Share

บทที่ 655

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เสิ่นชิงเหอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ พวกยังไม่เสร็จเร็วขนาดนี้ ยังมีอีกมากมายต้องปรับปรุงอย่างช้าๆ อาจต้องวาดภาพสักสิบหรือยี่สิบภาพก็ไม่แน่"

เซี่ยหลูโม่เกิดอาการเหม่อลอยเมื่อดูภาพวาดสตรีวัยผู้ใหญ่บนเก้าอี้ เขารู้สึกว่าภาพนั้นคล้ายกับแม่ยาย ก็คือท่านแม่ของซีซี

มันไม่เหมือนแม่ยายที่เขาพบก่อนเดินทางไปเขตหนานเจียง แต่ยังก่อนกว่านั้น ตอนที่เขายังเป็นชายหนุ่มๆ ที่เจอกับนาง

แม่ยายในขณะนั้นก็มีใบหน้าที่กลมกล่อมและมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน

"ไปกันเถอะ" ซ่งซีซีเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของเขา

เซี่ยหลูโม่มองลงมาที่นาง "ซีซี เจ้าไม่คิดว่านางดูเหมือนใครคนหนึ่งเหรอ?"

"เหมือนใครกัน?" ซ่งซีซีถาม เมื่อนางมองดูภาพวาดนั้นอีกครั้ง ความคุ้นเคยนั้นก็หายไปแล้ว

เมื่อเห็นนางไม่รู้สึกอะไรเลย เซี่ยหลูโม่ก็เปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว "บางทีข้าอาจจะมองผิด ไปกันเถอะ อย่าขัดหูขัดตาพวกเขาเลย"

ขณะที่เขาเดินออกไป เขาจำได้ว่าตอนที่เขายังเด็ก เขาติดตามเสด็จพี่ไปที่จวนโหวเจิ้นเป่ย ตอนนั้นฮูหยินเจิ้นเป่ยโหวยังสาวอยู่ และซีซีก็ไม่ได้ถูกส่งไปที่ภูเขาเหม่ยชาน สาวน้อยสีชมพู สวยและน่ารักมาก เพราะนางเป็นลูกสาวหลังจาก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 656

    ซ่งซีซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "อาจารย์หยูมีสายลับที่ซ่อนอยู่ในจวนแม่ทัพด้วยหรือ?""ใช่ จวนต่างๆ ส่วนใหญ่ในเมืองหลวงก็มี แต่บางคนซ่อนตัวไว้ไม่ลึกเท่าไร""แล้วทำไมเจ้าไม่รีบบอกเขาล่ะ บอกข้าทำไม"กุ้นเอ๋อร์กล่าวว่า "หลังจากศิษย์พี่เสิ่นมาเขาก็เอาแต่อยู่ในห้องหนังสือ ข้าว่าเขาทำตามคำสั่งจากท่านอ๋อง เจ้ากลับไปบอกท่านอ๋องก็ได้แล้วมิใช่หรือ"ซ่งซีซีประหลาดใจมาก "แต่ทำไมสายลับถึงให้เจ้าไปติดต่อล่ะ? เจ้ารับผิดชอบส่วนนี้ด้วยหรือ อาจารย์หยูให้ความสำคัญกับเจ้ามากขนาดนี้หรือ"กุ้นเอ๋อร์พูดอย่างภาคภูมิใจ "แน่นอนสิ เจ้าคิดว่าข้าเป็นเพียงหัวหน้าสอนงานจริงๆ หรือ อาจารย์หยูบอกว่าข้าดูไม่ระมัดระวัง แต่ทำงานอย่างพิถีพิถันมาก เขาก็เลยฝากเรื่องสายลับไว้ให้ข้า"หลังจากที่เขาพูดจบ ก็พลิกตัวอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็กระโดดออกไปทันทีซ่งซีซีตกตะลึง นางคิดเสมอว่ากุ้นเอ๋อร์ยังคงเป็นเหมือนลิงป่า เขาสามารถเป็นผู้ฝึกสอนและนำกองกำลังได้ แต่อาจารย์หยูกลับทิ้งเรื่องละเอียดอ่อนและต้องคอยระมัดระวังเช่นเรื่องติดต่อกับสายลับไว้ให้กับเขาเช่นกันหรือ หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาล่ะก็ ทุกอย่างก็จะสูญเปล่าไปนางกลับห้องเพื่อต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 657

    วันรุ่งขึ้น เซี่ยหลูโม่กลับหอต้าหลี่ และซ่งซีซีก็ไปห้องหนังสือ และพบว่าศิษย์พี่เสิ่นกับอาจารย์หยูยังไม่ออกมา นางจึงจัดคนนำอาหารเข้าไป และไม่เข้าไปรบกวนพวกเขาเสิ่นว่านจือเข้ามาพูดคุยกับนางสองสามคำ ซ่งซีซีพยักหน้า "ไป แวะไปส่งรุ่ยเอ๋อร์ไปที่สถาบันกันเถอะ"ตอนนี้เฉินเสี่ยวเหนียนและรุ่ยเอ๋อร์กลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแล้ว แม้ว่าเฉินเสี่ยวเหนียนจะมีคุณสมบัติไม่พอที่จะเข้าเรียนได้ แต่เขาได้เรียนรู้มากมายจากนายน้อยระหว่างทาง ข้างในรถม้าพวกเขาพูดคุยอย่างครึกครื้น ซ่งซีซีแค่ฟังดูด้วยรอยยิ้ม และพูดคุยไปบ้าง หลังจากส่งไปยังสถาบันการศึกษา รถม้าก็กลับระและหยุดที่ร้านน้ำชาชื่อดังแห่งเมืองหลวงหลังจากที่ทั้งสองเข้าไปกลับไม่ได้หาที่ให้นั่งลง แล้วเดินออกจากประตูด้านข้างแล้วเดินถนนสองสามสายไปยังตรอกชิงหัวเสิ่นว่านจือหยุดอยู่หน้าบ้านพักหลังหนึ่งและเคาะประตู หลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็เปิดออก และนั่นคือกู้ชิงหลาน นางกระซิบ "พระชายา คุณหนูเสิ่น ท่านพ่อของข้ากำลังรออยู่ข้างในเจ้าค่ะ"ซ่งซีซีถามว่า "เจ้าออกมาได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ในตระกูลหลินตลอดเหรอ? เซียงกุ้ยไม่ได้ติดตามเจ้าเอาไว้หรือ?"กู้ชิงหลานกล่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 658

    กู้ชิงหลานตาเปียกชื้น "ท่านพ่อ ขอแค่ช่วยท่านแม่ออกมาและทำลายนังชั่วคนนั้นได้ ลูกยอมตายด้วย"ฝู้หม่ากู้ยื่นมือออกไปเพื่อเรียกนาง แล้วพูดด้วยความเอ็นดูว่า "เด็กโง่เอ๊ย ที่พ่อทำเช่นนี้เพราะหวังว่าครอบครัวของเราจะมีชีวิตอยู่อย่างดีและไม่ต้องการให้ใครตายทั้งนั้น""ท่านพ่อ!" กู้ชิงหลานคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมพิงหัวกับหัวเข่าเขา ดวงตาของนางแดงสด "ลูกตั้งตารอวันนั้นมานานแล้ว หวังว่าท่านกับท่านแม่จะปลอดภัยดี และหวังว่าลูกกับพี่วาวต่างก็อยู่ข้างกายพวกท่านได้"ดวงตาฝู้หม่ากู้ก็แดงเล็กน้อยด้วย เขาลูบผมนาง "ลุกขึ้นเถอะ อย่าให้พระชายาต้องมาเห็นภาพเช่นนี้ โตมาขนาดนี้แล้วยังทำตัวเหมือนเด็กอยู่"กู้ชิงหลานเอื้อมมือไปปาดน้ำตาก่อนลุกขึ้นยืน "พระชายาให้อภัยด้วยนะ"ซ่งซีซีทำหน้านิ่งแค่พูดเรียบๆ ว่า "ก่อนที่ข้าจะพูดถึงแผนการของข้า งั้นฝู้หม่าช่วยบอกข้าว่าช่วงนี้องค์หญิงกำลังทำอะไรอยู่บ้าง""เรื่องอื่นข้าไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่านางกำลังวางแผนให้สตรีนางหนึ่งแต่งงานกับเจ้าสิบเอ็ดฝาง สตรีคนนี้มาจากกลุ่มกายกรรมอำเภอหยง เก่งทักษะการต่อสู้ ต่อมากลุ่มกายกรรมก็ยุบเพราะหาเงินไม่ได้ สตรีนางนี้หาเลี้ยงชีพตามลำพัง มีอยู่คร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 659

    ออกจากตรอกชิงหัว เสิ่นว่านจือรีบพูดขึ้นว่า "เจ้าพูดถูก ฝู้หม่ากู้คนนี้ไว้ใจไม่ได้ นอกจากการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนางเจินแล้ว แม้แต่อ๋องฮวยก็ไม่ยอมเอ่ยให้รู้ นอกจากนี้ เขายังเรียกตนเองว่าฝู้หม่า พูดตรงๆ เขาไม่ละอายใจกับสถานะของเขาในฐานะฝู้หม่า แต่สิ่งที่แปลกใจคือทำไมเขาถึงเปิดเผยเรื่องของนางเจินให้เรารู็ล่ะ? ""เขาอยากให้เรายุติการแต่งงานครั้งนี้ เพราะแม่ของเขาคือแม่สื่อ เขาไม่ต้องการให้ฮูหยินท่านโหวกู้เข้ามาเกี่ยวด้วย และไม่อยากให้ฮูหยินท่านโหวกู้ตัดความสัมพันธ์กับท่านแม่ของเจ้าสิบเอ็ดฝาง ใจของเขาอยู่ในจวนโหว สำหรับว่าเขาจริงใจกับหลินเฟิ้งเอ๋อมากเพียงใด และรักลูกสาวของเขาหรือไม่ มีเพียงเขาเองเท่านั้นที่จะรู้""อะไรวะเนี่ย!" เสิ่นว่านจือสาปแช่ง แล้วพูดด้วยความสับสน "แต่เจ้าบอกแผนของเราให้เขาฟัง เขาจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้องค์หญิงใหญ่อย่างแน่นอนเมื่อเขากลับไป"ดวงตาของซ่งซีซีเป็นประกายด้วยแสงที่คมชัด "เพราะเราจะไม่ลงมือในเทศกาลเซี่ยหยวนในวันที่สิบห้า ตุลาคม แต่เป็นเทศกาลหันอี้ในวันแรกของเดือนตุลาคม ในวันถัดไป องค์หญิงใหญ่จะขอเชิญพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงมาช่วยทำบุญให้วิญญาณผู้ตายในใต้หล้าน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 660

    พวกนางกลับไปที่โรงน้ำชา รับประทานอาหารในโรงน้ำชา หลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้วก็เดินออกจากทางเข้าหลักก่อนกลับไปที่รถม้าระหว่างทาง เสิ่นว่านจือพบมุมหนึ่งแล้วกระโดดลงไป ซ่อนตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินอยู่บนถนนและหายตัวท่ามกลางฝูงชนไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่เข้าๆ ออกๆ นี้ นางแต่งตัวเรียบง่ายมาก และเครื่องประดับเดียวที่นางสวมก็คือปิ่นปักผมที่ติดอยู่บนมวยของนางแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนธรรมดาจะลอบติดตามนาง แต่ยังไงก็ต้องระวังด้วยนางเป็นนักสู้ เดินทางไปตระกูลฝางก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอะไร อีกอย่างก็อยู่ไม่ไกลนักเมื่อมาถึงหน้าประตูตระกูลฝาง ก็พบมีรถม้าจอดอยู่ทางด้านขวาของประตู และเจ้าสิบเอ็ดฝางกำลังช่วยพยุงนางลู่ออกมา ข้างหลังมีฝางฮูหยินและคนใช้คนหนึ่งติดตามไว้เสิ่นว่านจือยิ้มและพูดว่า "โอ้ย ข้ามาไม่ถูกเวลาเลย พวกท่านจะออกไปข้านอกหรือ?"ฝางฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม "น้องเสิ่นมาแล้วหรือ ไม่ได้เจอนานเลยนะ"เสิ่นว่านจือยิ้ม "ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง พอวันนี้มีเวาลาว่างก็เลยมาเยี่ยมแม่บุญธรรมและท่านพี่สักหน่อย แต่พวกท่านกลับต้องออกไปข้างนอก"นางลู่ดึงนางไปข้างกาย คว้าแขนของนางด้วยรอยยิ้มว่า "เจ้าม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 661

    จวนโหวกู้ถือว่าเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ในแคว้นซาง แต่ยิ่งมีฐานะมั่นคงมากเท่าไรก็ยิ่งเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าอับอายมากขึ้นเท่านั้นนั่นคือครอบครัวขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีที่ดินและทรัพย์สินเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่หรูหรา เพื่อไปรักษาความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งของจวนโหวท่านโหวปัจจุบันคือท่านพ่อของฝู้หม่ากู้ ภายใต้การดูแลของเขา ทางจวนโหวกู้ยิ่งตกอับไป เพราะได้ร่ำรวยมาหลายชั่วชีวิตคน กฎเกณฑ์ของครอบครัวที่แต่เดิมเข้มงวดนั้นก็ค่อยๆ คลายลง ทำให้ลูกหลานไม่ยอมที่จะอดทนกับความยากลำบากในการเรียนหนังสือหรือฝึกฝนทักษะการต่อสู้ อย่างไรสถานะตระกูลยังอยู่ พวกเขาจะมีชีวิตที่มั่งคั่งแน่นอนถ้าฝู้หม่ากู้ไม่ได้แต่งงานกับองค์หญิงใหญ่ เกรงว่าจวนโหวคงจะพังสลายไปนานแล้วท่านโหวกู้ไม่ได้รับราชการในราชสำนัก และลูกหลานในตระกูลที่ดำรงตำแหน่งงานเป็นขุนนางระดับชั้นห้าขึ้นไปมีไม่กี่คนเองเมื่อเสิ่นว่านจือก้าวเข้าไปในจวนโหว ก็เห็นตราสัญลักษณ์ของครอบครัวที่แกะสลักไว้หลายแห่ง นี่เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าครั้งหนึ่งทางจวนโหวเคยเจริญมา ำวหเขากลัวว่าโดนคนนอกลืมไป ในห้องโถงหลักก็ได้แกะสลักตราสัญลักษณ์สองแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 662

    นางเจินระงับสายตาที่ซับซ้อนในดวงตาของนางแล้วพูดว่า "ไปกันเถอะ"ตอนนี้แค่หวังว่าทางตระกูลฝางจะไม่ถูกใจนาง ด้วยสถานะปัจจุบันของเจ้าสิบเอ็ดฝาง เขาอยากแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหนก็ได้นี่ ตัวตนของนางเป็นของปลอมด้วยซ้ำเมื่อมถึงห้องโถงหลัก นางเอาพัดมาคลุมหน้า แค่ท่าเดินนางก็ฝึกมานานสองนานแล้วฮูหยินโหวกู้กล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยม "หลีเอ๋อร์ รีบทักทายฮูหยินผู้เฒ่ารองและฝางฮูหยินด้วย"นางเจินคารวะนางลู่และฝางฮูหยิน "ข้าขอคารวะฮูหยินผู้เฒ่ารอง คารวะฝางฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ""แล้วก็ คนนี้แม่ทัพฝาง คนนี้คือคุณหนูเสิ่น บุตรีบุญธรรมของฮูหยินผู้เฒ่ารอง" ตอนที่เสิ่นว่านจือเข้ามา นางลู่ก็แนะนำตัวตนของเสิ่นว่านจือให้แล้วพัดถืออยู่ในมือ เผยให้เห็นใบหน้า นางไม่สามารถทำท่าเขินอายได้ ได้แต่ทักทายตามปกติ "คารวะแม่ทัพฝาง คารวะคุณหนูเสิ่นเจ้าค่ะ"เสิ่นว่านจือมองดูนาง แล้วไหว้กลับ "คารวะคุณหนูเซี่ย"เจ้าสิบเอ็ดฝางก็ยกมือไหว้ด้วย "คุณหนูเสิ่นยินดีที่ได้รู้จัก"เสิ่นว่านจือเห็นว่านางมีใบหน้าที่สง่างาม ตาโต ริมฝีปากที่ไม่หนาหรือบางเกินไป และโค้งก็สวยงาม มีไฝสีแดงเล็กๆ ที่ริมฝีปากบน ทำให้หน้าตาของนางดูน่ารัก หน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 663

    นางลู่กำลังจะบอกว่าถูกใจมาก แต่ฝางฮูหยินกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า "คุณหนูดีมาก แน่นอนว่าเราจะชอบ แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญจะตัดสินใจแบบมั่วๆ ไม่ได้ ไม่งั้นเอางี้ เราต่างก็กลับไปถามก่อน เมื่อกี้คุณหนูก็ไม่ได้บอกว่านางชอบเจ้าสิบเอ็ดของเราหรือไม่ วันนี้แค่เจอหน้าครั้งแรก เพราะงั้นต้องถามความคิดของนางก่อน"ฮูหยินโหวกู้กล่าวว่า "เรื่องนี้ไม่เห็นจะยากเลย ข้าจะส่งคนไปถามเดี๋ยวนี้เลย"ฝางฮูหยินยังคงยิ้ม "จะรีบร้อนแบบนี้ก็ไม่ได้นะ ส่งคนเข้าไปถามนางในขณะที่เรารออยู่ข้างนอกแบบนี้ หากนางบอกว่าไม่ชอบก็กลัวจะทำให้พวกเราไม่พอใจ ถ้าบอกว่าชอบ ยังไงก็เป็นสตรีจะต้องเขินอายแน่ๆ เดี๋ยวจะทำให้นางจะเสียหน้าดูเหมือนนางจะรีบร้อนมาก ถึงยังไงเราสองครอบครัวได้เห็นหน้ากันแล้ว หากได้เจอหน้าอีกครั้งก็ดี และพ่อแม่ของนางก็ไม่อยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นความคิดของนางจึงสำคัญที่สุด ฮูหยินโหวกู้คิดว่าอย่างไรบ้างล่ะ"ฮูหยินโหวกู้ไม่สามารถโต้แย้งกับคำพูดที่มีเหตุมีผลของฝางฮูหยิน ถึงยังไงทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกันก็ไม่ควรด่วนสรุปเกินไป เพราะก็เป็นถึงตระกูลขุนนางอย่างไรก็ตาม มันก็ต้องรีบร้อนสิแม้ว่านางลู่จะไม่เข้าใจว่าท

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1516

    เมื่อได้พักฟื้นอยู่ห้าวันที่ด่านเฉิงหลิง ฉินอ๋องก็ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อฉินอ๋องหายดี ก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางกลับเมืองหลวงแม้จะอาลัยเพียงใด ซ่งซีซีก็ทำได้เพียงกลั้นน้ำตากล่าวคำอำลา นางคุกเข่าคารวะต่อหน้าแม่ทัพใหญ่เซียวอยู่หลายครั้ง จนแทบจะทำให้ท่านน้ำตาคลอหลี่เต๋อฮวยเป็นผู้ที่เคารพนับถือแม่ทัพใหญ่เซียวที่สุด เมื่อซ่งซีซีเพียงแค่น้ำตาคลอ แต่เขากลับปิดหน้าและร้องไห้ออกมาเต็มที่ เพราะเขารู้ว่า บางทีตลอดชีวิตนี้ อาจไม่มีโอกาสได้พบกับท่านแม่ทัพผู้เฝ้ารักษาด่านเฉิงหลิงมาเป็นสิบๆ ปีอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวเข้าสู่วัยชราโดยสมบูรณ์ เมื่อมองดูอีกครั้งก็ดูแก่ชรากว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฮ่องเต้จะพระราชทานอนุญาตให้ท่านกลับเมืองหลวงได้ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยากลำบาก ทายาทตระกูลเซียวก็คงไม่ยอมให้ท่านเดินทางกลับอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวสนทนากับหลี่เต๋อฮวยอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าแทนที่จะบรรเทาความรู้สึกของเขา กลับทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีกด้านนางหนานผู้เป็นป้าใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยถามถึงเรื่องของ พระชายาอ๋องฮวยเลย จนกระทั่งถึงเวลาต้องอำลากัน นางจึงดึงซ่งซีซีไปค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1515

    การเดินทางกลับเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเก้าอากาศไม่ร้อนจัดอีกต่อไป เริ่มมีความเย็นสบายแผ่วเบาซูลันจีนำทัพออกมาส่งด้วยตัวเอง พาพวกเขาไปจนถึงเมืองลู่เปินเอ่อร์ตลอดเส้นทางขากลับ ไม่มีการลอบสังหารเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อข้ามภูเขาสลับซับซ้อนมาได้ ก็เข้าสู่เขตแดนของแคว้นซางเดิมทีพวกเขาไม่ได้แจ้งแม่ทัพใหญ่เซียวล่วงหน้า คิดว่าคงไม่มีใครมารับ แต่ทันทีที่เข้าสู่ชายแดนแคว้นซาง ก็พบว่าจ้านเป่ยว่างนำทัพเซียวเจียจวินรออยู่ที่นั่นเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาโดยปลอดภัย จ้านเป่ยว่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด เขากระตุ้นม้าเข้ามาใกล้ ก่อนลงจากหลังม้าแล้วทำความเคารพฉินอ๋อง หลี่เต๋อฮวยและขุนนางท่านอื่นๆ “ท่านอ๋อง เสนาบดีหลี่ ท่านขุนนางทั้งหลาย แม่ทัพใหญ่เซียวสั่งให้ข้านำทัพมาคอยเฝ้ารอที่นี่ทุกวัน เพื่อคุ้มกันพวกท่านกลับไปยังเฉิงหลิงกวน”หลี่เต๋อฮวยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่ทัพใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะกลับมาวันนี้?”จ้านเป่ยว่างตอบว่า “แม่ทัพใหญ่ไม่ทราบ เพียงแต่สั่งให้ข้าและกองทัพมาเฝ้าอยู่ที่นี่ทุกวัน”“ที่แท้เป็นเช่นนี้” หลี่เต๋อฮวยรู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่เซียวเป็นคนรอบคอบย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1514

    อันเฟิงชินอ๋องกล่าวว่า “การเดินทางครั้งนี้ มิใช่เพียงเพื่อซีจิงและแคว้นซาง แต่ก็เพื่อเป่ยถังของเราด้วย มิจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ ระหว่างแคว้นต่อแคว้น สิ่งที่มาก่อนคือผลประโยชน์ มีเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวเท่านั้น ที่จะสามารถปฏิบัติต่อกันด้วยใจจริง”ซ่งซีซีรับคำสอน แต่ก็นึกสงสัย จึงเอ่ยถามว่า “ท่านเคยรู้จักอาจารย์เหรินหยางอวิ๋นของข้าหรือไม่?”อันเฟิงชินอ๋องหัวเราะเบาๆ “รู้จัก เขาเคยมาเยือนเป่ยถัง และเคยพำนักอยู่ที่ไจ้ซิงโหลวอยู่ช่วงหนึ่ง แม่ทัพองครักษ์เงาของข้า ‘เฮยอิ่ง’ สนิทสนมกับอาจารย์ของเจ้ามาก พวกเขามักดื่มสุราด้วยกันเป็นประจำ”“เช่นนี้เองหรือ” ซ่งซีซีนึกถึงบรรดาผู้สวมชุดดำพวกนั้น ไม่รู้ว่าคนไหนคือเฮยอิ่ง หากไม่ได้พบหน้าสักครั้ง คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอันเฟิงชินอ๋องคล้ายจะมองออกถึงความคิดของนาง ยิ้มพลางกล่าวว่า “อีกสามปี หรืออาจห้าปี พวกเราจะไปเยือนแคว้นซาง ถึงตอนนั้น ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเฮยอิ่ง”ซ่งซีซีกำลังจะกล่าวขอบคุณ ทว่าเสิ่นว่านจือก็ถามขึ้นก่อน “เหตุใดต้องเป็นสามปีหรือห้าปี? ไปเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ? พวกเราตั้งตารอให้ท่านกับพระชายามาเยือน”อันเฟิงชินอ๋องเพียงยิ้ม แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1513

    หลังจากเดินสำรวจอยู่สองวัน ซูลันจีก็กล่าวกับซ่งซีซีว่า “แคว้นของท่านมีหมอเทวดาผู้หนึ่ง นามว่าหมอมหัศจรรย์ดัน เขาได้คิดค้นยาชนิดหนึ่งชื่อว่ายาดันเสวี่ย ซึ่งมีสมุนไพรสำคัญชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบ นั่นคือเสวี่ยเหอฮวา ทว่าแคว้นของท่านผลิตได้น้อยมาก หนานเจียงเองก็มี แต่เติบโตอยู่บนยอดเขาหิมะ เก็บเกี่ยวได้ยากยิ่ง และมีปริมาณน้อย แต่ในซีจิงของเรา เสวี่ยเหอฮวามิใช่ของหายาก บนภูเขาสูงสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หมอมหัศจรรย์ดันที่ใช้สมุนไพรชนิดนี้ ต้องลักลอบซื้อจากพ่อค้ายาในซีจิง ราคาจึงแพงมาก ด้วยต้นทุนขนาดนี้ ขายยาดันเสวี่ยไปหนึ่งเม็ด เขาก็ขาดทุนหนึ่งเม็ด”ซ่งซีซีทราบดีว่ายาดันเสวี่ยเป็นยาที่หายาก เนื่องจากมีสมุนไพรบางชนิดที่หาไม่ครบ แต่ท่านลุงดันก็ไม่เคยบอกอย่างชัดเจนว่าสมุนไพรตัวใดที่ขาดอย่างไรก็ตาม หากเขาต้องซื้อยาจากพ่อค้าชาวซีจิง ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงต้องปิดเป็นความลับ เพราะก่อนหน้านี้ ซีจิงและแคว้นซางมิได้มีการค้าขายกันโดยตรง โดยเฉพาะสมุนไพร ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษซูลันจีและจักรพรรดินีหยวนซินต่างคิดไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดขนาดนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1512

    ตำแหน่งที่เขานั่ง แสดงถึงจุดยืนของเป่ยถังในการเจรจาครั้งนี้!เป็นกลาง!ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอีกครั้งว่า การที่แคว้นเข้มแข็งนั้นดีเพียงใดการเจรจาในช่วงแรกเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ คำพูดซ้ำไปซ้ำมา ถูกเน้นย้ำไม่รู้จบ ล่ามของทั้งสองฝ่ายทำหน้าที่แปล โดยส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงปัญหาทางประวัติศาสตร์นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเริ่มต้นด้วยการยอมถอยแต่แรก ก็จะต้องถอยไปเรื่อยๆดังนั้น การเจรจาครั้งแรกจึงไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เป็นเพียงการลองเชิงขีดจำกัดของกันและกันในวันรุ่งขึ้น การเจรจาครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น ตอนแรกก็ยังคงเน้นย้ำเรื่องเดิมสองรอบ จนกระทั่งอันเฟิงชินอ๋องเอ่ยขึ้นว่า “ถ่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีความหมาย สองแคว้นของพวกเจ้าโต้เถียงกันเรื่องพรมแดนมาหลายสิบปีแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ไขได้ในวันเดียว เราพักเรื่องพรมแดนไว้ก่อน ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้ามีความตั้งใจจะทำสัญญาสันติระหว่างสองแคว้นหรือไม่ และจะไม่ละเมิดต่อกัน?”ทุกคนล้วนให้คำตอบที่แน่ชัด ต่างกล่าวว่าตนมาโดยมีความหวังที่ดี อยากให้สองแคว้นยุติความขัดแย้งอันเฟิงชินอ๋องหยิบแผ่นรายการออกมาแผ่นหนึ่ง บนกระดาษระบุรายการสินค้าของ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1511

    ทว่า ซ่งซีซีสังเกตเห็นว่าบรรดาญาติวงศ์ตระกูลและขุนนางของซีจิงดูเหมือนไม่รู้เรื่องที่เป่ยถังจะเข้ามาแทรกแซงการเจรจา พวกเขาล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงหลังจากตกตะลึง พวกเขากลับแสดงความยินดีและมั่นใจออกมา คิดดูแล้วพวกเขาก็คงเห็นว่าการที่เป่ยถังเข้าร่วมเป็นการช่วยหนุนหลังซีจิงเห็นเช่นนี้ซ่งซีซีกลับรู้สึกวางใจขึ้นเล็กน้อยเพราะหากเป็นเช่นนั้นจักรพรรดินีหยวนซินย่อมสามารถแจ้งพวกเขาล่วงหน้าได้ อย่างน้อยก็ควรให้ขุนนางที่ร่วมเจรจารับรู้แต่นางเหตุใดจึงไม่กล่าวถึงเรื่องนี้เล่าดูเหมือนว่ามีเพียงความเป็นไปได้หนึ่งเดียว นางเองก็หวังให้ต่างฝ่ายต่างยอมผ่อนปรนกัน อีกทั้งบรรดาขุนนางในราชสำนักที่สนับสนุนนางนั้นมีไม่มาก ดังนั้นนางจึงเชิญเป่ยถังอันเฟิงชินอ๋องมา เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับได้เช่นนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่าคืนก่อนที่จักรพรรดินีหยวนซินเรียกนางและเสิ่นว่านจือเข้าเฝ้าในวัง เหตุใดนางจึงกล่าวถ้อยคำว่าความปรารถนามิอาจเป็นจริง การสอบเข้ารับราชการของสตรีเป็นเพียงตัวอย่างที่ยกขึ้นมา นางต้องการสื่อว่าหลายๆ นโยบายล้วนผลักดันได้ยากหลังจากวิเคราะห์เหตุการณ์โดยละเอียดซ่งซีซีพลันรู้สึกมองโลกในแง่ดีขึ้นหลังจากง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status