หลังจากออกจากวัง เซี่ยหลูโม่ก็กลับจวนก่อน และบอกอาจารย์หยูที่เพิ่งหลับไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ และให้เขาบอกพระชายาตอนนางตื่นขึ้นมาอาจารย์หยูได้ยินเช่นนี้ เขาก็ไม่ง่วงนอนอีกเลย เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากพระชายาตื่นขึ้นแล้วให้พระชายาพาเขาไปพบน้องสาว แต่บัดนี้ฮ่องเต้ทำเช่นนี้เพื่ออะไร เขาก็ยังต้องใช้สมองไปติดนอนหลับไม่ได้อีกเลยเมื่อรอซ่งซีซีตื่นขึ้น และแต่งตัวเรียบร้อยออกมา เขาก็ไปบอกนางด้วยตนเอง "ท่านอ๋องกลับมาบอกว่าฮ่องเต้กะจะเลื่อนตำแหน่งท่านให้เป็นผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย ซึ่งรับผิดชอบกองกำลังเมืองหลวง ค่ายลาดตระเวน ทหารรักษาพระราชวังและองครักษ์รักษาพระองค์ด้วย แต่ข้ายังคิอไม่ออกว่าฮ่องเต้ทำเช่นนี้เพื่ออะไร"ซ่งซีซีไม่อยากจะเชื่อเลย "มีอำนาจจริงๆ เหรอ?""มีอำนาจจริงๆ"ซ่งซีซีตกตะลึงมาก "ในราชวงศ์ของเรายังไม่มีแบบอย่างใดที่สตรีเข้ารับราชการในราชสำนัก แม้ว่าเป็นยี่ฝางที่สร้างผลงานในตอนแรก ก็แค่จัดให้ทำงานในสำนักงานท้องถิ่น แม้ว่าข้าจะดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ แต่ข้าก็ไม่เคยถามไถ่เรื่องของกองทัพซวนเจียเลย แค่ในนามและมีรายได้ประจำปีเท่านั้นเอง"ให้สตรีไปออกศึกกับเข้ารับข้ารชการมันแตก
ทันทีที่เสิ่นว่านจือตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินว่าซีซีกำลังจะเข้ารับราชการในราชสำนัก เป็นผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียอย่างแท้จริง จากนี้ไปจะรับผิดชอบกองกำลังเมืองหลวง ค่ายลาดตระเวน และทหารรักษาพระราชวังเป็นต้นราวกับอยู่ในความฝัน นางส่งเสียงร้อง จากนั้นขยี้ตาแล้วถามว่า "เจ้าจะรับข้าราชการชั่วๆ นั้นจริงๆ หรือ"ซ่งซีซีหัวเราะเบาๆ "ข้าราชการชั่วๆ อะไรกัน จะเป็นข้าราชการดีๆ ไม่ได้หรือไง?""งั้นก็เป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์" เสิ่นว่านจือยกมือขึ้นแล้วใช้นิ้วแตะที่คางจากนั้นเดินรอบๆ ซ่งซีซี "ก็ได้ ซีซีของเราสามารถเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ได้"ซ่งซีซีจำได้ว่าพวกนางเคยอยู่ในแวดวงการต่อสู้ แล้วตอนนั้นก็เหมือนกับพวกนักสู้ทั่วๆ ไปดูถูกข้ารชการท้องถิ่น โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ทุจริต ก็จะเรียกพวกเขาว่า "ข้าราชการชั่วๆ"แน่นอนว่าพวกนางได้พบกับข้าราชการดีๆ เช่นกัน เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ทำเพื่อประชาชน และสมเป็นข้าราชการอย่างแท้จริง พวกนางต่างก็ชื่นชมเขามากน่าเสียดายที่พวกนางออกไปมองโลกไม่ได้นานเท่าไหรก็ถูกจับตัวกลับไป ยังถูกศิษย์อาจำคุกเป็นเวลาครึ่งเดือนเมื่อนึกถึงอดีตในภูเขาเหม่ยชาน รอยยิ้มของซ่งซีซีก็ส
มีอยู่วันหนึ่ง มีเหตการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในเมืองหลวง คุณท่านหยูได้ยินคนรับใช้ที่ออกไปซื้อของกลับมาเล่าเรื่องแล้วด้วย เขากำชับคนใช้อย่าไปสนใจ หลานชายทำหน้าที่หัวหน้าดูแลจวนในจวนเป่ยหมิงอ๋อง พวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งกับการเมือง แม้แต่พูดถึงคำเดียวก็ไม่ได้แน่นอนว่าคุณท่านหยูไม่คิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่ออาศัยอยู่ในเมืองหลวง พวกเขาจะยึดหลักการข้อเดียวคือต้องระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำเพื่อไม่ให้สร้างปัญหาให้หลานชายหลังอาหารเช้า คุณท่านอาบแดดในลานบ้าน อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ และหลังจากเข้าฤดูหนาว แสงอาทิตย์จะหายากมาก"ท่านพ่อ ได้ยินเสี่ยวเอ๋อบอกว่าท่านกินข้าวเช้าน้อยมาก รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า" นางหยู ท่านแม่ของอาจารย์หยูเดินเข้าไปถามพ่อตาพลางคารวะให้"กินไม่ลง ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง" คุณท่านหยูลืมตาขึ้นและเห็นลูกสะใภ้ที่ดูเหนื่อยล้า เขาก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?”นางหยูไม่สามารถซ่อนความเศร้าของนางได้ "เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ามักจะฝันถึงเสี่ยวไป๋ ไม่รู้ว่าทำไม"คุณท่านหยูถอนหายใจ เขารู้ว่าความฝันที่ลูกสะใภ้บอกว่าฝันถึง ไม่ใช่แ
ขณะที่รถม้ามุ่งหน้าสู่จวนอ๋อง นางหยูก็ถือกล่องอาหารไม้สองชั้นไว้ในมือ แม้ว่านางจะพยายามกลั้นไว้แล้ว แต่น้ำตาก็ยังคงไหลรินราวกับลูกปัดที่แตกออกสิบแปดปี ทั้งหมดมีวันมากเท่าไร งั้นก็ต้องทนทุกข์ทรมานนานมากเท่านั้น ไม่มีวันลืมนางเสียใจทุกๆ วันว่าทำไมตนเองไม่ปฏิบัติต่อนางให้ดีกว่านั้นพ่อแม่สามี สามีะละ ลูกชายที่บ้านต่างรักใคร่หยูไป๋ มีแต่นางคนเดียวที่เข้มงวดกับนาง เคยตบฝ่ามือของนาง ลงโทษนางให้ขังบริเวณ ให้นางอดอาหาร...หลายปีที่ผ่านมา มีเรื่องมากมายเบลอไป แต่ใบหน้าเล็กๆ นางที่รู้สึกคับข้องใจนั้นยังจำได้ชัดเจน ใบหน้าเล็กๆ อาบน้ำตา และเมื่อถูกสั่งสอนแล้วก็จะเข้ามาใกล้ ทุกฉากรวมๆ กันมันเป็นความทรงจำที่ฝังลึกในใจ ได้โจมตีหัวใจลึกๆ ของนางทุกวันนางยกโทษให้ตัวเองไม่ได้ เด็กก็ไม่ได้ซุกซนมากนัก แล้วทำไมต้องดุนาง? ทำไมต้องตีนาง ? ทำให้ให้นางร้องไห้? ให้ตามใจนางเหมือนคนอื่น ๆ ไม่ได้หรือ?บนรถม้า อาจารย์หยูเล่าให้พวกเขาฟังเรื่องที่หยูไป๋เจอหลังจากที่นางถูกลักพาตัวอย่างละเอียด นางหยูฟังดูแล้วน้ำตาก็หลั่งไม่หยุดนางเกือบตาย และถูกทิ้งให้อยู่ในป่าทั้งๆ ที่ยังเป็นไข้อยู่แต่นางก็โชคดีที่มีคนรับน
เสิ่นว่านจือชอบเห็นการรวมตัวกันอย่างมีความสุขมากที่สุด แต่กลัวการร้องไห้เมื่อต้องเห็นการแยกจากกันและความตายนางไม่รู้ว่าจะปลอบหยูไป๋อย่างไร ดังนั้นจึงทำได้แค่ลูบหลังหยูไป๋ "เจ้าอย่าเศร้าใจมากเกินไป ล้วนเป็นโชคชะตาเลย หัวหน้ากลุ่มต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วย... แม้ว่าความตายไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่อย่างน้อยไม่ได้ตายอย่างทรมาน"ในขณะนี้ เสิ่นว่านจือหวังว่าหัวหน้ากลุ่มจะถูกแทงคอด้วยดาบในขณะที่เขาหลับนอนอยู่จริงๆที่จริงแล้วอาจารย์หยูเสนอแนะให้บอกนางว่าหัวหน้ากลุ่มเสียชีวิตด้วยอาการป่วยแต่ทั้งท่านอ๋องและซีซีต่างไม่เห็นด้วย หยูไป๋มีสิทธิ์รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าหัวหน้ากลุ่มนางเองก็คิดเช่นนั้น หากคนฆ่าอาจารย์ของนาง... บ๊ะ บ๊ะๆ แค่สมมต งั้นนางต้องรู้ว่าใครเป็นศัตรูแทนที่จะถูกปกปิดไว้อย่างโง่ๆหยูไป๋ยังคงร้องไห้เศร้าใจ และเสิ่นว่านจือได้แต่พูดว่า "อย่าเศร้าเลย ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาอาจารย์หยู ท่านปู่เจ้า และท่านแม่เจ้าด้วย ท่านพ่อของเจ้าก็กำลังเดินทางมาเมืองหลวงเช่นกัน ข้าเชื่อว่าหากหัวหน้ากลุ่มอยู่ในสวรรค์ได้เห็นเจ้าตามหาคนของครอบครัวเจอ ก็จะดีใจแทนเจ้าแน่ๆ"เมื่อได้ยินว่าจะไปพบกับคนในครอบค
หยูไป๋รู้สึกคับข้องใจมาก เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกอุ้มผู้หญิงอ่อนแอข้างหน้าไว้ ความคับข้องใจทั้งหมดที่ได้รับในอดีตหลั่งไหลออกมาราวกับแม่น้ำที่เปิดประตูนี่คือแม่แท้ๆ ของนาง นางไม่เคยฝันว่าจะได้อุ้มแม่ไว้ในอ้อมแขนแบบนี้จากนั้นอาจารย์หยูก็พาปู่เข้าไปหา หลังจากได้เจอหน้า ชายชราและอาจารย์หยูก็หลั่งน้ำตาทันที และเข้าไปในห้องโถงหลัก นางหยูยังคงจับมือของลูกสาวไว้แน่นไม่ยอมปล่อย หยูไป๋ในความทรงจำของนางแค่เจ็ดขวบเอง บัดนี้ก็อายุยี่สิห้าปีแล้วภาพในความทรงจำของหยูไป๋ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น แต่แม่ในความทรงจำของนางยังสาวอยู่ เป็นคนแข็งแกร่ง ตอนที่ดุนาง ขนาดเพื่อนข้างบ้านก็สามารถได้ยิน เวลานี้กลับไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพูดคุยเสิ่นว่านจือและซ่งซีซีซ่อนตัวอยู่ข้างนอกและเฝ้าดูโดยเช็ดน้ำตาไปด้วยฟังพวกเขาร้องไห้พลางพูดคุยเกี่ยวกับอดีต ทั้งสองคนก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน รู้สึกทั้งตื้นตันใจและอึดอัดด้วยปรากฎว่าอาจารย์หยูเป็นคนอบอุ่นตั้งแต่เด็ก และเอ็นดูน้องสาวมากเช่นนั้น ที่แท้นางหยูเคยเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง ที่แท้หยูไป๋เคยเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ จอมซน คล้ายกับตอนที่พวกนางอยู่ใน ภูเขาเหม่ยชานซ่งซีซียังเจียดเว
ในห้องโถงด้านข้าง อู๋ต้าปั้นเพิ่งกินขนมเสร็จ และดื่มชาหนึ่งแก้ว เมื่อเห็นพระชายาเข้ามา เขาก็ยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มเพื่อไหว้นางซ่งซีซีรีบยกมือเพื่อทำท่าปฏิเสธ "อู๋กงกง ไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งเลย"นางรู้ว่าอู๋ต้าปั้นได้ช่วยนางทั้งแบบเปิดเผยและอย่างลับๆ มาไม่น้อย ยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเขาแบบต่อหน้าจริงๆ วันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีเลยหลังจากที่อู๋ต้าปั้นนั่งลง ซ่งซีซีก็คารวะให้เขา "กงกง หลายปีที่ผ่านมาข้ารู้ว่าเจ้าช่วยท่านแม่และข้ามากมาย หลังจากที่ข้าแต่งงานเข้าจวนอ๋อง เมื่อต่อหน้าฮ่องเต้ ข้าว่าเจ้าคงช่วยพูดแทนให้ท่านอ๋องไปไม่น้อย ขอบคุณจริงๆ"อู๋ต้าปั้นมองนา ด้วยรอยยิ้มที่สดใส "พระชายากล่าวขอบคุณเช่นนี้ ข้าน้อยไม่กล้ารับเลย รีบนั่งลงเถอะ ข้าน้อยมีเรื่องจะคุยกับท่าน"ซ่งซีซีนั่งลงด้วยสายตาอันอบอุ่น "กงกงพูดได้เลย""สำหรับงานนี้" อู๋ต้าปั้นมองดูนาง สีหน้าค่อยๆ เริ่มจริงจังขึ้น "ท่านแค่ทำงานให้เต็มที่ ในเมื่อฮ่องเต้ไว้ใจท่าน ใช้งานท่าน งั้นก็จะเชื่อใจท่านอย่างเท่าที่ทำได้ แต่พระชายาทรงจำอย่างหนึ่งไว้ สามีภรรยาอย่าเกิดความบาดหมางกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ขอแค่ไม่ได้ทำเรื่องที่ทำให้ผิดหวังงั้น
จวนองค์หญิงใหญ่ในปัจจุบันอยู่ในความยุ่งเหยิงคนที่ดูแลจวนทั้งหมดรวมทั้งองค์หญิงใหญ่ถูกนำตัวไป ส่วนทาสในจวนให้อยู่ในจวนองค์หญิงต่อ หอต้าหลี่ส่งคนไปเฝ้าดู อีกเดี๋ยวพอต้องสอบปากคำนั้นก็ต้องนำตัวไปด้วยกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนถอนตัวออก และคดีนี้ถูกส่งมอบให้กับหอต้าหลี่เฉินยี ผู้ช่วยหอต้าหลี่จัดคนไปจัดการกับสตรีเหล่านี้ ส่งจดหมายถึงครอบครัวของพวกนาง เมื่อคดีจบลง หากต้องยึดทรัพย์สินในจวน งั้นจะให้ทางจวนองค์หญิงใหญ่ออกเงินมาชดเชยให้พวกนางสำหรับหลินเฟิ้งเอ๋อ เนื่องจากครอบครัวของนางอยู่ในเมืองหลวงอยู่แล้ว จึงให้นางกลับบ้านก่อน กู้ชิงหลานมารับเอง กู้ชิงหลานเหมือนกับกำลังฝันอยู่ นางไม่กล้าจะเชื่อว่าแผนการไม่ได้เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำที่ตุลาคม แต่เป็นวันขึ้น ๑ ค่ำที่ตุลาคม พระชายายังปกปิดนางด้วยนางรู้สึกโกรธมาก พระชายาไม่ไว้ใจนาง นางบอกทุกอย่างให้พระชายารู้หมด ถึงขนาดพาท่านพ่อไปด้วย แต่พระชายายังปกปิดแผนการเอาไว้บนรถม้ากลับบ้าน หลินเฟิ้งเอ๋อได้บอกนางว่า "พ่อของลูกไม่คิดที่จะร่วมมือกับพระชายาเลย เขายังเปิดเผยแผนงานวันขึ้น ๑๕ ค่ำให้องค์หญิง หากมิใช่เพราะแผนการของพวกเจ้าได้เลื่อนเวลาขึ้