Share

บทที่ 74

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ทันใดนั้นซ่งซีซีหลั่งน้ำตาออกมาทันที "เจ้าคุยกับนางไม่ได้แล้ว ยามนี้ที่ครอบครัวข้าเหลือข้าแค่คนเดียวแล้ว"

ซ่งซีซียังไม่ได้บอกเพื่อนของนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นความเจ็บปวดในใจของนาง นางไม่กล้าพูด และพอพูดถึงมันร่างกายของนางก็สั่นเทาด้วยความเจ็บปวดใจ

ทันใดนั้นกุ้นเอ๋อร์และหมั่นโถวก็เปิดม่านออก ใบหน้าที่ตกตะลึงสองหน้ามองไปที่เฉินเฉินและเสิ่นว่านจือท่ามกลางความมืด แล้วพูดพร้อมกันว่า "อะไรนะ"

ซ่งซีซีเอาหัวซุกลงที่เข่า น้ำตาร้อนหยดลงมาเป็นหยดใหญ่ "พวกเขาถูกสายลับของเมืองซีจิงที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเมืองหลวงสังหารหมดแล้ว พวกเขาได้ส่งสายลับในเมืองซีจิงทั้งหมด มาลงมือกับจวนโหวของข้าจนไม่เหลือใครแล้ว เวลานั้นข้ายังเป็นภรรยาของจ้านเป่ยว่าง อาศัยอยู่ในจวนแม่ทัพ ดังนั้นข้าจึงรอดชีวิตจากการลอบสังหารหมู แต่ถ้าข้าอยู่ด้วย... หากข้าไม่แต่งงาน พวกเขาคงไม่ตาย"

พวกเขาต่างตกใจมาก

ทั้งครอบครัวถูกสังหารหมู่ ซึ่งเป็นหายนะอย่างยิ่งจริงๆ

พวกเขาทั้งสี่เข้าไปข้างหน้าเพื่อกอดซ่งซีซีไว้ และร้องไห้ไปพร้อมกับนาง เฉินเฉินร้องไห้ "อย่าร้องไห้เลยซีซี ยังมีพวกเราอยู่"

เสิ่นว่านจือผลักพวกเขาออกไป กอดซีซีไว้ในอ้อมแขนข
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (4)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
จะแพ้หรือชนะอยู่ที่การวางแผนเชิงกลยุทธ
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
การสู้รบได้เริ่มต้นอีกครั้ง
goodnovel comment avatar
Pedladda Wimoludomsit
แต่ละตอนยังสั้นมากค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 75

    ในค่ายกลางแจ้งที่เมืองทาเฉิง เป่ยหมิงอ๋องวางมือบนโต๊ะ โน้มตัวไปข้างหน้าด้วยร่างสูง ดวงตาของเขาสดใสดุจดวงดาวบนท้องฟ้า"ส่งคำสั่งออกไปว่าให้โจมตีครั้งใหญ่ในเที่ยงคืน ตราบใดที่ยึดเมืองอีลี่ได้สำเร็จ จะมีกับข้าวและเนื้อให้กินอย่างเต็มที่ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องนอน และเสบียงทางทหารทุกชนิดจัดให้เต็มที่เลย ชาวซีจิงร่ำรวย พวกเขาใช้เกวียนมาขนอาหารและเสบียงทางการทหารคันแล้วคันเล่ามาที่เขตหนานเจียง"ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่ามีเนื้อให้กิน ทุกคนก็ตาสว่างขึ้น เป็นความจริงที่ว่ากองทัพเป่ยหมิงไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาเป็นเวลานานมากแล้ว และพวกเขาแทบรอไม่ไหวจะกินทั้งเป็นเลยทันทีที่แผนที่เปิดออก เป่ยหมิงอ๋องชี้ไปที่วงกลมเล็กๆ ในเมืองอีลี่ และเรียกซ่งซีซีเข้าใกล้ เขาชี้ไปที่วงกลมเล็กๆ ด้วยนิ้วเรียวสีดำของเขาแล้วพูดว่า "ซ่งเชียนฮู่ หลังจากโจมตีเข้าสู่เมืองแล้ว เจ้านำกองทหารและม้าสามพันนายตรงไปยังเล่อหนิง ข้าวของ หญ้าและเสบียงทางการทหารถูกเก็บไว้ที่นี่ ปัจจุบันนี้ที่แคว้นซาและเมืองซีจิงมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เมื่อเมืองถูกโจมตีเข้า พวกเขาจะเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บก่อน รองมาค่อยเป็นเสบียง เพราะถึงยังไงของ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 76

    เป่ยหมิงอ๋องเป็นคนเด็ดขาด จากนั้นก็ออกคำสั่งให้นับจำนวนกองทหารทันที เมื่อถึงเวลายามจือ ทรงเริ่มตีกลองและเป่าแตรโจมตีวันนี้เพิ่งโจมตีเมืองไป และกองกำลังพันธมิตรระหว่าเมืองซีจิงและแคว้นซาในเมืองอีลี่คงไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเริ่มโจมตีเมืองในเที่ยงคืนเครื่องหน้าไม้ถูกเปิดใช้งานและนักธนูก็เข้าที่ แต่มีกองไฟอยู่บนกำแพง แต่กองทหารฝ่ายโจมตีกลับไม่มีมันเทียบเท่ากับที่พวกเขาอยู่ในความสว่าง และกองทัพเป่ยหมิงอยู่ในความมืด และพวกเขากำลังโจมตีไปข้างหน้าจากความมืดซ่งซีซีและกลุ่มคนห้าคนขี่ม้าออกไป เมื่อพวกเขามาถึงประตูเมือง ก็ใช้ประโยชน์จากกำลังและบินตรงขึ้นไปบนหอชมเมือง หอกดอกท้อแทงยังทหารที่ควบคุมเครื่องหน้าไม้อยู่ ด้วยหมัดเดียว เครื่องหน้าไม้ก็แตกสลายไปเป็นชิ้นๆนักธนูเล็งไปที่นางแต่เป่ยหมิงอ๋องก็บินขึ้นไปทันที และกองไฟก็สะท้อนชุดเกราะสีทองสำหรับผู้บังคับบัญชาของเป่ยหมิงอ๋อง มีคนตะโกนว่า "เป่ยหมิงอ๋องมาแล้ว ฆ่าเขา ฆ่าเขาเลย"นักธนูทุกคนมุ่งเป้าไปที่เป่ยหมิงอ๋อง ลูกธนูเล็งออกไปราวกับเม็ดฝน ดาบสีทองของเป่ยหมิงอ๋องเกือบจะหมุนเป็นวงกลม เพื่อสกัดกั้นพวกลูกศรที่เล็งมาไม่หยุดทหารกลุ่มหนึ่งรีบร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 77

    เหงื่อผสมกับเลือดไหลลงมาจากด้านบนของศีรษะ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เหงื่อก็ควบแน่นเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ความร้อนจะจางหายไป กลับกลายเป็นความหนาวเย็นจนเข้ากระดูก"ซีซี …" หมั่นโถวหายใจเข้าลึกๆ โดยมีน้ำค้างแข็งสีขาวติดอยู่บนขนตา "เรา เราจะไม่ไปช่วยพวกเขาต่อสู้จริงๆ เหรอ แค่เฝ้ารออยู่ที่นี่นะ?""คำสั่งทางทหารสำคัญยิ่งยวดดุจภูผา บอกให้เราเฝ้ายุ้งฉาง เราก็จะเฝ้ายุ้งฉาง" ซ่งซีซีพิงกำแพง บนตัวสวมชุดเกราะสีทอง แต่นางถูกแทงที่แขนสองแผล มันไม่มีเลือด เลยไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ มันแค่เหนียวๆ ผสมกับความหนาวเย็น ที่ทำให้คนรู้สึกอึดอัดทั้งตัวนางเหลือบมองพวกเขาทั้งหมด และทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บด้วย ชุดเกราะไม้ไผ่ของพวกเขาแตกเป็นชิ้นๆ การต่อสู้ครั้งนี้ก็สู้จนทำให้ทุกคนดูเลอะเทอะไปหมด"อาการบาดเจ็บของทุกคนเป็นอะไรหรือไม่?"เสิ่นว่านจือโบกมือ นางไม่มีแรงที่จะพูดอะไรอีกเมื่อมองดูศพที่อยู่ข้างๆ พวกเขา บ้างก็เป็นศัตรูและบ้างก็เป็นสหายของตัวเอง ทั้งห้าคนต่างก็เศร้าโศกมากกองทหารศัตรูยังคงโจมตีมาอีก ซ่งซีซีกระโดดขึ้นและตะโกนว่า "มาอีกแล้ว ฆ่าซะ!"เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงอีกครั้ง จนกระทั่งพวกเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 78

    เป่ยหมิงอ๋องว่า "ซีซี เจ้ากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง"ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "จะไปที่ไหน"เป่ยหมิงอ๋องกล่าวว่า "เจ้าจะรู้เมื่อไปถึงที่นั่น ทุกคนกลับกันเถอะข้าต้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย"ซ่งซีซีและพวกแม่ทัพก็ถอนตัวออกไปตามนั้นการอาบน้ำในวันที่อากาศหนาวเย็น ต้องต้มน้ำร้อนเยอะๆ โชคดีที่เมืองอีลี่มีฟืนมากเพียงพอ ตอนที่ตั้งค่ายที่ชายเมืองทาเฉิงนั้น ขนาดแค่กินน้ำอุ่นก็เป็นเรื่องยากการอาบน้ำยังยิ่งไม่ต้องหวังเลยตอนนี้ นางมียศด้วย ดังนั้น เป่ยหมิงอ๋องส่งทาสบาปมารับใช้นางทาสบาปคนนี้อายุประมาณสี่สิบปี และมีกลิ่นเหม็นไปทั้งตัวด้วย ชื่อว่านางสิบสาม นางเคยทำธุรกิจเล็กๆ ในเมืองฮวยเฉิง เนื่องจากมีข้อพิพาททางธุรกิจ เลยใช้แจกันทุบบนหัวของคู่แข่ง คู่แข่งนั้นไม่ได้ตาย แต่กลายเป็นคนโง่ไปแล้วนางเลยถูกตัดสินโทษให้เนรเทศไปเป็นทาสในค่ายทหารเป็นเวลา 12 ปี นี่ก็ผ่านมา 11 ปีแล้ว และนางจะได้รับการปล่อยตัวในอีกหนึ่งปีข้างหน้านางสิบสามต้มน้ำร้อนให้ซ่งซีซี ยังหาถังอาบน้ำอันหนึ่ง และเอาสบู่ที่นางซ่อนไว้ออกมาให้ซ่งซีซีสระผม ผมนั้นต้องการให้คนอื่นมาช่วยสระด้วยถึงจะส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 79

    เป็นเนินเขาเล็กๆ ใบไม้เหี่ยวเฉาไปนานแล้ว ไม่มีพืชพรรณบนเนินเขาอยู่แล้ว มองออกไปดู มีเส้นทางยาวไปทุกทิศทุกทาง นำไปสู่ภูเขาที่สูงขึ้นลมพัดแรงส่งเสียงดังเหมือนผีนับพันร้องไห้ด้วยกันเซี่ยหลูโม่ยืนอยู่บนเนินเขาโดยเอามือไพล่หลัง มองไปทางซ้าย ถัดจากถนนเล็กนั้นมีอนุสาวรีย์ที่ไร้ตัวอักษรเซี่ยหลูโม่กล่าวกับนางว่า "ชาวอีลี่สร้างอนุสาวรีย์ไร้ตัวอักษรนั้นเพื่อท่านพ่อของเจ้า เขาปิดกั้นเส้นทางนั้นเพียงลำพัง โดยถูกลูกธนูหลายลูกยิงเข้าในตัว แต่เขายังคงยืนหยัดพร้อมดาบของเขา"ดวงตาของซ่งซีซีถูกคลุมด้วยน้ำตา แม้ว่านางจะรู้ว่า เป่ยหมิงอ๋องจะพานางไปยังสถานที่ที่ท่านพ่อเสียชีวิต และเตรียมใจมาแล้วด้วย แต่หัวใจของนางยังคงเจ็บปวดมาก"ตอนนั้นที่เขานำกองทหารมาที่นี่ ได้ขวางทางกลุ่มทหารแคว้นซาที่จัดส่งอาหารและหญ้าไปที่เขตอีลี่ เขาต้องการต่อสู้ครั้งใหญ่ แต่น่าเสียดายหลังจากผ่านการโจมตีเมืองอย่างต่อเนื่อง ทหารและม้าต่างก็หมดแรง ในเวลานั้น ฮ่องเต้เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ไม่ได้ ยังไม่มีอำนาจในราชสำนัก กำลังเสริมไม่มาสักทีเขาพยายามสุดความสามารถเพื่อถ่วงเวลาแล้ว""ข้ามีสายลับในเมืองอีลี่ นี่เป็นข่าวที่สายลับรายงาน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 80

    นับตั้งแต่ที่จักรพรรดิ์ซูชิงได้รับรายงานทางทหารฉบับแรก เขารู้สึกตื่นเต้นจนเลือดไหลเร็วขึ้นซ่งซีซีเอ๊ย ซ่งซีซี ลูกสาวของซ่งฮวยอัน บุตรีของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกง ไม่ได้คาดคิดว่านางจะโดดเด่นขนาดนี้ และเก่งกว่ายี่ฝางด้วยซ้ำเมื่อเขาได้รับข่าวการยึดเมืองอีลี่ได้สำเร็จ เขาก็ตบโต๊ะและหัวเราะอย่างสุขใจ "ดี ดี ตระกูลแม่ทัพไม่มีสตรีที่อ่อนแอ"เขารีบตามหาเสนาบดีและเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมมาทันทีเพื่อแสดงข่าวดีให้พวกเขาทราบด้วย เสนาบดีมู่หลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้น "เมืองอีลี่ได้รับการฟื้นคืนแล้ว และซ่งซีซีได้สร้างผลงานอย่างยิ่ง นางยึดยุ้งฉางได้ และเฝ้ามันไว้ดี เราสามารถลดเสบียงที่เตรียมจะเสริมได้ นี่ช่วยแคว้นซางของเราประหยัดเงินตั้งเท่าไรนี่น่ะ พี่ซ่ง ที่เจ้าอยู่สวรรค์นั้นได้เห็นหรือยัง ลูกสาวของเจ้าสุดยอดจริงๆ ได้สร้างศักดิ์ศรีให้ตระกูลซ่งเพิ่มขึ้นเลยนะ"หลี่เต๋อฮวย เจ้ากรมกระทรวงกลาโหมรู้สึกตื่นเต้นมากจนขนลุกไปทั้งตัว "ในแคว้นซางของเรา แต่ก่อนมีซ่งฮวยอัน จากนั้นมีเป่ยหมิงอ๋อง บัดนี้มีซ่งซีซีด้วย ในบรรดาแม่ทัพวัยรุ่นแห่งราชวงศ์ของเรา มีสองคนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นแม่ทัพที่โดดเด่น สุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 81

    ได้แต่งตั้งตำแหน่งแม่ทัพชั้นห้าก่อน จากนั้นยังสัญญาว่าจะได้แต่งตั้งเป็นชั้นสี่ให้อีก เห็นได้ชัดว่า ความหวังที่จักรพรรดิ์ซูชิงมีต่อซ่งซีซีนั้นมันสูงมากเพียงใดเสนาบดีไม่ได้คัดค้านกับการตัดสินใจนี้ การเลื่อนตำแหน่งพิเศษเช่นนี้เป็นเพราะซ่งซีซีมีความสามารถจริงๆเสนาบดีมู่กล่าวว่า "ว่าแต่กำลังเสริมจนถึงบัดนี้แล้วยังไม่ถึง และเวลาที่แม่ทัพยี่ฝางสัญญาไว้ได้ผ่านไปแล้ว"จักรพรรดิ์ซูชิงไม่พอใจเล็กน้อย แต่เขาก็ช่วยพูดแทนว่า "การเดินทางในวันที่หิมะตกเป็นเรื่องยากมาก"หลี่เต๋อฮวยกล่าวว่า "ฝ่าบาท ซ่งซีซีได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพอู๋เต๋อชั้นห้า ส่วนแม่ทัพจ้านและแม่ทัพยี่ฝางเป็นแค่แม่ทัพอู๋เล่ชั้นห้า ยศของพวกเขายังน้อยกว่าแม่ทัพซ่งไปหนึ่งระดับ"ตามหลักแล้ว จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางประสบความสำเร็จอย่างมากโดยลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับเมืองซีจิง หยุดสงครามและสร้างแนวเขต ผลงานนี้ต้องยิ่งใหญ่กว่าที่ซ่งซีซีช่วยเป่ยหมิงอ๋องยึดเมืองแห่งหนึ่งกลับมาดังนั้น หลี่เต๋อฮวยจึงพูดเช่นนี้ออกมาจักรพรรดิ์ซูชิงตรัสว่า "มีปัญหาอะไรหรือ ผลงานที่ทั้งสองได้มานั้น ก็มาขอข้าพระราชทานอภิเษกสมรสให้แล้วมิใช่หรือ?"หลี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 82

    พวกเขาทั้งสองขึ้นไปข้างหน้าเพื่อคารวะ "ข้าจ้านเป่ยว่างคารวะท่านผู้บังคับบัญชาขอรับ!""ข้ายี่ฝาง คารวะผู้บังคับบัญชาเจ้าคะ!"เซี่ยหลูโม่เงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "พวกเจ้ามาสักที"จ้านเป่ยว่างกล่าวว่า "ถนนถูกปิดกั้นด้วยหิมะ ข้าเลยมาช้า โปรดผู้บังคับบัญชาลงโทษให้ขอรับ""ธรรมชาติไม่ยอมให้ความร่วมมือ มันไม่เกี่ยวอะไรกั แม่ทัพจ้าน ยี่" เซี่ยหลูโม่เหลือบมองที่ซ่งซีซี และเห็นว่านางแค่เงยหน้ามองแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้เดินเข้าไปเลย เขาจึงรู้สึกว่าพวกเขาสองคนต้องเกิดปัญหาอะไรแล้วในทางกลับกัน ฟางเทียนสวีและแม่ทัพหลิน อดีตสมาชิกสองคนของกองทัพตระกูลซ่งเห็นจ้านเป่ยว่างมา เลยอดไม่ได้ที่จะมองพิจารณาเขา เมื่อเห็นว่าเขาหล่อและมีอ่อร่าเป็นลูกผู้ชาย พวกเขาก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมาถึงยังไงเขาเป็นลูกเขยที่ซ่งฮูหยินเลือกกับมือเอง ต้องไม่ผิดเลย?ฟางเทียนสวีก้าวไปข้างหน้าตบไหล่จ้านเป่ยว่าง และหัวเราะเสียงดัง "แม่ทัพจ้าน ในที่สุดข้าก็ได้เจอเจ้าแล้วในวันนี้ เจ้านี่โชคดีมากจริงๆ ที่ได้ภรรยาที่ดีคนหนึ่ง"แม่ทัพหลินยังยิ้มและกล่าวว่า "ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับแม่ทัพจ้านเลย เจ้าและภรรยาของเจ้าร่วมมือสร้างผลงานทา

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status