แชร์

บทที่ 724

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ขณะที่รถม้ามุ่งหน้าสู่จวนอ๋อง นางหยูก็ถือกล่องอาหารไม้สองชั้นไว้ในมือ แม้ว่านางจะพยายามกลั้นไว้แล้ว แต่น้ำตาก็ยังคงไหลรินราวกับลูกปัดที่แตกออก

สิบแปดปี ทั้งหมดมีวันมากเท่าไร งั้นก็ต้องทนทุกข์ทรมานนานมากเท่านั้น ไม่มีวันลืม

นางเสียใจทุกๆ วันว่าทำไมตนเองไม่ปฏิบัติต่อนางให้ดีกว่านั้น

พ่อแม่สามี สามีะละ ลูกชายที่บ้านต่างรักใคร่หยูไป๋ มีแต่นางคนเดียวที่เข้มงวดกับนาง เคยตบฝ่ามือของนาง ลงโทษนางให้ขังบริเวณ ให้นางอดอาหาร...

หลายปีที่ผ่านมา มีเรื่องมากมายเบลอไป แต่ใบหน้าเล็กๆ นางที่รู้สึกคับข้องใจนั้นยังจำได้ชัดเจน ใบหน้าเล็กๆ อาบน้ำตา และเมื่อถูกสั่งสอนแล้วก็จะเข้ามาใกล้ ทุกฉากรวมๆ กันมันเป็นความทรงจำที่ฝังลึกในใจ ได้โจมตีหัวใจลึกๆ ของนางทุกวัน

นางยกโทษให้ตัวเองไม่ได้ เด็กก็ไม่ได้ซุกซนมากนัก แล้วทำไมต้องดุนาง? ทำไมต้องตีนาง ? ทำให้ให้นางร้องไห้? ให้ตามใจนางเหมือนคนอื่น ๆ ไม่ได้หรือ?

บนรถม้า อาจารย์หยูเล่าให้พวกเขาฟังเรื่องที่หยูไป๋เจอหลังจากที่นางถูกลักพาตัวอย่างละเอียด นางหยูฟังดูแล้วน้ำตาก็หลั่งไม่หยุด

นางเกือบตาย และถูกทิ้งให้อยู่ในป่าทั้งๆ ที่ยังเป็นไข้อยู่

แต่นางก็โชคดีที่มีคนรับน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 725

    เสิ่นว่านจือชอบเห็นการรวมตัวกันอย่างมีความสุขมากที่สุด แต่กลัวการร้องไห้เมื่อต้องเห็นการแยกจากกันและความตายนางไม่รู้ว่าจะปลอบหยูไป๋อย่างไร ดังนั้นจึงทำได้แค่ลูบหลังหยูไป๋ "เจ้าอย่าเศร้าใจมากเกินไป ล้วนเป็นโชคชะตาเลย หัวหน้ากลุ่มต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วย... แม้ว่าความตายไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่อย่างน้อยไม่ได้ตายอย่างทรมาน"ในขณะนี้ เสิ่นว่านจือหวังว่าหัวหน้ากลุ่มจะถูกแทงคอด้วยดาบในขณะที่เขาหลับนอนอยู่จริงๆที่จริงแล้วอาจารย์หยูเสนอแนะให้บอกนางว่าหัวหน้ากลุ่มเสียชีวิตด้วยอาการป่วยแต่ทั้งท่านอ๋องและซีซีต่างไม่เห็นด้วย หยูไป๋มีสิทธิ์รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าหัวหน้ากลุ่มนางเองก็คิดเช่นนั้น หากคนฆ่าอาจารย์ของนาง... บ๊ะ บ๊ะๆ แค่สมมต งั้นนางต้องรู้ว่าใครเป็นศัตรูแทนที่จะถูกปกปิดไว้อย่างโง่ๆหยูไป๋ยังคงร้องไห้เศร้าใจ และเสิ่นว่านจือได้แต่พูดว่า "อย่าเศร้าเลย ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาอาจารย์หยู ท่านปู่เจ้า และท่านแม่เจ้าด้วย ท่านพ่อของเจ้าก็กำลังเดินทางมาเมืองหลวงเช่นกัน ข้าเชื่อว่าหากหัวหน้ากลุ่มอยู่ในสวรรค์ได้เห็นเจ้าตามหาคนของครอบครัวเจอ ก็จะดีใจแทนเจ้าแน่ๆ"เมื่อได้ยินว่าจะไปพบกับคนในครอบค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 726

    หยูไป๋รู้สึกคับข้องใจมาก เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกอุ้มผู้หญิงอ่อนแอข้างหน้าไว้ ความคับข้องใจทั้งหมดที่ได้รับในอดีตหลั่งไหลออกมาราวกับแม่น้ำที่เปิดประตูนี่คือแม่แท้ๆ ของนาง นางไม่เคยฝันว่าจะได้อุ้มแม่ไว้ในอ้อมแขนแบบนี้จากนั้นอาจารย์หยูก็พาปู่เข้าไปหา หลังจากได้เจอหน้า ชายชราและอาจารย์หยูก็หลั่งน้ำตาทันที และเข้าไปในห้องโถงหลัก นางหยูยังคงจับมือของลูกสาวไว้แน่นไม่ยอมปล่อย หยูไป๋ในความทรงจำของนางแค่เจ็ดขวบเอง บัดนี้ก็อายุยี่สิห้าปีแล้วภาพในความทรงจำของหยูไป๋ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น แต่แม่ในความทรงจำของนางยังสาวอยู่ เป็นคนแข็งแกร่ง ตอนที่ดุนาง ขนาดเพื่อนข้างบ้านก็สามารถได้ยิน เวลานี้กลับไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพูดคุยเสิ่นว่านจือและซ่งซีซีซ่อนตัวอยู่ข้างนอกและเฝ้าดูโดยเช็ดน้ำตาไปด้วยฟังพวกเขาร้องไห้พลางพูดคุยเกี่ยวกับอดีต ทั้งสองคนก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน รู้สึกทั้งตื้นตันใจและอึดอัดด้วยปรากฎว่าอาจารย์หยูเป็นคนอบอุ่นตั้งแต่เด็ก และเอ็นดูน้องสาวมากเช่นนั้น ที่แท้นางหยูเคยเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง ที่แท้หยูไป๋เคยเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ จอมซน คล้ายกับตอนที่พวกนางอยู่ใน ภูเขาเหม่ยชานซ่งซีซียังเจียดเว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 727

    ในห้องโถงด้านข้าง อู๋ต้าปั้นเพิ่งกินขนมเสร็จ และดื่มชาหนึ่งแก้ว เมื่อเห็นพระชายาเข้ามา เขาก็ยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มเพื่อไหว้นางซ่งซีซีรีบยกมือเพื่อทำท่าปฏิเสธ "อู๋กงกง ไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งเลย"นางรู้ว่าอู๋ต้าปั้นได้ช่วยนางทั้งแบบเปิดเผยและอย่างลับๆ มาไม่น้อย ยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเขาแบบต่อหน้าจริงๆ วันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีเลยหลังจากที่อู๋ต้าปั้นนั่งลง ซ่งซีซีก็คารวะให้เขา "กงกง หลายปีที่ผ่านมาข้ารู้ว่าเจ้าช่วยท่านแม่และข้ามากมาย หลังจากที่ข้าแต่งงานเข้าจวนอ๋อง เมื่อต่อหน้าฮ่องเต้ ข้าว่าเจ้าคงช่วยพูดแทนให้ท่านอ๋องไปไม่น้อย ขอบคุณจริงๆ"อู๋ต้าปั้นมองนา ด้วยรอยยิ้มที่สดใส "พระชายากล่าวขอบคุณเช่นนี้ ข้าน้อยไม่กล้ารับเลย รีบนั่งลงเถอะ ข้าน้อยมีเรื่องจะคุยกับท่าน"ซ่งซีซีนั่งลงด้วยสายตาอันอบอุ่น "กงกงพูดได้เลย""สำหรับงานนี้" อู๋ต้าปั้นมองดูนาง สีหน้าค่อยๆ เริ่มจริงจังขึ้น "ท่านแค่ทำงานให้เต็มที่ ในเมื่อฮ่องเต้ไว้ใจท่าน ใช้งานท่าน งั้นก็จะเชื่อใจท่านอย่างเท่าที่ทำได้ แต่พระชายาทรงจำอย่างหนึ่งไว้ สามีภรรยาอย่าเกิดความบาดหมางกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ขอแค่ไม่ได้ทำเรื่องที่ทำให้ผิดหวังงั้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 728

    จวนองค์หญิงใหญ่ในปัจจุบันอยู่ในความยุ่งเหยิงคนที่ดูแลจวนทั้งหมดรวมทั้งองค์หญิงใหญ่ถูกนำตัวไป ส่วนทาสในจวนให้อยู่ในจวนองค์หญิงต่อ หอต้าหลี่ส่งคนไปเฝ้าดู อีกเดี๋ยวพอต้องสอบปากคำนั้นก็ต้องนำตัวไปด้วยกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนถอนตัวออก และคดีนี้ถูกส่งมอบให้กับหอต้าหลี่เฉินยี ผู้ช่วยหอต้าหลี่จัดคนไปจัดการกับสตรีเหล่านี้ ส่งจดหมายถึงครอบครัวของพวกนาง เมื่อคดีจบลง หากต้องยึดทรัพย์สินในจวน งั้นจะให้ทางจวนองค์หญิงใหญ่ออกเงินมาชดเชยให้พวกนางสำหรับหลินเฟิ้งเอ๋อ เนื่องจากครอบครัวของนางอยู่ในเมืองหลวงอยู่แล้ว จึงให้นางกลับบ้านก่อน กู้ชิงหลานมารับเอง กู้ชิงหลานเหมือนกับกำลังฝันอยู่ นางไม่กล้าจะเชื่อว่าแผนการไม่ได้เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำที่ตุลาคม แต่เป็นวันขึ้น ๑ ค่ำที่ตุลาคม พระชายายังปกปิดนางด้วยนางรู้สึกโกรธมาก พระชายาไม่ไว้ใจนาง นางบอกทุกอย่างให้พระชายารู้หมด ถึงขนาดพาท่านพ่อไปด้วย แต่พระชายายังปกปิดแผนการเอาไว้บนรถม้ากลับบ้าน หลินเฟิ้งเอ๋อได้บอกนางว่า "พ่อของลูกไม่คิดที่จะร่วมมือกับพระชายาเลย เขายังเปิดเผยแผนงานวันขึ้น ๑๕ ค่ำให้องค์หญิง หากมิใช่เพราะแผนการของพวกเจ้าได้เลื่อนเวลาขึ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 729

    กู้ชิงหลานรู้สึกใจสั่น "ไม่ได้หรอก ถ้านางต้องการหาครอบครัวที่มีอำนาจร่ำรวยให้เป็นที่พึ่งพาจริงๆ งั้นเหลียงถ้านฮัวคนนั้นก็ไม่เลวมิใช่หรือ เหลียงเส้าคนนั้นก็ชอบใจนางมาก"ในใจของของหลินเฟิ้งเอ๋อเต็มไปด้วยความขมขื่น "เหลียงเส้าเป็นซื่อจื่อของจวนเฉิงเอินป๋อ และเป็นถ้านฮัวด้วย เขาแต่งงานกับท่านหญิงหยงอันจากจวนอ๋องฮวย นางไม่มีความหวังที่จะเป็นภรรยาเอกได้ นอกจากนี้ เหลียงเส้าปากบอกว่ารักนางแต่ไม่เคยทำอะไรเพื่อนางเลย รักใครนางเช่นนั้น กลับไม่กล้าแต่งตั้งให้นางเป็นภรรยาที่เท่าเทียมกันด้วยซ้ำ"กู้ชิงหลานอึ้งไป "ภรรยาที่เท่าเทียมกันเหรอ?"ขณะที่รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ หลินเฟิ้งเอ๋อพูดด้วยสายตาที่แผ่วเบา "ใช่ นางบอกว่ามีแต่เป็นภรรยาที่เท่าเทียมเท่านั้นจึงจะสามารถมีโอกาสที่จะครองตำแหน่งภรรยาเอกหลังจากที่ภรรยาคนแรกตายไป ถ้าไม่สามารถเป็นภรรยาที่เท่าเทียมได้ งั้นได้แต่เป็นแค่อนุ ต่อให้นายหญิงเสียชีวิต นางก็เป็นภรรยาเอกไม่ได้ นางบอกว่านางเป็นอนุภรรยาได้ แต่ไม่มีทางเป็นอนุภรรยาไปตลอดชีวิต"กู้ชิงหลานรู้สึกสับสนอยู่มาก และพึมพำ "เป็นเรื่องปกติที่พี่สาวไม่ต้องการเป็นอนุภรรยา หากมิใช่จำเป็นจริงๆ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 730

    วันนี้ หอต้าหลี่ยุ่งมากจริงๆ ต้าหลี่ซื่อชิงออกคำสั่งและยกเลิกวันหยุดทั้งหมดของเจ้าหน้าที่สำนัก แม้แต่ต้าหลี่เฉิง (ชื่อตำแหน่งงานในหอต้าหลี่)สวีผิงอันยังอยู่บ้านเพื่อไว้ทุกข์ กำลังกังวลอยู่ว่าหลัวจากกับไว้ทุกข์เสร็จ ตำแหน่งงานนี้ยังจะรักษาไว้อยู่หรือไม่ แต่แล้วกับเกิดคดีกบฏ หลังจากท่านอ๋องรายงานกับฮ่องเต้แล้ว เขาก็สวมเครื่องแบบกลับหอต้าหลี่เลยองค์หญิงใหญ่และฝู้หม่ากู้ถูกนำตัวกลับไปที่หอต้าหลี่ เซี่ยหลูโม่จะสอบปากคำนางด้วยตนเอง และเส้าชิง(เส้าชิงเป็นตำแหน่งงานรองจากต้าหลี่ซื่อชิง)เฉินยีรับผิดชอบสอบปากคำฝู้หม่ากู้ ส่วนพวกผู้ดูแลจวน ทาส หมอประจำจวนและคนใช้ต่างๆ ก็มอบให้เป็นหน้าที่ของต้าหลี่เฉิงสวีผิงอันและต้าหลี่เจิ้ง(ตำแหน่งต้าหลี่เจิ้งรองจากต้าหลี่เฉิง)หลูเจิ้งยี่มาสอบปากคำเซี่ยหลูโม่ไม่รีบร้อนที่จะสอบปากคำองค์หญิงใหญ่ แต่กลับให้คนขนส่งอาวุธทั้งหมดจากจวนองค์หญิงไปยังหอต้าหลี่เพื่อเป็นหลักฐานทางกายภาพคนอื่นๆ ก็เริ่มสอบปากคำแล้วหลังจากยุ่งจนฟ้ามืด แค่สอบปากคำไปไม่กี่คนเท่านั้น เซี่ยหลูโม่สั่งให้มีการสอบสวนเป็นกะ ก็คือไม่หยุด ดังนั้นเฉินยีจึงรวบรวมข้อมูลที่ได้สอบสวนมาและรายงานให้เซี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 731

    เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้วและมองดูคำสารภาพของหมอหยาง หมอหยางคนนี้ขี้ขลาดไม่ใช่แต่ริดเดียวเลย สารภาพอย่างะเอียดเลย กู้ชิงหวู่ใช้วิธีอะไรมาเอาใจเขา ทำให้เขาจำเป็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อทำร้ายหลินเฟิ้งเอ๋อ ได้ใช้ยาชนิดใด อาการรุนแรงขึ้นมาตอนไหน และคาดว่าจะตายเมื่อใด ล้วนบอกอย่างละเอียดให้หมดเลยนอกจากนี้เขายังเดาว่า กู้ชิงหวู่ไม่ต้องการถูกควบคุมอีกต่อไป และต้องการหลุดพ้นจากจวนองค์หญิงใหญ่โดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงวางยาพิษมารดาผู้ให้กำเนิดของนางแม้ว่าเซี่ยหลูโม่จะทำคดีมาไม่นาน แต่เขาก็สามารถพบปัญหาได้อย่างรวดเร็ว "ถ้ากู้ชิงหวู่ต้องการพ้นจากจวนองค์หญิงใหญ่ แม้นางจะฆ่าแม่จนเองก็ไม่มีประโยชน์ มีความขัดแย้ง เพราะวิธีที่องค์หญิงใหญ่ควบคุมนางก็คือใช้แม่ของนาง ถ้านางสามารถทำได้ไม่สนใจแม่ของนางจะเป็นจะตาย ตอนที่แต่งเข้าจวนเฉิงเอินป๋อนั้น อาศัยเหลียงเส้าก็สามารถมีชีวิตแบบไม่ถูกควบคุม แต่หากนางไม่ต้องการเป็นอนุภรรยา หลอกเงินก้อนใหญ่จากเหลียงเส้าแล้วหนีไป งั้นองค์หญิงใหญ่ก็ไม่อาจจะตามหานางได้ เพราะ...นางหาใช่ย่อยจริงๆ หมอหยางอายุใกล้หกสิบปีแล้วชัดๆ"เฉินยีทำงานในหอต้าหลี่มาหลายปีแล้ว และได้พบเห็นผู้คนทุกป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 732

    เมื่อกลับมาถึงจวน ซ่งซีซียังไม่หลับ และเป่าจูกำลังรีดเครื่องแบบให้นาง เครื่องแบบนี้เป็นเครื่องแบบของรองผู้บัญชาการกองทัพซวนเจีย แม้ว่ามันจะแค่ในนาม แต่ตอนนั้นก็ได้ทำเครื่องแบบให้เช่นกัน คิดว่าแค่ทำให้ดูเฉยๆ ไม่คิดว่านางจะใส่มันจริงๆเครื่องแบบกิเลนรอยเมฆ ไม่ได้มีดาบให้ด้วย และหมวกดำฝังด้วยลูกปัดหยก หากนางต้องการสวมเครื่องแบบในอนาคต ก็ไม่สามารถแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสตรีได้เป่าจูมีความสุขมากเพราะตอนที่จ้านเป่ยว่างบอกว่าเขาต้องการแต่งภรรยาที่เท่าเทียมกันนั้น เขาเอาแต่ดูถูกคุณหนู แต่ตอนนี้คุณหนูกำลังจะเป็นข้าราชการ แม้ว่าผู้บัญชาการจะเป็นขุนนางฝ่ายทหาร แต่อย่างน้อยไม่ใช่แค่อยู่ในค่ายทหารเท่านั้น ความอึดอัดที่ติดค้างอยู่ในใจของเป่าจูในที่สุดก็ได้กำจัดออกไปแล้ว"เป็นยังไงบ้าง?สอบปากคำยัง?" เมื่อเห็นเซี่ยหลูโม่กลับมา ซ่งซีซีก็รีบเข้าไปหาเซี่ยหลูโม่มองไปที่เครื่องแบบของนาง แล้วยิ้ม "นี่คือเครื่องแบบของรองผู้บัญชาการ แต่ตอนนี้เจ้าเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว""ไม่สำคัญหรอก ใส่ตัวนี้ไปก่อน" ซ่งซีซีพูด "ข้าจะไปเข้าเฝ้าแต่เช้าพรุ่งนี้ แล้วกลับไปที่สำนักทหารกองทัพซวนเจีย เพื่อรับหน้าที่ทั้งหมด

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1449

    พระอาการของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย พระองค์ก็ทรงเรียกดูฎีกาทันที พระองค์ทรงไว้วางพระทัยเสนาบดีมู่ แต่ก็มิได้ไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พระองค์ทรงหวาดระแวงที่สุดก็คือ หากกองทัพไม่ได้อยู่ที่หนานเจียง และไม่ได้อยู่ที่ซีม่อน เพื่อติดตามโจมตีกองทัพแคว้นซา แต่กลับเป็นว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังนำทัพบุกกลับมายังเมืองหลวง และข่าวทั้งหมดถูกปิดกั้น มิอาจมาถึงพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น ด้วยความเร็วของเซี่ยหลูโม่ ภายในสามเดือน กองทัพของเขาย่อมสามารถกวาดล้างและยึดครองทุกหัวเมืองที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องการตรวจสอบฎีกาจากแต่ละแคว้นด้วยพระองค์เอง บัดนี้ซ่งซีซีกลับไปประจำการที่จวนกองกำลังเมืองหลวงแล้วพระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวนางเข้าเฝ้าในห้องพระอักษร ครานี้มิใช่การสนทนาสัพเพเหระ หากแต่เป็นการไต่ถามว่านางมีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหลูโม่หรือไม่ ซ่งซีซีกราบทูลตามตรงว่านางเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรนาง ก็ไม่ทรงพบพิรุธใดๆ แต่ไม่ว่าความเป็นไปได้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น หากกองทัพของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี นั่นหมายความว่ากองทัพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1448

    คืนนั้นหมอมหัศจรรย์ดันแบกหีบยาไปพร้อมกับหงเชวี่ย ออกจากร้านยา ก่อนออกเดินทาง เขาบอกกับหมอเวรกลางคืนของร้านยาเย่าหวังว่าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของพระชายาอ๋อง รถม้าหยุดที่จวนอ๋อง หมอมหัศจรรย์ตั้นเดินพรวดพราดเข้าไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว เมื่อทุกคนทยอยออกมารับหน้า เขามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบายโทสะใส่นาง กลับหันไปเล่นงานอาจารย์หยูแทน "ใช้ข้าเป็นข้ออ้างอย่างน้อยก็ควรบอกข้าล่วงหน้าสักหน่อย! เกือบทำให้ข้าถูกผู้ตรวจการสวี่จับผิดได้แล้ว!" พอได้ยินท่านผู้เฒ่าโวยวายขึ้นมา ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่าหมายถึงเรื่องอะไรอาจารย์หยูรีบขออภัยแล้วถามว่า “ผู้ตรวจการสวี่ถามท่านไปแล้วหรือ?” “เขาป่วย! องค์หญิงใหญ่หมิ่นชิงเชิญข้าไปตรวจอาการให้เขา พอเจอข้าเขาก็ร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วคอยถามอยู่นั่นว่าฮ่องเต้ยังมีหนทางรักษาหรือไม่ แรกๆ เขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่าเป็นโรคอะไร ข้าฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก!” หมอมหัศจรรย์ดันพูดจบก็ฮึดฮัด “ท่านไม่ได้หลุดพิรุธใช่หรือไม่?” ซ่งซีซีรีบถาม เพราะเรื่องที่ผู้ตรวจการสวี่ตั้งใจจะถวายฎีกาตักเตือนด้วยชีวิตทำให้พวกนางตกใจไม่น้อย เขาเป็นคนที่ยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1447

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นว่านจือเอ่ยชวนผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไปเดินเล่นในลานกว้างของตึกว่างจิง ไม่ไกลจากตึกว่างจิงมีโรงแสดงศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยนักเล่านิทาน นักแสดงงิ้ว พ่อค้า และร้านขายอาหาร ครึกครื้นครบครันทุกอย่าง ตั้งแต่มาเมืองหลวง เสิ่นว่านจือก็ยุ่งตลอด ไม่เคยมีเวลาว่างไปเดินเที่ยวเล่นเลย ครั้งนี้จึงถือโอกาสแยก ผิงหนานป๋อ ออกไป ให้ซ่งซีซีได้พูดคุยกับจูจิ่นเป็นการส่วนตัว อีกทั้งตนเองก็จะได้ไปเที่ยวเล่นกับเฉินเฉินด้วย เมื่อคนอื่นออกไปแล้วซ่งซีซีกับจูจิ่นก็ลดเสียงให้เบาลง ก่อนหน้านี้ พวกนางไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญเลย บัดนี้ ย่อมต้องกล่าวถึงบ้างแล้ว แขกที่เฝ้าดูจากภายนอก เมื่อเห็นผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไป ต่างพากันเข้าใจว่าพระชายาเป่ยหมิงอ๋องจะลงโทษคุณหนูเจ็ดเป็นการส่วนตัว จึงตั้งใจเงี่ยหูฟัง รอชมเรื่องสนุก ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม สองคนนี้คุยกันด้วยเสียงเบาๆ แถมยังมีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ บรรยากาศกลับดูกลมเกลียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! เมื่อมีบ่าวไพร่เข้าออกตลอดเวลา ก็มีคนช่างสังเกตจงใจเลิกม่านขึ้นด้านหนึ่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกสามารถมองเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1446

    ซ่งซีซีพร้อมด้วยเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินรออยู่ในเรือนหลันซี เมื่อเด็กในร้านนำผิงหนานป๋อและครอบครัว รวมถึงบ่าวไพร่เดินผ่านสวนเข้ามาถึงด้านหน้าเรือนหลันซีก็ร้องบอก ซ่งซีซีได้รับการพยุงจากเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ผิงหนานป๋อและภรรยา รวมถึง คุณหนูเจ็ดจูจิ่นรีบคำนับทำความเคารพ ซ่งซีซีแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญด้านในนั่งเถอะ” ระหว่างที่ซ่งซีซีกล่าวคำเชื้อเชิญ นางก็ลอบพินิจทั้งสามคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางพบเจอผู้คนมามากมาย การสังเกตสีหน้า แววตา และท่าทางก็พอจะทำให้นางมองเห็นอะไรบางอย่างได้ ผิงหนานป๋อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ด้านในเป็นอาภรณ์ปักลายดอกไม้และวิหคขลิบทองบริเวณคอเสื้อ บริเวณอกมีสร้อยประคำขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ดูเหมือนเป็นผู้มีฐานะดี แต่ก็แฝงกลิ่นอายของความละวางทางโลก ทว่าขณะยืนอยู่ ร่างของเขากลับโน้มเอียงไปทางบุตรสาวโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าเผยให้เห็นท่าทางประจบประแจงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม ส่วนฮูหยินผิงหนานป๋อสวมเสื้อนอกสีแดงเข้มทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว ทำให้ดูสดใสเปล่งประกาย นางเป็นสตรีร่างท้วม ผิวพรรณเปล่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1445

    ซ่งซีซีรู้สึกว่าคุณหนูเจ็ดไม่ควรต้องรับคำด่าทอโดยไร้เหตุผล อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนป๋อผิงหนานในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม ดังนั้น นางจึงสั่งให้หัวหน้าลู่ส่งเทียบเชิญไปยังจวนป๋อผิงหนาน ขอเชิญทั้งครอบครัวไปตึกว่างจิงเพื่อร่วมรับประทานอาหาร ขณะเดียวกัน เมื่อส่งเทียบเชิญ นางก็ปล่อยข่าวนี้ออกไปด้วย ส่วนเหตุผลที่ไม่เชิญไปที่จวนของตนเอง นั่นเพราะเรื่องนี้ต้องการให้มีการชี้แจงความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ การนัดพบกันภายในจวนจึงไม่เหมาะสม ตึกว่างจิงเป็นสถานที่หรูหรา เพื่อแสดงความเคารพต่อจวนป๋อผิงหนานและคุณหนูเจ็ดการปล่อยข่าวล่วงหน้า ทำให้บรรดาพ่อค้าและขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่ชอบสู่รู้เรื่องชาวบ้านย่อมไม่พลาดโอกาสเฝ้าดูเรื่องนี้ เมื่อมีคนจับตาอยู่มาก ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคลี่คลายปัญหา ภายในเรื่องนี้ยังมีเจตนาชดเชยให้กับคุณหนูเจ็ดตลอดหลายปีที่นางทำการค้า ผู้คนมักดูถูกนางเพียงเพราะเป็นสตรี ถูกเอาเปรียบและถูกกดขี่อยู่เสมอ จวนป๋อผิงหนาน ก็ไม่มีบุรุษคนใดที่สามารถเป็นเสาหลักได้ เดิมทีตระกูลนี้เคยเป็นตระกูลสูงศักดิ์ แต่บัดนี้กลับตกต่ำจนแท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1444

    ฮองเฮาถูกลงโทษให้กักบริเวณอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นไทเฮาที่มีรับสั่งให้กักบริเวณ อีกทั้งยังสั่งถอนข้ารับใช้ในตำหนักของนางไปกว่าครึ่ง คงเหลือเพียงคนสนิทไว้รับใช้ จากนั้นยังทรงเลือกคนที่ไว้ใจได้ให้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่ ตำหนักฉางชุน ขณะที่ฮองเฮาเฝ้าดูแลจักรพรรดิ์ซูชิงนางได้ยินอู๋ย่วนเจิ้งเอ่ยว่าฮ่องเต้ทรงประชวรเป็นโรคปอดเรื้อรัง แรกเริ่มนางยังไม่รู้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่หลังจากถูกกักบริเวณ นางจึงถามหลานเจี่ยนกูกู เมื่อหลานเจี่ยนกูกูบอกว่านี่เป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต นางก็ทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ประการแรก นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงประชวร ประการที่สอง นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงล้มป่วยด้วยโรคนี้ ก็สมควรต้องกำหนดองค์รัชทายาทแล้ว ทว่ากลับถูกไทเฮากักบริเวณ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังโง่เขลาไปล่วงเกินซ่งซีซีเพราะความสัมพันธ์ของ รองแม่ทัพซ่ง ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับซ่งรุ่ยเป็นพิเศษ หากนางไม่เคยล่วงเกินซ่งซีซีและให้ซ่งซีซีส่งซ่งรุ่ยเข้ามาวัง เพื่ออยู่เป็นเพื่อน องค์ชายใหญ่ แล้วล่ะก็ฮ่องเต้คงจะทรงสนพระทัยในตัวเขามากขึ้น “หลานเจี่ยน ข้าควรทำสิ่งใด? ข้าทำอะไรได้บ้าง?” นางร่ำไห้ครู่หนึ่งแล้วก็คิดก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1443

    ฮองเฮา ยังมีหยาดน้ำตาเกาะบนใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงจากการร่ำไห้เมื่อได้ยินประโยคแรกที่ฮ่องเต้ตรัสหลังฟื้นคืนสติ กลับเป็นคำสั่งให้นางถอยออกไป นางถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่พอฟื้นคืนสติ นางก็สะอื้นพลางเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ไปเพคะ หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฮ่องเต้เพคะ”ไทเฮา เอ่ยด้วยสุรเสียงแหบพร่า ทว่ามีอำนาจล้นเหลือ “ประคองฮองเฮาออกไป”ฮองเฮาอยู่เฝ้าที่นี่นานเท่าใดไทเฮาก็อยู่เฝ้าที่นี่นานเท่านั้น ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จะฟื้นคืนสติเสียที รอคอยมาจนใจแทบขาด ทว่ากลับต้องฝืนรักษาความสงบเพื่อมิให้เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักต้องขาดหลักยึดเดิมทีขุนนางทั้งหมดคุกเข่าอยู่ภายนอกตำหนัก ทว่าความหนาวเหน็บเกินทน พอไทเฮามาถึงก็ทรงให้พวกเขาเข้าไปคอยด้านในตำหนัก แต่พวกเขากลับยังยืนกรานจะคุกเข่าต่อไปฮ่องเต้สิ้นสติไปนานเท่าใด พวกเขาก็คุกเข่าอยู่อย่างนั้นตลอดมาไทเฮาคอยให้หมอหลวงตรวจชีพจรเสร็จก่อนจึงเดินเข้าไปนั่งใกล้ แล้วตรัสห้ามไม่ให้หมอหลวงเอ่ยสิ่งใดก่อนจะกล่าวด้วยสุรเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”นางกำมือของบุตรชายแน่น พระหัตถ์เย็นเฉียบจนจับข่มไว้สุดแรงก็ยังสั่นระริกอย่างห้ามมิได้จัก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1442

    จักรพรรดิ์ซูชิงกลับไม่รู้เลยว่าความวุ่นวายในครั้งนี้จะลุกลามใหญ่โตถึงเพียงนี้ ช่วงหลายวันที่ผ่านมา พระองค์ทรงให้ความร่วมมือกับหมอหลวงในการทดลองสูตรยารักษาใหม่ ทรงมอบหมายกิจการราชการสำคัญให้แก่เสนาบดีใหญ่ ตำรับยารักษาใหม่นี้เป็นผลจากการวิจัยอย่างหนักของหมอหลวงหลายคน ซึ่งใช้การบำบัดด้วยความร้อนเป็นหลัก ร่วมกับการฝังเข็ม และเสริมด้วยยาต้มเพื่อบำรุงร่างกาย ผ่านไปปหลายวัน มีผลดีอยู่บ้าง อาการปวดศีรษะลดลง และไม่ทรงมีเหงื่อออกในเวลากลางคืน ดังนั้น ในวันนี้ที่เสด็จมาร่วมประชุมราชการ พระพักตร์ของพระองค์ดูสดใสขึ้นกว่าหลายวันที่ผ่านมา เจ้ากรมฉีแม้จะได้ไปพบอวี้ฉื่อสวี่แล้ว แต่ความคิดของอวี้ฉื่อสวี่กลับไม่เปลี่ยนแปลง เขารู้สึกผิดหวังในตัวฮ่องเต้ เพราะทรงทำตัวโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ และไม่สนใจสถานการณ์สงคราม เป็นการกระทำที่ดูไร้ความรับผิดชอบเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เชื่อคำกล่าวของเจ้ากรมฉีที่ว่า การเลือกพระชายารองให้เป่ยหมิงอ๋องเป็นความคิดของฮองเฮา โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ ตามที่เขารู้มา ฮองเฮาเพิ่งถูกปลดจากการกักบริเวณได้ไม่นาน หลังจากได้รับอิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1441

    ฉีฮองเฮายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านแม่พูดอะไรเช่นนี้ เรื่องนี้จะไปเกี่ยวอะไรกับฮ่องเต้ได้? ฮ่องเต้มีงานราชกิจล้นมือ จะมายุ่งเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? ส่วนอวี้ฉื่อสวี่นั่น ข้าจะไปทำให้เขาตายได้อย่างไร?” อวี้ฉื่อสวี่ เป็นพ่อตาขององค์หญิงใหญ่หมินฉิง ฉีฮองเฮาเห็นว่าไม่มีเหตุผลที่จะไปขัดแย้งกับตระกูลนี้ ฉีฮูหยินใหญ่ถอนหายใจ “เจ้านี่ช่างโง่เขลาเสียจริง เป่ยหมิงอ๋องกำลังออกรบ เจ้ากลับไปยุ่งเรื่องหา พระชายารองให้เขา ไหนจะเรื่องที่ฮ่องเต้เคยให้พระชายาเป่ยหมิงอ๋องอยู่ในห้องทรงพระอักษรคนเดียวหลายวัน แล้วเสด็จไปเยี่ยมกลางดึก เรื่องนั้นยังไม่ได้รับการชี้แจงให้กระจ่าง เจ้ายังจะสร้างเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมาอีก จะไม่ให้คนเขาคิดมากได้อย่างไร?” “นั่นมันพวกเขาคิดมากไปเองทั้งนั้น เป็นการคาดเดาแบบไม่มีมูล” ฉีฮองเฮากล่าวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ ฉีฮูหยินใหญ่เห็นสีหน้าที่ไม่ทุกข์ร้อนของนางก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความผิดหวัง “อย่าว่าแต่เรื่องร้อยเรียงที่ผู้คนเขาคาดเดากันเลย แค่ฮ่องเต้ขมวดคิ้วหรือพูดอะไรออกมา ขุนนางก็ยังตีความกันไปต่างๆ นานา เจ้าจะพูดว่าไม่เกี่ยว แต่แม้แต่ในวังหลัง ฮ่องเต้ทำสีหน้ากับเจ้า เจ้าจะไม่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status