จักรพรรดิ์ซูชิงกล่าวว่า "นางได้ทำโทษอะไร นางไปที่เขตหนานเจียงเพื่อรายงานข่าว เสด็จน้องอาจเตรียมการล่วงหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้โจมตีโดยไม่ตั้งตัว บางครั้งข่าวกรองทางทหารจะส่งให้เร็วกว่าหนึ่งวันหรือหนึ่งชั่วยาม มันก็มีผลต่างการ นางได้สร้างผลงานไว้ เป็นข้าที่ไม่เชื่อใจนาง"จักรพรรดิ์ซูชิงกล่าวพลางหันไปด้านข้างเล็กน้อย "ข้าได้ส่งองครักษ์หลวงไปจับตาดูนางไว้ นางยังสามารถหนีออกไปได้กลางดึก ดูเหมือนว่าวิชาตัวเบาของนางได้เก่งมาก"อู๋ต้าปั้นยิ้มและกล่าวว่า "ฝ่าบาท ถึงยังไงนางได้เรียนศิลปะการต่อสู้ในสถาบันว่านซงเหมินมาเจ็ดแปดปีแล้ว สถาบันว่านซงเหมินเป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นซางของเรา ได้ยินมาว่า นาง เป็นศิษย์ที่มีศักยภาพมากที่สุดของนิกายเลย""จริงเหรอ?" ความรู้ที่จักรพรรดิ์ซูชิงมีต่อสถาบันว่านซงเหมินนั้นจำกัดแค่เสิ่นชิงเหอ เขาไม่รู้ว่าซ่งซีซีทรงพลังขนาดนี้ด้วย "ข้าแปลกใจเล็กน้อย ทำไมตอนนั้นซ่งฮูหยินถึงเลือกจ้านเป่ยว่างเป็นสามีของนางเล่า ด้วยด้วยภูมิหลังของตระกูลซ่ง จะเลือกผู้ชายชนชั้นสูงแบบไหนก็ได้นี่ ทำไมถึงเลือกจวนแม่ทัพที่ตกอับไป?"อู๋ต้าปั้นลังเลอยู่นานแล้วพูดเบาๆ "ได้ยินมาว่าคนที่ไปสู่ข
การไม่รู้อะไรเลยคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดอู๋ต้าปั้นสะบัดแขนเสื้อ ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าน้อยไม่ทราบ แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นพะยะค่ะ"คำว่าทำตามคำสั่งเท่านั้น ทำให้อ๋องฮวยไม่กล้าถามอะไรอีก จักรพรรดิทรงมีอานุภาพมากจนการลงโทษยังถือว่าเป็นรางวัลได้ด้วยหลังจากที่อู๋ต้าปั้นจากไป ทั้งคู่ก็มองหน้ากัน พวกเขาดูแลเสด็จแม่ในเมืองหลวง ฮ่องเต้เองยังทรงโปรดอนุญาตให้ไท่เฟยออกจากวังและอาศัยอยู่กับพวกเขาในจวนอ๋องฮวยด้วย โดยปกติแล้วพระองค์ค่อนข้างเป็นมิตร แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงมาลงมาโดยไม่มีเหตุผลล่ะ?พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย และไม่กล้าทำอะไรอีกด้วยมันแปลกจริงๆในช่วงกลางฤดูหนาว หิมะตกหนักขัดขวางทางที่จ้านเป่ยว่างจะเดินทางไปเดิมทียามที่ออกจากเมืองหลวงก็เร่งให้เดินเร็วอยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าหิมะตกหนักติดต่อกันสองวัน มีหิมะตกทุกที่ จะหนาวจัดก็ไม่ว่าอะไร แต่ความคืบหน้าก็ชะลอตัวลงอย่างมากพอก้าวเท้าออกไป ต้องใช้เวลาดึงเท้าออก มันยากอยู่แล้วที่เขตหนานเจียงก็มีหิมะตกด้วย แต่โชคดีที่ไม่หนักมากนัก การฝึกทหารใหม่ก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว ได้รับสมัครทหารใหม่เป็นสามหมื่นนาย นอกจากนี้ยังมีการผลิตอาวุธและชุดเกราะในเมือ
"เมื่อนับถึงสามสิบคนก็ไม่ได้นับต่อเลย"ซ่งซีซียกแขนขึ้นแล้วรู้สึกว่าหอกดอกท้อหนักมาก และการออกศึกเป็นเรื่องเหนื่อยมากจริงๆ"ข้านับแล้ว ข้าฆ่าไปห้าสิบคน" หมั่นโถวกระโดดขึ้นอย่างสง่างามราวกับปลา แต่กระโดดแล้ว สุดท้ายก็ล้มกับพื้น อาวุธที่เขาใช้คือดาบ แต่เนื่องจากมีคนมากเกินไป ดาบจึงถูกโจมตีจนหลุดไป ต่อมาเขาฆ่าคนด้วยหมัดและเท้า สุดท้ายได้หยิบดาบของตัวเองกลับมาเสิ่นว่านจือกล่าวว่า "ข้าฆ่าคนไปหกสิบสามคน"จางต้าจ้วง รองแม่ทัพของเป่ยหมิงอ๋องเดินเข้ามา เขามีเลือดเต็มตัวเช่นกันซ่งซีซีลุกขึ้นนั่งก่อน จากนั้นจึงใช้หอกดอกท้อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน "รองผู้บัญชาการจาง""ซ่งซีซี!" รองผู้บัญชาการจางมองนางด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น "เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าได้ฆ่าศัตรูไปกี่คน?""ไม่รู้สิ ข้าไม่ได้นับ"รองผู้บัญชาการจางแปะมือ และดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น "ผู้บัญชาการนับจำนวนคนที่เจ้าฆ่าให้เจ้าเอง เจ้าใช้หอกดอกท้อแทงคอของศัตรู นับแค่ส่วนนี้ ก็มีมากกว่าสามร้อยคน มันไม่ยังไม่รวมถึงคนที่ถูกปิดกั้นคอด้วย เจ้านี่สุดยอดจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าออกศึกจริงหรือ แม่ทัพทุกคนชื่นชมว่าเจ้าสมเป็นลูก
ในเมืองอีลี่ ซูลันจี ผู้บังคับบัญชาแห่งเมืองซีจิงยืนอยู่บนหอชมเมือง มองดูทหารของแคว้นซางที่อยู่ไกลความเกลียดชังและความโกรธเผาไหม้ในดวงตาของเขา“พวกเขาไม่สามารถเฝ้าเขตหนานเจียงได้สำเร็จหรอก” ผู้บังคับบัญชาซูลันจีกล่าวอย่างเย็นชา ความเกลียดชังในดวงตาของเขาแทบจะลุกไหม้ชาวซางในระยะไกล“ทหารของเจ้าได้รับบาดเจ็บมากมาย พักฟื้นสักสองสามวันก่อนค่อยต่อสู้ใหม่” วิกเตอร์ ผู้บังคับบัญชาแห่งแคว้นซากล่าวซูลันจีส่ายหัวพร้อมกับสวมหมวกหนาๆ บนหัวสีเทา มีไอน้ำสีขาวออกมาจากปาก เขาเอามือวางไว้บนก้อนอิฐของหอชมเมือง “ไม่ เราไม่สามารถปล่อยให้พวกเขามีความสุขได้นานเกินไป เราจะเริ่มโจมตีใหม่ในวันมะรืนนี้ ภายในสามวัน ข้าต้องเอาเมืองทาเฉิงให้ได้”วิกเตอร์ไม่ได้สนใจมากนัก ถึงอย่างไร ทหารที่ไปแนวหน้าเพื่อต่อสู่นั้นส่วนใหญ่เป็นชาวซีจิง และพวกเขาก็นำอาหารมาด้วย“เรื่องที่เจ้าให้พวกเราสืบนั้น ได้ผลแล้ว แม่ทัพหญิงที่ชื่อยี่ฝางนั้นอยู่ในกำลังเสริมของแคว้นซาง ยามนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามรบเขตหนานเจียง”ซูลันจีกำหมัดแน่น โดยมีเส้นเลือดบนหน้าผากนูนโป่งขึ้นว่า "คนนี้ ไม่ว่าต้องจ่ายราคาแพงเท่าไรก็ต้องจับนางทั้งเป็นให้
เมื่อกลับมาถึงค่าย ซ่งซีซีได้สงบอารมณ์ทั้งหมดของนางหลังจากได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นซ่งเชียนฮู่แล้ว นางยังได้แต่อยู่ร่วมค่ายเล็กๆ กับพวกเฉินเฉินด้วยกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีผ้าห่มเพิ่มให้สองผืนซึ่งเป็นผ้าห่มใหม่ที่ส่งมาจากเมืองทาเฉิงเนื่องจากหมั่นโถวและกุ้นเอ๋อร์เป็นผู้ชาย จึงมีม่านกั้นระหว่างพวกเขา และพวกเขาก็ถอดเสื้อผ้าออกเพื่อทำแผลทุกคนได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย แต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพียงแต่อากาศหนาว ความเจ็บปวดเลยรุนแรงกว่าปกติซ่งซีซีแจกจ่ายยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครใช้ของนาง ใครบ้างที่เข้าสู่สนามรบโดยไม่นำยามาบ้าง? แต่ละนิกายมียาศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาบาดแผลของตัวเองซ่งซีซีเก็บมันกลับไป "แล้วไป""ซีซี ได้ยินมาว่าอดีตสามีของเจ้าและภรรยาใหม่ของเขากำลังจะมาสนับสนุนที่นี่ เจ้าจะรู้สึกอึดอัดใจไหมถ้าจะพบกัน?"เฉินเฉินสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และทำความสะอาดผงยาบนพื้นก่อนถาม"อึดอัดไปทำไม" เสิ่นว่านจือตะคอก ใบหน้าของนางดูเย็นชา "เราแค่ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนหมูเหมือนควายก็พอ สายตาของเราทนเห็นของสกปรกเหล่านี้ไม่ได้หรอก"หมั่นโถวเปิดม่านขึ้น "จะว่าไป ทำไมท่านแม่ของเจ้
มีมือใหญ่ข้างหนึ่งหยิบถุงสุราจากบนพื้น ชายคนนั้นเปิดออกแล้วดมกลิ่น ดวงตาที่สดใสของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี แต่คำพูดที่เขาพูดออกมานั้นกลับโกรธจัด "ช่างบังอาจจัง กลับซ่อนสุราดีๆ ในกองทัพ ถูกยึดแล้ว!"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังกลับและจากไปซ่งซีซีนั่งยองๆ อยู่กับพื้นแล้วลูบจมูกทั้งน้ำตา นางได้แต่มองร่างสูงวิ่งกลับไปที่ค่ายผู้บัญชาการทั้งแย่างนั้น"มันถูกยึดโดยผู้บังคับบัญชา" หมั่นโถวพูดด้วยความงุนงง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างเศร้าๆ ว่า "แม้ว่าให้ข้าจิบแค่คำเดียวก็ดีนะ จะแย่งชิงทำไม เป็นไง ถูกยึดไปแล้วสิ"เสิ่นว่านจือเองก็ไม่คาดคิดว่าผู้บังคับบัญชาจะมา จากนั้นแค่หัวเราะเบาๆ และพูดว่า "ข้ามีกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนั้น จะมีแค่ขวดเดียวได้ยังไงเล่า?"หมั่นโถวและกุ้นเอ๋อร์รีบไล่ตามไป ต่างเรียกนางว่าพี่อย่างเอาใจใส่ สุดท้ายทั้งห้าคนก็ได้ดื่มสุราอีกถุงหนึ่งสุดยอดเลย!เสียงแตรของการออกศึกครั้งที่สองดังขึ้น เสียงฝีเท้าดังก้อง ฉากยิ่งใหญ่ราวกับต้องพิชิตข้าศึกศัตรูให้ได้เป่ยหมิงอ๋องทรงออกสั่งว่าจุดประสงค์หลักของการโจมตีครั้งนี้คือทำให้ศัตรูบาดเจ็บ ให้ฆ่าคนน้อยลงและทำให้บาดเจ็บมากขึ้นหมั่
ผมของนางยุ่งเหยิง เลือดที่ศัตรูสาดกระเซ็นติดอยู่บนผม ตอนนี้มีปอยผมปิดแก้ม มันเลอะเทอะจนไม่น่ามอง ทั้งฟูทั้งพันกัน ยุ่งเหยิงเป็นตังเมเกราะไม้ไผ่บนตัวของนางก็เสียหายไปหลายจุด และมีเลือดเปื้อนด้วย ใบหน้าของนางไม่มีพื้นผิวที่สะอาดแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เลือดก็เป็นโคลนไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาหลายวันแล้ว สรุปแล้วแม้แต่ขอทานยังดูสะอาดกว่านาง"เจ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือไม่?" เป่ยหมิงอ๋องนึกถึงทุกปีที่เขาไปสถาบันว่านซงเหมิน ได้เห็นหญิงสาวที่มีชีวิตชีวาและเลือดร้อนคนนั้น ไร้ความกังวลทั้งอย่างนั้น แต่เวลานี้กลับเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง"หิว!" ซ่งซีซีเปิดริมฝีปากที่แตกออกแล้วพูดออกมาหนึ่งคำเคราบนใบหน้าของเป่ยหมิงอ๋องขยับเล็กน้อย "อืม หิวทั้งนั้น อดทนหน่อย""เหนื่อย!" ซ่งซีซีพูดอย่างอ่อนแรง "ขนาดยืนก็ยากมาก""ซ่งซีซี!" ดวงตาของเป่ยหมิงอ๋องดูจริงจัง "เจ้ารู้ไหมว่านับตั้งแต่แคว้นซางก่อตั้งมา ไม่เคยมีทหารคนใดที่สามารถทำลายล้างศัตรูมากมายตอนครั้งแรกที่เข้าสู่สนามรบได้ แม้แต่ท่านพ่อของเจ้าก็ตาม เจ้าน่าทึ่งมาก ดังนั้น เจ้าให้เดินออกไปโดยลำตัวตั้งตรง"ซ่งซีซีลำตัวตั้งตรง และเดินกะโผลกกะเผลกออกจากค่ายของผู
คืนนี้ ซ่งซีซีนอนไม่หลับหลังจากอยู่แนวหน้ามาหลายวัน นอกจากวันแรกและวันนี้ที่ได้กินอิ่มท้อง เวลาอื่นก็มักจะเข้านอนด้วยความรู้สึกหิว แต่ยังนอนหลับได้สนิททว่าหลังจากกินอิ่มในคืนนี้กลับนอนไม่หลับแล้วแนวหน้านั้นอยู่ยากลำบากมากจริงๆ และมันเป็นเรื่องยากสำหรับท่านพ่อและพี่ชายของนางที่ได้อดทนมาหลายปีนางย่อมสามารถอดทนได้เช่นกัน แต่มันก็ไม่เหมาะจริงๆ ที่นางไม่ได้เล่าเรื่องระหว่านางกับจ้านเป่ยว่างให้ผู้บังคับบัญชาและพวกท่านอารู้เรื่องแต่ ให้นางจะอธิบายยังไง? บอกว่าผู้ชายที่ท่านแม่เลือกให้นาง พอได้สร้างผลงานทางทหารก็รังเกียจนาง ต้องการแต่งงานกับแม่ทัพหญิงอย่างยี่ฝางงั้นเหรอ?ทุกคนคงจะคิดว่า ที่นางมาที่เขตหนานเจียงเพราะนางไม่ยอมเลยมาพิสูจน์ว่านางเก่งกว่ายี่ฝางนางไม่สนใจว่าผู้คนในเมืองหลวงจะนินทาอะไรแต่นี่คือสนามรบ สนามรบที่ท่านพ่อและพี่ชายของนางเสียชีวิต นางไม่ต้องการให้ความภักดีของตัวเองเพื่อสืบทอดความปรารถนาก่อนที่ท่านพ่อจากไปนั้นถูกคนอื่นมองว่าเป็นแผนการที่นางมาแย่งชิงอำนาจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้แต่ถึงยังไงพวกเขาต้องรู้เรื่อง เมื่อจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางมาถึง เรื่องนี้ก็ไม่สามารถปก