ในขณะนี้ จ้านเป่ยว่างรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่กำลังจะตายเขาจำได้ว่าตอนที่เขาไปชายแดนเฉิงหลิงครั้งแรก เขาถูกศัตรูปิดล้อมและเกือบถูกศัตรูฆ่าตายนั้น เป็นแม่ทัพเซียวที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ด้วยเหตุนี้แม่ทัพเซียวก็ขาดแขนไปข้างหนึ่งตอนนั้น เขาก็เกิดความหวาดกลัวที่กำลังจะตายเมื่อเขาใจลอยนั้น เขาถูกเตะลงบนพื้น ทันใดนั้นเขาเห็นดาบอันวาววับฟาดฟันมาที่เขา เขารีบกลิ้งบนพื้นหลายครั้ง และกลิ้งไปถึงเท้าขององค์หญิงใหญ่"ไปลงนรกซะ!" องค์หญิงใหญ่ทำหน้าดุร้าย ยกดาบขึ้นแล้วแทงไปยังในอกของเขาจ้านเป่ยว่างจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างและพยายามใช้มันเป็นประโยชน์ให้ตนเองลุกขึ้น แต่องครักษ์ก็วิ่งเข้ามาหาเขาแล้วในช่วงเวลาวิกฤตินี้ กองกำลังเมืองหลวงจำนวนมากวิ่งเข้ามา ปี้หมิงบินลงมาบนบันได แล้วแตะทยังองครักษ์ที่ยกดาบไปเล็งยังจ้านเป่ยว่างออกไป และช่วยจ้านเป่ยว่างเอาไว้การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป และปี้หมิงนำนักรบที่มีต่อสู้เก่งไปจัดการพวกเขา ไม่นานนักอีกฝ่ายก็พ่ายแพ้และดาบก็ถูกวางไว้บนคอขององครักษ์องค์หญิงใหญ่มองดูสถานการณ์ที่พลิกผันในชั่วพริบตา แม้ว่านางจะเตรียมใจไว่แล้ว แต่นางก็ยังรับไม่ได้ความพ่ายแพ้ที่รวดเร็ว
ในจวนองค์หญิงใหญ่ พวกคุณนายใหญ่และหยานหรูอวี้ก็ทยอยจากไป มีเพียงฮูหยินเสนาบดีเท่านั้นที่เฝ้าอยู่ที่นี่เนื่องจากสตรีจำนวนมากที่ถูกร้ายนั้นก็ต้องการการรักษา จึงต้องมีคนเป็นผู้นำได้มาตัดสินเรื่องให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ องค์หญิงใหญ่ยังไม่ถูกจับกุมเลยหลังจากที่พวกของจ้านเป่ยว่างทำแผลเสร็จแล้ว รอให้กองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนทำเรื่องเสร็จก่อนแล้วถึงกับส่งพวกเขากลับ พวกเขาถูกจัดไว้ให้อยู่ในสถานที่บูชาเพื่อแยกจากสตรีที่อยู่ในห้องหลังจากที่ปี้หมิงจับทหารประจำจวนและองครักษ์ให้หมด เขาก็ขังคนรับใช้ในจวนองค์หญิงใหญ่ให้รวมตัวไว้ และควบคุมผู้ดูแลทั้งหมดก่อนที่จะมาพบพวกของจ้านเป่ยว่าง"เป็นยังไงบ้าง? ยังทนไหวไหม" ปี้หมิงถามบรรดาห้าคนนั้น มีสองคนบาดเจ็บสาหัส หยุดเลือดเอาไว้แล้ว แต่หมอแนะนำว่าอย่าเคลื่อนย้าย ดังนั้นจึงใช้ผ้าห่มหนาคลุมไว้จ้านเป่ยว่างและอีกสองคนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับสองคนนั้น อาการบาดเจ็บของพวกเขาถือว่าไม่ได้ร้ายแรงมาก ไม่ได้บาดเจ็บถึงจุดสำคัญยามนี้จ้านเป่ยว่างถึงรู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ปี้หมิงมาถามเขาเขาอดทนต่อเจ็บปวดและตอบว่า "พอได้อยู่"
นางคว้าผมหลินเฟิ้งเอ๋อจนนางล้มลงกับพื้น เจ็บปวดมากจนน้ำตาไหลแต่ไม่กล้าที่จะส่งเสียงกองกำลังเมืองหลวงที่ติดตามนางอยู่นั้นก็ไม่กล้าลงมือกับองค์หญิงใหญ่ อย่างหุนหันพลันแล่น เขาได้แต่เรียกอยู่ข้างๆ ว่า "ปล่อยนะ ปล่อยนางไป"ผมยุ่งเหยิงขององค์หญิงใหญ่ปกคลุมใบหน้าของนางไปครึ่งหนึ่ง และพูดอย่างเคร่งขรึมและเย็นชาว่า "เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าสั่งข้า กล้าสัมผัสข้าก็ลองดู"นางลากผมของหลินเฟิ้งเอ๋อ และเข้าหากองกำลังเมืองหลวง กองกำลังเมืองหลวงไม่กล้าทำอะไรนาง ได้แต่ถอยออกไปฮูหยินเสนาบดีลุกขึ้นเดินเข้าไปหานาง จากนั้นยกมือขึ้นตบหน้านางอย่างแรงฉาดหนึ่ง "ข้ากล้าแตะต้องเจ้า นังบ้าจะทำอย่างไร""ช่างบังอาจ!" องค์หญิงใหญ่ปล่อยหลินเฟิ้งเอ๋อ และต้องการเข้าไปฮูหยินเสนาบดีเช่นนี้กองกำลังเมืองหลวงไม่กล้าอยู่เฉยๆ ได้อีก และรีบห้ามเข้าไว้ องค์หญิงใหญ่สัมผัสฮูหยินเสนาบดีไม่ได้ และได้เกาใบหน้ากองกำลังเมืองหลวงด้วยเล็บของนาง และเกาใบหน้าของกองกำลังเมืองหลวงเกิดบาดเจ็บด้วยกองกำลังเมืองหลวงรู้สึกเจ็บมาก เมื่อเห็นว่านางบ้าคลั่งเช่นนี้ เขากัดฟันและแกล้งสะดุดล้ม จากนั้นหันไปทางด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงมัน องค์ห
ทุกคนเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม คิดว่าได้ค้นพบสิ่งของไม่ธรรมดาในลานด้านตะวันตกแล้วเซี่ยหลูโม่นั่งลง ซ่งซีซีก็รินชาหนึ่งถ้วยแล้วยื่นให้ "ดื่มน้ำก่อนแล้วข้าจะให้ใคนเอาอาหารที่อุ่นอยู่ในหม้อมาให้ท่าน"เขาไม่มีอะไรจะกินหรือดื่มในคุกใต้ดิน คงหิวแย่แล้วเซี่ยหลูโม่ดื่มน้ำรวดเดียว คอของเขาแห้งจนแทบจะลุกเป็นไฟได้แล้วงหลังจากที่ซ่งซีซีสั่งเสร็จก็กลับไปห้องอ่านหนังสือทันทีเซี่ยหลูโม่ไม่รอให้พวกเขาถามและพูดว่า "ซีซี ครอบครัวท่านอาของเจ้าปลอดภัยดี โชคดีที่ไม่ได้ถูกทรมาน ไม่ได้โดนตี แค่ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินและคงตกใจไม่น้อย"ซ่งซีซีเบิกตากว้าง "ท่านอาของข้าก็ถูกจับตัวไปจริงๆ เหรอ""อืม ดีที่เขาอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นภรรยาและลูกๆ ของเขาคงจะตกใจตาย"เซี่ยหลูโม่เทน้ำอีกแก้วแล้วดื่มหมดในอึกเดียวก่อนพูดต่อ "คนที่ขังอยู่ในคุกใต้ดินเกือบเป็นอนุภรรยาของฝู้หม่ากู้ทั้งหมด ตอนนี้ได้รับการช่วยให้ออกมาแล้ว แต่มีคนพิการและได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย โหดร้ายสุดๆ อีกอย่าง ที่คุกใต้ดินในลานด้านตะวันตกได้ซ่อนพวกอาวุธ ชุดเกราะ และดินปืนด้วย เดาว่าพวกเขากำลังวางแผนว่าตอนที่เกิดการกบฏ ก็ส่งคนกลุ่มหนึ่งแอบเข้ามาเมืองหลว
อาจารย์หยูกล่าวว่า "ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตคนเท่านั้น แต่ยังค้นพบเรื่องใหญ่เช่นนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ผลงานนี้ทางจวนเป่ยหมิงอ๋องของเราไม่สามารถรับได้ ใครไปเสี่ยงชีวิตมาก็ให้เป็นผลงานของคนๆ นั้นสิ อย่าพูดเขาอีกเลย ท่านอ๋องรีบกินเถอะ"อาจารย์หยูไม่ต้องการพูดถึงจ้านเป่ยว่างต่อไปเพื่อไม่ให้พระชายารู้สึกอึดอัด เขาจึงเร่งให้ท่านอ๋องกินข้าวแล้วค่อยไปอาบน้ำ กลิ่นคุกแรงเกินไปแต่เสิ่นว่านจือยังคงไม่พอใจเล็กน้อย "อย่างไรก็ตาม ให้จ้านเป่ยว่างสร้างผลงานโดยใช้ประโยชน์จากแผนการของเรา ข้าก็ไม่สบอารมณ์ ยอมให้ปี้หมิงรับผลงานนี้ไปมากกว่า"นางจะไม่มีวันลืมว่าจ้านเป่ยว่างเคยทำร้ายซีซี และยังพยายามหาทุกวิถีทางยึดสินเดิมของนางแม้ว่าพวกเขาจะออกศึกด้วยกัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน นางดูถูกจ้านเป่ยว่างตลอดกาลอาจารย์หยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม "แน่นอนว่าปี้หมิงมีผลงานด้วย มิได้ให้จ้านเป่ยว่างแย่งชิงไปหมด จ้านเป่ยว่างก็ไม่ได้เข้าคุกใต้ดินด้วยคนเดียวนี่ คุณหนูเสิ่นไม่จำเป็นต้องจริงจังกับเรื่องนี้หรอก"เสิ่นว่านจือมองไปที่ซ่งซีซี "ซีซี เจ้ายังรู้สึกน่าขยะแขยงหรือเปล่า?"ซ่งซีซีส่ายหัว "พูดตามตรง พอตอนน
จักรพรรดิ์ซูชิงคิดไม่ถึงว่าจะพบสิ่งที่น่าสะดุ้งใจเช่นนี้ เขาคิดว่ามันเป็นเพียงเครื่องต่างๆ เกี่ยวกับลูกไม้ชั่วร้ายที่ใช้ในฝ่ายในจวน มากเกินไปจริงๆ เขาคิดจะตักเตือนสักหน่อยแต่ก็ไม่เหมาะที่จะสั่งการไปยุ่งเรื่องฝ่ายในของทางจวนองค์หญิง ถึงจะเติมเชื้อไฟให้กับเปลวไฟในช่วงเทศกาลหันอี้จริงๆ แล้วเขาไม่แน่ใจว่าจะคนลงมือกับจวนองค์หญิงใหญ่ในคืนนี้ แต่ช่วงนี้มีข่าวลือมากเกินไป โดยบอกว่าหญิงงามเมืองของเหลียงเส้าคนนั้นคือบุตรีอนุขององค์หญิงใหญ่ เขาส่งคนไปตรวจสอบจวนองค์หญิงและฝู้หม่ากู้ จากนั้นพบว่าฝู้หม่ากู้ได้ไปมาหาสู่กันกับตระกูลหลิน ซึ่งเป็นนักธุรกิจในเมือง และบังเอิญที่ตระกูลหลินมีแม่นางคนนหึ่งเคยไปจวนเป่ยหมิงอ๋องมาหลายครั้งข้อมูลที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันพวกนั้นไม่สามารถให้เขารับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่บังเอิญที่ทางจวนองค์หญิงกำลังให้พวกพระสงฆ์มาสวดมนต์ทำพิธีในเทศกาลหันอี้ตามเช่นเคย และเสิ่นชิงเหอก็บังเอิญมาที่เมืองหลวงก่อนเทศกาลหันอี้ และเขาคิดถึงว่าซ่งซีซีและองค์หญิงใหญ่มีความขัดแย้งกันก่อนหน้านี้ และคาดเดาว่าเรื่องแอบแฝงขององค์หญิงใหญ่คงเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินเขาไม่ค่อยเข้าใจซ่งซีซีมากนัก แต่ก
เซี่ยหลูโม่เงยหน้าขึ้นมองดูสีหน้าของเขาแล้วพูดว่า "ใช่ หลังจากที่พวกเขาหายตัวไป ทางจวนอ๋องและจวนเสนาบดีกั๋วกงก็ส่งคนจำนวนมากไปตามหาพวกเขา แต่ก็ไม่พบเลย ในที่สุดก็คิดว่าอาจเป็นฝีมือขององค์หญิงใหญ่ จึงเรียกกู้ชิงหลานกลับไปที่จวนองค์หญิงเพื่อสอบถามกับคนใช้ดู และได้พบว่าในคืนที่ภรรยาและลูกๆ ของซ่งจืออันหายตัวไปนั้น องครักษ์ของจวนองค์หญิงได้พาเด็กสองคนและสตรีมีครรภ์เข้าคนหนึ่งไปในคุกใต้ดิน จากนั้นเราถึงตั้งเป้าที่จวนองค์หญิง แต่กระหม่อมก็ไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปในจวนองค์หญิงอย่างโจ่งแจ้ง รู้ว่าจวนองค์หญิงจะเชิญชวนพระสงฆ์เข้าจวนในเทศกาลหันอี้ เป็นงานประจำของจวนองค์หญิง อีกอย่างค่ายลาดตระเวนและกองกำลังเมืองหลวงก็จะลาดตระเวนสถานที่นั้นในคืนนั้นเป็นพิเศษด้วย ดังนั้นจึงใช้มือสังหารไปล่อกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนเข้าไปในจวนองค์หญิง และปล่อยให้พวกเขาไปช่วยชีวิตคน"จักรพรรดิ์ซูชิงถาม "นอกเหนือจากนี้ มีอะไรอีกที่เจ้าได้ปิดบังข้าไว้อีกหรือไม่ เจ้าไม่รู้จริงๆ เหรอว่าองค์หญิงใหญ่มีเจตนากบฏ เจ้าไม่รู้ว่าจวนองค์หญิงซ่อนชุดเกราะและอาวุธมากมายเช่นนี้จริงๆ หรือ?"เซี่ยหลูโม่เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางสงบนิ่
เขาแสร้งทำเป็นครุ่นคิดแล้วพูดว่า "สำหรับแม่ทัพ กระหม่อมยังไม่ได้มีเป้าหมาย"เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิ์ซูชิงไม่พอใจกับคำตอบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้โกรธ "หอต้าหลี่จัดการคดีนี้ก็พอ ที่เหลือข้าจะส่งคนไปสอบสวน""พะย่ะค่ะ!"จักรพรรดิ์ซูชิงหมุนแหวนหยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขา "ข้าเคยได้ยินเจ้าบอกว่าช่วงนี้ยังไม่มีแผนจะมีลูกใช่ไหม?""พะย่ะค่ะ ยังไม่มีแผนนี้"จักรพรรดิ์ซูชิงตอบรับอืม "ซีซีเป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย ในเมื่อเจ้าได้รับแต่งตั้งให้เป็นต้าหลี่ซื่อชิงแล้ว งั้นตำแหน่งของเจ้าในฐานะผู้บัญชาการก็จะให้ปลดเลย ข้าวางแผนที่จะเลื่อนซ่งซีซีให้เป็นผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย"เซี่ยหลูโม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ฝ่าบาทหมายถึงผู้มีอำนาจที่แท้จริงหรือ?""ใช่ นางเข้ารับตำแหน่งโดยตรง"เซี่ยหลูโม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เพียงว่าถึงแม้จะมีแม่ทัพหญิงในราชวงศ์ของเรา แต่ก็ไม่มีแบบอย่างที่ให้สตรีมาเป็นขุนนางมาก่อน""ไม่มีมากก่อน งั้นก็จัดให้เป็นคนแรกเลย"เซี่ยหลูโม่ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง ให้ซีซีดูแลความปลอดภัยในเมืองหลวงและพระราชวัง ฮ่องเต้ไม่ได้ไม่ไว้ใจนางอยู่หรือ หรือมีวัตถุปร