Share

บทที่ 661

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update Last Updated: 2024-07-16 18:48:30
จวนโหวกู้ถือว่าเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ในแคว้นซาง แต่ยิ่งมีฐานะมั่นคงมากเท่าไรก็ยิ่งเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าอับอายมากขึ้นเท่านั้น

นั่นคือครอบครัวขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีที่ดินและทรัพย์สินเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่หรูหรา เพื่อไปรักษาความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งของจวนโหว

ท่านโหวปัจจุบันคือท่านพ่อของฝู้หม่ากู้ ภายใต้การดูแลของเขา ทางจวนโหวกู้ยิ่งตกอับไป เพราะได้ร่ำรวยมาหลายชั่วชีวิตคน กฎเกณฑ์ของครอบครัวที่แต่เดิมเข้มงวดนั้นก็ค่อยๆ คลายลง ทำให้ลูกหลานไม่ยอมที่จะอดทนกับความยากลำบากในการเรียนหนังสือหรือฝึกฝนทักษะการต่อสู้ อย่างไรสถานะตระกูลยังอยู่ พวกเขาจะมีชีวิตที่มั่งคั่งแน่นอน

ถ้าฝู้หม่ากู้ไม่ได้แต่งงานกับองค์หญิงใหญ่ เกรงว่าจวนโหวคงจะพังสลายไปนานแล้ว

ท่านโหวกู้ไม่ได้รับราชการในราชสำนัก และลูกหลานในตระกูลที่ดำรงตำแหน่งงานเป็นขุนนางระดับชั้นห้าขึ้นไปมีไม่กี่คนเอง

เมื่อเสิ่นว่านจือก้าวเข้าไปในจวนโหว ก็เห็นตราสัญลักษณ์ของครอบครัวที่แกะสลักไว้หลายแห่ง นี่เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าครั้งหนึ่งทางจวนโหวเคยเจริญมา ำวหเขากลัวว่าโดนคนนอกลืมไป ในห้องโถงหลักก็ได้แกะสลักตราสัญลักษณ์สองแ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 662

    นางเจินระงับสายตาที่ซับซ้อนในดวงตาของนางแล้วพูดว่า "ไปกันเถอะ"ตอนนี้แค่หวังว่าทางตระกูลฝางจะไม่ถูกใจนาง ด้วยสถานะปัจจุบันของเจ้าสิบเอ็ดฝาง เขาอยากแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหนก็ได้นี่ ตัวตนของนางเป็นของปลอมด้วยซ้ำเมื่อมถึงห้องโถงหลัก นางเอาพัดมาคลุมหน้า แค่ท่าเดินนางก็ฝึกมานานสองนานแล้วฮูหยินโหวกู้กล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยม "หลีเอ๋อร์ รีบทักทายฮูหยินผู้เฒ่ารองและฝางฮูหยินด้วย"นางเจินคารวะนางลู่และฝางฮูหยิน "ข้าขอคารวะฮูหยินผู้เฒ่ารอง คารวะฝางฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ""แล้วก็ คนนี้แม่ทัพฝาง คนนี้คือคุณหนูเสิ่น บุตรีบุญธรรมของฮูหยินผู้เฒ่ารอง" ตอนที่เสิ่นว่านจือเข้ามา นางลู่ก็แนะนำตัวตนของเสิ่นว่านจือให้แล้วพัดถืออยู่ในมือ เผยให้เห็นใบหน้า นางไม่สามารถทำท่าเขินอายได้ ได้แต่ทักทายตามปกติ "คารวะแม่ทัพฝาง คารวะคุณหนูเสิ่นเจ้าค่ะ"เสิ่นว่านจือมองดูนาง แล้วไหว้กลับ "คารวะคุณหนูเซี่ย"เจ้าสิบเอ็ดฝางก็ยกมือไหว้ด้วย "คุณหนูเสิ่นยินดีที่ได้รู้จัก"เสิ่นว่านจือเห็นว่านางมีใบหน้าที่สง่างาม ตาโต ริมฝีปากที่ไม่หนาหรือบางเกินไป และโค้งก็สวยงาม มีไฝสีแดงเล็กๆ ที่ริมฝีปากบน ทำให้หน้าตาของนางดูน่ารัก หน

    Last Updated : 2024-07-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 663

    นางลู่กำลังจะบอกว่าถูกใจมาก แต่ฝางฮูหยินกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า "คุณหนูดีมาก แน่นอนว่าเราจะชอบ แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญจะตัดสินใจแบบมั่วๆ ไม่ได้ ไม่งั้นเอางี้ เราต่างก็กลับไปถามก่อน เมื่อกี้คุณหนูก็ไม่ได้บอกว่านางชอบเจ้าสิบเอ็ดของเราหรือไม่ วันนี้แค่เจอหน้าครั้งแรก เพราะงั้นต้องถามความคิดของนางก่อน"ฮูหยินโหวกู้กล่าวว่า "เรื่องนี้ไม่เห็นจะยากเลย ข้าจะส่งคนไปถามเดี๋ยวนี้เลย"ฝางฮูหยินยังคงยิ้ม "จะรีบร้อนแบบนี้ก็ไม่ได้นะ ส่งคนเข้าไปถามนางในขณะที่เรารออยู่ข้างนอกแบบนี้ หากนางบอกว่าไม่ชอบก็กลัวจะทำให้พวกเราไม่พอใจ ถ้าบอกว่าชอบ ยังไงก็เป็นสตรีจะต้องเขินอายแน่ๆ เดี๋ยวจะทำให้นางจะเสียหน้าดูเหมือนนางจะรีบร้อนมาก ถึงยังไงเราสองครอบครัวได้เห็นหน้ากันแล้ว หากได้เจอหน้าอีกครั้งก็ดี และพ่อแม่ของนางก็ไม่อยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นความคิดของนางจึงสำคัญที่สุด ฮูหยินโหวกู้คิดว่าอย่างไรบ้างล่ะ"ฮูหยินโหวกู้ไม่สามารถโต้แย้งกับคำพูดที่มีเหตุมีผลของฝางฮูหยิน ถึงยังไงทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกันก็ไม่ควรด่วนสรุปเกินไป เพราะก็เป็นถึงตระกูลขุนนางอย่างไรก็ตาม มันก็ต้องรีบร้อนสิแม้ว่านางลู่จะไม่เข้าใจว่าท

    Last Updated : 2024-07-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 664

    หลังจากที่พวกนางออกไปแล้ว เสิ่นว่านจือได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับแม่นางคนนั้นให้คร่าวๆ รวมถึงแผนการบางส่วนของอ๋องเยี่ยน อ๋องฮวยและองค์หญิงใหญ่ด้วยเสิ่นว่านจือไม่ได้พูดทั้งหมด แผนการของนางกับซีซีในเทศกาลหันอี้ก็ไม่ได้บอก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจ้าสิบเอ็ดฝางฟังเสร็จรวมกับการสืบสวนของเขาเอง ก็พอจะรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว และรู้ด้วยว่าพวกนางจะเริ่มลงมือกับองค์หญิงใหญ่ก่อนอย่างแน่นอน กำลังของอ๋องเยี่ยนอยู่ที่เยี่ยนโจว และต้องพึ่งพาองค์หญิงใหญ่และอ๋องฮวยเมื่ออยู่ในเมืองหลวงตัวตนขององค์หญิงใหญ่สามารถทำเรื่องมากมายได้ และจริงๆ แล้วองค์หญิงใหญ่ก็ทำงานช่วยเขาในเมืองหลวงมาโดยตลอด หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากองค์หญิงใหญ่ อย่างน้อยอ๋องเยี่ยนก็หมดมือข้างหนึ่งไปอ๋องฮวยซ่อนตัวลึกมาก และเป็นเรื่องยากมากที่จะสืบว่าเขาได้สุงสิงกับใครบ้างในตอนนี้จากนั้นเจ้าสิบเอ็ดฝางก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าท่านอ๋องให้กลุ่มชีซื่อของเขาอย่าไปมาหาสู่กันกับจวนเป่ยหมิงอ๋องบ่อยเกินไป ในตอนแรก เขาคิดว่าเป็นเพียงเพราะกลัวฮ่องเต้จะคิดมากไป บัดนี้คิดดูแล้ว ไม่ไปมาหาสู่กัน ก็เพราะมีเรื่องมากมายให้พวกเขาไปทำจะต้องเป็นเช่นนั้น แม้ว

    Last Updated : 2024-07-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 665

    เหมือนมาก!เหมือนมาก!ไม่ว่าจะเป็นทรงหน้าตา คิ้ว ดวงตา จมูก หรือไฝบนริมฝีปากของนาง ทั้งหมดนี้ล้วนเหมือนกับนางเจินที่นางเห็นในวันนี้ทุกประการเลยจู่ๆ นางก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก น่าเหลือเชื่อจริงๆ ผู้คนที่นางเห็นกับตาในวันนี้กลับเหมือนกับคนที่อยู่ในภาพวาดนี้ และพวกเขาไม่เคยเห็นนางเจินมากก่อนด้วยซ้ำ กลับวาดเหมือนจริงมากทีเดียวนางหันกลับไปมองศิษย์พี่เสิ่นและอาจารย์หยู พวกเขากำลังยืนอยู่หน้าภาพวาด "ภาพนี้ ถ้านางมีชีวิตที่ดีและมั่งคั่ง น่าจะรูปร่างหน้าตาประมาณนี้""ส่วนภาพนี้ก็คล้ายกัน แค่เปลี่ยนทรงผมและคิ้วหน่อย ในภาพข้างๆ นี้คือสภาพที่นางมีชีวิตที่แย่มาก มีของไม่พอกินพอใช้ ดังนั้นนางจึงผอมแห้งมาก... " ศิษย์พี่เสิ่นพาอาจารย์หยูเดินดูทีละรูป จากนั้นสะบัดมือให้เสิ่นว่านจือ "เสี่ยวจือ หลีกทางหน่อย อย่าขวางทางไว้"เสิ่นว่านจือชี้ไปที่ภาพวาดตรงหน้าและพยายามให้ตนเองส่งเสียงออกมา "คนนี้ วันนี้ข้าได้เจอมา"คนสี่คนและแปดตามองดูนางพร้อมๆ กัน และนางยังคงชี้ไปที่ภาพวาดนั้นด้วยมือสั่นเสิ่นว่านจือกลืนน้ำลายและมองไปที่เสิ่นชิงเหอ รูม่านตายังคงสั่นอยู่ "ศิษย์พี่เสิ่น วันนี้พี่ได้ติดตามข้าไปจวนโ

    Last Updated : 2024-07-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 666

    ซ่งซีซีถามก่อน "เจ้าเห็นตัวจริงนางแล้ว คิดว่าเหมือนกับท่านแม่ข้าหรือไม่"เสิ่นว่านจือกล่าวว่า "พูดตามตรง ตอนนั้นข้าก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่ แต่คิดไม่ออก พอตอนนี้ได้ดูภาพบุคคลเหล่านี้ ข้าก็รู้แล้ว ภาพบุคคลเหล่านี้ศิษย์พี่เสิ่นวาดได้ดีมาก แม้กระทั่งสีหน้าก็แสดงออกมา เพราะงั้นข้าจึงมองออกเล็กน้อย ส่วนนางเจินเป็นคนเป็นๆ แต่นางถูกสั่งสอนมา ทุกการเคลื่อนไหวของนางมีท่าทีแบบพวกคุณหนูชั้นสูง ข้าเลยไม่รู้สึกมีความคล้ายคลึงมากนัก""เดี๋ยวนะ พระชายาขอให้ข้าถามก่อนขอรับ" อาจารย์หยูรู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกชา แต่ความรู้สึกที่ไม่เป็นจริงนั้นรุนแรงเกินไป เขาและคุณชายเสิ่นชิงเหอยังกำลังประมาณการณ์อยู่ว่าภาพวาดฉบับไหนสอดคล้องกับนางในปัจจุบันจากนั้นเอาภาพที่สอดคล้องกันไปแจกแจงเพื่อตามหานางแต่แล้ว ยังไม่ทันได้เลือกเสร็จ คุณหนูเสิ่นก็กลับมาบอกว่านางเพิ่งพบมา และความรู้สึกที่ไม่เป็นจริงนี้เป็นเหมือนความฝันเลยไม่มีผิดเขาคิดว่าเขาจะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลและต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายถึงตามหานางได้ ถึงขนาดเขายังคิดมาก่อนว่านางอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าคิดลึ

    Last Updated : 2024-07-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 667

    เสิ่นชิงเหอส่ายหัว "จริงด้วย ช่วงนี้ถูกขังอยู่ในสถาบันว่านซงเหมินมาตลอด จนสมองใช้งานไม่ค่อยได้แล้ว"ซ่งซีซีชี้ไปที่เสิ่นว่านจือ "ว่านจือวันนี้ได้ไปจวนโหวกู้ ทางจวนโหวกู้ก็รู้ด้วยว่านางเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าสิบเอ็ดฝาง นางสามารถเชิญชวนนางเจินออกไปได้ เชื่อว่าแม้ว่าทางจวนโหวกู้จะรู้ว่านจือเป็นคนของจวนอ๋อง แต่ถ้าเรียกคนของตระกูลฝางด้วย ข้าว่าฮูหยินโหวกู้คงจะเห็นด้วย"อาจารย์หยูมองเสิ่นว่านจือด้วยดวงตาคาดหวัง "คุณหนูเสิ่น ฝากทุกอย่างไว้ให้เจ้าแล้ว"เสิ่นว่านจือเป็นคนให้ความสำคัญกับเพื่อนอยู่แล้ว จึงรับปากทันที "ได้ แต่อาจารย์หยูบอกเรื่อตอนเด็กๆ ของนางให้ข้าก่อน ข้าจะได้พูดถึงสิ่งเหล่านั้นต่อหน้านาง ตอนพูดนั้นก็สังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายด้วย อย่างน้อยก็พอมองออกไปเจ็ดแปดส่วนหรอก"อาจารย์หยูลุกขึ้น แต่ถูกเซี่ยหลูโม่ผลักลงอย่างรวดเร็ว "นั่งลงก่อนค่อยพูด"อาจารย์หยูดันยืนขึ้นอีกครั้ง "ไม่..." เซี่ยหลูโม่ใช้มือใหญ่กดเขาลงอีกครั้ง ตามด้วยเสียงที่เข้มงวด "นั่งลง!"อาจารย์หยูพูดอย่างจนใจว่า "ข้าขอไปหยิบของบางอย่างให้ เป็นของเล่นในวัยเด็กของนาง แล้วฝากคุณหนูเสิ่นนำติดตัวไปด้วยเมื่อเวลาไปหานาง"

    Last Updated : 2024-07-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 668

    อาจารย์หยูนำกระต่ายที่เป็นของเล่นมา ดูเหมือนว่ามันจะทำไว้เป็นเวลานานมากแล้ว และดูไม่ค่อยประณีตด้วย หูข้างหนึ่งขาดไป เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ซื้อมาจากข้างนอกอาจารย์หยูกล่าวว่า "นี่เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่นางหายตัวไป ข้าทำให้นางด้วยตนเอง เพราะนางทำเรื่องผิดในปีนั้นจึงถูกท่านแม่ขังบริเวณ และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวข้างนอก เดิมทีให้คนใช้ที่บ้านซื้อกระต่ายให้นาง แต่ท่านพ่อไม่อนุญาต ต้องการลงโทษนาง ข้าก็เลยแอบใช้ดินเหนียวทำมาตัวหนึ่งให้นาง แล้วเผามันในเตาที่บ้าน หลังจากเผาเสร็จก็ทาสีให้มัน บัดนี้สีก็ถอดแล้ว ตอนที่นางรับมันไว้และเล่นอยู่ในมือนั้นยังรังเกียจนิดนึง ทำล้มลงกับพื้นและหูแตกไปข้างหนึ่ง"อาจารย์หยูตาแดง "นางไม่ชอบกระต่ายตัวนี้เลย พูดได้ว่ารังเกียจด้วย ยังร้องไห้อย่างน้อยใจเสียอีก ข้าว่าในเมื่อนางไม่ชอบขนาดนี้ ต้องจำมันอย่างสุดซึ้ง"เสิ่นว่านจือมองไปกระต่ายที่หูขาดไปข้างหนึ่งทั้งน่าเกลียดและมีรอยด่าง สีก็จางหายไปหมด ดูเก่าแก่มาก จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ถ้ามีคนให้กระต่ายแบบนี้กับข้า ช้าคงจะร้องไห้เช่นกัน จะไม่มีวันลืมในชาตินี้""ใช่ ของที่รักที่สุด หรือไม่ก็เกลียดที่สุด ล้วนจะจ

    Last Updated : 2024-07-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 669

    อาจารย์หยูกล่าวอย่างเศร้าใจว่า "การที่น้องสาวถูกลักพาตัวไปส่งผลร้ายแรงต่อครอบครัวของเรา แม่ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน พ่อลาออกจากข้าราชการและพาคนรับคนสองคนไปตามหา เขากลับบ้านทุกๆ สองปี ที่บ้านต้องพึ่งพาท่านปู่คนเดียว ตอนที่ท่านย่าเสียชีวิตไป ท่านพ่อก็ยังตามหาอยู่ จนกระทั่งปีที่สองหลังจากที่ท่านย่าเสียชีวิตเขาถึงกลับบ้าน นั่นมันเป็นปีที่สิบที่เขาตามหาน้องสาว ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้แล้ว"ทุกคนฟังดูแล้วรู้สึกใจหาย ความทรมานจากการสูญเสียลูกทำให้คนเราไม่กล้าคิดอย่างลึกซึ้ง"ตั้งแต่วันที่น้องสาวถูกลักพาตัวไป ความสุขก็หายไปจากครอบครัวของเราอย่างสิ้นเชิง ในช่วงสองปีก่อน ท่านปู่และท่านแม่มีสุขภาพแย่มาก เพราะงั้นข้าจึงนำพวกเขามาที่เมืองหลวง ท่านพ่อไม่ยอมออกจากอำเภออวิ๋น เขายังตั้งความหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งนางจะจำบ้านของตนเองได้ และกลับบ้านเอง งั้นก็จะพบว่าครอบครัวนี้ยังมีคนรอนางอยู่""ที่ผ่านมาข้าไม่เคยยอมแพ้ ยืมคนจากจวนอ๋องออกไปค้นหา ที่ข้าทำงานอย่างหนักให้จวนอ๋อง เพื่อให้ท่านอ๋องยืมกำลังคนให้ข้าไปตามหาน้องสา แต่ในความเป็นจริงข้ารู้ด้วยว่าความหวังนั้นน้อยมาก แต่หากไม่ตามหาก็ไม่สบายใจ แค่ได้ทำอะไรสักอย

    Last Updated : 2024-07-16

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1380

    จักรพรรดิ์ซูชิงมองลงมาจากที่สูง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง “อย่างนั้นหรือ? แม้เจ้าจะยอมรับโทษแทนบิดา แต่ข้าไม่อาจกล่าวโทษผู้บริสุทธิ์โดยไร้เหตุผลได้ ใครกันที่เป็นกบฏวางแผนชิงบัลลังก์ ข้าจะสืบสวนให้กระจ่างเอง” “ฝ่าบาท” เซี่ยทิงเหยียนน้ำตาคลอ ดวงหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง “ไม่ต้องสืบสวนแล้ว ขอพระองค์ทรงตัดสินโทษกระหม่อมเถิด เสด็จพ่อเพียงหลงผิดชั่วขณะ” จักรพรรดิ์ซูชิงหัวเราะเยาะ “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก เหตุใดถึงไร้เกียรติเช่นนี้? ไหนล่ะความตระหนักของผู้แพ้ในสงคราม เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นยอดคนผู้ห้าวหาญ ผู้เช่นเจ้ากล้าหมายปองบัลลังก์ คิดจะเป็นประมุขของแผ่นดินหรือ? เซี่ยทิงเหยียน อย่าให้ผู้ติดตามเจ้าเขาต้องผิดหวังนัก” “กระหม่อมยินดีรับโทษแทนเสด็จพ่อ! ขอพระองค์โปรดเมตตาไว้ชีวิตเสด็จพ่อด้วย” เซี่ยทิงเหยียนไม่สนว่าจักรพรรดิ์ซูชิงจะตรัสสิ่งใด เขาก็ยังคงกล่าวแต่คำนี้ด้วยความปวดร้าวและความกตัญญู ขุนนางที่อยู่ในที่นั้นย่อมไม่เชื่อ ต่างตำหนิเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงความทะเยอทะยานราวหมาป่า แต่หากคนใดหน้าหนาเพียงพอ ย่อมไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าว่า เขายังคงแสดงสีหน้าเจ็บปวดและกล่าวว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1379

    ภายใต้การบัญชาของสือหงเซิน กองกำลังทหารส่วนตัวเหล่านี้ไม่เพียงไม่ล่าถอย แต่กลับต่อสู้อย่างดุดันยิ่งขึ้น พวกเขาไม่ใช่ทหารส่วนตัวของอ๋องเยี่ยน จำนวนกว่า 10,000 คน ล้วนเป็นผู้ที่เซี่ยทิงเหยียนคัดเลือกอย่างพิถีพิถันตลอดหลายปี และผ่านการฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน ในหมู่พวกเขา หลายคนมีชีวิตที่ขมขื่น และความเกลียดชังต่อโลกนี้ พวกเขาหวังว่าจะพลิกชะตาชีวิตของตนเองด้วยสงครามครั้งนี้ ดังนั้นตราบใดที่ยังมีผู้บัญชาการอยู่ข้างหน้า พวกเขาก็ไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ กองทัพซวนเจียสามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่ชัยชนะนี้จะไม่ได้มาอย่างง่ายๆ และรวดเร็ว ซ่งซีซีรู้ว่าหากพวกเขาไม่ยอมจำนน จำนวนผู้เสียชีวิตจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น นางจึงเลือกกำลังพลที่ดีที่สุดกลุ่มหนึ่ง รวมถึงกลุ่มย่อยเหม่ยซานของพวกเขา วางแผนจะตัดศีรษะของสือหงเซินท่ามกลางกองทัพกบฏ เมื่อทัพไร้แม่ทัพ การสงครามย่อมสงบได้เร็วขึ้น ซ่งซีซีวางแผนให้หมั่นโถวและกุ้นเอ๋อร์เข้าไปทำลายรูปขบวนของพวกเขาก่อน จากนั้นนางและเสิ่นว่านจือจะบุกเข้าไปตัดศีรษะแล้วรีบถอยออกมา นี่คือการตัดหัวแม่ทัพศัตรูท่ามกลางกองทัพนับพันอย่างแท้จริง เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะเหล่าก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1378

    เซี่ยทิงเหยียนควบม้าออกไป และเห็นชิวเหมิงอยู่ไกลๆ เขาจึงวางใจจริงๆ เขารู้ดีว่าชิวเหมิงพร้อมจะแลกทุกสิ่ง ชายคนหนึ่ง หากทุ่มเทอย่างเต็มที่และไม่กลัวตาย ย่อมสามารถสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ได้ นี่คือสงครามที่เขาเฝ้าฝันถึง การต่อสู้เพื่ออุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของตนเอง ความเยือกเย็นและสงบนิ่งที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยเลือดร้อนที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ความปรารถนาที่จะครอบครองแผ่นดินมอบพลังและความเชื่อมั่นแก่เขา เขาเชื่อมั่นว่าความทะเยอทะยานคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ แต่เขาไม่รู้เลยว่า ความทะเยอทะยานไม่เคยเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรักและความเกลียดชัง รวมถึงความยุติธรรมและความสามัคคี มันคือความรักชาติของซ่งซีซี ผู้บัญชาการแห่งกองทัพซวนเจีย! มันคือความเกลียดชังจากการล้างโคตรตระกูลของซ่งซีซี! และยิ่งไปกว่านั้นคือการรวมพลังกันของทหารและชาวยุทธภพ เพื่อขับไล่กบฏและปกป้องความยุติธรรมของประชาชน เซี่ยทิงเหยียนสังเกตเห็นความผิดปกติในทันที ทหารที่ชิวเหมิงนำมา ต่างถอดเครื่องแบบออกพร้อมกัน เผยให้เห็นเสื้อผ้าธรรมดาที่สวมอยู่ด้านใน ซึ่งปักอักษร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1377

    ภายในจวนอ๋องฮุย สายฝนพรำๆ ไหลหยดจากชายคา บรรยากาศทั้งจวนชื้นแฉะไปหมด ท่านอ๋องฮุยยืนอยู่ใต้ระเบียง ฟังเหมือนจะได้ยินเสียงการต่อสู้ แต่บางทีอาจเป็นเพียงเสียงฝน เขายืนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง ลุงสิบสามพักอยู่ที่นี่ เขาขาทั้งสองข้างหักและจะไม่มีวันยืนได้อีก นอกจากขาที่บาดเจ็บแล้ว บนใบหน้าของเขาก็มีรอยกระดูกหัก ความเจ็บปวดทรมานเขาไม่หยุดหย่อน บาดแผลที่กระดูก ความเจ็บปวดที่แทงลึกถึงใจ ท่านอ๋องฮุยไม่ค่อยมาเยี่ยมบ่อยนัก เพราะทุกครั้งที่มา ลุงสิบสามจะต้องทำเหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย นั่นทำให้เขารู้สึกทรมานใจยิ่งกว่า กู้ชิงหยิงอยู่ด้านใน ช่วยเช็ดหน้า นวดมือและหลังให้เขา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับจากการนอนนานเกินไป เมื่อเห็นท่านอ๋องฮุยเข้ามา นางจึงยกน้ำออกไปพร้อมถามว่า “ข้ากำลังจะป้อนโจ๊ก ท่านกินหรือยัง?” “ยังไม่ได้กิน เอามาเพิ่มอีกชาม ข้าจะกินเป็นเพื่อนเขา” ท่านอ๋องฮุยลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ลุงสิบสามยิ้มให้เขา ริมฝีปากที่แตกยังไม่หายดีและยังบวมอยู่ การยิ้มเช่นนี้ทำให้เกรงว่าจะฉีกจนเลือดออกอีกครั้ง “อย่ายิ้ม” ท่านอ๋องฮุยตบไหล่เขา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1376

    ทุกคนหันมาคิดถึงสถานการณ์ของท่านอ๋องฮุย แม้แต่การส่งจดหมายยังต้องทำอย่างวกวนและซับซ้อน ชัดเจนว่าสถานการณ์ของเขานั้นลำบากอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เสิ่นว่านจือและพรรคพวกไปพักที่นั่น พวกเขาแทบไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ กระทั่งใกล้จะจากไปจึงพบว่าลุงกวนมีท่าทีไม่ชอบมาพากล “ท่านอ๋องฮุยทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการตัดญาติขาดมิตรเพื่อความถูกต้องแล้ว” อาจารย์หยูพูดด้วยความเคารพ ในฐานะลูกหลานตระกูลเซี่ย เขาคงไม่ต้องการเห็นศึกกบฏชิงบัลลังก์นี้ โดยเฉพาะผู้ก่อกบฏนั้นคือบุตรชายของเขาเอง ดังนั้น ท่านอ๋องฮุยน่าจะกำลังเจ็บปวดอย่างที่สุด จากการสืบสวนก่อนหน้านี้ที่ทราบเบื้องลึกบางส่วน อาจารย์หยูกล่าวด้วยความสะเทือนใจ “เซี่ยทิงเหยียนใช้ชื่อของเขาเป็นเครื่องมือในการก่อกบฏและช่วงชิงบัลลังก์ ทำให้เขาต้องทนแบกรับความเสื่อมเสียเช่นนี้ในบั้นปลายชีวิต” ในเมื่อเป็นพ่อกับลูก แม้เขาจะถูกผลักดันขึ้นสู่บัลลังก์ก็ตาม คนทั้งแผ่นดินย่อมไม่เชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ชนชั้นขุนนางและสามัญชนต่างก็ประณามเขาทั้งคำพูดและลายลักษณ์อักษร กองกำลังหลักของศัตรูก็ต้องมุ่งเป้าหมายมาที่เขา ทุกคนค่อยๆ สงบอารมณ์และกลับมามีสต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1375

    องครักษ์เงาเฝ้าจับตาดูลูกจ้างคนนั้นจริงๆ หลังจากห้องบัญชีส่งมอบตั๋วเงินให้แล้วก็ยังไม่พอ ที่ประตูเรือนเขายังค้นตัวอีกครั้ง แต่ไม่พบสิ่งใดจึงปล่อยให้เขาไป ลูกจ้างรู้สึกอับอายแต่ไม่กล้าพูดอะไร เพียงรู้สึกแปลกใจ เพราะร้านจินจิงทำธุรกิจมาหลายปี ลูกค้ามักจะค้างชำระบัญชีแล้วให้มารับตั๋วเงินที่จวน เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ยังมีน้ำใจให้ชาหรือของว่าง แต่การค้นตัวแบบจวนอ๋องฮุยนั้นไม่เคยเกิดขึ้น เรื่องนี้ องครักษ์เงารายงานแก่เซี่ยทิงเหยียน เซี่ยทิงเหยียนคิดว่าในเมื่อค้นตัวลูกจ้างแล้ว และเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ตอนอยู่ที่ร้านจินจิง จึงไม่น่ามีเรื่องสำคัญใด อย่างไรเสีย กู้ชิงหยิงก็มักหาเรื่องให้เขาซื้อเครื่องประดับให้นางอยู่เรื่อยๆ เป็นหญิงที่โลภมากคนหนึ่ง เขาสังเกตกู้ชิงหยิงมานานแล้ว เห็นว่านางเป็นคนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใด ชอบแต่กินดื่มเล่นสนุก และหลงใหลเครื่องประดับทองเงินที่สุด ส่วนเสื้อผ้าอาภรณ์นั้นนางไม่ใคร่สนใจนัก เพราะรูปร่างอ้วนเกินไป ใส่อะไรก็ไม่งดงาม กู้ชิงหยิงเหมาะสมกับบทบาทของนาง การที่ให้นางมาอยู่ข้างกายชายชราแต่แรกก็เพื่อรวบรวมเงินทอง องครักษ์เงาที่ถูกฆ่าไปก่อนหน้านี้เคยได้ยิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1374

    ฝนตกหนักเช่นนั้น พวกเขาเดินชมร้านไม่กี่แห่ง จนเห็นร้านจินจิง ร้านทองอันดับหนึ่งในเมืองหลวงยังเปิดอยู่ กู้ชิงหยิงจึงกล่าวว่าต้องการซื้อเครื่องประดับสักสองสามชิ้น ท่านอ๋องฮุยโบกมือใหญ่พร้อมกล่าวว่า “ซื้อ!” เถ้าแก่น้อยจินซึ่งอยู่ในร้าน เห็นว่าเป็นท่านอ๋องฮุยจึงรีบต้อนรับด้วยตนเองและพาขึ้นไปยังห้องพิเศษบนชั้นสาม องครักษ์เงาก็ติดตามไปด้วยเช่นกัน ท่านอ๋องฮุยเคยพากู้ชิงหยิงมาที่นี่หลายครั้ง เป็นลูกค้ารายใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงมีทั้งเถ้าแก่น้อยจิน ผู้จัดการร้าน และลูกจ้างอีกสองคนมาคอยรับใช้ข้างๆ ของว่างแสนประณีตถูกนำมาวางบนโต๊ะ ท่านอ๋องฮุยเรียกให้องครักษ์เงามานั่งดื่มน้ำชาเป็นเพื่อนตน แล้วปล่อยให้กู้ชิงหยิงเลือกของตามใจ องครักษ์เงาไม่กล้านั่งจริงๆ แต่เพราะหน้าที่ของเขาคือคอยเฝ้าดูแลท่านอ๋องฮุย เขาจึงยืนอยู่ข้างๆ เฝ้าดูท่านอ๋องฮุยพูดคุยอย่างออกรสกับเถ้าแก่น้อยจิน คอยระวังว่าทั้งสองจะมีสิ่งใดส่งมอบหรือแลกเปลี่ยนกัน บางครั้ง เขาก็เหลือบมองไปที่กู้ชิงหยิงบ้าง ร่างของนางที่ใหญ่โตกำลังบังเครื่องประดับบนตู้โชว์ เขาจึงเดินไปดูสักสองสามครั้ง เห็นนางกำลังลองกำไลข้อมืออยู่ไม่หยุด จากนั้นก็รีบก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1373

    เซี่ยทิงเหยียนกล่าวต่อไปด้วยท่าทีไม่สนใจใคร คล้ายกับแสดงถึงความเก่งกาจในแผนการของตนเองว่าเหนือชั้นเพียงใด “ซูลันจีผู้นี้ ข้าได้ติดต่อเขาเป็นการส่วนตัวมานานแล้ว เมื่อทราบว่าเขาเป็นคนยากที่จะร่วมมือได้ ข้าจึงให้คนไปที่ซีจิง หาใครสักคนแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มสายลับ เพื่อใช้งานเขา เช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะสืบข่าวใดในเมืองหลวง ข้าก็ล่วงรู้ทั้งสิ้น อีกทั้งยังสามารถใช้สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดความเคลื่อนไหวภายในของซีจิงได้ สุดท้ายข้าก็ได้พบกับซูลันซือ” “ซูลันซือภายใต้รัศมีของพี่ชาย แทบไม่มีความโดดเด่นเลย แต่ข้ารู้ถึงความทะเยอทะยานของเขา อีกทั้งรู้ว่าเขาพร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย ครั้งนั้นที่รัชทายาทซีจิงยอมลงสนามรบ ก็เพราะข่าวที่เขาแพร่ออกไปว่า แม่ทัพแนวหน้ากินเบี้ยหวัดเปล่า ฆ่าชาวบ้านบริสุทธิ์เพื่อรายงานผลงานปลอมๆ ทำให้รัชทายาทซีจิงต้องปลอมตัวไปสืบด้วยตนเอง” “เขาไปเมืองลู่เปินเอ่อร์แล้ว เรื่องนี้เป็นผลดีกับเจ้าอย่างไร?” ท่านอ๋องฮุยเอ่ยถาม “แน่นอนว่าข้าเป็นคนออกหน้าเกลี้ยกล่อมเขา เพื่อร่วมมือกับเขา” เซี่ยทิงเหยียนเอ่ยด้วยความเสียดาย “น่าเสียดาย ที่กลางทางเกิดมียี่ฝางโผล่มาทำลายแผนของข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1372

    เซี่ยทิงเหยียนถือร่มก้าวเข้ามาในลานเรือนของท่านอ๋องฮุย เขาเดินอย่างองอาจตรงเข้าไปในห้อง สั่งให้คนรอบข้างถอยออกไป แม้แต่กู้ชิงหยิงก็ไม่อาจอยู่ด้วย ท่านอ๋องฮุยเพิ่งเสวยเสร็จ บนโต๊ะยังมีเศษอาหารเหลืออยู่ พวกบ่าวกำลังจะมาเก็บกวาด เซี่ยทิงเหยียนนั่งลง หยิบตะเกียบและถ้วยของท่านอ๋องฮุยขึ้นมา แล้วลงมือกินเศษอาหารเหล่านั้น เขายังคงกินด้วยท่าทีสง่างามเช่นเคย แต่กลับทำให้ท่านอ๋องฮุยรู้สึกทั้งโกรธและขยะแขยง เขาเป็นผู้เลี้ยงดูเซี่ยทิงเหยียนมาตั้งแต่เด็ก กิริยาท่าทางของเขาไม่เคยขาดตกบกพร่องไปจากคุณสมบัติของเจ้าเมืองผู้สงบสำราญ แต่น่าเสียดายที่เขากลับเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และความโหดเหี้ยมเกินใคร เขากินอาหารที่ท่านอ๋องฮุยเหลือจนหมด แล้ววางตะเกียบลง ใช้ผ้าเช็ดปากพลางกล่าวว่า “ไม่ควรปล่อยให้ข้าวปลาเสียเปล่า ลูกหิวพอดี เสด็จพ่อคงไม่ถือสาหรอกนะ?” ท่านอ๋องฮุยกล่าวเย็นชา “ไม่เป็นไร อย่างไรของที่เหลือก็เอาไปให้หมากินอยู่แล้ว เจ้ากินไปก็เหมาะสมดี” “ถ้าลูกเป็นหมา แล้วเสด็จพ่อเป็นอะไรล่ะ?” เขายิ้มบางเบา พลางพูดต่อว่า “ลูกมาแจ้งข่าวดีให้เสด็จพ่อฟัง อีกไม่นาน พวกเราจะสมหวังตามที่ปรารถ

DMCA.com Protection Status