เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้วและมองดูคำสารภาพของหมอหยาง หมอหยางคนนี้ขี้ขลาดไม่ใช่แต่ริดเดียวเลย สารภาพอย่างะเอียดเลย กู้ชิงหวู่ใช้วิธีอะไรมาเอาใจเขา ทำให้เขาจำเป็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อทำร้ายหลินเฟิ้งเอ๋อ ได้ใช้ยาชนิดใด อาการรุนแรงขึ้นมาตอนไหน และคาดว่าจะตายเมื่อใด ล้วนบอกอย่างละเอียดให้หมดเลยนอกจากนี้เขายังเดาว่า กู้ชิงหวู่ไม่ต้องการถูกควบคุมอีกต่อไป และต้องการหลุดพ้นจากจวนองค์หญิงใหญ่โดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงวางยาพิษมารดาผู้ให้กำเนิดของนางแม้ว่าเซี่ยหลูโม่จะทำคดีมาไม่นาน แต่เขาก็สามารถพบปัญหาได้อย่างรวดเร็ว "ถ้ากู้ชิงหวู่ต้องการพ้นจากจวนองค์หญิงใหญ่ แม้นางจะฆ่าแม่จนเองก็ไม่มีประโยชน์ มีความขัดแย้ง เพราะวิธีที่องค์หญิงใหญ่ควบคุมนางก็คือใช้แม่ของนาง ถ้านางสามารถทำได้ไม่สนใจแม่ของนางจะเป็นจะตาย ตอนที่แต่งเข้าจวนเฉิงเอินป๋อนั้น อาศัยเหลียงเส้าก็สามารถมีชีวิตแบบไม่ถูกควบคุม แต่หากนางไม่ต้องการเป็นอนุภรรยา หลอกเงินก้อนใหญ่จากเหลียงเส้าแล้วหนีไป งั้นองค์หญิงใหญ่ก็ไม่อาจจะตามหานางได้ เพราะ...นางหาใช่ย่อยจริงๆ หมอหยางอายุใกล้หกสิบปีแล้วชัดๆ"เฉินยีทำงานในหอต้าหลี่มาหลายปีแล้ว และได้พบเห็นผู้คนทุกป
เมื่อกลับมาถึงจวน ซ่งซีซียังไม่หลับ และเป่าจูกำลังรีดเครื่องแบบให้นาง เครื่องแบบนี้เป็นเครื่องแบบของรองผู้บัญชาการกองทัพซวนเจีย แม้ว่ามันจะแค่ในนาม แต่ตอนนั้นก็ได้ทำเครื่องแบบให้เช่นกัน คิดว่าแค่ทำให้ดูเฉยๆ ไม่คิดว่านางจะใส่มันจริงๆเครื่องแบบกิเลนรอยเมฆ ไม่ได้มีดาบให้ด้วย และหมวกดำฝังด้วยลูกปัดหยก หากนางต้องการสวมเครื่องแบบในอนาคต ก็ไม่สามารถแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสตรีได้เป่าจูมีความสุขมากเพราะตอนที่จ้านเป่ยว่างบอกว่าเขาต้องการแต่งภรรยาที่เท่าเทียมกันนั้น เขาเอาแต่ดูถูกคุณหนู แต่ตอนนี้คุณหนูกำลังจะเป็นข้าราชการ แม้ว่าผู้บัญชาการจะเป็นขุนนางฝ่ายทหาร แต่อย่างน้อยไม่ใช่แค่อยู่ในค่ายทหารเท่านั้น ความอึดอัดที่ติดค้างอยู่ในใจของเป่าจูในที่สุดก็ได้กำจัดออกไปแล้ว"เป็นยังไงบ้าง?สอบปากคำยัง?" เมื่อเห็นเซี่ยหลูโม่กลับมา ซ่งซีซีก็รีบเข้าไปหาเซี่ยหลูโม่มองไปที่เครื่องแบบของนาง แล้วยิ้ม "นี่คือเครื่องแบบของรองผู้บัญชาการ แต่ตอนนี้เจ้าเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว""ไม่สำคัญหรอก ใส่ตัวนี้ไปก่อน" ซ่งซีซีพูด "ข้าจะไปเข้าเฝ้าแต่เช้าพรุ่งนี้ แล้วกลับไปที่สำนักทหารกองทัพซวนเจีย เพื่อรับหน้าที่ทั้งหมด
ซ่งซีซีกล่าวว่า "พวกของหงเซียวอาจรู้ว่านางไปไหน แต่คงไม่ติดตามนางไป เพราะเกิดคดีใหญ่เช่นนี้ พวกนางจะต้องเตรียมพร้อมในเมืองหลวง""ที่ข้ากลับมาก็เพื่อให้พวกนางจับตาดูจวนอ๋องเยี่ยนและจวนอ๋องฮวยให้ด้วย แม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ในช่วงนี้ แต่การผลิตและการขนส่งอาวุธชุดนี้จำเป็นต้องผ่านมือของผู้คนจำนวนมาก ยิ่งกว่านั้น คุกใต้ดินยังไม่เต็ม อาจยังคงทำต่ออยู่หลังจากจวนองค์หญิงใหญ่ล่มสลายแล้ว งั้นอ๋องเยี่ยนหรืออ๋องฮวยก็ต้องรับช่วงต่อ จับตาดูมันเอาไว้ก่อน""ได้ ฉันเข้าใจแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะบอกว่านจือให้" ซ่งซีซีกล่าวเซี่ยหลูโม่สั่งคนใช้นำน้ำร้อนมาเพื่อที่เขาจะได้ล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใน เขายังสามารถนอนหลับได้ครึ่งชั่วยามอาจารย์หยูรู้ว่าเขากลับมาแล้วจึงอยากจะแวะมาถามถึงคดีนี้แต่ได้ยินว่าเขาได้พักผ่อนแล้ว อีกไม่นานก็จะกลับหอต้าหลี่ จึงรอไว้ก่อน รอกลับหอต้าหลี่กับเขาในฐานะหัวหน้าผู้ดูแลจวนของจวนอ๋อง เขามิใช่คนของหอต้าหลี่ แต่สามารถติดตามข้างกายของท่านอ๋องทุกเมื่อ เพื่อให้คำแนะนำแก่ท่านอ๋องได้แต่ตอนนี้พระชายาเข้ารับราชการแล้ว งั้นงานที่ดูแลจวนก็ตกเป็นของหัวหน้าลู่และแม่นมเหลียง โ
พอเสิ่นว่านจือเดินเข้ามา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ "แหมๆๆ ให้ข้าดูใต้เท้าคนนี้ให้ดีๆ หน่อย ใต้เท้า มิทราบว่าท่านกำลังไปไหน สามารถนำข้าไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ?"ซ่งซีซีต่อยนางที่ไหล่ "เจ้ามาพอดีเลย มีเรื่องหนึ่งขาดเจ้าไม่ได้จริงๆ""ใต้เท้าสั่งได้เลย ข้าจะทำตามที่สั่งแน่นอน" เสิ่นว่านจือคารวะ และตอบอย่างอ่อนโยนซ่งซีซีกลอกตาใส่นาง "จะพูดดีๆ ไม่เป็นแล้วใช่ไหม ต้องให้สั่งสอนสักหน่อยใช่ไหม?"นางดึงผ้าเช็ดหน้าออกแล้วโบกไปทางหน้าของนาง เสียงยังคงแสร้งทำเป็นไพเราะ "อุ๊ย ใต้เท้าหยาบคายแล้วนะ"ซ่งซีซีจับไหล่ของนางแล้วโยนนางให้ล้มลง เสิ่นว่านจือฉวยโอกาสสองเท้าตกลงบนพื้นแล้วตีลังกา จากนั้นยิ้วซื่อๆ "ไม่เอาน่า ไม่เอาน่า"ทุกคนต่างก็หัวเราะ และป้าหยินพูดว่า "คุณหนูเสิ่นตลกจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไทเฟยชอบท่านมาก""นั่นนะสิ ที่ไทเฟยชอบข้ายังมากกว่าที่ชอบนางเลย" เสิ่นว่านจือ ทำท่าหยิ่งผยองนั้นเหมือนสนมฮุ่ยไทเฟยไม่มีผิดเลยซ่งซีซีกลอกตามองบนใส่นาง "เข้าประเด็นเลย ข้าจะออกไปข้างนอกแล้ว"เสิ่นว่านจือกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า "เอาล่ะ ป้าๆ และพี่ๆ ทั้งหลายเชิญออกไปก่อนเถอะ ข้าจะคุยธุระกับใต้เท
เสิ่นว่านจือตอบรับ "อืม ข้ากับหงเชวี่ยไปดูสักหน่อย เจ้าไม่ต้องกังวล"ซ่งซีซีดึงนางให้นั่งลงแล้วพูดว่า "มีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าต้องบอกเจ้าล่วงหน้าเพื่อที่เจ้าจะได้เตรียมใจไว้"เสิ่นว่านจือนั่งลง "จริงจังขนาดนี้เลยหรือ จะขู่ใครกัน เรื่องอะไร ว่ามาเร็ว!"ซ่งซีซีช่วยจับหมวกให้ตรง ยังไม่ค่อยชินกับมันเลย "ตอนนี้ทางจวนองค์หญิงใหญ่ถือว่าพังแล้ว พวกของอ๋องเยี่ยนต้องการสืบข่าวเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่อย่างแน่นอน อย่างเช่นว่านางได้สารภาพหรือไม่ ไม่ว่าเคยไปมาหาสู่กับขุนนางผู้ใดในราชสำนักก็ไม่กล้าไปหาในตอนนี้แล้ว ข้าว่าลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของเจ้าจะมาหาเจ้านะ"เสิ่นว่านจือพูดอย่างเย็นชา "นางอย่าคิดจะได้ข้อมูลจากข้าแม้แต่คำเดียว เจ้าไม่ต้องกังวลว่าข้าจะพูดหลุดปาด ด้วยสมองของนางก็หลอกข้าไม่ได้หรอก"หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง นางก็หันศีรษะ "เจ้าอยากให้ข้าไปตีสนิทกับนางเพื่อสืบข่าวจากปากนางเหรอ?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยปฏิบัติต่อนางอย่างไรตอนนี้ก็ทำอย่างนั้น ไม่ต้องเปลี่ยน นางจะมาหาเจ้าพร้อมกับชายารองจินแน่นอน ชายารองจินเป็นคนระมัดระวังและอ่อนไหว ตราบใดที่เจ้าแสดงความสงสัยกับจวนอ๋องเยี่ยนแม้แ
เรือนดอกบ๊วยเกิดโกลาหล เสิ่นว่านจือดุกุ้นเอ๋อร์จนเขาวิ่งหนีไป เป่าจูและป้าหยินรีบต้มไข่เพื่อช่วยลดอาการบวมที่แก้มและเบ้าตาของพวกนางได้ผลเลย เพราะใบหน้าได้ทาแบ้งไว้แล้ว ใบหน้าของเสิ่นว่านจือดูไม่ช้ำแล้ว แต่เบ้าตาของพระชายาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำเป่าจูบอกว่าอยากจะทาแป้งให้นาง แต่ซ่งซีซีก็สะบัดมือ "เป็นเรื่องตลก เคยเห็นราชการผู้ใดในราชสำนักได้แต่งหน้าทาแป้งด้วยล่ะ ออกไปเลย""แต่ดวงตาของท่านดูเหมือนจะดูเล็กไปนะ" เป่าจูพูดอย่างเป็นกังวล "ท่านยังต้องเข้าเฝ้านะ นี่ถือเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่า?"ซ่งซีซีคิดว่ามันไม่เป็นอะไร เวลาไปเข้าเฝ้า นางก็มักจะก้มหน้าอยู่ จะไม่เงยหน้าสบตากับฮ่องเต้ ต่อให้เงยหน้าขึ้นมอง ด้วยระยะไกลเช่นนั้นมันมองเห็นได้ยากหรอกซ่งซีซีไปที่คอกม้าจูงสายฟ้าออกมาด้วยตนเอง และลูบหัวของสายฟ้า นางหรี่ตาข้างหนึ่งลง "สายฟ้าแสนดีของข้า จากนี้ไป เราจะไปยังสนามรบอีกแห่งหนึ่งแล้ว เราร่วมมือกันและสู้ไปด้วยกัน"สายฟ้าอยู่ในคอกม้ามานานเกินไปแล้ว ปกติแค่จูงมันออกไปเดินเล่นเฉยๆ บ้าง หากไม่มีเรื่องด่วน ซ่งซีซีจะออกไปโดยนั่งรถม้า และสายฟ้าจะไม่ใช้งานให้กับรถม้ามันส่งเสียงร้องและตีนดินด
ซ่งซีซีรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว "วันนี้หม่อมฉันตื่นเช้าไปหย่อย มันมีเวลาเหลือเฟือก่อนที่ข้าจะมาเข้าเฝ้า เลยเล่นการต่อสู้กับคนในจวน ไม่ระวังจึงโดนต่อยไป"จักรพรรดิ์ซูชิงหัวเราะ "ตื่นเช้าขนาดนั้น ตื่นเต้นเหรอ กลัวว่าทำงานผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียไม่ได้หรือ?"ซ่งซีซีกล่าวตามความจริง "รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ หลักๆ ก็เพราะไม่มีประสบการณ์และกลัวว่าจะไม่สามารถทำงานได้ดีและทำให้ทุกคนผิดหวัง"จักรพรรดิ์ซูชิงมองดวงตาฟกช้ำดำเขียวของนาง และยังคงอยากจะหัวเราะเล็กน้อย แต่เนื่องจากต้องการกำชับนางสักหน่อย เขาจึงทำหน้าจริงจัง "เป็นข้าราชการสตรีคนแรกในราชวงศ์นี้ เป็นเรื่องจริง สิ่งที่เจ้าต้องเผชิญหน้าไม่เพียงแต่งานของผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียเท่านั้น ยังมีความคาดหวังของไทเฮาที่มีต่อเจ้าและสตรีทั่วใต้หล้าที่คอยนับถือเจ้า ดังนั้น เมื่อคนอื่นเป็นผู้บัญชาการ พวกเขาก็ต้องทำงานให้เต็มที่ จงรักภักดีต่อจักรพรรดิและรักชาติ ส่วนเจ้าต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำในขณะเดียวกันก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดด้วย มันค่อนข้างยากกว่าคนอื่น แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้"ซ่งซีซีพยักหน้า "หม่อมฉันรับทราบเพค่ะ หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ทำ
นางไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่ได้ขอความคิดเห็นจากนางจริงๆ เขาเทียบเท่ากับการออกคำสั่งโดยตรงแล้วให้นางได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการที่มีอำนาจ แต่ขณะเดียวกันก็เลื่อนตำแหน่งให้คนที่ไม่กินเส้นกันกับจวนเป่ยหมิงอ๋อง เพื่อให้นางและเซี่ยหลูโม่ไม่สบอารมณ์บางที ฮ่องเต้อาจคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยกระมังซ่งซีซีถอยออกไป อู๋ต้าปั้นมองดูนางอย่างกังวล เขาไม่รู้ว่าพระชายาและท่านอ๋องจะรอดจากการทดสอบความไว้วางใจครั้งแล้วครั้งเล่าได้หรือไม่ในความเป็นจริง ฮ่องเต้สามารถแต่งตั้งจ้านเป่ยว่างได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านผู้บัญชาการซ่งเลยหากต้องการให้ผู้บังคับการซ่งโอนย้ายโดยตรง ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านกระทรวงขุนนาง แค่แจ้งให้เขาทราบก็พอแต่เขาพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่างๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ซึ่งทำให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรู้สึกไม่สบอารมณ์ รวมถึงจ้านเป่ยว่างด้วยหลังจากที่ซ่งซีซีออกจากวังก็ไปที่สำนักกองกำลังเมืองหลวง เนื่องจากวันนี้นางเข้ารับตำแหน่งเป็นทางการ ปี้หมิงและลู่เจิน หัวหน้าค่ายลาดตระเวนได้นำลูกน้องมารอนางอยู่ดีที่ทุกคนไม่ได้ใส่ใจกับดวงตาฟกช้ำดำเขียวของนางมากเกิ