อาจารย์หยูกล่าวว่า "ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตคนเท่านั้น แต่ยังค้นพบเรื่องใหญ่เช่นนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ผลงานนี้ทางจวนเป่ยหมิงอ๋องของเราไม่สามารถรับได้ ใครไปเสี่ยงชีวิตมาก็ให้เป็นผลงานของคนๆ นั้นสิ อย่าพูดเขาอีกเลย ท่านอ๋องรีบกินเถอะ"อาจารย์หยูไม่ต้องการพูดถึงจ้านเป่ยว่างต่อไปเพื่อไม่ให้พระชายารู้สึกอึดอัด เขาจึงเร่งให้ท่านอ๋องกินข้าวแล้วค่อยไปอาบน้ำ กลิ่นคุกแรงเกินไปแต่เสิ่นว่านจือยังคงไม่พอใจเล็กน้อย "อย่างไรก็ตาม ให้จ้านเป่ยว่างสร้างผลงานโดยใช้ประโยชน์จากแผนการของเรา ข้าก็ไม่สบอารมณ์ ยอมให้ปี้หมิงรับผลงานนี้ไปมากกว่า"นางจะไม่มีวันลืมว่าจ้านเป่ยว่างเคยทำร้ายซีซี และยังพยายามหาทุกวิถีทางยึดสินเดิมของนางแม้ว่าพวกเขาจะออกศึกด้วยกัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน นางดูถูกจ้านเป่ยว่างตลอดกาลอาจารย์หยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม "แน่นอนว่าปี้หมิงมีผลงานด้วย มิได้ให้จ้านเป่ยว่างแย่งชิงไปหมด จ้านเป่ยว่างก็ไม่ได้เข้าคุกใต้ดินด้วยคนเดียวนี่ คุณหนูเสิ่นไม่จำเป็นต้องจริงจังกับเรื่องนี้หรอก"เสิ่นว่านจือมองไปที่ซ่งซีซี "ซีซี เจ้ายังรู้สึกน่าขยะแขยงหรือเปล่า?"ซ่งซีซีส่ายหัว "พูดตามตรง พอตอนน
จักรพรรดิ์ซูชิงคิดไม่ถึงว่าจะพบสิ่งที่น่าสะดุ้งใจเช่นนี้ เขาคิดว่ามันเป็นเพียงเครื่องต่างๆ เกี่ยวกับลูกไม้ชั่วร้ายที่ใช้ในฝ่ายในจวน มากเกินไปจริงๆ เขาคิดจะตักเตือนสักหน่อยแต่ก็ไม่เหมาะที่จะสั่งการไปยุ่งเรื่องฝ่ายในของทางจวนองค์หญิง ถึงจะเติมเชื้อไฟให้กับเปลวไฟในช่วงเทศกาลหันอี้จริงๆ แล้วเขาไม่แน่ใจว่าจะคนลงมือกับจวนองค์หญิงใหญ่ในคืนนี้ แต่ช่วงนี้มีข่าวลือมากเกินไป โดยบอกว่าหญิงงามเมืองของเหลียงเส้าคนนั้นคือบุตรีอนุขององค์หญิงใหญ่ เขาส่งคนไปตรวจสอบจวนองค์หญิงและฝู้หม่ากู้ จากนั้นพบว่าฝู้หม่ากู้ได้ไปมาหาสู่กันกับตระกูลหลิน ซึ่งเป็นนักธุรกิจในเมือง และบังเอิญที่ตระกูลหลินมีแม่นางคนนหึ่งเคยไปจวนเป่ยหมิงอ๋องมาหลายครั้งข้อมูลที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันพวกนั้นไม่สามารถให้เขารับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่บังเอิญที่ทางจวนองค์หญิงกำลังให้พวกพระสงฆ์มาสวดมนต์ทำพิธีในเทศกาลหันอี้ตามเช่นเคย และเสิ่นชิงเหอก็บังเอิญมาที่เมืองหลวงก่อนเทศกาลหันอี้ และเขาคิดถึงว่าซ่งซีซีและองค์หญิงใหญ่มีความขัดแย้งกันก่อนหน้านี้ และคาดเดาว่าเรื่องแอบแฝงขององค์หญิงใหญ่คงเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินเขาไม่ค่อยเข้าใจซ่งซีซีมากนัก แต่ก
เซี่ยหลูโม่เงยหน้าขึ้นมองดูสีหน้าของเขาแล้วพูดว่า "ใช่ หลังจากที่พวกเขาหายตัวไป ทางจวนอ๋องและจวนเสนาบดีกั๋วกงก็ส่งคนจำนวนมากไปตามหาพวกเขา แต่ก็ไม่พบเลย ในที่สุดก็คิดว่าอาจเป็นฝีมือขององค์หญิงใหญ่ จึงเรียกกู้ชิงหลานกลับไปที่จวนองค์หญิงเพื่อสอบถามกับคนใช้ดู และได้พบว่าในคืนที่ภรรยาและลูกๆ ของซ่งจืออันหายตัวไปนั้น องครักษ์ของจวนองค์หญิงได้พาเด็กสองคนและสตรีมีครรภ์เข้าคนหนึ่งไปในคุกใต้ดิน จากนั้นเราถึงตั้งเป้าที่จวนองค์หญิง แต่กระหม่อมก็ไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปในจวนองค์หญิงอย่างโจ่งแจ้ง รู้ว่าจวนองค์หญิงจะเชิญชวนพระสงฆ์เข้าจวนในเทศกาลหันอี้ เป็นงานประจำของจวนองค์หญิง อีกอย่างค่ายลาดตระเวนและกองกำลังเมืองหลวงก็จะลาดตระเวนสถานที่นั้นในคืนนั้นเป็นพิเศษด้วย ดังนั้นจึงใช้มือสังหารไปล่อกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนเข้าไปในจวนองค์หญิง และปล่อยให้พวกเขาไปช่วยชีวิตคน"จักรพรรดิ์ซูชิงถาม "นอกเหนือจากนี้ มีอะไรอีกที่เจ้าได้ปิดบังข้าไว้อีกหรือไม่ เจ้าไม่รู้จริงๆ เหรอว่าองค์หญิงใหญ่มีเจตนากบฏ เจ้าไม่รู้ว่าจวนองค์หญิงซ่อนชุดเกราะและอาวุธมากมายเช่นนี้จริงๆ หรือ?"เซี่ยหลูโม่เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางสงบนิ่
เขาแสร้งทำเป็นครุ่นคิดแล้วพูดว่า "สำหรับแม่ทัพ กระหม่อมยังไม่ได้มีเป้าหมาย"เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิ์ซูชิงไม่พอใจกับคำตอบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้โกรธ "หอต้าหลี่จัดการคดีนี้ก็พอ ที่เหลือข้าจะส่งคนไปสอบสวน""พะย่ะค่ะ!"จักรพรรดิ์ซูชิงหมุนแหวนหยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขา "ข้าเคยได้ยินเจ้าบอกว่าช่วงนี้ยังไม่มีแผนจะมีลูกใช่ไหม?""พะย่ะค่ะ ยังไม่มีแผนนี้"จักรพรรดิ์ซูชิงตอบรับอืม "ซีซีเป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย ในเมื่อเจ้าได้รับแต่งตั้งให้เป็นต้าหลี่ซื่อชิงแล้ว งั้นตำแหน่งของเจ้าในฐานะผู้บัญชาการก็จะให้ปลดเลย ข้าวางแผนที่จะเลื่อนซ่งซีซีให้เป็นผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย"เซี่ยหลูโม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ฝ่าบาทหมายถึงผู้มีอำนาจที่แท้จริงหรือ?""ใช่ นางเข้ารับตำแหน่งโดยตรง"เซี่ยหลูโม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เพียงว่าถึงแม้จะมีแม่ทัพหญิงในราชวงศ์ของเรา แต่ก็ไม่มีแบบอย่างที่ให้สตรีมาเป็นขุนนางมาก่อน""ไม่มีมากก่อน งั้นก็จัดให้เป็นคนแรกเลย"เซี่ยหลูโม่ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง ให้ซีซีดูแลความปลอดภัยในเมืองหลวงและพระราชวัง ฮ่องเต้ไม่ได้ไม่ไว้ใจนางอยู่หรือ หรือมีวัตถุปร
หลังจากที่เซี่ยหลูโม่จากไป อู๋ต้าปั้นก็เข้าไปในห้องโถงหลัก "ฝ่าบาท อีกครึ่งชั่วยามก็ถึงเวลาเข้าประชุมยามเช้าแล้ว ข้าน้อยช่วยฝ่าบาทเปลี่ยนเสื้อผ้า""อืม เปลี่ยนที่นี่เถอะ" จักรพรรดิ์ซูชิงยกมือขึ้นแล้วพูดอู๋ต้าปั้นออกมาจากห้องโถงและเทศนา "ขันที นำเสื้อคลุมมังกรมา เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฝ่าบาท"ไม่นานหลังจากนั้น พวกขันทีก็ถือเสื้อคลุมมังกรและมงกุฎปีกทองทยอยเข้ามาอู๋ต้าปั้นสั่งทุกคนออกไป และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จักรพรรดิ์ซูชิงด้วยตนเอง สีหน้าของจักรพรรดิ์ซูชิงยังคงบึ้งตึง แต่เมื่อเทียบกับตอนที่ได้ยินข่าวในแรกๆ ก็ดูอ่อนลงไม่น้อยเลยจักรพรรดิ์ซูชิงมองดูเขา "ไม่เข้าใจว่าทำไมข้าถึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียหรือ"อู๋ต้าปั้นจัดการเข็มขัดปักมังกรของเขาแล้วพูดว่า "ฝ่าบาททรงฉลาด ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของพระองค์"จักรพรรดิ์ซูชิงกางมือออก ให้เขาจัดการรักแร้แล้วพูดอย่างใจเย็น "ทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงอยากกบฏ ให้ข้าออกจากตำแหน่งแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไรกัน""ข้าน้อยคิดว่าองค์หญิงใหญ่ไม่น่าจริงๆ ฝ่าบาททรงปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี""องค์หญิงที่มีความเป็นไปได้ก่อกบฏต่ำที่สุดก็มีส่วนร่
หลังจากออกจากวัง เซี่ยหลูโม่ก็กลับจวนก่อน และบอกอาจารย์หยูที่เพิ่งหลับไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ และให้เขาบอกพระชายาตอนนางตื่นขึ้นมาอาจารย์หยูได้ยินเช่นนี้ เขาก็ไม่ง่วงนอนอีกเลย เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากพระชายาตื่นขึ้นแล้วให้พระชายาพาเขาไปพบน้องสาว แต่บัดนี้ฮ่องเต้ทำเช่นนี้เพื่ออะไร เขาก็ยังต้องใช้สมองไปติดนอนหลับไม่ได้อีกเลยเมื่อรอซ่งซีซีตื่นขึ้น และแต่งตัวเรียบร้อยออกมา เขาก็ไปบอกนางด้วยตนเอง "ท่านอ๋องกลับมาบอกว่าฮ่องเต้กะจะเลื่อนตำแหน่งท่านให้เป็นผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย ซึ่งรับผิดชอบกองกำลังเมืองหลวง ค่ายลาดตระเวน ทหารรักษาพระราชวังและองครักษ์รักษาพระองค์ด้วย แต่ข้ายังคิอไม่ออกว่าฮ่องเต้ทำเช่นนี้เพื่ออะไร"ซ่งซีซีไม่อยากจะเชื่อเลย "มีอำนาจจริงๆ เหรอ?""มีอำนาจจริงๆ"ซ่งซีซีตกตะลึงมาก "ในราชวงศ์ของเรายังไม่มีแบบอย่างใดที่สตรีเข้ารับราชการในราชสำนัก แม้ว่าเป็นยี่ฝางที่สร้างผลงานในตอนแรก ก็แค่จัดให้ทำงานในสำนักงานท้องถิ่น แม้ว่าข้าจะดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ แต่ข้าก็ไม่เคยถามไถ่เรื่องของกองทัพซวนเจียเลย แค่ในนามและมีรายได้ประจำปีเท่านั้นเอง"ให้สตรีไปออกศึกกับเข้ารับข้ารชการมันแตก
ทันทีที่เสิ่นว่านจือตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินว่าซีซีกำลังจะเข้ารับราชการในราชสำนัก เป็นผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียอย่างแท้จริง จากนี้ไปจะรับผิดชอบกองกำลังเมืองหลวง ค่ายลาดตระเวน และทหารรักษาพระราชวังเป็นต้นราวกับอยู่ในความฝัน นางส่งเสียงร้อง จากนั้นขยี้ตาแล้วถามว่า "เจ้าจะรับข้าราชการชั่วๆ นั้นจริงๆ หรือ"ซ่งซีซีหัวเราะเบาๆ "ข้าราชการชั่วๆ อะไรกัน จะเป็นข้าราชการดีๆ ไม่ได้หรือไง?""งั้นก็เป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์" เสิ่นว่านจือยกมือขึ้นแล้วใช้นิ้วแตะที่คางจากนั้นเดินรอบๆ ซ่งซีซี "ก็ได้ ซีซีของเราสามารถเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ได้"ซ่งซีซีจำได้ว่าพวกนางเคยอยู่ในแวดวงการต่อสู้ แล้วตอนนั้นก็เหมือนกับพวกนักสู้ทั่วๆ ไปดูถูกข้ารชการท้องถิ่น โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ทุจริต ก็จะเรียกพวกเขาว่า "ข้าราชการชั่วๆ"แน่นอนว่าพวกนางได้พบกับข้าราชการดีๆ เช่นกัน เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ทำเพื่อประชาชน และสมเป็นข้าราชการอย่างแท้จริง พวกนางต่างก็ชื่นชมเขามากน่าเสียดายที่พวกนางออกไปมองโลกไม่ได้นานเท่าไหรก็ถูกจับตัวกลับไป ยังถูกศิษย์อาจำคุกเป็นเวลาครึ่งเดือนเมื่อนึกถึงอดีตในภูเขาเหม่ยชาน รอยยิ้มของซ่งซีซีก็ส
มีอยู่วันหนึ่ง มีเหตการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในเมืองหลวง คุณท่านหยูได้ยินคนรับใช้ที่ออกไปซื้อของกลับมาเล่าเรื่องแล้วด้วย เขากำชับคนใช้อย่าไปสนใจ หลานชายทำหน้าที่หัวหน้าดูแลจวนในจวนเป่ยหมิงอ๋อง พวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งกับการเมือง แม้แต่พูดถึงคำเดียวก็ไม่ได้แน่นอนว่าคุณท่านหยูไม่คิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่ออาศัยอยู่ในเมืองหลวง พวกเขาจะยึดหลักการข้อเดียวคือต้องระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำเพื่อไม่ให้สร้างปัญหาให้หลานชายหลังอาหารเช้า คุณท่านอาบแดดในลานบ้าน อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ และหลังจากเข้าฤดูหนาว แสงอาทิตย์จะหายากมาก"ท่านพ่อ ได้ยินเสี่ยวเอ๋อบอกว่าท่านกินข้าวเช้าน้อยมาก รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า" นางหยู ท่านแม่ของอาจารย์หยูเดินเข้าไปถามพ่อตาพลางคารวะให้"กินไม่ลง ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง" คุณท่านหยูลืมตาขึ้นและเห็นลูกสะใภ้ที่ดูเหนื่อยล้า เขาก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?”นางหยูไม่สามารถซ่อนความเศร้าของนางได้ "เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ามักจะฝันถึงเสี่ยวไป๋ ไม่รู้ว่าทำไม"คุณท่านหยูถอนหายใจ เขารู้ว่าความฝันที่ลูกสะใภ้บอกว่าฝันถึง ไม่ใช่แ
จีซูเซิ่นไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหรู ในวันรุ่งขึ้นขณะที่พวกนางออกไปตรวจที่ร้านขายยาเย่าหวัง นางแปลงตัวเป็นชาวนาและแอบตามไป เพียงแต่ตลอดทางจากไปจนกลับ ไม่มีใครเข้ามาใกล้รถลาของพวกนาง และระหว่างทางรถลานั้นก็ไม่ได้หยุดเลย หลังจากกลับมาถึงโรงงาน หวังชิงหรูก็เริ่มต้มยา ในโรงงานไม่มีใครคอยรับใช้ ทุกคนต้องผลัดกันทำอาหาร ตอนแรกหวังชิงหรูทำอะไรไม่เป็นเลย แม้แต่การก่อไฟยังต้องใช้เวลาฝึกถึงสามวัน อาหารมื้อแรกที่นางทำถึงกับกินไม่ได้เลย คนในโรงงานช่วยเหลือกัน แต่ก็ล้อกันด้วย พวกเขาหัวเราะเยาะว่านางมีร่างกายเหมือนฮูหยิน แต่โชคชะตาไม่ใช่ฮูหยินตอนแรกนางโกรธและรู้สึกน้อยใจ คิดว่าทำไมต้องมาเจอกับความลำบากเช่นนี้ นางถึงขั้นคิดว่าพวกเขาตั้งใจกลั่นแกล้ง จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเจียอี้มาที่โรงงานเพื่อเยี่ยม นางลงมือทำอาหารเอง มันอาจจะไม่เลิศรส แต่ก็รสชาติกลมกล่อมพอดี นางนิ่งเงียบไป หวังชิงหรูรู้ดีว่าเจียอี้เคยเป็นคนอย่างไร อดีตท่านหญิงที่หยิ่งยโส แต่หลังจากถูกหย่าแล้วได้รับการพากลับมา นางยังสามารถลดตัวเองลงและลงมือทำอาหารให้กลุ่มสตรีที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้ได้ ที่สำค
สถานการณ์ของหวังเบียวทำให้ซ่งซีซีแปลกใจไม่น้อย นางคิดว่าเขาจะพาคนสนิทหนีไปซ่อนได้อย่างน้อยสองสามปี ใครจะคาดคิดว่า ระหว่างทางเขาจะถูกปล้นทรัพย์สิน แม้แต่อนุที่รักก็ยังทอดทิ้งเขา ไม่รู้ว่าในเวลานั้น เขาเคยเสียใจต่อความโง่เขลาของตัวเองบ้างหรือไม่ คนวัยกลางคน กลับยังหลงเชื่อในความรักแท้ คิดจะทิ้งภรรยาที่อยู่เคียงข้างและดูแลเขามากว่าสิบปี สุดท้ายกลับถูกคนอื่นทิ้งเสียเอง นับว่าเป็นกรรมที่ตามสนอง แต่กรรมที่เขาได้รับยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้วยนิสัยของกู้ชิงหวู่ ตอนที่จากไปนางต้องเคยดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่นางเคยดูถูกเหลียงเส้า กู้ชิงหวู่ใช้ความงามของตัวเองเป็นเครื่องมือ แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดชังชายที่หลงใหลในความงามของนางอย่างยุติธรรม ในความเป็นจริง ซ่งซีซีคิดว่าหวังเบียวอาจไม่ได้อยู่ที่อำเภอหยง เพราะด้วยสถานะของเขาในฐานะผู้หลบหนี เขาไม่สามารถปรากฏตัวด้วยหน้าตาที่แท้จริง และไม่กล้าพำนักในที่ใดที่หนึ่งนานเกินไป ได้แต่หนีซุกซ่อน เขายังพาลูกไปด้วยอีก ซ่งซีซีคิดว่า หากเขาจนตรอก เขาอาจจะแอบกลับเมืองหลวงหรือไม่?แม้เขาจะโง่ แต่ก็ไม่ถึงกับโง่สิ้นดี เขารู
กู้ชิงหวู่กำหมัดแน่น ดวงตาเปล่งประกายแห่งความโกรธ "ดังนั้นข้าถึงบอกว่า สวรรค์ไม่ยุติธรรม ไยต้องเป็นเช่นนี้?" "เจ้าพูดเอง ด้วยชาติกำเนิดที่ดีของข้า รวมถึงสตรีหน้าเหลืองที่เจ้ากล่าวถึง นางก็เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์" ซ่งซีซีตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่เต็มไปด้วยท่าทีเหนือกว่า กู้ชิงหวู่เกลียดชังท่าทางเช่นนี้ที่สุด มันเหมือนกับอดีตองค์หญิงใหญ่ที่อยู่บนหอคอยสูง ในขณะที่ตนต้องก้มต่ำอยู่ในโคลนตม นางโกรธจัด หน้าอกสะท้อนขึ้นลง "ถึงจะเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์แล้วอย่างไร? ก็ยังถูกสามีรังเกียจอยู่ดีมิใช่หรือ?" "หวังเบียวหรือ? นางไม่เคยใส่ใจเขาเลย มีแต่เจ้าที่มองเขาเหมือนสมบัติ" ซ่งซีซีตอบอย่างไม่ใส่ใจ "สำหรับข้า เขาก็ไม่ใช่สมบัติอะไร แค่ขยะชิ้นหนึ่ง" กู้ชิงหวู่ตอบด้วยแววตาดุดัน ซ่งซีซีหัวเราะเยาะ "ข้ารู้ว่าไม่ใช่เช่นนั้น เจ้าถึงกับให้กำเนิดบุตรให้เขา ทั้งที่รู้ว่าการหนีจากสนามรบเป็นความผิดร้ายแรง เจ้ากลับไม่สนใจและหนีตามเขาไป ข้าเคยเจอคนปากไม่ตรงกับใจเช่นเจ้ามานักต่อนัก" "ไร้สาระ!" กู้ชิงหวู่ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ใบหน้าแดงก่ำ แต่ไม่นานก็หัวเราะเยาะ "ฮะ คิดจะหลอกข้าหรือ? ใช่ ข้ารักเขาจนถ
สถานที่อันเป็นมงคลนี้ถูกเลือกโดยสำนักโหรหลวง เป็นสถานที่ที่งดงามด้วยภูเขาและสายน้ำ มีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆ สองแห่ง แม้จะเรียกว่าด้านข้างพระราชสุสาน แต่ความจริงแล้วห่างจากพระราชสุสานถึงสามสิบลี้ หลังจากงานศพ กู้ชิงหยิงมาพบซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเพื่อกล่าวลา บอกว่าจะไปสร้างกระท่อมเล็กๆ อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อเฝ้าสุสานของบิดาบุญธรรม เสิ่นว่านจือถามว่านางต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงินหรือไม่ นางตอบว่าไม่จำเป็น เพราะนางจะขายเครื่องประดับที่เคยซื้อไว้ ก็เพียงพอจะกลายเป็นคนมีฐานะเล็กๆ ได้ วันที่นางจากไปพอดีกับวันที่เจ้าสิบเอ็ดฝางคุมตัวอ๋องเยี่ยนและคนอื่นๆ กลับเมืองหลวง นางยืนอยู่ที่ประตูเมือง มองเข้าไปในรถนักโทษที่มีอ๋องเยี่ยนและอ๋องฮวย ความเกลียดชังพลันผุดขึ้นในใจ แต่เมื่อเห็นชาวบ้านต่างด่าทอและโยนใบไม้เน่าใส่พวกเขา นางก็รู้สึกคลายความโกรธ เพราะคิดว่าคนชั่วได้กรรมของตนเองแล้ว สำหรับนาง นับจากนี้ก็เป็นอิสระแล้ว ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาผูกมัดนางได้อีก ในการคุมตัวครั้งนี้ ยังมีข้าราชการของหนิงโจวและชิวเหมิงถูกนำตัวกลับมาด้วย สิ่งที่ทำให้ซ่งซีซีประหลาดใจคือ นางยังเห็นกู้ชิงหวู่ด
ใช้เวลาห้าวันกว่าจะกวาดล้างเศษซากกบฏได้หมดสิ้น เจ้าสิบเอ็ดฝางและมู่ฉงกุยส่งข่าวชัยชนะมาว่าได้จับชิวเหมิงกบฏตัวสำคัญเป็นเชลย พร้อมนำตัวอ๋องเยี่ยน อ๋องหวย และอู๋เซียงผู้ทรยศกลับมายังเมืองหลวง ซึ่งอีกไม่นานจะมาถึง ยกเว้นเพียงหวังเบียวที่ยังคงหลบหนี นอกนั้นกบฏส่วนใหญ่ล้วนถูกจับกุมได้หมดแล้ว วันที่ 25 เดือนเจ็ด สำนักราชวังจัดพิธีศพให้ท่านอ๋องฮุย เพราะเหตุการณ์กบฏของเซี่ยทิงเหยียน พิธีศพจึงจัดอย่างเรียบง่าย และจักรพรรดิ์ซูชิงทรงเรียกขุนนางมาหารือว่าท่านอ๋องฮุยควรได้ฝังในสุสานอ๋องหรือไม่ แม้ว่าท่านอ๋องฮุยจะบริสุทธิ์ แต่ความผิดของเซี่ยทิงเหยียนเป็นโทษที่เกี่ยวพันถึงทั้งตระกูล ซ่งซีซีไม่ได้รับการเรียกตัวให้เข้าร่วมพิธี นางจึงพาผู้คนจากจวนเป่ยหมิงอ๋องมาร่วมงานศพของอ๋องฮุย พิธีศพจัดอย่างเรียบง่าย ไม่มีขุนนางมาร่วมงาน นอกจากจักรพรรดิ์จะทรงอนุญาตให้อ๋องฮุยฝังในสุสานอ๋อง มิฉะนั้นจะไม่มีใครกล้าเข้าร่วม กู้ชิงหยิงสวมชุดไว้ทุกข์คุกเข่าเผากระดาษหน้าโลงศพ ศพของอ๋องฮุยถูกบรรจุในโลงแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดฝา เมื่อซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมาถึง ยังสามารถไปดูหน้าศพครั้งสุดท้ายได้ มีโลงศพสา
เมื่อได้ยินว่าอ๋องฮุยปลิดชีพตนเอง เซี่ยทิงเหยียนถึงกับอึ้งไป ก่อนจะร้องไห้เสียงดังว่า “เสด็จพ่อ ทำไมต้องกลัวโทษจนถึงกับฆ่าตัวตาย? ลูกสัญญาไว้ว่าจะรับโทษแทนท่านแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กู้ชิงหยิงที่ไม่ได้หวังจะมีชีวิตรอดอยู่แล้วก็พุ่งเข้าไปชกหัวเขาอย่างแรง หมัดของกู้ชิงหยิงใหญ่โตนัก ฟาดเข้าที่กระหม่อมของเซี่ยทิงเหยียนจนเขารู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า หูอื้ออยู่นานก่อนจะเงยหน้ามองนางด้วยสายตาเย็นเยียบดุจอสรพิษ กู้ชิงหยิงถ่มน้ำลายใส่เขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าสัตว์เดรัจฉาน เจ้าใช้อำนาจข่มขู่ชีวิตชาวเมืองหนิงโจวและคนเก่าของวังให้ท่านอ๋องต้องรับผิดแทนเจ้า ท่านอ๋องไม่เคยมีจิตคิดกบฏ แม้แต่ตอนที่ถูกเจ้าจับตาอย่างใกล้ชิด ท่านยังพยายามส่งข่าวให้ใต้เท้าซ่ง เจ้าจงหยุดทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋องหลังจากตายเถิด” นางพูดจบก็รีบคุกเข่าลง น้ำตาไหลอาบหน้า “ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงโปรดพิจารณา ท่านอ๋องไม่ได้ก่อกบฏ แต่เป็นเซี่ยทิงเหยียนที่พูดเองว่า หากเขาสำเร็จ ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่หากล้มเหลว ลูกน้องของเขาจะสังหารชาวเมืองหนิงโจว เขาข่มขู่ท่านอ๋องเช่นนี้มาตลอด คนเก่าของวังที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องถูกเขาฆ่าจนแทบไม่
จักรพรรดิ์ซูชิงมองลงมาจากที่สูง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง “อย่างนั้นหรือ? แม้เจ้าจะยอมรับโทษแทนบิดา แต่ข้าไม่อาจกล่าวโทษผู้บริสุทธิ์โดยไร้เหตุผลได้ ใครกันที่เป็นกบฏวางแผนชิงบัลลังก์ ข้าจะสืบสวนให้กระจ่างเอง” “ฝ่าบาท” เซี่ยทิงเหยียนน้ำตาคลอ ดวงหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง “ไม่ต้องสืบสวนแล้ว ขอพระองค์ทรงตัดสินโทษกระหม่อมเถิด เสด็จพ่อเพียงหลงผิดชั่วขณะ” จักรพรรดิ์ซูชิงหัวเราะเยาะ “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก เหตุใดถึงไร้เกียรติเช่นนี้? ไหนล่ะความตระหนักของผู้แพ้ในสงคราม เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นยอดคนผู้ห้าวหาญ ผู้เช่นเจ้ากล้าหมายปองบัลลังก์ คิดจะเป็นประมุขของแผ่นดินหรือ? เซี่ยทิงเหยียน อย่าให้ผู้ติดตามเจ้าเขาต้องผิดหวังนัก” “กระหม่อมยินดีรับโทษแทนเสด็จพ่อ! ขอพระองค์โปรดเมตตาไว้ชีวิตเสด็จพ่อด้วย” เซี่ยทิงเหยียนไม่สนว่าจักรพรรดิ์ซูชิงจะตรัสสิ่งใด เขาก็ยังคงกล่าวแต่คำนี้ด้วยความปวดร้าวและความกตัญญู ขุนนางที่อยู่ในที่นั้นย่อมไม่เชื่อ ต่างตำหนิเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงความทะเยอทะยานราวหมาป่า แต่หากคนใดหน้าหนาเพียงพอ ย่อมไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าว่า เขายังคงแสดงสีหน้าเจ็บปวดและกล่าวว่า
ภายใต้การบัญชาของสือหงเซิน กองกำลังทหารส่วนตัวเหล่านี้ไม่เพียงไม่ล่าถอย แต่กลับต่อสู้อย่างดุดันยิ่งขึ้น พวกเขาไม่ใช่ทหารส่วนตัวของอ๋องเยี่ยน จำนวนกว่า 10,000 คน ล้วนเป็นผู้ที่เซี่ยทิงเหยียนคัดเลือกอย่างพิถีพิถันตลอดหลายปี และผ่านการฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน ในหมู่พวกเขา หลายคนมีชีวิตที่ขมขื่น และความเกลียดชังต่อโลกนี้ พวกเขาหวังว่าจะพลิกชะตาชีวิตของตนเองด้วยสงครามครั้งนี้ ดังนั้นตราบใดที่ยังมีผู้บัญชาการอยู่ข้างหน้า พวกเขาก็ไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ กองทัพซวนเจียสามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่ชัยชนะนี้จะไม่ได้มาอย่างง่ายๆ และรวดเร็ว ซ่งซีซีรู้ว่าหากพวกเขาไม่ยอมจำนน จำนวนผู้เสียชีวิตจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น นางจึงเลือกกำลังพลที่ดีที่สุดกลุ่มหนึ่ง รวมถึงกลุ่มย่อยเหม่ยซานของพวกเขา วางแผนจะตัดศีรษะของสือหงเซินท่ามกลางกองทัพกบฏ เมื่อทัพไร้แม่ทัพ การสงครามย่อมสงบได้เร็วขึ้น ซ่งซีซีวางแผนให้หมั่นโถวและกุ้นเอ๋อร์เข้าไปทำลายรูปขบวนของพวกเขาก่อน จากนั้นนางและเสิ่นว่านจือจะบุกเข้าไปตัดศีรษะแล้วรีบถอยออกมา นี่คือการตัดหัวแม่ทัพศัตรูท่ามกลางกองทัพนับพันอย่างแท้จริง เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะเหล่าก
เซี่ยทิงเหยียนควบม้าออกไป และเห็นชิวเหมิงอยู่ไกลๆ เขาจึงวางใจจริงๆ เขารู้ดีว่าชิวเหมิงพร้อมจะแลกทุกสิ่ง ชายคนหนึ่ง หากทุ่มเทอย่างเต็มที่และไม่กลัวตาย ย่อมสามารถสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ได้ นี่คือสงครามที่เขาเฝ้าฝันถึง การต่อสู้เพื่ออุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของตนเอง ความเยือกเย็นและสงบนิ่งที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยเลือดร้อนที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ความปรารถนาที่จะครอบครองแผ่นดินมอบพลังและความเชื่อมั่นแก่เขา เขาเชื่อมั่นว่าความทะเยอทะยานคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ แต่เขาไม่รู้เลยว่า ความทะเยอทะยานไม่เคยเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรักและความเกลียดชัง รวมถึงความยุติธรรมและความสามัคคี มันคือความรักชาติของซ่งซีซี ผู้บัญชาการแห่งกองทัพซวนเจีย! มันคือความเกลียดชังจากการล้างโคตรตระกูลของซ่งซีซี! และยิ่งไปกว่านั้นคือการรวมพลังกันของทหารและชาวยุทธภพ เพื่อขับไล่กบฏและปกป้องความยุติธรรมของประชาชน เซี่ยทิงเหยียนสังเกตเห็นความผิดปกติในทันที ทหารที่ชิวเหมิงนำมา ต่างถอดเครื่องแบบออกพร้อมกัน เผยให้เห็นเสื้อผ้าธรรมดาที่สวมอยู่ด้านใน ซึ่งปักอักษร