Share

บทที่ 69

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ในเมืองอีลี่ ซูลันจี ผู้บังคับบัญชาแห่งเมืองซีจิงยืนอยู่บนหอชมเมือง มองดูทหารของแคว้นซางที่อยู่ไกล

ความเกลียดชังและความโกรธเผาไหม้ในดวงตาของเขา

“พวกเขาไม่สามารถเฝ้าเขตหนานเจียงได้สำเร็จหรอก” ผู้บังคับบัญชาซูลันจีกล่าวอย่างเย็นชา ความเกลียดชังในดวงตาของเขาแทบจะลุกไหม้ชาวซางในระยะไกล

“ทหารของเจ้าได้รับบาดเจ็บมากมาย พักฟื้นสักสองสามวันก่อนค่อยต่อสู้ใหม่” วิกเตอร์ ผู้บังคับบัญชาแห่งแคว้นซากล่าว

ซูลันจีส่ายหัวพร้อมกับสวมหมวกหนาๆ บนหัวสีเทา มีไอน้ำสีขาวออกมาจากปาก เขาเอามือวางไว้บนก้อนอิฐของหอชมเมือง “ไม่ เราไม่สามารถปล่อยให้พวกเขามีความสุขได้นานเกินไป เราจะเริ่มโจมตีใหม่ในวันมะรืนนี้ ภายในสามวัน ข้าต้องเอาเมืองทาเฉิงให้ได้”

วิกเตอร์ไม่ได้สนใจมากนัก ถึงอย่างไร ทหารที่ไปแนวหน้าเพื่อต่อสู่นั้นส่วนใหญ่เป็นชาวซีจิง และพวกเขาก็นำอาหารมาด้วย

“เรื่องที่เจ้าให้พวกเราสืบนั้น ได้ผลแล้ว แม่ทัพหญิงที่ชื่อยี่ฝางนั้นอยู่ในกำลังเสริมของแคว้นซาง ยามนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามรบเขตหนานเจียง”

ซูลันจีกำหมัดแน่น โดยมีเส้นเลือดบนหน้าผากนูนโป่งขึ้นว่า "คนนี้ ไม่ว่าต้องจ่ายราคาแพงเท่าไรก็ต้องจับนางทั้งเป็นให้
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter
Mga Comments (6)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
เบื้องหลังของการสู้รบ
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ความลับถูกเปิดเผยออกมาอย่างช้าๆ
goodnovel comment avatar
Penpit
มีกี่ตอนคะ
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 70

    เมื่อกลับมาถึงค่าย ซ่งซีซีได้สงบอารมณ์ทั้งหมดของนางหลังจากได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นซ่งเชียนฮู่แล้ว นางยังได้แต่อยู่ร่วมค่ายเล็กๆ กับพวกเฉินเฉินด้วยกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีผ้าห่มเพิ่มให้สองผืนซึ่งเป็นผ้าห่มใหม่ที่ส่งมาจากเมืองทาเฉิงเนื่องจากหมั่นโถวและกุ้นเอ๋อร์เป็นผู้ชาย จึงมีม่านกั้นระหว่างพวกเขา และพวกเขาก็ถอดเสื้อผ้าออกเพื่อทำแผลทุกคนได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย แต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพียงแต่อากาศหนาว ความเจ็บปวดเลยรุนแรงกว่าปกติซ่งซีซีแจกจ่ายยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครใช้ของนาง ใครบ้างที่เข้าสู่สนามรบโดยไม่นำยามาบ้าง? แต่ละนิกายมียาศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาบาดแผลของตัวเองซ่งซีซีเก็บมันกลับไป "แล้วไป""ซีซี ได้ยินมาว่าอดีตสามีของเจ้าและภรรยาใหม่ของเขากำลังจะมาสนับสนุนที่นี่ เจ้าจะรู้สึกอึดอัดใจไหมถ้าจะพบกัน?"เฉินเฉินสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และทำความสะอาดผงยาบนพื้นก่อนถาม"อึดอัดไปทำไม" เสิ่นว่านจือตะคอก ใบหน้าของนางดูเย็นชา "เราแค่ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนหมูเหมือนควายก็พอ สายตาของเราทนเห็นของสกปรกเหล่านี้ไม่ได้หรอก"หมั่นโถวเปิดม่านขึ้น "จะว่าไป ทำไมท่านแม่ของเจ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 71

    มีมือใหญ่ข้างหนึ่งหยิบถุงสุราจากบนพื้น ชายคนนั้นเปิดออกแล้วดมกลิ่น ดวงตาที่สดใสของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี แต่คำพูดที่เขาพูดออกมานั้นกลับโกรธจัด "ช่างบังอาจจัง กลับซ่อนสุราดีๆ ในกองทัพ ถูกยึดแล้ว!"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังกลับและจากไปซ่งซีซีนั่งยองๆ อยู่กับพื้นแล้วลูบจมูกทั้งน้ำตา นางได้แต่มองร่างสูงวิ่งกลับไปที่ค่ายผู้บัญชาการทั้งแย่างนั้น"มันถูกยึดโดยผู้บังคับบัญชา" หมั่นโถวพูดด้วยความงุนงง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างเศร้าๆ ว่า "แม้ว่าให้ข้าจิบแค่คำเดียวก็ดีนะ จะแย่งชิงทำไม เป็นไง ถูกยึดไปแล้วสิ"เสิ่นว่านจือเองก็ไม่คาดคิดว่าผู้บังคับบัญชาจะมา จากนั้นแค่หัวเราะเบาๆ และพูดว่า "ข้ามีกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนั้น จะมีแค่ขวดเดียวได้ยังไงเล่า?"หมั่นโถวและกุ้นเอ๋อร์รีบไล่ตามไป ต่างเรียกนางว่าพี่อย่างเอาใจใส่ สุดท้ายทั้งห้าคนก็ได้ดื่มสุราอีกถุงหนึ่งสุดยอดเลย!เสียงแตรของการออกศึกครั้งที่สองดังขึ้น เสียงฝีเท้าดังก้อง ฉากยิ่งใหญ่ราวกับต้องพิชิตข้าศึกศัตรูให้ได้เป่ยหมิงอ๋องทรงออกสั่งว่าจุดประสงค์หลักของการโจมตีครั้งนี้คือทำให้ศัตรูบาดเจ็บ ให้ฆ่าคนน้อยลงและทำให้บาดเจ็บมากขึ้นหมั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 73

    ผมของนางยุ่งเหยิง เลือดที่ศัตรูสาดกระเซ็นติดอยู่บนผม ตอนนี้มีปอยผมปิดแก้ม มันเลอะเทอะจนไม่น่ามอง ทั้งฟูทั้งพันกัน ยุ่งเหยิงเป็นตังเมเกราะไม้ไผ่บนตัวของนางก็เสียหายไปหลายจุด และมีเลือดเปื้อนด้วย ใบหน้าของนางไม่มีพื้นผิวที่สะอาดแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เลือดก็เป็นโคลนไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาหลายวันแล้ว สรุปแล้วแม้แต่ขอทานยังดูสะอาดกว่านาง"เจ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือไม่?" เป่ยหมิงอ๋องนึกถึงทุกปีที่เขาไปสถาบันว่านซงเหมิน ได้เห็นหญิงสาวที่มีชีวิตชีวาและเลือดร้อนคนนั้น ไร้ความกังวลทั้งอย่างนั้น แต่เวลานี้กลับเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง"หิว!" ซ่งซีซีเปิดริมฝีปากที่แตกออกแล้วพูดออกมาหนึ่งคำเคราบนใบหน้าของเป่ยหมิงอ๋องขยับเล็กน้อย "อืม หิวทั้งนั้น อดทนหน่อย""เหนื่อย!" ซ่งซีซีพูดอย่างอ่อนแรง "ขนาดยืนก็ยากมาก""ซ่งซีซี!" ดวงตาของเป่ยหมิงอ๋องดูจริงจัง "เจ้ารู้ไหมว่านับตั้งแต่แคว้นซางก่อตั้งมา ไม่เคยมีทหารคนใดที่สามารถทำลายล้างศัตรูมากมายตอนครั้งแรกที่เข้าสู่สนามรบได้ แม้แต่ท่านพ่อของเจ้าก็ตาม เจ้าน่าทึ่งมาก ดังนั้น เจ้าให้เดินออกไปโดยลำตัวตั้งตรง"ซ่งซีซีลำตัวตั้งตรง และเดินกะโผลกกะเผลกออกจากค่ายของผู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 73

    คืนนี้ ซ่งซีซีนอนไม่หลับหลังจากอยู่แนวหน้ามาหลายวัน นอกจากวันแรกและวันนี้ที่ได้กินอิ่มท้อง เวลาอื่นก็มักจะเข้านอนด้วยความรู้สึกหิว แต่ยังนอนหลับได้สนิททว่าหลังจากกินอิ่มในคืนนี้กลับนอนไม่หลับแล้วแนวหน้านั้นอยู่ยากลำบากมากจริงๆ และมันเป็นเรื่องยากสำหรับท่านพ่อและพี่ชายของนางที่ได้อดทนมาหลายปีนางย่อมสามารถอดทนได้เช่นกัน แต่มันก็ไม่เหมาะจริงๆ ที่นางไม่ได้เล่าเรื่องระหว่านางกับจ้านเป่ยว่างให้ผู้บังคับบัญชาและพวกท่านอารู้เรื่องแต่ ให้นางจะอธิบายยังไง? บอกว่าผู้ชายที่ท่านแม่เลือกให้นาง พอได้สร้างผลงานทางทหารก็รังเกียจนาง ต้องการแต่งงานกับแม่ทัพหญิงอย่างยี่ฝางงั้นเหรอ?ทุกคนคงจะคิดว่า ที่นางมาที่เขตหนานเจียงเพราะนางไม่ยอมเลยมาพิสูจน์ว่านางเก่งกว่ายี่ฝางนางไม่สนใจว่าผู้คนในเมืองหลวงจะนินทาอะไรแต่นี่คือสนามรบ สนามรบที่ท่านพ่อและพี่ชายของนางเสียชีวิต นางไม่ต้องการให้ความภักดีของตัวเองเพื่อสืบทอดความปรารถนาก่อนที่ท่านพ่อจากไปนั้นถูกคนอื่นมองว่าเป็นแผนการที่นางมาแย่งชิงอำนาจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้แต่ถึงยังไงพวกเขาต้องรู้เรื่อง เมื่อจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางมาถึง เรื่องนี้ก็ไม่สามารถปก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 74

    ทันใดนั้นซ่งซีซีหลั่งน้ำตาออกมาทันที "เจ้าคุยกับนางไม่ได้แล้ว ยามนี้ที่ครอบครัวข้าเหลือข้าแค่คนเดียวแล้ว"ซ่งซีซียังไม่ได้บอกเพื่อนของนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นความเจ็บปวดในใจของนาง นางไม่กล้าพูด และพอพูดถึงมันร่างกายของนางก็สั่นเทาด้วยความเจ็บปวดใจทันใดนั้นกุ้นเอ๋อร์และหมั่นโถวก็เปิดม่านออก ใบหน้าที่ตกตะลึงสองหน้ามองไปที่เฉินเฉินและเสิ่นว่านจือท่ามกลางความมืด แล้วพูดพร้อมกันว่า "อะไรนะ"ซ่งซีซีเอาหัวซุกลงที่เข่า น้ำตาร้อนหยดลงมาเป็นหยดใหญ่ "พวกเขาถูกสายลับของเมืองซีจิงที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเมืองหลวงสังหารหมดแล้ว พวกเขาได้ส่งสายลับในเมืองซีจิงทั้งหมด มาลงมือกับจวนโหวของข้าจนไม่เหลือใครแล้ว เวลานั้นข้ายังเป็นภรรยาของจ้านเป่ยว่าง อาศัยอยู่ในจวนแม่ทัพ ดังนั้นข้าจึงรอดชีวิตจากการลอบสังหารหมู แต่ถ้าข้าอยู่ด้วย... หากข้าไม่แต่งงาน พวกเขาคงไม่ตาย"พวกเขาต่างตกใจมากทั้งครอบครัวถูกสังหารหมู่ ซึ่งเป็นหายนะอย่างยิ่งจริงๆพวกเขาทั้งสี่เข้าไปข้างหน้าเพื่อกอดซ่งซีซีไว้ และร้องไห้ไปพร้อมกับนาง เฉินเฉินร้องไห้ "อย่าร้องไห้เลยซีซี ยังมีพวกเราอยู่"เสิ่นว่านจือผลักพวกเขาออกไป กอดซีซีไว้ในอ้อมแขนข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 75

    ในค่ายกลางแจ้งที่เมืองทาเฉิง เป่ยหมิงอ๋องวางมือบนโต๊ะ โน้มตัวไปข้างหน้าด้วยร่างสูง ดวงตาของเขาสดใสดุจดวงดาวบนท้องฟ้า"ส่งคำสั่งออกไปว่าให้โจมตีครั้งใหญ่ในเที่ยงคืน ตราบใดที่ยึดเมืองอีลี่ได้สำเร็จ จะมีกับข้าวและเนื้อให้กินอย่างเต็มที่ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องนอน และเสบียงทางทหารทุกชนิดจัดให้เต็มที่เลย ชาวซีจิงร่ำรวย พวกเขาใช้เกวียนมาขนอาหารและเสบียงทางการทหารคันแล้วคันเล่ามาที่เขตหนานเจียง"ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่ามีเนื้อให้กิน ทุกคนก็ตาสว่างขึ้น เป็นความจริงที่ว่ากองทัพเป่ยหมิงไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาเป็นเวลานานมากแล้ว และพวกเขาแทบรอไม่ไหวจะกินทั้งเป็นเลยทันทีที่แผนที่เปิดออก เป่ยหมิงอ๋องชี้ไปที่วงกลมเล็กๆ ในเมืองอีลี่ และเรียกซ่งซีซีเข้าใกล้ เขาชี้ไปที่วงกลมเล็กๆ ด้วยนิ้วเรียวสีดำของเขาแล้วพูดว่า "ซ่งเชียนฮู่ หลังจากโจมตีเข้าสู่เมืองแล้ว เจ้านำกองทหารและม้าสามพันนายตรงไปยังเล่อหนิง ข้าวของ หญ้าและเสบียงทางการทหารถูกเก็บไว้ที่นี่ ปัจจุบันนี้ที่แคว้นซาและเมืองซีจิงมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เมื่อเมืองถูกโจมตีเข้า พวกเขาจะเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บก่อน รองมาค่อยเป็นเสบียง เพราะถึงยังไงของ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 76

    เป่ยหมิงอ๋องเป็นคนเด็ดขาด จากนั้นก็ออกคำสั่งให้นับจำนวนกองทหารทันที เมื่อถึงเวลายามจือ ทรงเริ่มตีกลองและเป่าแตรโจมตีวันนี้เพิ่งโจมตีเมืองไป และกองกำลังพันธมิตรระหว่าเมืองซีจิงและแคว้นซาในเมืองอีลี่คงไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเริ่มโจมตีเมืองในเที่ยงคืนเครื่องหน้าไม้ถูกเปิดใช้งานและนักธนูก็เข้าที่ แต่มีกองไฟอยู่บนกำแพง แต่กองทหารฝ่ายโจมตีกลับไม่มีมันเทียบเท่ากับที่พวกเขาอยู่ในความสว่าง และกองทัพเป่ยหมิงอยู่ในความมืด และพวกเขากำลังโจมตีไปข้างหน้าจากความมืดซ่งซีซีและกลุ่มคนห้าคนขี่ม้าออกไป เมื่อพวกเขามาถึงประตูเมือง ก็ใช้ประโยชน์จากกำลังและบินตรงขึ้นไปบนหอชมเมือง หอกดอกท้อแทงยังทหารที่ควบคุมเครื่องหน้าไม้อยู่ ด้วยหมัดเดียว เครื่องหน้าไม้ก็แตกสลายไปเป็นชิ้นๆนักธนูเล็งไปที่นางแต่เป่ยหมิงอ๋องก็บินขึ้นไปทันที และกองไฟก็สะท้อนชุดเกราะสีทองสำหรับผู้บังคับบัญชาของเป่ยหมิงอ๋อง มีคนตะโกนว่า "เป่ยหมิงอ๋องมาแล้ว ฆ่าเขา ฆ่าเขาเลย"นักธนูทุกคนมุ่งเป้าไปที่เป่ยหมิงอ๋อง ลูกธนูเล็งออกไปราวกับเม็ดฝน ดาบสีทองของเป่ยหมิงอ๋องเกือบจะหมุนเป็นวงกลม เพื่อสกัดกั้นพวกลูกศรที่เล็งมาไม่หยุดทหารกลุ่มหนึ่งรีบร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 77

    เหงื่อผสมกับเลือดไหลลงมาจากด้านบนของศีรษะ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เหงื่อก็ควบแน่นเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ความร้อนจะจางหายไป กลับกลายเป็นความหนาวเย็นจนเข้ากระดูก"ซีซี …" หมั่นโถวหายใจเข้าลึกๆ โดยมีน้ำค้างแข็งสีขาวติดอยู่บนขนตา "เรา เราจะไม่ไปช่วยพวกเขาต่อสู้จริงๆ เหรอ แค่เฝ้ารออยู่ที่นี่นะ?""คำสั่งทางทหารสำคัญยิ่งยวดดุจภูผา บอกให้เราเฝ้ายุ้งฉาง เราก็จะเฝ้ายุ้งฉาง" ซ่งซีซีพิงกำแพง บนตัวสวมชุดเกราะสีทอง แต่นางถูกแทงที่แขนสองแผล มันไม่มีเลือด เลยไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ มันแค่เหนียวๆ ผสมกับความหนาวเย็น ที่ทำให้คนรู้สึกอึดอัดทั้งตัวนางเหลือบมองพวกเขาทั้งหมด และทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บด้วย ชุดเกราะไม้ไผ่ของพวกเขาแตกเป็นชิ้นๆ การต่อสู้ครั้งนี้ก็สู้จนทำให้ทุกคนดูเลอะเทอะไปหมด"อาการบาดเจ็บของทุกคนเป็นอะไรหรือไม่?"เสิ่นว่านจือโบกมือ นางไม่มีแรงที่จะพูดอะไรอีกเมื่อมองดูศพที่อยู่ข้างๆ พวกเขา บ้างก็เป็นศัตรูและบ้างก็เป็นสหายของตัวเอง ทั้งห้าคนต่างก็เศร้าโศกมากกองทหารศัตรูยังคงโจมตีมาอีก ซ่งซีซีกระโดดขึ้นและตะโกนว่า "มาอีกแล้ว ฆ่าซะ!"เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงอีกครั้ง จนกระทั่งพวกเ

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1595

    ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1594

    ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status