นับตั้งแต่คืนเทศกาลหันอี้ เมื่อนางเสิ่นและชายารองจินกลับจวนตอนดึกได้พูดคุยเหตุการณ์ที่จวนองค์หญิงใหญ่แล้ว อ๋องเยี่ยน ก็วุ่นวายใจ ต่อมาก็ตกอยู่ภาวะที่ตื่นกลัวอย่างง่ายไม้ต้องให้คุณชายอู๋เซี่ยงโน้มน้าว เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถออกจากเมืองหลวงและกลับไปที่เยี่ยนโจวได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับยอมรับความจริงไปแล้วอู๋เซี่ยงให้เขาไม่ต้องไปสนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ยังเข้าวังทุกวันเพื่อดูแลผู้ป่วย โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นสำหรับคนที่เขาพาเข้ามาในเมืองหลวง ไม่มีใครสามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้อ๋องเยี่ยนแสร้งทำเป็นสงบภายนอก แต่จริงๆ แล้ว ในใจของเขาได้เกิดพยุงรุนแรงแล้ว เขาต้องการสอบถามเกี่ยวกับข่าวนี้ แต่หาแหล่งสืบสวนไม่ได้เขารู้ว่าผู้ที่ใกล้ชิดกับทางจวนองค์หญิงใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตรายในขณะนี้ และตัวตนที่เขาในฐานะท่านอ๋องยิ่งอ่อนไหวมากขึ้นหลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว คนเดียวที่สามารถสืบสวนข้อมูลออกมาได้ก็คือนางเสิ่น เสิ่นว่านจือ ลูกพี่ลูกน้องของนางเสิ่นอาศัยอยู่ในจวนเป่ยหมิงอ๋อง และเป็นเพื่อนสนิทกับซ่งซีซี พระชายาเป่ยหมิงอ๋องดังนั้น ก่อนเข้าว
นางเสิ่นพูดอย่างเย็นชา "ข้ากับท่านอ๋องเป็นสามีภรรยากัน ระหว่างสามีและภรรยาจะตำหนิกันได้อย่างไร แต่ถ้าท่านอ๋องเร่งรีบกับเรื่องนี้ข้าก็ต้องให้ความสำคัญ เจ้าออกไปให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"เมื่อชายารองจินเห็นว่านางยอมออกไปแล้ว โดยไม่สนใจสายตานางเต็มไปด้วยความดูถูกมากเพียงใด จากนั้นก็ออกไปให้คนใช้เตรียมรถม้าแต่แล้ว ทันทีที่นางเสิ่นออกจากบ้านก็เห็นซ่งซีซีกำลังมาพร้อมกับกองกำลังเมืองหลวงจำนวนมาก เมื่อมองแวบแรก นางยังมองไม่ออกว่าคือซ่งซีซี หลังจากมองดูอย่างละเอียดถึงจำนางออกซ่งซีซีนำปี้หมิงและกองกำลังเมืองหลวงอีกหลายสิบคน และมาที่นี่พร้อมกับกระบวนยิ่งใหญ่ขนาดนี้เพื่อสอบปากคำสตรีจากตระกูลขุนนางหรือฮูหยินมียศ นางจงใจจัดฉากใหญ่เพื่อให้ตระกูลขุนนางอื่นๆ เห็นว่าขนาดปฏิบัติต่อจวนอ๋องเยี่ยนก็เป็นเช่นนี้ หากไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างก่อเสียงดังแบบนี้ถือว่าไว้หน้ามากแล้วที่ทำแบบนี้ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้พวกเขาไม่พอใจ ในทางหลับกัน กลับให้คนอื่นๆ ซาบซึ้งใจด้วยเมื่อนางเสิ่นเห็นว่าพวกเขากำลังจะเข้าไปจวนอ๋องก็ตะโกนด้วยความโกรธทันทีว่า "พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ช่างบังอาจจัง ที่นี่คือจวนอ๋องเยี่
ซ่งซีซีไม่ได้โกรธกับน้ำเสียงของนาง แค่พูดกับเจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงอย่างใจเย็นว่า "จดไว้ เขียนว่าเสี้ยนจู่อวี้ชิงมีท่าทีหงุดหงิด ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ สงสัยว่าคัดค้านพระราชกฤษฎีกา"เจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงเปิดสมุด ปี้หมิงรีบเทหมึกให้ก่อนพูดว่า "ขอรับ ผู้บัญชาการซ่ง"อวี้ชิงสะดุ้ง ใบหน้าชมพูของนางยิ่งเย็นยาขึ้น "ซ่งซีซี อย่าพูดอะไรมั่วซั่ว ข้าจะคัดค้านพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่เมื่อไหร่?"ซ่งซีซีนั่งนิ่งและพูดต่อ "จดต่อว่าเสี้ยนจู่อวี้ชิงดุข้าด้วยความโกรธ มีท่าทางแย่มาก"เจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงเริ่มเขียนอย่างรวดเร็ว "ขอรับ ข้าจดไว้แล้ว"เสี้ยนจู่อวี้ชิงเดินเข้าไปและเห็นว่าเขาได้เขียนอย่างที่ซ่งซีซีพูดไว้จริงๆ จึงเอื้อมมือออกไปเพื่อฉีกมันออก ปี้หมิงสกัดกั้นมันด้วยดาบของเขา และพูดอย่างเย็นชา "จดไว้ว่าเสี้ยนจู่อวี้ชิงพยายามจะฉีกข้อมูลปากคำออก"อวี้ชิงถูกดาบขวางไว้และถอยหลังไปสองก้าว แต่นางไม่กล้าที่จะเอาแต่ใจอีกเมื่อเห็นซ่งซีซีไม่คำนึงถึงความเป็นพี่น้องกัน ชายารองจินจึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อไกล่เกลี่ย "ผู้บัญชาการซ่งอย่าไปถือสาอวี้ชิงเลย นางอายุยังน้อยไม่รู้ความ
เมื่อซ่งซีซีถามคำถามนี้ออกมา ไม่มีใครตอบเพราะคำตอบของพวกนางจะถูกบันทึกไว้การอกตัญญูถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง แม้ว่าจะไม่ได้รับการลงโทษ แต่หากคำพูดนี้ถูกแพร่กระจายออกไปก็จะไม่ดีต่อการหาคู่ครองของพวกนาง ตระกูลขุนนางชั้นสูงมีผู้ใดบ้างอยากมีสะใภ้ที่อกตัญญูล่ะ?ในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงเซี่ยหรูหลิงที่ทำหน้าสำนึกผิด แต่เขาไม่ได้พูดอะไรซ่งซีซีเหลือบมองพวกเขาแล้วพูดกับเจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิง "จดไว้ ลูกๆ ของอดีตพระชายาอ๋องเยี่ยนล้วนให้คำตอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าพวกเขาละอายใจหรือไม่แยแส"อวี้ชิงรีบพูดขึ้นว่า "เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมเราไม่อยากไปดูแลเสด็จแม่ล่ะ เป็นเพราะเสด็จพ่อสุขภาพไม่ดีในเวลานั้นด้วย และเราก็ต้องดูแลเขา นอกจากนี้ เรายังเด็กและยังไม่ได้ออกเรือนก็ไม่เหมาะที่จะไปสำนักแม่ชีชิงมู่"มีการเสียดสีในสายตาของซ่งซีซี "เสด็จพ่อของเจ้ามีสุขภาพไม่ดี ดังนั้นพวกเจ้าทุกคนจึงอยู่ในจวนเพื่อรับใช้เขา แต่เสด็จแม่ของเจ้าป่วยหนักกลับต้องไปที่สำนักแม่ชีชิงมู่ ทำไมนางไม่สามารถพักฟื้นที่จวนอ๋องเยี่ยน เป็นเพราะพวกเจ้าปฏิบัติต่อนางไม่ดี หรือว่านางได้พบกับความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้ของจวนอ๋องเยี่ยนล่ะ
หลังจากที่นางพูดจบ จู่ๆ นางก็ปิดปากอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองซ่งซีซีด้วยความตกตะลึง "เมื่อกี้ผู้บัญชาการซ่งบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตเมื่อสามปีหลังจากแต่งเข้าจวนงั้นเหรอ? ยังถูกตัดนิ้วมือและนิ้วเท้าออกด้วยเหรอ? คุณพระช่วย จะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร นางทำผิดอะไรไป ข้าเห็นว่านางมาจากครอบครัวที่เรียบง่าย มีนิสัยใจคอที่ดี เลยส่งให้กับองค์หญิงใหญ่ นางทำอะไรผิดไป ทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงทำเช่นนี้กับนางเล่า?""นางผิดที่โดนเจ้าเห็นเข้า""นี่…" ชายารองจินทำท่าไร้เดียงสา "ข้าไม่ได้คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ข้าก็หวังดีกับนาง โดยคิดว่าจวนโหวกู้ก็เป็นตระกูลใหญ่ ต่อให้นางเป็นแค่อนุภรรยา ก็ยังดีกว่าแต่งงานกับสามัญชนข้างนอก"ซ่งซีซีพูดอย่างเย็นชา "ชายารองจินพูดแบบนี้ คือไม่รู้เหรอว่านางจะอยู่ในจวนองค์หญิง ทำเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตนเองเลย"ชายารองจินรีบอธิบายว่า "ข้าไม่รู้จริงๆ เพราะฝู้หม่าไม่ได้อาศัยอยู่ในจวนองค์หญิง ข้าคิดว่าในเมื่อฝู้หม่าอาศัยอยู่ในจวนโหวกู้ งั้นอนุภรรยาของเขาก็ต้องอยู่ในจวนโหวกู้ และข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงทำกับนางเช่นนี้"โดยปกติแล้ว นางเสิ่นจะไม่พูดแทนชายารองจิน แต่คราวนี้ซ
ตระกูลฉีรับข้าราชการมานานมาก และตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงรุ่งเรือง เจ้ากรมฉีได้รับการยกย่องอย่างสูงในราชวงศ์ของจักรพรรดิองค์ก่อน เขาบอกได้ว่าตนเองสามารถเข้าใจความคิดของจักรพรรดิองค์ก่อนไปหมดแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจความคิดของฮ่องเต้ปัจจุบันได้เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฮ่องเต้จึงให้ซ่งซีซีเป็นผู้บัญชาการ ตำแหน่งนี้มีความสำคัญมาก หากทางจวนเป่ยหมิงอ๋องมีใจไม่ซื่อ งั้นใช้งานตำแหน่งนี้สามารถทำสิ่งหลายอย่างได้ดังนั้น ตอนที่เขาจัดการประชุมครอบครัว นอกจะให้ทุกคนยับยั้งชั่งใจอย่างเข้มงวด ก็แสดงความไม่พอใจกับซ่งซีซีด้วย"หากปล่อยนางทำเช่นนี้ต่อไป งั้นจะทำให้ตระกูลขุนนางในเมืองหลวงเกิดโกลาหล เกรงว่าจะมีคดีไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น ในปกติกลับไม่ได้มองออกว่านางเป็นคนรีบร้อนที่อยากสร้างผลงานแบบนี้ โดยจัดการกับจวนอ๋องเยี่ยนก่อนเพื่อวางอำนาจ งั้นสำหรับตระกูลอื่นๆ นางจะออมมือให้ไหมล่ะ ไร้สาระจริงๆ"ฉีฟางและฉีลิ่วก็อยู่ด้วย หลังจากฟังคำพูดของเจ้ากรมฉี พวกเขาก็อยากจะช่วยพูดแทนซ่งซีซีสักหน่อย แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปาก เจ้ากรมฉีก็เหลือบมองอย่างเย็นชา "บ้านสามของพวกเจ้าก็ต้องระมัดระวังด้วย เจ้าหก โดยเฉพาะตอนนี้เจ้าแต่งงานกับอ
ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ และนางจะชอบคิดมากและละเอียดอ่อนในระหว่างตั้งครรภ์ นางมีความสุขเมื่อรู้ว่าจ้านเป่ยว่างได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่นางก็เศร้ามากจนร้องไห้เมื่อรู้ว่าซ่งซีซีเป็นหัวหน้าของจ้านเป่ยว่างนางพิงแขนของจ้านเป่ยว่าง และสำลัก "ข้าไม่อิจฉานาง แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาอยู่เหนือกว่าเจ้า เป็นเจ้าที่พบหลักฐานของการกบฏองค์หญิงใหญ่ หากไม่มีเจ้า เกรงว่าจนถึงขณะนี้ก็จะไม่มีใครค้นพบเจตนากบฏขององค์หญิงใหญ่""ข้าแค่ไม่ยอม เหตุใดเจ้าถึงถูกนางปราบปรามตลอด? ในด้านผลงาน เรื่องงาน เจ้าสู้นางไม่ได้หรือ ทำไมฮ่องเต้จะผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นผู้บัญชาการได้อย่างไร ปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งไปดูแลกองทัพซวนเจีย รวมถึงทหารรักษาพระราชวังและองครักษ์รักษาพระองค์ด้วย นี่มันล้อเล่นหรือเปล่า ทำให้พวกผู้ชายต้องเสียหน้าไปหมดแล้ว"จ้านเป่ยว่างรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสำลักของนางเขานึกถึงมือสังหารที่ต่อสู้กับเขาในคืนนั้น เขารู้ว่าคนนั้นคือใครเพราะงั้นผลงานนี้เป็นเขาที่ทำจริงๆ หรือ ไม่ คือคนนั้นส่งให้เขาคงรู้ว่าองค์หญิงใหญ่กำลังวางแผนกบฏและต้องการเปิดเผยแผนการสมรู้ร่วมคิดขององค์หญิงใหญ่ให้คนอื่นรู้ในช่
ในฐานะภรรยาไม่มีเหตุผลที่จะตบหน้าสามีของตนเอง อย่าว่าแต่จวนแม่ทัพที่เป็นตระกูลใหญ่ แม้แต่คนธรรมดาก็จะไม่สามารถตบหน้าโดยตรง โกรธมากสุดก็แค่ต่อยที่ร่างกายสักหน่อย เพราะหมัดของผู้หญิงก็มีแรงไม่มากนักการตบหน้าคือการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายมีคนรับใช้อยู่ข้างนอกด้วย งั้นจ้านเป่ยว่างยังจะมีเกียรติในจวนแห่งนี้ได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์ การตบครั้งนี้ทำให้ความสุขที่หลงเหลืออยู่ในใจของจ้านเป่ยว่างหายไปจริงๆหวังชิงหลูกัดริมฝีปากและหลั่งน้ำตา นางรู้ดีว่าตนเองทำมากเกินไป แต่นางก็ไม่สามารถก้มหน้ากล่าวขอโทษให้"ช่างเถอะ เจ้าออกไปได้แล้ว" จ้านเป่ยว่างระงับความโกรธของเขาและไม่ต้องการโต้เถียงกับเขา ความทุกข์ใจจากความขัดแย้งระหว่างสามีภรรยาเขาทนมามากพอแล้ว มันกินพลังงานมากเกินไปหวังชิงหลูรู้สึกผิดเล็กน้อยหลังจากตบหน้าเขา แต่เมื่อได้ยินคำพูดเย็นชาของเขา ก็รู้สึกอึดอัดใจ "ข้ากำลังท้องอยู่ยังมาดูแลเจ้า อยากให้เจ้าพักฟื้นดีๆ จะได้หายไวๆ ไปขอบพระทัยฮ่องเต้เพื่อรับตำแหน่ง แต่ท่าทางของเจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก"จ้านเป่ยว่างหลับตา ไม