ผมของนางยุ่งเหยิง เลือดที่ศัตรูสาดกระเซ็นติดอยู่บนผม ตอนนี้มีปอยผมปิดแก้ม มันเลอะเทอะจนไม่น่ามอง ทั้งฟูทั้งพันกัน ยุ่งเหยิงเป็นตังเมเกราะไม้ไผ่บนตัวของนางก็เสียหายไปหลายจุด และมีเลือดเปื้อนด้วย ใบหน้าของนางไม่มีพื้นผิวที่สะอาดแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เลือดก็เป็นโคลนไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาหลายวันแล้ว สรุปแล้วแม้แต่ขอทานยังดูสะอาดกว่านาง"เจ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือไม่?" เป่ยหมิงอ๋องนึกถึงทุกปีที่เขาไปสถาบันว่านซงเหมิน ได้เห็นหญิงสาวที่มีชีวิตชีวาและเลือดร้อนคนนั้น ไร้ความกังวลทั้งอย่างนั้น แต่เวลานี้กลับเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง"หิว!" ซ่งซีซีเปิดริมฝีปากที่แตกออกแล้วพูดออกมาหนึ่งคำเคราบนใบหน้าของเป่ยหมิงอ๋องขยับเล็กน้อย "อืม หิวทั้งนั้น อดทนหน่อย""เหนื่อย!" ซ่งซีซีพูดอย่างอ่อนแรง "ขนาดยืนก็ยากมาก""ซ่งซีซี!" ดวงตาของเป่ยหมิงอ๋องดูจริงจัง "เจ้ารู้ไหมว่านับตั้งแต่แคว้นซางก่อตั้งมา ไม่เคยมีทหารคนใดที่สามารถทำลายล้างศัตรูมากมายตอนครั้งแรกที่เข้าสู่สนามรบได้ แม้แต่ท่านพ่อของเจ้าก็ตาม เจ้าน่าทึ่งมาก ดังนั้น เจ้าให้เดินออกไปโดยลำตัวตั้งตรง"ซ่งซีซีลำตัวตั้งตรง และเดินกะโผลกกะเผลกออกจากค่ายของผู
คืนนี้ ซ่งซีซีนอนไม่หลับหลังจากอยู่แนวหน้ามาหลายวัน นอกจากวันแรกและวันนี้ที่ได้กินอิ่มท้อง เวลาอื่นก็มักจะเข้านอนด้วยความรู้สึกหิว แต่ยังนอนหลับได้สนิททว่าหลังจากกินอิ่มในคืนนี้กลับนอนไม่หลับแล้วแนวหน้านั้นอยู่ยากลำบากมากจริงๆ และมันเป็นเรื่องยากสำหรับท่านพ่อและพี่ชายของนางที่ได้อดทนมาหลายปีนางย่อมสามารถอดทนได้เช่นกัน แต่มันก็ไม่เหมาะจริงๆ ที่นางไม่ได้เล่าเรื่องระหว่านางกับจ้านเป่ยว่างให้ผู้บังคับบัญชาและพวกท่านอารู้เรื่องแต่ ให้นางจะอธิบายยังไง? บอกว่าผู้ชายที่ท่านแม่เลือกให้นาง พอได้สร้างผลงานทางทหารก็รังเกียจนาง ต้องการแต่งงานกับแม่ทัพหญิงอย่างยี่ฝางงั้นเหรอ?ทุกคนคงจะคิดว่า ที่นางมาที่เขตหนานเจียงเพราะนางไม่ยอมเลยมาพิสูจน์ว่านางเก่งกว่ายี่ฝางนางไม่สนใจว่าผู้คนในเมืองหลวงจะนินทาอะไรแต่นี่คือสนามรบ สนามรบที่ท่านพ่อและพี่ชายของนางเสียชีวิต นางไม่ต้องการให้ความภักดีของตัวเองเพื่อสืบทอดความปรารถนาก่อนที่ท่านพ่อจากไปนั้นถูกคนอื่นมองว่าเป็นแผนการที่นางมาแย่งชิงอำนาจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้แต่ถึงยังไงพวกเขาต้องรู้เรื่อง เมื่อจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางมาถึง เรื่องนี้ก็ไม่สามารถปก
ทันใดนั้นซ่งซีซีหลั่งน้ำตาออกมาทันที "เจ้าคุยกับนางไม่ได้แล้ว ยามนี้ที่ครอบครัวข้าเหลือข้าแค่คนเดียวแล้ว"ซ่งซีซียังไม่ได้บอกเพื่อนของนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นความเจ็บปวดในใจของนาง นางไม่กล้าพูด และพอพูดถึงมันร่างกายของนางก็สั่นเทาด้วยความเจ็บปวดใจทันใดนั้นกุ้นเอ๋อร์และหมั่นโถวก็เปิดม่านออก ใบหน้าที่ตกตะลึงสองหน้ามองไปที่เฉินเฉินและเสิ่นว่านจือท่ามกลางความมืด แล้วพูดพร้อมกันว่า "อะไรนะ"ซ่งซีซีเอาหัวซุกลงที่เข่า น้ำตาร้อนหยดลงมาเป็นหยดใหญ่ "พวกเขาถูกสายลับของเมืองซีจิงที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเมืองหลวงสังหารหมดแล้ว พวกเขาได้ส่งสายลับในเมืองซีจิงทั้งหมด มาลงมือกับจวนโหวของข้าจนไม่เหลือใครแล้ว เวลานั้นข้ายังเป็นภรรยาของจ้านเป่ยว่าง อาศัยอยู่ในจวนแม่ทัพ ดังนั้นข้าจึงรอดชีวิตจากการลอบสังหารหมู แต่ถ้าข้าอยู่ด้วย... หากข้าไม่แต่งงาน พวกเขาคงไม่ตาย"พวกเขาต่างตกใจมากทั้งครอบครัวถูกสังหารหมู่ ซึ่งเป็นหายนะอย่างยิ่งจริงๆพวกเขาทั้งสี่เข้าไปข้างหน้าเพื่อกอดซ่งซีซีไว้ และร้องไห้ไปพร้อมกับนาง เฉินเฉินร้องไห้ "อย่าร้องไห้เลยซีซี ยังมีพวกเราอยู่"เสิ่นว่านจือผลักพวกเขาออกไป กอดซีซีไว้ในอ้อมแขนข
ในค่ายกลางแจ้งที่เมืองทาเฉิง เป่ยหมิงอ๋องวางมือบนโต๊ะ โน้มตัวไปข้างหน้าด้วยร่างสูง ดวงตาของเขาสดใสดุจดวงดาวบนท้องฟ้า"ส่งคำสั่งออกไปว่าให้โจมตีครั้งใหญ่ในเที่ยงคืน ตราบใดที่ยึดเมืองอีลี่ได้สำเร็จ จะมีกับข้าวและเนื้อให้กินอย่างเต็มที่ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องนอน และเสบียงทางทหารทุกชนิดจัดให้เต็มที่เลย ชาวซีจิงร่ำรวย พวกเขาใช้เกวียนมาขนอาหารและเสบียงทางการทหารคันแล้วคันเล่ามาที่เขตหนานเจียง"ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่ามีเนื้อให้กิน ทุกคนก็ตาสว่างขึ้น เป็นความจริงที่ว่ากองทัพเป่ยหมิงไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาเป็นเวลานานมากแล้ว และพวกเขาแทบรอไม่ไหวจะกินทั้งเป็นเลยทันทีที่แผนที่เปิดออก เป่ยหมิงอ๋องชี้ไปที่วงกลมเล็กๆ ในเมืองอีลี่ และเรียกซ่งซีซีเข้าใกล้ เขาชี้ไปที่วงกลมเล็กๆ ด้วยนิ้วเรียวสีดำของเขาแล้วพูดว่า "ซ่งเชียนฮู่ หลังจากโจมตีเข้าสู่เมืองแล้ว เจ้านำกองทหารและม้าสามพันนายตรงไปยังเล่อหนิง ข้าวของ หญ้าและเสบียงทางการทหารถูกเก็บไว้ที่นี่ ปัจจุบันนี้ที่แคว้นซาและเมืองซีจิงมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เมื่อเมืองถูกโจมตีเข้า พวกเขาจะเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บก่อน รองมาค่อยเป็นเสบียง เพราะถึงยังไงของ
เป่ยหมิงอ๋องเป็นคนเด็ดขาด จากนั้นก็ออกคำสั่งให้นับจำนวนกองทหารทันที เมื่อถึงเวลายามจือ ทรงเริ่มตีกลองและเป่าแตรโจมตีวันนี้เพิ่งโจมตีเมืองไป และกองกำลังพันธมิตรระหว่าเมืองซีจิงและแคว้นซาในเมืองอีลี่คงไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเริ่มโจมตีเมืองในเที่ยงคืนเครื่องหน้าไม้ถูกเปิดใช้งานและนักธนูก็เข้าที่ แต่มีกองไฟอยู่บนกำแพง แต่กองทหารฝ่ายโจมตีกลับไม่มีมันเทียบเท่ากับที่พวกเขาอยู่ในความสว่าง และกองทัพเป่ยหมิงอยู่ในความมืด และพวกเขากำลังโจมตีไปข้างหน้าจากความมืดซ่งซีซีและกลุ่มคนห้าคนขี่ม้าออกไป เมื่อพวกเขามาถึงประตูเมือง ก็ใช้ประโยชน์จากกำลังและบินตรงขึ้นไปบนหอชมเมือง หอกดอกท้อแทงยังทหารที่ควบคุมเครื่องหน้าไม้อยู่ ด้วยหมัดเดียว เครื่องหน้าไม้ก็แตกสลายไปเป็นชิ้นๆนักธนูเล็งไปที่นางแต่เป่ยหมิงอ๋องก็บินขึ้นไปทันที และกองไฟก็สะท้อนชุดเกราะสีทองสำหรับผู้บังคับบัญชาของเป่ยหมิงอ๋อง มีคนตะโกนว่า "เป่ยหมิงอ๋องมาแล้ว ฆ่าเขา ฆ่าเขาเลย"นักธนูทุกคนมุ่งเป้าไปที่เป่ยหมิงอ๋อง ลูกธนูเล็งออกไปราวกับเม็ดฝน ดาบสีทองของเป่ยหมิงอ๋องเกือบจะหมุนเป็นวงกลม เพื่อสกัดกั้นพวกลูกศรที่เล็งมาไม่หยุดทหารกลุ่มหนึ่งรีบร
เหงื่อผสมกับเลือดไหลลงมาจากด้านบนของศีรษะ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เหงื่อก็ควบแน่นเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ความร้อนจะจางหายไป กลับกลายเป็นความหนาวเย็นจนเข้ากระดูก"ซีซี …" หมั่นโถวหายใจเข้าลึกๆ โดยมีน้ำค้างแข็งสีขาวติดอยู่บนขนตา "เรา เราจะไม่ไปช่วยพวกเขาต่อสู้จริงๆ เหรอ แค่เฝ้ารออยู่ที่นี่นะ?""คำสั่งทางทหารสำคัญยิ่งยวดดุจภูผา บอกให้เราเฝ้ายุ้งฉาง เราก็จะเฝ้ายุ้งฉาง" ซ่งซีซีพิงกำแพง บนตัวสวมชุดเกราะสีทอง แต่นางถูกแทงที่แขนสองแผล มันไม่มีเลือด เลยไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ มันแค่เหนียวๆ ผสมกับความหนาวเย็น ที่ทำให้คนรู้สึกอึดอัดทั้งตัวนางเหลือบมองพวกเขาทั้งหมด และทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บด้วย ชุดเกราะไม้ไผ่ของพวกเขาแตกเป็นชิ้นๆ การต่อสู้ครั้งนี้ก็สู้จนทำให้ทุกคนดูเลอะเทอะไปหมด"อาการบาดเจ็บของทุกคนเป็นอะไรหรือไม่?"เสิ่นว่านจือโบกมือ นางไม่มีแรงที่จะพูดอะไรอีกเมื่อมองดูศพที่อยู่ข้างๆ พวกเขา บ้างก็เป็นศัตรูและบ้างก็เป็นสหายของตัวเอง ทั้งห้าคนต่างก็เศร้าโศกมากกองทหารศัตรูยังคงโจมตีมาอีก ซ่งซีซีกระโดดขึ้นและตะโกนว่า "มาอีกแล้ว ฆ่าซะ!"เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงอีกครั้ง จนกระทั่งพวกเ
เป่ยหมิงอ๋องว่า "ซีซี เจ้ากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง"ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "จะไปที่ไหน"เป่ยหมิงอ๋องกล่าวว่า "เจ้าจะรู้เมื่อไปถึงที่นั่น ทุกคนกลับกันเถอะข้าต้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย"ซ่งซีซีและพวกแม่ทัพก็ถอนตัวออกไปตามนั้นการอาบน้ำในวันที่อากาศหนาวเย็น ต้องต้มน้ำร้อนเยอะๆ โชคดีที่เมืองอีลี่มีฟืนมากเพียงพอ ตอนที่ตั้งค่ายที่ชายเมืองทาเฉิงนั้น ขนาดแค่กินน้ำอุ่นก็เป็นเรื่องยากการอาบน้ำยังยิ่งไม่ต้องหวังเลยตอนนี้ นางมียศด้วย ดังนั้น เป่ยหมิงอ๋องส่งทาสบาปมารับใช้นางทาสบาปคนนี้อายุประมาณสี่สิบปี และมีกลิ่นเหม็นไปทั้งตัวด้วย ชื่อว่านางสิบสาม นางเคยทำธุรกิจเล็กๆ ในเมืองฮวยเฉิง เนื่องจากมีข้อพิพาททางธุรกิจ เลยใช้แจกันทุบบนหัวของคู่แข่ง คู่แข่งนั้นไม่ได้ตาย แต่กลายเป็นคนโง่ไปแล้วนางเลยถูกตัดสินโทษให้เนรเทศไปเป็นทาสในค่ายทหารเป็นเวลา 12 ปี นี่ก็ผ่านมา 11 ปีแล้ว และนางจะได้รับการปล่อยตัวในอีกหนึ่งปีข้างหน้านางสิบสามต้มน้ำร้อนให้ซ่งซีซี ยังหาถังอาบน้ำอันหนึ่ง และเอาสบู่ที่นางซ่อนไว้ออกมาให้ซ่งซีซีสระผม ผมนั้นต้องการให้คนอื่นมาช่วยสระด้วยถึงจะส
เป็นเนินเขาเล็กๆ ใบไม้เหี่ยวเฉาไปนานแล้ว ไม่มีพืชพรรณบนเนินเขาอยู่แล้ว มองออกไปดู มีเส้นทางยาวไปทุกทิศทุกทาง นำไปสู่ภูเขาที่สูงขึ้นลมพัดแรงส่งเสียงดังเหมือนผีนับพันร้องไห้ด้วยกันเซี่ยหลูโม่ยืนอยู่บนเนินเขาโดยเอามือไพล่หลัง มองไปทางซ้าย ถัดจากถนนเล็กนั้นมีอนุสาวรีย์ที่ไร้ตัวอักษรเซี่ยหลูโม่กล่าวกับนางว่า "ชาวอีลี่สร้างอนุสาวรีย์ไร้ตัวอักษรนั้นเพื่อท่านพ่อของเจ้า เขาปิดกั้นเส้นทางนั้นเพียงลำพัง โดยถูกลูกธนูหลายลูกยิงเข้าในตัว แต่เขายังคงยืนหยัดพร้อมดาบของเขา"ดวงตาของซ่งซีซีถูกคลุมด้วยน้ำตา แม้ว่านางจะรู้ว่า เป่ยหมิงอ๋องจะพานางไปยังสถานที่ที่ท่านพ่อเสียชีวิต และเตรียมใจมาแล้วด้วย แต่หัวใจของนางยังคงเจ็บปวดมาก"ตอนนั้นที่เขานำกองทหารมาที่นี่ ได้ขวางทางกลุ่มทหารแคว้นซาที่จัดส่งอาหารและหญ้าไปที่เขตอีลี่ เขาต้องการต่อสู้ครั้งใหญ่ แต่น่าเสียดายหลังจากผ่านการโจมตีเมืองอย่างต่อเนื่อง ทหารและม้าต่างก็หมดแรง ในเวลานั้น ฮ่องเต้เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ไม่ได้ ยังไม่มีอำนาจในราชสำนัก กำลังเสริมไม่มาสักทีเขาพยายามสุดความสามารถเพื่อถ่วงเวลาแล้ว""ข้ามีสายลับในเมืองอีลี่ นี่เป็นข่าวที่สายลับรายงาน