Share

บทที่ 753

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เฉินยีพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "ข้าก็อ่านมาแล้วเช่นกัน ท่านอ๋อง โชคดีที่ได้ระบุบที่มาของผู้หญิงเหล่านั้น สามารถส่งคนไปบอกพวกเขาทีละครอบครัวได้"

"คนที่ไปตามหากระดูกนั้นกลับมาหรือยัง?" เซี่ยหลูโม่ถาม

"ยังขอรับ บ่อน้ำลึกมากปิดมานานแล้วต้องรอให้กลิ่นเหม็นจางลงไปก่อนแล้วค่อยลงบ่อได้ คนที่ส่งไปเอากล่องนั้นแจ้งว่ามีคนลงไปบ่อน้ำแล้ว แต่มีศพเน่าเปื่อยอยู่ในบ่อ ยังนำกลับมาไม่ได้ อีกอย่างไม่เพียงแค่หนึ่งโครงกระดูก ศพที่เน่าเปื่อยและบวมเหล่านี้ก็เป็นอุปสรรคต่อการนำโครงกระดูกอื่นๆ กลับมาด้วย"

เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "มีเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพอยู่ที่นั่นหรือเปล่า? ไปสำนักเขตจิงจ้าว ให้พวกเขาส่งเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพไปช่วย"

"ไปแล้ว"

"อืม นับอาวุธเสร็จหรือยัง? ข้าจะเข้าวังเพื่อรายงงาน" เซี่ยหลูโม่ถามอีกครั้ง

"นับแล้ว สมุดอยู่นี่" เฉินยีรีบดึงสมุดเล่มเล็กออกมาจากโต๊ะแล้วส่งให้เซี่ยหลูโม่ "ถูกเขียนตามหมวดหมู่ โปรดใต้เท้าตรวจดู"

เซี่ยหลูโม่เปิดสมุด และพบคันธนูหนึ่งพันคัน เครื่องยิงห้าเครื่อง ลูกธนูสามร้อยแปดสิบมัด มัดหนึ่งร้อยแท่ง ชุดเกราะแปดร้อยชุด มีดยาวสามร้อยเล่ม หอกยาวสามร้อยเล่ม มีดสั้นสามร้อยเล่ม
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 754

    นับตั้งแต่คืนเทศกาลหันอี้ เมื่อนางเสิ่นและชายารองจินกลับจวนตอนดึกได้พูดคุยเหตุการณ์ที่จวนองค์หญิงใหญ่แล้ว อ๋องเยี่ยน ก็วุ่นวายใจ ต่อมาก็ตกอยู่ภาวะที่ตื่นกลัวอย่างง่ายไม้ต้องให้คุณชายอู๋เซี่ยงโน้มน้าว เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถออกจากเมืองหลวงและกลับไปที่เยี่ยนโจวได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับยอมรับความจริงไปแล้วอู๋เซี่ยงให้เขาไม่ต้องไปสนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ยังเข้าวังทุกวันเพื่อดูแลผู้ป่วย โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นสำหรับคนที่เขาพาเข้ามาในเมืองหลวง ไม่มีใครสามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้อ๋องเยี่ยนแสร้งทำเป็นสงบภายนอก แต่จริงๆ แล้ว ในใจของเขาได้เกิดพยุงรุนแรงแล้ว เขาต้องการสอบถามเกี่ยวกับข่าวนี้ แต่หาแหล่งสืบสวนไม่ได้เขารู้ว่าผู้ที่ใกล้ชิดกับทางจวนองค์หญิงใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตรายในขณะนี้ และตัวตนที่เขาในฐานะท่านอ๋องยิ่งอ่อนไหวมากขึ้นหลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว คนเดียวที่สามารถสืบสวนข้อมูลออกมาได้ก็คือนางเสิ่น เสิ่นว่านจือ ลูกพี่ลูกน้องของนางเสิ่นอาศัยอยู่ในจวนเป่ยหมิงอ๋อง และเป็นเพื่อนสนิทกับซ่งซีซี พระชายาเป่ยหมิงอ๋องดังนั้น ก่อนเข้าว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 755

    นางเสิ่นพูดอย่างเย็นชา "ข้ากับท่านอ๋องเป็นสามีภรรยากัน ระหว่างสามีและภรรยาจะตำหนิกันได้อย่างไร แต่ถ้าท่านอ๋องเร่งรีบกับเรื่องนี้ข้าก็ต้องให้ความสำคัญ เจ้าออกไปให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"เมื่อชายารองจินเห็นว่านางยอมออกไปแล้ว โดยไม่สนใจสายตานางเต็มไปด้วยความดูถูกมากเพียงใด จากนั้นก็ออกไปให้คนใช้เตรียมรถม้าแต่แล้ว ทันทีที่นางเสิ่นออกจากบ้านก็เห็นซ่งซีซีกำลังมาพร้อมกับกองกำลังเมืองหลวงจำนวนมาก เมื่อมองแวบแรก นางยังมองไม่ออกว่าคือซ่งซีซี หลังจากมองดูอย่างละเอียดถึงจำนางออกซ่งซีซีนำปี้หมิงและกองกำลังเมืองหลวงอีกหลายสิบคน และมาที่นี่พร้อมกับกระบวนยิ่งใหญ่ขนาดนี้เพื่อสอบปากคำสตรีจากตระกูลขุนนางหรือฮูหยินมียศ นางจงใจจัดฉากใหญ่เพื่อให้ตระกูลขุนนางอื่นๆ เห็นว่าขนาดปฏิบัติต่อจวนอ๋องเยี่ยนก็เป็นเช่นนี้ หากไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างก่อเสียงดังแบบนี้ถือว่าไว้หน้ามากแล้วที่ทำแบบนี้ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้พวกเขาไม่พอใจ ในทางหลับกัน กลับให้คนอื่นๆ ซาบซึ้งใจด้วยเมื่อนางเสิ่นเห็นว่าพวกเขากำลังจะเข้าไปจวนอ๋องก็ตะโกนด้วยความโกรธทันทีว่า "พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ช่างบังอาจจัง ที่นี่คือจวนอ๋องเยี่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 756

    ซ่งซีซีไม่ได้โกรธกับน้ำเสียงของนาง แค่พูดกับเจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงอย่างใจเย็นว่า "จดไว้ เขียนว่าเสี้ยนจู่อวี้ชิงมีท่าทีหงุดหงิด ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ สงสัยว่าคัดค้านพระราชกฤษฎีกา"เจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงเปิดสมุด ปี้หมิงรีบเทหมึกให้ก่อนพูดว่า "ขอรับ ผู้บัญชาการซ่ง"อวี้ชิงสะดุ้ง ใบหน้าชมพูของนางยิ่งเย็นยาขึ้น "ซ่งซีซี อย่าพูดอะไรมั่วซั่ว ข้าจะคัดค้านพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่เมื่อไหร่?"ซ่งซีซีนั่งนิ่งและพูดต่อ "จดต่อว่าเสี้ยนจู่อวี้ชิงดุข้าด้วยความโกรธ มีท่าทางแย่มาก"เจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงเริ่มเขียนอย่างรวดเร็ว "ขอรับ ข้าจดไว้แล้ว"เสี้ยนจู่อวี้ชิงเดินเข้าไปและเห็นว่าเขาได้เขียนอย่างที่ซ่งซีซีพูดไว้จริงๆ จึงเอื้อมมือออกไปเพื่อฉีกมันออก ปี้หมิงสกัดกั้นมันด้วยดาบของเขา และพูดอย่างเย็นชา "จดไว้ว่าเสี้ยนจู่อวี้ชิงพยายามจะฉีกข้อมูลปากคำออก"อวี้ชิงถูกดาบขวางไว้และถอยหลังไปสองก้าว แต่นางไม่กล้าที่จะเอาแต่ใจอีกเมื่อเห็นซ่งซีซีไม่คำนึงถึงความเป็นพี่น้องกัน ชายารองจินจึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อไกล่เกลี่ย "ผู้บัญชาการซ่งอย่าไปถือสาอวี้ชิงเลย นางอายุยังน้อยไม่รู้ความ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 757

    เมื่อซ่งซีซีถามคำถามนี้ออกมา ไม่มีใครตอบเพราะคำตอบของพวกนางจะถูกบันทึกไว้การอกตัญญูถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง แม้ว่าจะไม่ได้รับการลงโทษ แต่หากคำพูดนี้ถูกแพร่กระจายออกไปก็จะไม่ดีต่อการหาคู่ครองของพวกนาง ตระกูลขุนนางชั้นสูงมีผู้ใดบ้างอยากมีสะใภ้ที่อกตัญญูล่ะ?ในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงเซี่ยหรูหลิงที่ทำหน้าสำนึกผิด แต่เขาไม่ได้พูดอะไรซ่งซีซีเหลือบมองพวกเขาแล้วพูดกับเจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิง "จดไว้ ลูกๆ ของอดีตพระชายาอ๋องเยี่ยนล้วนให้คำตอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าพวกเขาละอายใจหรือไม่แยแส"อวี้ชิงรีบพูดขึ้นว่า "เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมเราไม่อยากไปดูแลเสด็จแม่ล่ะ เป็นเพราะเสด็จพ่อสุขภาพไม่ดีในเวลานั้นด้วย และเราก็ต้องดูแลเขา นอกจากนี้ เรายังเด็กและยังไม่ได้ออกเรือนก็ไม่เหมาะที่จะไปสำนักแม่ชีชิงมู่"มีการเสียดสีในสายตาของซ่งซีซี "เสด็จพ่อของเจ้ามีสุขภาพไม่ดี ดังนั้นพวกเจ้าทุกคนจึงอยู่ในจวนเพื่อรับใช้เขา แต่เสด็จแม่ของเจ้าป่วยหนักกลับต้องไปที่สำนักแม่ชีชิงมู่ ทำไมนางไม่สามารถพักฟื้นที่จวนอ๋องเยี่ยน เป็นเพราะพวกเจ้าปฏิบัติต่อนางไม่ดี หรือว่านางได้พบกับความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้ของจวนอ๋องเยี่ยนล่ะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 758

    หลังจากที่นางพูดจบ จู่ๆ นางก็ปิดปากอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองซ่งซีซีด้วยความตกตะลึง "เมื่อกี้ผู้บัญชาการซ่งบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตเมื่อสามปีหลังจากแต่งเข้าจวนงั้นเหรอ? ยังถูกตัดนิ้วมือและนิ้วเท้าออกด้วยเหรอ? คุณพระช่วย จะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร นางทำผิดอะไรไป ข้าเห็นว่านางมาจากครอบครัวที่เรียบง่าย มีนิสัยใจคอที่ดี เลยส่งให้กับองค์หญิงใหญ่ นางทำอะไรผิดไป ทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงทำเช่นนี้กับนางเล่า?""นางผิดที่โดนเจ้าเห็นเข้า""นี่…" ชายารองจินทำท่าไร้เดียงสา "ข้าไม่ได้คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ข้าก็หวังดีกับนาง โดยคิดว่าจวนโหวกู้ก็เป็นตระกูลใหญ่ ต่อให้นางเป็นแค่อนุภรรยา ก็ยังดีกว่าแต่งงานกับสามัญชนข้างนอก"ซ่งซีซีพูดอย่างเย็นชา "ชายารองจินพูดแบบนี้ คือไม่รู้เหรอว่านางจะอยู่ในจวนองค์หญิง ทำเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตนเองเลย"ชายารองจินรีบอธิบายว่า "ข้าไม่รู้จริงๆ เพราะฝู้หม่าไม่ได้อาศัยอยู่ในจวนองค์หญิง ข้าคิดว่าในเมื่อฝู้หม่าอาศัยอยู่ในจวนโหวกู้ งั้นอนุภรรยาของเขาก็ต้องอยู่ในจวนโหวกู้ และข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงทำกับนางเช่นนี้"โดยปกติแล้ว นางเสิ่นจะไม่พูดแทนชายารองจิน แต่คราวนี้ซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 759

    ตระกูลฉีรับข้าราชการมานานมาก และตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงรุ่งเรือง เจ้ากรมฉีได้รับการยกย่องอย่างสูงในราชวงศ์ของจักรพรรดิองค์ก่อน เขาบอกได้ว่าตนเองสามารถเข้าใจความคิดของจักรพรรดิองค์ก่อนไปหมดแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจความคิดของฮ่องเต้ปัจจุบันได้เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฮ่องเต้จึงให้ซ่งซีซีเป็นผู้บัญชาการ ตำแหน่งนี้มีความสำคัญมาก หากทางจวนเป่ยหมิงอ๋องมีใจไม่ซื่อ งั้นใช้งานตำแหน่งนี้สามารถทำสิ่งหลายอย่างได้ดังนั้น ตอนที่เขาจัดการประชุมครอบครัว นอกจะให้ทุกคนยับยั้งชั่งใจอย่างเข้มงวด ก็แสดงความไม่พอใจกับซ่งซีซีด้วย"หากปล่อยนางทำเช่นนี้ต่อไป งั้นจะทำให้ตระกูลขุนนางในเมืองหลวงเกิดโกลาหล เกรงว่าจะมีคดีไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น ในปกติกลับไม่ได้มองออกว่านางเป็นคนรีบร้อนที่อยากสร้างผลงานแบบนี้ โดยจัดการกับจวนอ๋องเยี่ยนก่อนเพื่อวางอำนาจ งั้นสำหรับตระกูลอื่นๆ นางจะออมมือให้ไหมล่ะ ไร้สาระจริงๆ"ฉีฟางและฉีลิ่วก็อยู่ด้วย หลังจากฟังคำพูดของเจ้ากรมฉี พวกเขาก็อยากจะช่วยพูดแทนซ่งซีซีสักหน่อย แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปาก เจ้ากรมฉีก็เหลือบมองอย่างเย็นชา "บ้านสามของพวกเจ้าก็ต้องระมัดระวังด้วย เจ้าหก โดยเฉพาะตอนนี้เจ้าแต่งงานกับอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 760

    ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ และนางจะชอบคิดมากและละเอียดอ่อนในระหว่างตั้งครรภ์ นางมีความสุขเมื่อรู้ว่าจ้านเป่ยว่างได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่นางก็เศร้ามากจนร้องไห้เมื่อรู้ว่าซ่งซีซีเป็นหัวหน้าของจ้านเป่ยว่างนางพิงแขนของจ้านเป่ยว่าง และสำลัก "ข้าไม่อิจฉานาง แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาอยู่เหนือกว่าเจ้า เป็นเจ้าที่พบหลักฐานของการกบฏองค์หญิงใหญ่ หากไม่มีเจ้า เกรงว่าจนถึงขณะนี้ก็จะไม่มีใครค้นพบเจตนากบฏขององค์หญิงใหญ่""ข้าแค่ไม่ยอม เหตุใดเจ้าถึงถูกนางปราบปรามตลอด? ในด้านผลงาน เรื่องงาน เจ้าสู้นางไม่ได้หรือ ทำไมฮ่องเต้จะผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นผู้บัญชาการได้อย่างไร ปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งไปดูแลกองทัพซวนเจีย รวมถึงทหารรักษาพระราชวังและองครักษ์รักษาพระองค์ด้วย นี่มันล้อเล่นหรือเปล่า ทำให้พวกผู้ชายต้องเสียหน้าไปหมดแล้ว"จ้านเป่ยว่างรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสำลักของนางเขานึกถึงมือสังหารที่ต่อสู้กับเขาในคืนนั้น เขารู้ว่าคนนั้นคือใครเพราะงั้นผลงานนี้เป็นเขาที่ทำจริงๆ หรือ ไม่ คือคนนั้นส่งให้เขาคงรู้ว่าองค์หญิงใหญ่กำลังวางแผนกบฏและต้องการเปิดเผยแผนการสมรู้ร่วมคิดขององค์หญิงใหญ่ให้คนอื่นรู้ในช่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 761

    ในฐานะภรรยาไม่มีเหตุผลที่จะตบหน้าสามีของตนเอง อย่าว่าแต่จวนแม่ทัพที่เป็นตระกูลใหญ่ แม้แต่คนธรรมดาก็จะไม่สามารถตบหน้าโดยตรง โกรธมากสุดก็แค่ต่อยที่ร่างกายสักหน่อย เพราะหมัดของผู้หญิงก็มีแรงไม่มากนักการตบหน้าคือการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายมีคนรับใช้อยู่ข้างนอกด้วย งั้นจ้านเป่ยว่างยังจะมีเกียรติในจวนแห่งนี้ได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์ การตบครั้งนี้ทำให้ความสุขที่หลงเหลืออยู่ในใจของจ้านเป่ยว่างหายไปจริงๆหวังชิงหลูกัดริมฝีปากและหลั่งน้ำตา นางรู้ดีว่าตนเองทำมากเกินไป แต่นางก็ไม่สามารถก้มหน้ากล่าวขอโทษให้"ช่างเถอะ เจ้าออกไปได้แล้ว" จ้านเป่ยว่างระงับความโกรธของเขาและไม่ต้องการโต้เถียงกับเขา ความทุกข์ใจจากความขัดแย้งระหว่างสามีภรรยาเขาทนมามากพอแล้ว มันกินพลังงานมากเกินไปหวังชิงหลูรู้สึกผิดเล็กน้อยหลังจากตบหน้าเขา แต่เมื่อได้ยินคำพูดเย็นชาของเขา ก็รู้สึกอึดอัดใจ "ข้ากำลังท้องอยู่ยังมาดูแลเจ้า อยากให้เจ้าพักฟื้นดีๆ จะได้หายไวๆ ไปขอบพระทัยฮ่องเต้เพื่อรับตำแหน่ง แต่ท่าทางของเจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก"จ้านเป่ยว่างหลับตา ไม

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1520

    ครรภ์ของฝูเจาอี๋ เดิมทีก็มั่นคงดี หมอหลวงเองก็กล่าวว่าไม่มีปัญหาใหญ่อันใด แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พอเข้าสู่เดือนเหมันต์ ครรภ์นี้กลับเริ่มไม่มั่นคง อีกทั้งยังมีเลือดออกถึงสองครั้งหมอหลวงจินทุ่มเทสรรพวิธีเพื่อรักษาครรภ์ของนางไว้ ทำให้พอประคองสถานการณ์ได้ แต่นางก็ต้องนอนพักอยู่บนเตียง ยังไม่อาจลุกเดินไปไหนได้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หมอหลวงย่อมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ตรวจสอบทั้งอาหารการกินและข้าวของที่ใช้ในวังอย่างละเอียด ทว่ากลับไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการที่ฝ่าบาทเสวยโอสถมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ครรภ์นี้ไม่มั่นคงจักรพรรดิ์ซูชิงทรงเป็นกังวลอย่างยิ่งกับครรภ์นี้ นับตั้งแต่นางต้องนอนพักรักษาครรภ์ ฝ่าบาทก็ทรงเสด็จมาเยี่ยมเกือบวันเว้นวัน บางคราก็ทรงประทับร่วมเสวยพระกระยาหารเมื่อเอาใจใส่สิ่งหนึ่ง ก็ย่อมละเลยอีกสิ่งหนึ่งไป ทำให้ช่วงนี้ฝ่าบาทแทบไม่ได้เสด็จไปยังตำหนักของซูเฟย อีกทั้งยังมิได้ทรงเรียกองค์ชายสามเข้าพบที่ห้องพระอักษรเลยส่วนเต๋อเฟยนั้น เนื่องจากต้องดูแลกิจการในวังหลัง เมื่อพอมีเวลาว่างก็มักจะพาองค์ชายรองมาเยี่ยมฝูเจาอี๋ด้วย ดังนั้นจึงได้มีโอกา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1519

    ในวังหลัง เดิมทีมีผู้คาดเดาเกี่ยวกับพระอาการของฝ่าบาทไม่น้อย แม้ยามนี้ฝูเจาอี๋จะตั้งครรภ์ ทว่าหมอมหัศจรรย์กลับพำนักอยู่ในวัง เป็นหลักฐานว่าพระวรกายของฝ่าบาทหาใช่เพียงต้องบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นดังนั้น การที่ฝ่าบาทโปรดปรานเช่นนี้ ทำให้บางคนเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้โดยเฉพาะฮองเฮา นางรับรู้เรื่องพระอาการของฝ่าบาทอยู่บ้าง ตอนนี้หมอมหัศจรรย์กลับเข้าวังเพื่อถวายการรักษา ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรนางไม่อาจคาดเดา เพียงแต่รู้สึกว่าฝ่าบาทอาจอยู่ในช่วงที่พละกำลังถดถอยเต็มที่แล้วครรภ์ของฝูเจาอี๋ นางไม่ได้ใส่ใจ ไม่ว่าบุตรในครรภ์จะเป็นชายหรือหญิงก็ยังไม่อาจทราบได้ ต่อให้เป็นองค์ชาย ก็ยังไม่ถึงคราวของเขาแต่การที่ฝ่าบาททรงเอ็นดูองค์ชายสามถึงเพียงนี้ กลับทำให้นางรู้สึกถึงภัยคุกคามเดิมทีฝ่าบาทให้ทางเลือกแก่นาง นางเลือกตำแหน่งฮองเฮา เลือกมีชีวิตรอด ทว่าหลังจากนิ่งเฉยมาพักหนึ่ง นางก็เข้าใจว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงละทิ้งองค์ชายใหญ่ได้รวดเร็วเพียงนั้น ยิ่งตอนนี้องค์ชายใหญ่ขยันขันแข็งศึกษาหาความรู้ แม้แต่ไท่ฝู่และเสด็จอายังเอ่ยปากชม นางยังสืบมาว่าฝ่าบาททรงพอพระทัยองค์ชายใหญ่อยู่ไม่น้อยองค์ชายรองและองค์ชายสามล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1518

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงประชุมหารือกับขุนนางในห้องทรงอักษรยาวนานจนถึงดึกดื่น สุดท้ายเป็นหมอมหัศจรรย์ดันที่ต้องเข้าไปขัดจังหวะ แจ้งว่าดึกมากแล้ว พระองค์ถึงกับเหยียดพระกรพลางแย้มพระสรวล “ถึงกับดึกเพียงนี้แล้วรึ? เช่นนั้นก็เลิกประชุมเถิด ประตูวังใกล้จะปิดแล้ว”แม้จะเป็นช่วงเวลาดึกมากแล้ว แต่พระองค์กลับยังดูสดชื่น โดยเฉพาะบนพระพักตร์ที่มีเลือดฝาดขึ้น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนผู้ที่ประชวรเลยซ่งซีซีรอให้เซี่ยหลูโม่ประชุมเสร็จ ก่อนจะออกจากวังกลับจวนพร้อมกันนางอ่อนล้ามาก พิงไหล่ของเซี่ยหลูโม่แล้วเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเมื่อรถม้ามาถึงหน้าจวน เซี่ยหลูโม่อุ้มนางขึ้นมา ซ่งซีซีรับรู้ได้รางๆ แต่ก็ขี้เกียจจะตื่น เลยปล่อยให้เขาอุ้มเข้าไป อ้อมแขนอบอุ่นแข็งแกร่งช่างสบายเหลือเกินตลอดสามเดือนที่ผ่านมา นอกจากตอนอยู่ที่ด่านเฉิงหลิง นางแทบไม่มีคืนไหนที่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิทใจ แต่เมื่อกลับถึงจวน ก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์ ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราลึกทว่า…นอนหลับไปก็ยังรู้สึกว่ามีมือร้อนจัดคู่หนึ่งลูบไล้ไปทั่วร่างนางยังคงหลับตา เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “ลืมที่ท่านลุงดันบอกไปแล้วหรือ?”เสียงร้อนผ่าวกระซิบข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1517

    วันที่ 15 เดือนสิบ คณะทูตจึงเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงในที่สุดกองทัพซวนเจียได้รับคำสั่งให้แยกย้ายไปพักก่อน ขณะที่หลี่เต๋อฮวยและขุนนางจากสำนักหงหลู่ต้องเข้าเฝ้าพระองค์เพื่อถวายรายงาน ส่วนฉินอ๋องที่ตลอดทางอ่อนแอราวกับช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตอนนี้กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที กล่าวว่าจะเข้าเฝ้าพร้อมกับพวกเขาด้วยส่วนซ่งซีซีนั้น ถูกเซี่ยหลูโม่ที่เฝ้ารออยู่ที่ประตูเมืองรับตัวกลับจวนไปก่อนแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาสั่งให้คนคอยเฝ้ารอที่ประตูเมืองทุกวัน บางครั้งตอนพักกลางวันก็ยังมารอด้วยตนเอง และวันนี้ก็บังเอิญได้พบกันจริงๆขณะที่หลี่เต๋อฮวยและคนอื่นๆเข้าเฝ้าในวัง ซ่งซีซีก็ได้เข้าไปคารวะฮุ่ยไท่เฟยก่อนแล้วเมื่อฮุ่ยไท่เฟยรู้ว่านางเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ก็ให้รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ถวายคำนับก่อนออกไป และกลับไปยังเรือนเหมยฮวาหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากของนางกลับดูบวมขึ้นเล็กน้อย รุ่ยจูที่เห็นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเหลือบมองไปทางท่านอ๋อง พระชายาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ท่านอ๋องยืนกรานจะปรนนิบัติด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนจะปรนนิบัติได้ไม่ดีเท่าไรน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1516

    เมื่อได้พักฟื้นอยู่ห้าวันที่ด่านเฉิงหลิง ฉินอ๋องก็ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อฉินอ๋องหายดี ก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางกลับเมืองหลวงแม้จะอาลัยเพียงใด ซ่งซีซีก็ทำได้เพียงกลั้นน้ำตากล่าวคำอำลา นางคุกเข่าคารวะต่อหน้าแม่ทัพใหญ่เซียวอยู่หลายครั้ง จนแทบจะทำให้ท่านน้ำตาคลอหลี่เต๋อฮวยเป็นผู้ที่เคารพนับถือแม่ทัพใหญ่เซียวที่สุด เมื่อซ่งซีซีเพียงแค่น้ำตาคลอ แต่เขากลับปิดหน้าและร้องไห้ออกมาเต็มที่ เพราะเขารู้ว่า บางทีตลอดชีวิตนี้ อาจไม่มีโอกาสได้พบกับท่านแม่ทัพผู้เฝ้ารักษาด่านเฉิงหลิงมาเป็นสิบๆ ปีอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวเข้าสู่วัยชราโดยสมบูรณ์ เมื่อมองดูอีกครั้งก็ดูแก่ชรากว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฮ่องเต้จะพระราชทานอนุญาตให้ท่านกลับเมืองหลวงได้ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยากลำบาก ทายาทตระกูลเซียวก็คงไม่ยอมให้ท่านเดินทางกลับอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวสนทนากับหลี่เต๋อฮวยอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าแทนที่จะบรรเทาความรู้สึกของเขา กลับทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีกด้านนางหนานผู้เป็นป้าใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยถามถึงเรื่องของ พระชายาอ๋องฮวยเลย จนกระทั่งถึงเวลาต้องอำลากัน นางจึงดึงซ่งซีซีไปค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1515

    การเดินทางกลับเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเก้าอากาศไม่ร้อนจัดอีกต่อไป เริ่มมีความเย็นสบายแผ่วเบาซูลันจีนำทัพออกมาส่งด้วยตัวเอง พาพวกเขาไปจนถึงเมืองลู่เปินเอ่อร์ตลอดเส้นทางขากลับ ไม่มีการลอบสังหารเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อข้ามภูเขาสลับซับซ้อนมาได้ ก็เข้าสู่เขตแดนของแคว้นซางเดิมทีพวกเขาไม่ได้แจ้งแม่ทัพใหญ่เซียวล่วงหน้า คิดว่าคงไม่มีใครมารับ แต่ทันทีที่เข้าสู่ชายแดนแคว้นซาง ก็พบว่าจ้านเป่ยว่างนำทัพเซียวเจียจวินรออยู่ที่นั่นเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาโดยปลอดภัย จ้านเป่ยว่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด เขากระตุ้นม้าเข้ามาใกล้ ก่อนลงจากหลังม้าแล้วทำความเคารพฉินอ๋อง หลี่เต๋อฮวยและขุนนางท่านอื่นๆ “ท่านอ๋อง เสนาบดีหลี่ ท่านขุนนางทั้งหลาย แม่ทัพใหญ่เซียวสั่งให้ข้านำทัพมาคอยเฝ้ารอที่นี่ทุกวัน เพื่อคุ้มกันพวกท่านกลับไปยังเฉิงหลิงกวน”หลี่เต๋อฮวยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่ทัพใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะกลับมาวันนี้?”จ้านเป่ยว่างตอบว่า “แม่ทัพใหญ่ไม่ทราบ เพียงแต่สั่งให้ข้าและกองทัพมาเฝ้าอยู่ที่นี่ทุกวัน”“ที่แท้เป็นเช่นนี้” หลี่เต๋อฮวยรู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่เซียวเป็นคนรอบคอบย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1514

    อันเฟิงชินอ๋องกล่าวว่า “การเดินทางครั้งนี้ มิใช่เพียงเพื่อซีจิงและแคว้นซาง แต่ก็เพื่อเป่ยถังของเราด้วย มิจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ ระหว่างแคว้นต่อแคว้น สิ่งที่มาก่อนคือผลประโยชน์ มีเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวเท่านั้น ที่จะสามารถปฏิบัติต่อกันด้วยใจจริง”ซ่งซีซีรับคำสอน แต่ก็นึกสงสัย จึงเอ่ยถามว่า “ท่านเคยรู้จักอาจารย์เหรินหยางอวิ๋นของข้าหรือไม่?”อันเฟิงชินอ๋องหัวเราะเบาๆ “รู้จัก เขาเคยมาเยือนเป่ยถัง และเคยพำนักอยู่ที่ไจ้ซิงโหลวอยู่ช่วงหนึ่ง แม่ทัพองครักษ์เงาของข้า ‘เฮยอิ่ง’ สนิทสนมกับอาจารย์ของเจ้ามาก พวกเขามักดื่มสุราด้วยกันเป็นประจำ”“เช่นนี้เองหรือ” ซ่งซีซีนึกถึงบรรดาผู้สวมชุดดำพวกนั้น ไม่รู้ว่าคนไหนคือเฮยอิ่ง หากไม่ได้พบหน้าสักครั้ง คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอันเฟิงชินอ๋องคล้ายจะมองออกถึงความคิดของนาง ยิ้มพลางกล่าวว่า “อีกสามปี หรืออาจห้าปี พวกเราจะไปเยือนแคว้นซาง ถึงตอนนั้น ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเฮยอิ่ง”ซ่งซีซีกำลังจะกล่าวขอบคุณ ทว่าเสิ่นว่านจือก็ถามขึ้นก่อน “เหตุใดต้องเป็นสามปีหรือห้าปี? ไปเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ? พวกเราตั้งตารอให้ท่านกับพระชายามาเยือน”อันเฟิงชินอ๋องเพียงยิ้ม แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1513

    หลังจากเดินสำรวจอยู่สองวัน ซูลันจีก็กล่าวกับซ่งซีซีว่า “แคว้นของท่านมีหมอเทวดาผู้หนึ่ง นามว่าหมอมหัศจรรย์ดัน เขาได้คิดค้นยาชนิดหนึ่งชื่อว่ายาดันเสวี่ย ซึ่งมีสมุนไพรสำคัญชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบ นั่นคือเสวี่ยเหอฮวา ทว่าแคว้นของท่านผลิตได้น้อยมาก หนานเจียงเองก็มี แต่เติบโตอยู่บนยอดเขาหิมะ เก็บเกี่ยวได้ยากยิ่ง และมีปริมาณน้อย แต่ในซีจิงของเรา เสวี่ยเหอฮวามิใช่ของหายาก บนภูเขาสูงสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หมอมหัศจรรย์ดันที่ใช้สมุนไพรชนิดนี้ ต้องลักลอบซื้อจากพ่อค้ายาในซีจิง ราคาจึงแพงมาก ด้วยต้นทุนขนาดนี้ ขายยาดันเสวี่ยไปหนึ่งเม็ด เขาก็ขาดทุนหนึ่งเม็ด”ซ่งซีซีทราบดีว่ายาดันเสวี่ยเป็นยาที่หายาก เนื่องจากมีสมุนไพรบางชนิดที่หาไม่ครบ แต่ท่านลุงดันก็ไม่เคยบอกอย่างชัดเจนว่าสมุนไพรตัวใดที่ขาดอย่างไรก็ตาม หากเขาต้องซื้อยาจากพ่อค้าชาวซีจิง ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงต้องปิดเป็นความลับ เพราะก่อนหน้านี้ ซีจิงและแคว้นซางมิได้มีการค้าขายกันโดยตรง โดยเฉพาะสมุนไพร ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษซูลันจีและจักรพรรดินีหยวนซินต่างคิดไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดขนาดนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1512

    ตำแหน่งที่เขานั่ง แสดงถึงจุดยืนของเป่ยถังในการเจรจาครั้งนี้!เป็นกลาง!ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอีกครั้งว่า การที่แคว้นเข้มแข็งนั้นดีเพียงใดการเจรจาในช่วงแรกเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ คำพูดซ้ำไปซ้ำมา ถูกเน้นย้ำไม่รู้จบ ล่ามของทั้งสองฝ่ายทำหน้าที่แปล โดยส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงปัญหาทางประวัติศาสตร์นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเริ่มต้นด้วยการยอมถอยแต่แรก ก็จะต้องถอยไปเรื่อยๆดังนั้น การเจรจาครั้งแรกจึงไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เป็นเพียงการลองเชิงขีดจำกัดของกันและกันในวันรุ่งขึ้น การเจรจาครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น ตอนแรกก็ยังคงเน้นย้ำเรื่องเดิมสองรอบ จนกระทั่งอันเฟิงชินอ๋องเอ่ยขึ้นว่า “ถ่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีความหมาย สองแคว้นของพวกเจ้าโต้เถียงกันเรื่องพรมแดนมาหลายสิบปีแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ไขได้ในวันเดียว เราพักเรื่องพรมแดนไว้ก่อน ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้ามีความตั้งใจจะทำสัญญาสันติระหว่างสองแคว้นหรือไม่ และจะไม่ละเมิดต่อกัน?”ทุกคนล้วนให้คำตอบที่แน่ชัด ต่างกล่าวว่าตนมาโดยมีความหวังที่ดี อยากให้สองแคว้นยุติความขัดแย้งอันเฟิงชินอ๋องหยิบแผ่นรายการออกมาแผ่นหนึ่ง บนกระดาษระบุรายการสินค้าของ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status