ซ่งซีซีรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว "วันนี้หม่อมฉันตื่นเช้าไปหย่อย มันมีเวลาเหลือเฟือก่อนที่ข้าจะมาเข้าเฝ้า เลยเล่นการต่อสู้กับคนในจวน ไม่ระวังจึงโดนต่อยไป"จักรพรรดิ์ซูชิงหัวเราะ "ตื่นเช้าขนาดนั้น ตื่นเต้นเหรอ กลัวว่าทำงานผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียไม่ได้หรือ?"ซ่งซีซีกล่าวตามความจริง "รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ หลักๆ ก็เพราะไม่มีประสบการณ์และกลัวว่าจะไม่สามารถทำงานได้ดีและทำให้ทุกคนผิดหวัง"จักรพรรดิ์ซูชิงมองดวงตาฟกช้ำดำเขียวของนาง และยังคงอยากจะหัวเราะเล็กน้อย แต่เนื่องจากต้องการกำชับนางสักหน่อย เขาจึงทำหน้าจริงจัง "เป็นข้าราชการสตรีคนแรกในราชวงศ์นี้ เป็นเรื่องจริง สิ่งที่เจ้าต้องเผชิญหน้าไม่เพียงแต่งานของผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียเท่านั้น ยังมีความคาดหวังของไทเฮาที่มีต่อเจ้าและสตรีทั่วใต้หล้าที่คอยนับถือเจ้า ดังนั้น เมื่อคนอื่นเป็นผู้บัญชาการ พวกเขาก็ต้องทำงานให้เต็มที่ จงรักภักดีต่อจักรพรรดิและรักชาติ ส่วนเจ้าต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำในขณะเดียวกันก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดด้วย มันค่อนข้างยากกว่าคนอื่น แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้"ซ่งซีซีพยักหน้า "หม่อมฉันรับทราบเพค่ะ หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ทำ
นางไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่ได้ขอความคิดเห็นจากนางจริงๆ เขาเทียบเท่ากับการออกคำสั่งโดยตรงแล้วให้นางได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการที่มีอำนาจ แต่ขณะเดียวกันก็เลื่อนตำแหน่งให้คนที่ไม่กินเส้นกันกับจวนเป่ยหมิงอ๋อง เพื่อให้นางและเซี่ยหลูโม่ไม่สบอารมณ์บางที ฮ่องเต้อาจคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยกระมังซ่งซีซีถอยออกไป อู๋ต้าปั้นมองดูนางอย่างกังวล เขาไม่รู้ว่าพระชายาและท่านอ๋องจะรอดจากการทดสอบความไว้วางใจครั้งแล้วครั้งเล่าได้หรือไม่ในความเป็นจริง ฮ่องเต้สามารถแต่งตั้งจ้านเป่ยว่างได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านผู้บัญชาการซ่งเลยหากต้องการให้ผู้บังคับการซ่งโอนย้ายโดยตรง ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านกระทรวงขุนนาง แค่แจ้งให้เขาทราบก็พอแต่เขาพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่างๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ซึ่งทำให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรู้สึกไม่สบอารมณ์ รวมถึงจ้านเป่ยว่างด้วยหลังจากที่ซ่งซีซีออกจากวังก็ไปที่สำนักกองกำลังเมืองหลวง เนื่องจากวันนี้นางเข้ารับตำแหน่งเป็นทางการ ปี้หมิงและลู่เจิน หัวหน้าค่ายลาดตระเวนได้นำลูกน้องมารอนางอยู่ดีที่ทุกคนไม่ได้ใส่ใจกับดวงตาฟกช้ำดำเขียวของนางมากเกิ
เขาอายุประมาณสามสิบปี อวบ ไม่สูง แต่แข็งแรง มีสีหน้าค่อนข้างดูถูกไม่แยแสเขานำผู้คนไปข้างหน้าแสดงความเคารพ แต่สายตานั้นกลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง "ข้าติดธุระเลยมาสาย ผู้บัญชาการซ่งโปรดยกโทษให้ด้วย"ซ่งซีซีพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปที่นายทหารยามทั้งสิบสองคนที่ยืนอยู่สองแถวด้านหลังเขา แค่มองดูก็รู้แล้วว่ามิใช่คนที่รับมือง่าย แต่ละคนทำท่ากำเริบเสิบสาน ไม่เห็นผู้บัญชาการหญิงอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำมีแม่ทัพแบบไหน ก็จะมีลูกน้องแบบนั้นด้วย"วันนี้ไม่มีอะไร แยดย้ายไปทำธุระของตน…"ก่อนที่ซ่งซีซีจะพูดจบ หวังเจิงก็พูดว่า "ในเมื่อไม่มีอะไร แล้วได้เจอหน้ากันแล้ว งั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ ธุระที่วังมีไม่น้อยเลย"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็พาผู้คนออกไปโดยไม่สนใจซ่งซีซีเลยปี้หมิงขมวดคิ้วและตะโกนออกมาว่า "หวังเจิง!"หวังเจิงเมินเฉยเขา และจากไปโดยตรงปี้หมิงอธิบายอย่างช่วยไม่ได้กับซ่งซีซีว่า "ใต้เท้า หัวหน้าหวังเป็นคนเย็นชาและหยิ่งผยองหน่อย ไม่มีอะไรเลย อย่าไปถือสาเขาเลย"ซ่งซีซีฟังออกวว่าปี้หมิงค่อนข้างเขา ดังนั้นจึงไม่ว่าอะไร จากนั้นพูดต่อว่า "เอาล่ะ ไปหอต้าหลี่กันก่อน"วันนี้ทางหอต้าหลี่ยุ่งมากจร
เซี่ยหลูโม่ดึงนางเข้าตัวใกล้ แล้วลูบตาที่ช้ำของนางเบาๆ "เจ็บไหม?""นิดหน่อย" ซ่งซีซีกลักมือของเขาออกแล้วมองย้อนกลับไป โดยกลัวว่าจะมีใครอยู่ที่นั่น"ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเข้ามาหรอก มันเพราะอะไร" เขาถามอย่างเป็นเจ็บใจซ่งซีซีว่านอำนาจมานอน ในที่สุดก็ได้ผ่อนคลายลง นั่งบนเก้าอี้แล้วนวดขอบตา ดูเหมือนบวมกว่ายามเช้านี้เลย ไอ้กุ้นเอ๋อร์ "ก็เช้านี้ฝึกซ้อมทักษะการต่อสู้กับว่านจือ ต่อมากุ้นเอ๋อร์ก็เข้ามา แล้วข้ากับว่านจือโดนเขาทำให้บาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ""เดี๋ยวจะหักเงินเขา" เซี่ยหลูโม่รู้สึกทั้งปวดใจและตลก ที่จริงแล้ว กุ้นเอ๋อร์มักจะเป็นคนจริงจัง แต่เมื่อเขาเล่นกับว่านจือและซีซี ท่าทางของเด็กชายที่ภูเขาเหม่ยชานก็กลับมาอีกครั้งซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "หักเงินเขาก็เท่ากับเอาชีวิตเขานะ เรื่องเงินไม่เท่าไร แต่โดนศิษย์พี่ซือโซรู้เข้าแล้วไปรายงานอาจารย์ของเขา หากอาจารย์ของเขารู้ว่าโดนปรับเงิน ต้องออกคำสั่งมาสั่งสอนเขาแน่ๆ เลย""แค่ขู่เขาน่ะ ไม่ได้จะลงโทษจริงๆ" เซี่ยหลูโม่รู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดี และความสัมพันธ์ตั้งแต่วัยเด็กนี้ก็หายาก ดังนั้นเขาจะไม่ทำลายมันจริงๆ"เอาล่ะ มาเข้าประเด็นเลย"
แม่นมฝางอายุมากแล้ว ถูกแยกจากหัวหน้าคนอื่นๆ และถูกขังอยู่ในห้องขังเล็กๆ ตามลำพัง ซึ่งค่อนข้างสะอาดเมื่อเทียบกับห้องขังอื่นๆตั้งแต่นางเข้ามาหอต้าหลี่ ก็ไม่กินอะไรทั้งนั้นและไม่พูดด้วยเฉินยีได้ไปถามนางด้วยตนเอง ชักชวนให้นางกินอะไรสักหน่อย แต่นางกลับนอนอยู่ในห้องขัง ดูเหมือนกำลังรอความตายอยู่ในความเป็นจริง เซี่ยหลูโม่ก็รู้ด้วยว่านางจะไม่พูดอะไรที่ไม่ดีต่อองค์หญิงใหญ่ นางเลี้ยงดูองค์หญิงใหญ่มาตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์นี้นี้มันไม่ใช่อค่เจ้านายกับคนใช้แล้ว ที่ผ่านมาคนข้างกายขององค์หญิงใหญ่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่ยังเฝ้าอยู่เคียงข้างองค์หญิงใหญ่ด้วยเหตุนี้ นางจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่แม้กระทั่งมีสิ่งเลวร้ายมากมายก็ได้ผ่านมือของนางด้วยซ้ำเซี่ยหลูโม่บอกกับซ่งซีซีว่า "วันนี้เฉินยีสอบปากคำตู้ฉินแล้ว โดยบอกว่าเดิมทีองค์หญิงใหญ่ ได้ออกคำสั่งให้ใบหน้าของท่านอาเจ้าเสียโฉมแล้วค่อยสังหารครอบครัวของพวกเขา แต่เป็นเพราะแม่นมฝางรั้งเรื่องนี้ไว้ ไม่ให้ตู้ฉินไปปฏิบัติตามคำสั่งนี้ มิฉะนั้นครอบครัวพวกเขาคงไปกันหมดแล้ว"ซ่งซีซีพูดด้วยความโกรธ "นางมันบ้าจริงๆ ใช้ทุ
ดวงตาของนางเย็นชา ราวกับบ่อน้ำแห้งสองแห่ง ไม่มีแสงประกายแต่งอย่างใด แล้วจ้องมองที่ซ่งซีซีทั้งอย่างนั้นซ่งซีซีก็มองดูนางเช่นกัน นางเคยเห็นแม่นมฝางมาก่อนตอนที่ไปจวนองค์หญิงใหญ่ ในเวลานั้น นางสวมชุดผ้าแพรสีฟ้า และความแข็งแกร่งซ่อนอยู่ในทุกริ้วรอยบนใบหน้าของนาง ทำให้คนอื่นมากมายหวาดกลัวแต่ตอนนี้ เสื้อผ้าสีครามของนางมีรอยย่น ผมยุ่งเหยิง ปิ่นปักผมเอียงไม่เป็นท่า ถุงใต้ตาบวมหนักมาก จุดด่างดำบนใบหน้าก็ชัดเจนขึ้นมาก และนางผอมมากความกังวลบวกกับอดอาหารทำให้นางซูบผอม และผอมจนแทบจะมีรูปร่างไม่น่ามองเลยดูเหมือนว่านางจะไม่สนใจสิ่งใดอื่นเลย และกำลังรอความตาย แต่จริงๆ แล้วนางกระวนกระวายใจมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกอยู่สภาพแก่เฒ่าจนไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้อย่างกะทันหันเฉินยีไปคุยกับนาง แต่นางไม่พูดอะไรสักคำหรือไม่แม้แต่มองเฉินยีด้วยซ้ำตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับซ่งซีซี นางกลับพูดก่อนว่า "อย่าหวังว่าจะได้ยินคำพูดที่ไม่ดีต่อองค์หญิงจากปากของข้าแม้แต่คำเดียว แนะนำเจ้าอย่าเสียเวลาเลย"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ตู้ฉินบอกว่าเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตครอบครัวของท่านอาข้า หากไม่ได้เจ้า ครอบครัวของท่านอาข้าก็ไม่อยู่แล้ว สำหรับเร
ซ่งซีซีไม่คิดว่าคำพูดเหล่านี้ไร้สาระน่าขำ แต่กลับรู้สึกน่าเศร้า ไม่ว่าตอนนี้แม่นมฝางจะคิดอย่างไร สามารถยืยยันได้ว่าก่อนหน้านี้นางก็เคยคิดเช่นนั้นจริงๆซ่งซีซีไม่ได้ไปโต้แย้งกับคำพูดของแม่นมฝาง เพราะจากการที่นางแอบปล่อยให้ครอบครัวของท่านอาโดยไม่ให้องค์หญิงใหญ่รู้ ก็รู้ว่าความคิดของนางแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนแล้ว ที่นางพูดเช่นนี้ในตอนนี้ไม่ได้คิดจะโน้มน้าวใคร แต่เพื่อโน้มน้าวตัวเธอก็เท่านั้น"ได้ ในเมื่อทั้งหมดเป็นฝีมือของแม่นมและตู้ฉิน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่ งั้นแม่นมช่วยบอกทีว่ามีผู้หญิที่ถูกลักพาตัวไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ด้วยมือของเจ้ามีกี่คนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีกี่คนที่เสียชีวิต และจำนวนเด็กผู้ชายที่เสียชีวิตมีกี่คน"แม่นมฝางเงียบ แต่สีหน้ากลับดูหม่นหมองเล็กน้อยซ่งซีซีกล่าวต่อว่า "พวกเขาตายแล้ว แม่นมก็ต้องคืนความยุติธรรมให้พวกเขาสิ และให้พ่อแม่และญาติของผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวเหล่านั้นรู้ว่าพวกเขาไม่ต้องพยายามค้นหาอีกต่อไป นอกจากนี้ องค์หญิงใหญ่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงในข้อหากบฏ ไม่สามารถรอดชีวิตได้หรอก หากเจ้ายอมบอกตัวตนของสตรีเหล่านั้นออกมาให้ก็ถือว่าช่วยทำบุญให้นางแล้ว"
หลังจากที่ซ่งซีซีได้ยินคำพูดเหล่านี้ เปลวไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวก็แทบจะกลืนนางลงไป รายละเอียดนั้นน่าสะเทือนใจที่สุดแต่นางพยายามระงับความโกรธอย่างเต็มที่และไม่แสงดออก นางแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน ตั้งสติฟังนางพูดอย่างใจเย็น ยิ่งนางพูดมากเท่าไร ก็สามรถพบหลักฐานจากคำสารภาพของนางมากยิ่งขึ้นเท่านั้น จะสามารถใช้ประโยคตอนที่สอบปากคำองค์หญิงใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นความผิดฐานกบฏหรือความผิดฐานทำร้ายสตรี นางก็หนีไม่พ้นหรอก"ข้ารู้ว่าคราวนี้องค์หญิงจะไม่มีทางรอด แต่นางเคยเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงและมีชีวิตชีวาเช่นนั้น ได้สูงศักดิ์อย่างยิ่ง ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ก็ต่อแถวให้นางเลือกตามอำเภอใจ ทว่านางกลับตกหลุมรักกับซ่งฮวยอันผู้เป็นนักรบตั้งแต่แรกพบ และซ่งฮวยอันกลับไม่ได้ชอบนางอีก ...ในตอนแรก ข้าแค่อยากทำให้องค์หญิงมีความสุข"แม่นมฝางที่จมอยู่กับความทรงจำของนาง โดยไม่สนใจอีกต่อไปว่าคนตรงหน้าคือใคร นางเก็บงำคำพูดเหล่านี้ไว้นานเกินไป นางก็อยยากจะระบายสักหน่อย อายุเยอะแล้วใจมันก็อ่อนลง เรื่องที่ก่อนหน้านี้ทำจนชินนั้นพอหวนคิดดูในตอนนี้กลับรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นด้วยคำพูดของนางไม่ได้เรียงตามลำดับ แค่นึกถึงอะไรก็พูดไ