้วถ้าเป็นในอดีต นางคงจะเดินจากไปเมื่อได้ยินกู้ชิงหลานพูดแบบนี้ นางเคยใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นที่ไหนกัน? นางเป็ยคนเด็ดขาดโดยตลอด แต่ตอนนี้นางอยากเป็นคนมีจิตใจดีตอนนี้ นางพอจะเข้าใจความโกรธและความกลัวของกู้ชิงหลานได้แล้ว นางถูกญาติๆ ของนางหลอกใช้ประโยชน์มาโดยตลอด และไม่ได้รับความไว้วางใจใดๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางถือว่าฝู้หม่ากู้ แม่และพี่สาวของนางเป็นครอบครัวที่มีสมาชิกสี่คน เป็นหนึ่งเดียวกัน ฝู้หม่ากู้ทรยศนาง ตอนนี้ก็มาบอกนางว่าพี่สาวนางต้องการฆ่าแม่ตนเอง อีกอย่างเรื่องนี้ได้ฟังจากปากของคนนอกคนหนึ่ง แน่นอนว่านางจะไม่เชื่อเลยเสิ่นว่านจือผู้เป็นคนดีก็ไม่โกรธ "นั่นคือความจริง ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ หากคำปากคำของหมอประจำจวนเป็นเรื่องโกหก ก็หลอกคนของหอต้าหลี่ไม่ได้หรอก ส่วนเหตุใดที่พี่สาวเจ้าสามารถสั่งการเขาได้ นั่นเป็นเพราะพี่สาวเจ้าไปหลับนอนกับเขา"กู้ชิงหลานสั่นไปทั้งตัวพลางน้ำตาไหล "หุบปาก เจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 749

    ไหล่ของกู้ชิงหลานสั่นไหว และน้ำตาหยดใหญ่ก็ร่วงหล่นเมื่อเสิ่นว่านจือเห็นนางร้องไห้ก็ไม่ปลอบใจใดๆ จากนั้นหันไปมองที่ปลายซอย ทำไมหงเชวี่ยยังไม่มา?กู้ชิงหลานร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยน้ำเสียงแหบ "วันที่ข้ารับแม่กลับมา นางบอกข้าในรถม้าว่าให้ข้าอย่าไปไปเชื่อคำพูดของพี่สาว ข้าเชื่อว่าแม่น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงทำเช่นนี้"นางเชื่อแล้วหรือ?เสิ่นว่านจือหันไปมองนาง "แม่เจ้าบอกอย่างนี้กับเจ้าเหรอ งั้นนางก็รู้เรื่องแล้ว ส่วนเหตุผลที่นางทำแบบนี้ แม่ของเจ้าก็น่าจะรู้แล้ว เจ้ากลับไปถามนางได้เลย"หงเชวี่ยขี่ลาเข้าไปในซอย เสิ่นว่านจือรีบโบกมือให้ "หงเชวี่ย ที่นี่"หงเชวี่ยก็เห็นพวกนางเช่นกัน และรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมไม่รอนางที่ประตูบ้านของตระกูลหลิน แต่นางยังขี่ลาเข้าไปหาพลางถามว่า "ทำไมอยู่นี่ล่ะ""พวกนางไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหลิน อยู่ทางนุ่นเลย" เสิ่นว่านจือมองไปที่กู้ชิงหลาน "อย่าทำอะไรใช้อารมณ์ แม่เจ้ากำลังป่วยหนัก ซีซีมีงานมากมายยังไม่ลืมกำชับว่าต้องหาหมอให้แม่ของเจ้า อย่าทำให้ความหวังดีของนางต้องเสียเปล่า แต่อย่าทำร้ายแม่เพราะอารมณ์ของเจ้า"หงเชวี่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 750

    เมื่อพวกเขาออกไปนอกประตู หงเชวี่ยก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรจากกู้ชิงหลาน และพูดว่า "เมื่อกี้มีแม่ของเจ้าอยู่ด้วยเลยไม่เหมาะที่จะพูด แต่ตอนนี้ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าว่า โรคของนางหากสามารถรักษาให้เร็วกว่าสักเดือนหนึ่งก็ยังมาทางหายได้ ไม่ถึงขั้นร้ายแรงขนาดนี้ เจ้าอยู่ดูแลนางให้ดีๆ เถอะ เหลือเวลาไม่มากแล้ว"กู้ชิงหลานรู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า หากบอกว่าเมื่อกี้นางยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำพูดของเสิ่นว่านจือ งั้นตอนนี้ก็เชื่อมันอย่างเต็มที่แม่ได้ดื่มยาในคุกใต้ดินด้วย แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ยารักษาโรคของนางหมอประจำจวนในคจวนองค์หญิงใหญ่มีทักษะทางการแพทย์ที่ดีมาก หากพวกเขาอยากจะรักษาให้แม่อย่างจริงใจ งั้นแม่ก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอนแต่ทำไม? ทำไมนางถึงทำเช่นนี้?นางถือใบสั่งยาและตัวเงินหนึ่งร้อยตำลึงด้วยความงุนงง น้ำตาไหลออกมาอย่างบ้าคลั่งบนใบหน้าของนาง หงเชวี่ยชินกับการมองเห็นความสุขและความเศร้าโศกของโลกนี้ และทำได้เพียงปลอบใจว่า "ในโลกนี้มีเรื่องที่จนใจมาหมาย แต่เราก็ต้องเข้มแข็ง"หงเชวี่ยขี่ลาออกไป เดิมทีเสิ่นว่านจือก็กะว่าจะจากไปเช่นกัน แต่เมื่อเห็นกู้ชิงหลานเป็นแบบนี้นางก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงลากน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 751

    เสิ่นว่านจือจากไปแล้ว รู้สึกทั้งโกรธและอึดอัดใจแม่ลูกสองคนนี้เป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่ได้รับการทรมานจากองค์หญิงใหญ่ พวกนางไม่ใช่คนที่น่าสงสารที่สุด พวกนางยังมีชีวิตอยู่และยังสามารถออกจากจวนองค์หญิงใหญ่ได้หลายคนเป็นกระดูกไปแล้วหากไม่สามารถหั่นผู้หญิงคนนี้เป็นชิ้นๆ ไม่งั้นมันระบายความโกรธในใจไม่ได้จริงๆซ่งซีซียังอยู่ในหอต้าหลี่ หลังจากที่แม่นมฝางตื่นขึ้นมาได้ดื่มน้ำสักหน่อยจากนั้นถูกส่งไปที่ห้องสอบสวนอีกครั้งเซี่ยหลูโม่กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องสอบถามอีกเลย แต่ซ่งซีซีมีเรื่องจะพูดมันยังเป็นห้องสอบสวนเดิม แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่บันทึกข้อความ เซี่ยหลูโม่ยังนั่งอยู่ด้านหลังฉากกั้นห้องซ่งซีซีและแม่นมฝางนั่งตรงข้ามกัน โดยมีโต๊ะอยู่ระหว่างกั้นใบหน้าของนางมืดมน และไม่มีแสงประกายในดวงตาของนาง มีเพียงรอยขมขื่นและถอนหายใจ "ทำไมต้องถามอีกล่ะ เจ้าคิดว่าข้าจะพูดอะไรได้อีกล่ะ เจ้าต้องการให้ข้าเป็นพยานเพื่อชี้แจงว่าองค์หญิงใหญ่ในข้อหากบฏงั้นหรือ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องให้ชี้แจงหรอก พวกเจ้ามีหลักฐาน ด้วยสิ่งต่างๆ ที่พบในคุกใต้ดิน ไม่ต้องการคำปากคำใดๆ อีก และฮ่องเต้ก็จะไม่ปล่อยนางไป แล้วทำไมถึงต้องมุ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 752

    แม่นมฝางไม่ได้พูดมานาน นางรู้อยู่ในใจว่าองค์หญิงของนางไม่มีทางเป็นเหมือนเซียวเฟิ้งเอ๋อได้ในใจนาง ความคับข้องใจของนางสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดหากนางแต่งงานกับซ่งฮวยอัน หากซ่งฮวยอันไม่เชื่อฟังนางแม้แต่ครั้งเดียว นางก็จะต้องก่อโกลาหลอย่างแน่นอนซ่งซีซีกล่าวต่อ "ส่วนที่เจ้าบอกว่าอนุภรรยาในจวนนั้นต่างต่ำต้อย องค์หญิงสูงศักดิ์ ไม่ว่าองค์หญิงจะทำอะไรกับพวกนางล้วนถือว่าเป็นพระบุญคุณ แล้วหากข้ามอบพระบุญคุณเช่นนี้ให้เจ้า แม่นมฝางจะกราบขอบคุณ แล้วยื่นนิ้วของเจ้าให้ข้าตัดออกทีละนิ้วไหม?"แม่นมฝางไม่เงยหน้าขึ้น ลดสายตาลง และไม่สามารถพูดอะไรที่จะตอบโต้ได้"อนุภรรยาที่ต่ำต้อยที่พวกเจ้าเอ่ยถึงนั้น ส่วนใหญ่เป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัวตนเอง ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือสามัญชน พ่อแม่ของพวกนางก็ต้องเอ็นดูรักใคร่พวกนางเหมือนที่เจ้าเอ็นดูองค์หญิงใหญ่ แต่พวกนางถูกลักพาตัวและตายอย่างน่าสงสารในจวนองค์หญิง เจ้ายังคิดว่าพวกนางควรจะขอบคุณ โลกแบบนี้แม่นมฝางคิดดูให้ดีๆ ว่ามันน่ากลัวไหม ข้าไม่รู้ว่าโลกใบนี้มีผีตายตาไม่หลับหรือเปล่า หากมี พวกนางต้องลอยอยู่จวนองค์หญิงใหญ่ไม่ยอมไปไหน มิน่าล่ะทุกเทศกาลหันอี้ต้องทำพิธีทำบุญให

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 753

    เฉินยีพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "ข้าก็อ่านมาแล้วเช่นกัน ท่านอ๋อง โชคดีที่ได้ระบุบที่มาของผู้หญิงเหล่านั้น สามารถส่งคนไปบอกพวกเขาทีละครอบครัวได้""คนที่ไปตามหากระดูกนั้นกลับมาหรือยัง?" เซี่ยหลูโม่ถาม"ยังขอรับ บ่อน้ำลึกมากปิดมานานแล้วต้องรอให้กลิ่นเหม็นจางลงไปก่อนแล้วค่อยลงบ่อได้ คนที่ส่งไปเอากล่องนั้นแจ้งว่ามีคนลงไปบ่อน้ำแล้ว แต่มีศพเน่าเปื่อยอยู่ในบ่อ ยังนำกลับมาไม่ได้ อีกอย่างไม่เพียงแค่หนึ่งโครงกระดูก ศพที่เน่าเปื่อยและบวมเหล่านี้ก็เป็นอุปสรรคต่อการนำโครงกระดูกอื่นๆ กลับมาด้วย"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "มีเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพอยู่ที่นั่นหรือเปล่า? ไปสำนักเขตจิงจ้าว ให้พวกเขาส่งเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพไปช่วย""ไปแล้ว""อืม นับอาวุธเสร็จหรือยัง? ข้าจะเข้าวังเพื่อรายงงาน" เซี่ยหลูโม่ถามอีกครั้ง"นับแล้ว สมุดอยู่นี่" เฉินยีรีบดึงสมุดเล่มเล็กออกมาจากโต๊ะแล้วส่งให้เซี่ยหลูโม่ "ถูกเขียนตามหมวดหมู่ โปรดใต้เท้าตรวจดู"เซี่ยหลูโม่เปิดสมุด และพบคันธนูหนึ่งพันคัน เครื่องยิงห้าเครื่อง ลูกธนูสามร้อยแปดสิบมัด มัดหนึ่งร้อยแท่ง ชุดเกราะแปดร้อยชุด มีดยาวสามร้อยเล่ม หอกยาวสามร้อยเล่ม มีดสั้นสามร้อยเล่ม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 754

    นับตั้งแต่คืนเทศกาลหันอี้ เมื่อนางเสิ่นและชายารองจินกลับจวนตอนดึกได้พูดคุยเหตุการณ์ที่จวนองค์หญิงใหญ่แล้ว อ๋องเยี่ยน ก็วุ่นวายใจ ต่อมาก็ตกอยู่ภาวะที่ตื่นกลัวอย่างง่ายไม้ต้องให้คุณชายอู๋เซี่ยงโน้มน้าว เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถออกจากเมืองหลวงและกลับไปที่เยี่ยนโจวได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับยอมรับความจริงไปแล้วอู๋เซี่ยงให้เขาไม่ต้องไปสนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ยังเข้าวังทุกวันเพื่อดูแลผู้ป่วย โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นสำหรับคนที่เขาพาเข้ามาในเมืองหลวง ไม่มีใครสามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้อ๋องเยี่ยนแสร้งทำเป็นสงบภายนอก แต่จริงๆ แล้ว ในใจของเขาได้เกิดพยุงรุนแรงแล้ว เขาต้องการสอบถามเกี่ยวกับข่าวนี้ แต่หาแหล่งสืบสวนไม่ได้เขารู้ว่าผู้ที่ใกล้ชิดกับทางจวนองค์หญิงใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตรายในขณะนี้ และตัวตนที่เขาในฐานะท่านอ๋องยิ่งอ่อนไหวมากขึ้นหลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว คนเดียวที่สามารถสืบสวนข้อมูลออกมาได้ก็คือนางเสิ่น เสิ่นว่านจือ ลูกพี่ลูกน้องของนางเสิ่นอาศัยอยู่ในจวนเป่ยหมิงอ๋อง และเป็นเพื่อนสนิทกับซ่งซีซี พระชายาเป่ยหมิงอ๋องดังนั้น ก่อนเข้าว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 755

    นางเสิ่นพูดอย่างเย็นชา "ข้ากับท่านอ๋องเป็นสามีภรรยากัน ระหว่างสามีและภรรยาจะตำหนิกันได้อย่างไร แต่ถ้าท่านอ๋องเร่งรีบกับเรื่องนี้ข้าก็ต้องให้ความสำคัญ เจ้าออกไปให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"เมื่อชายารองจินเห็นว่านางยอมออกไปแล้ว โดยไม่สนใจสายตานางเต็มไปด้วยความดูถูกมากเพียงใด จากนั้นก็ออกไปให้คนใช้เตรียมรถม้าแต่แล้ว ทันทีที่นางเสิ่นออกจากบ้านก็เห็นซ่งซีซีกำลังมาพร้อมกับกองกำลังเมืองหลวงจำนวนมาก เมื่อมองแวบแรก นางยังมองไม่ออกว่าคือซ่งซีซี หลังจากมองดูอย่างละเอียดถึงจำนางออกซ่งซีซีนำปี้หมิงและกองกำลังเมืองหลวงอีกหลายสิบคน และมาที่นี่พร้อมกับกระบวนยิ่งใหญ่ขนาดนี้เพื่อสอบปากคำสตรีจากตระกูลขุนนางหรือฮูหยินมียศ นางจงใจจัดฉากใหญ่เพื่อให้ตระกูลขุนนางอื่นๆ เห็นว่าขนาดปฏิบัติต่อจวนอ๋องเยี่ยนก็เป็นเช่นนี้ หากไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างก่อเสียงดังแบบนี้ถือว่าไว้หน้ามากแล้วที่ทำแบบนี้ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้พวกเขาไม่พอใจ ในทางหลับกัน กลับให้คนอื่นๆ ซาบซึ้งใจด้วยเมื่อนางเสิ่นเห็นว่าพวกเขากำลังจะเข้าไปจวนอ๋องก็ตะโกนด้วยความโกรธทันทีว่า "พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ช่างบังอาจจัง ที่นี่คือจวนอ๋องเยี่

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status