공유

บทที่ 662

작가: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
นางเจินระงับสายตาที่ซับซ้อนในดวงตาของนางแล้วพูดว่า "ไปกันเถอะ"

ตอนนี้แค่หวังว่าทางตระกูลฝางจะไม่ถูกใจนาง ด้วยสถานะปัจจุบันของเจ้าสิบเอ็ดฝาง เขาอยากแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหนก็ได้นี่ ตัวตนของนางเป็นของปลอมด้วยซ้ำ

เมื่อมถึงห้องโถงหลัก นางเอาพัดมาคลุมหน้า แค่ท่าเดินนางก็ฝึกมานานสองนานแล้ว

ฮูหยินโหวกู้กล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยม "หลีเอ๋อร์ รีบทักทายฮูหยินผู้เฒ่ารองและฝางฮูหยินด้วย"

นางเจินคารวะนางลู่และฝางฮูหยิน "ข้าขอคารวะฮูหยินผู้เฒ่ารอง คารวะฝางฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ"

"แล้วก็ คนนี้แม่ทัพฝาง คนนี้คือคุณหนูเสิ่น บุตรีบุญธรรมของฮูหยินผู้เฒ่ารอง" ตอนที่เสิ่นว่านจือเข้ามา นางลู่ก็แนะนำตัวตนของเสิ่นว่านจือให้แล้ว

พัดถืออยู่ในมือ เผยให้เห็นใบหน้า นางไม่สามารถทำท่าเขินอายได้ ได้แต่ทักทายตามปกติ "คารวะแม่ทัพฝาง คารวะคุณหนูเสิ่นเจ้าค่ะ"

เสิ่นว่านจือมองดูนาง แล้วไหว้กลับ "คารวะคุณหนูเซี่ย"

เจ้าสิบเอ็ดฝางก็ยกมือไหว้ด้วย "คุณหนูเสิ่นยินดีที่ได้รู้จัก"

เสิ่นว่านจือเห็นว่านางมีใบหน้าที่สง่างาม ตาโต ริมฝีปากที่ไม่หนาหรือบางเกินไป และโค้งก็สวยงาม มีไฝสีแดงเล็กๆ ที่ริมฝีปากบน ทำให้หน้าตาของนางดูน่ารัก หน
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 663

    นางลู่กำลังจะบอกว่าถูกใจมาก แต่ฝางฮูหยินกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า "คุณหนูดีมาก แน่นอนว่าเราจะชอบ แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญจะตัดสินใจแบบมั่วๆ ไม่ได้ ไม่งั้นเอางี้ เราต่างก็กลับไปถามก่อน เมื่อกี้คุณหนูก็ไม่ได้บอกว่านางชอบเจ้าสิบเอ็ดของเราหรือไม่ วันนี้แค่เจอหน้าครั้งแรก เพราะงั้นต้องถามความคิดของนางก่อน"ฮูหยินโหวกู้กล่าวว่า "เรื่องนี้ไม่เห็นจะยากเลย ข้าจะส่งคนไปถามเดี๋ยวนี้เลย"ฝางฮูหยินยังคงยิ้ม "จะรีบร้อนแบบนี้ก็ไม่ได้นะ ส่งคนเข้าไปถามนางในขณะที่เรารออยู่ข้างนอกแบบนี้ หากนางบอกว่าไม่ชอบก็กลัวจะทำให้พวกเราไม่พอใจ ถ้าบอกว่าชอบ ยังไงก็เป็นสตรีจะต้องเขินอายแน่ๆ เดี๋ยวจะทำให้นางจะเสียหน้าดูเหมือนนางจะรีบร้อนมาก ถึงยังไงเราสองครอบครัวได้เห็นหน้ากันแล้ว หากได้เจอหน้าอีกครั้งก็ดี และพ่อแม่ของนางก็ไม่อยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นความคิดของนางจึงสำคัญที่สุด ฮูหยินโหวกู้คิดว่าอย่างไรบ้างล่ะ"ฮูหยินโหวกู้ไม่สามารถโต้แย้งกับคำพูดที่มีเหตุมีผลของฝางฮูหยิน ถึงยังไงทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกันก็ไม่ควรด่วนสรุปเกินไป เพราะก็เป็นถึงตระกูลขุนนางอย่างไรก็ตาม มันก็ต้องรีบร้อนสิแม้ว่านางลู่จะไม่เข้าใจว่าท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 664

    หลังจากที่พวกนางออกไปแล้ว เสิ่นว่านจือได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับแม่นางคนนั้นให้คร่าวๆ รวมถึงแผนการบางส่วนของอ๋องเยี่ยน อ๋องฮวยและองค์หญิงใหญ่ด้วยเสิ่นว่านจือไม่ได้พูดทั้งหมด แผนการของนางกับซีซีในเทศกาลหันอี้ก็ไม่ได้บอก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจ้าสิบเอ็ดฝางฟังเสร็จรวมกับการสืบสวนของเขาเอง ก็พอจะรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว และรู้ด้วยว่าพวกนางจะเริ่มลงมือกับองค์หญิงใหญ่ก่อนอย่างแน่นอน กำลังของอ๋องเยี่ยนอยู่ที่เยี่ยนโจว และต้องพึ่งพาองค์หญิงใหญ่และอ๋องฮวยเมื่ออยู่ในเมืองหลวงตัวตนขององค์หญิงใหญ่สามารถทำเรื่องมากมายได้ และจริงๆ แล้วองค์หญิงใหญ่ก็ทำงานช่วยเขาในเมืองหลวงมาโดยตลอด หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากองค์หญิงใหญ่ อย่างน้อยอ๋องเยี่ยนก็หมดมือข้างหนึ่งไปอ๋องฮวยซ่อนตัวลึกมาก และเป็นเรื่องยากมากที่จะสืบว่าเขาได้สุงสิงกับใครบ้างในตอนนี้จากนั้นเจ้าสิบเอ็ดฝางก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าท่านอ๋องให้กลุ่มชีซื่อของเขาอย่าไปมาหาสู่กันกับจวนเป่ยหมิงอ๋องบ่อยเกินไป ในตอนแรก เขาคิดว่าเป็นเพียงเพราะกลัวฮ่องเต้จะคิดมากไป บัดนี้คิดดูแล้ว ไม่ไปมาหาสู่กัน ก็เพราะมีเรื่องมากมายให้พวกเขาไปทำจะต้องเป็นเช่นนั้น แม้ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 665

    เหมือนมาก!เหมือนมาก!ไม่ว่าจะเป็นทรงหน้าตา คิ้ว ดวงตา จมูก หรือไฝบนริมฝีปากของนาง ทั้งหมดนี้ล้วนเหมือนกับนางเจินที่นางเห็นในวันนี้ทุกประการเลยจู่ๆ นางก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก น่าเหลือเชื่อจริงๆ ผู้คนที่นางเห็นกับตาในวันนี้กลับเหมือนกับคนที่อยู่ในภาพวาดนี้ และพวกเขาไม่เคยเห็นนางเจินมากก่อนด้วยซ้ำ กลับวาดเหมือนจริงมากทีเดียวนางหันกลับไปมองศิษย์พี่เสิ่นและอาจารย์หยู พวกเขากำลังยืนอยู่หน้าภาพวาด "ภาพนี้ ถ้านางมีชีวิตที่ดีและมั่งคั่ง น่าจะรูปร่างหน้าตาประมาณนี้""ส่วนภาพนี้ก็คล้ายกัน แค่เปลี่ยนทรงผมและคิ้วหน่อย ในภาพข้างๆ นี้คือสภาพที่นางมีชีวิตที่แย่มาก มีของไม่พอกินพอใช้ ดังนั้นนางจึงผอมแห้งมาก... " ศิษย์พี่เสิ่นพาอาจารย์หยูเดินดูทีละรูป จากนั้นสะบัดมือให้เสิ่นว่านจือ "เสี่ยวจือ หลีกทางหน่อย อย่าขวางทางไว้"เสิ่นว่านจือชี้ไปที่ภาพวาดตรงหน้าและพยายามให้ตนเองส่งเสียงออกมา "คนนี้ วันนี้ข้าได้เจอมา"คนสี่คนและแปดตามองดูนางพร้อมๆ กัน และนางยังคงชี้ไปที่ภาพวาดนั้นด้วยมือสั่นเสิ่นว่านจือกลืนน้ำลายและมองไปที่เสิ่นชิงเหอ รูม่านตายังคงสั่นอยู่ "ศิษย์พี่เสิ่น วันนี้พี่ได้ติดตามข้าไปจวนโ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 666

    ซ่งซีซีถามก่อน "เจ้าเห็นตัวจริงนางแล้ว คิดว่าเหมือนกับท่านแม่ข้าหรือไม่"เสิ่นว่านจือกล่าวว่า "พูดตามตรง ตอนนั้นข้าก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่ แต่คิดไม่ออก พอตอนนี้ได้ดูภาพบุคคลเหล่านี้ ข้าก็รู้แล้ว ภาพบุคคลเหล่านี้ศิษย์พี่เสิ่นวาดได้ดีมาก แม้กระทั่งสีหน้าก็แสดงออกมา เพราะงั้นข้าจึงมองออกเล็กน้อย ส่วนนางเจินเป็นคนเป็นๆ แต่นางถูกสั่งสอนมา ทุกการเคลื่อนไหวของนางมีท่าทีแบบพวกคุณหนูชั้นสูง ข้าเลยไม่รู้สึกมีความคล้ายคลึงมากนัก""เดี๋ยวนะ พระชายาขอให้ข้าถามก่อนขอรับ" อาจารย์หยูรู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกชา แต่ความรู้สึกที่ไม่เป็นจริงนั้นรุนแรงเกินไป เขาและคุณชายเสิ่นชิงเหอยังกำลังประมาณการณ์อยู่ว่าภาพวาดฉบับไหนสอดคล้องกับนางในปัจจุบันจากนั้นเอาภาพที่สอดคล้องกันไปแจกแจงเพื่อตามหานางแต่แล้ว ยังไม่ทันได้เลือกเสร็จ คุณหนูเสิ่นก็กลับมาบอกว่านางเพิ่งพบมา และความรู้สึกที่ไม่เป็นจริงนี้เป็นเหมือนความฝันเลยไม่มีผิดเขาคิดว่าเขาจะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลและต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายถึงตามหานางได้ ถึงขนาดเขายังคิดมาก่อนว่านางอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าคิดลึ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 667

    เสิ่นชิงเหอส่ายหัว "จริงด้วย ช่วงนี้ถูกขังอยู่ในสถาบันว่านซงเหมินมาตลอด จนสมองใช้งานไม่ค่อยได้แล้ว"ซ่งซีซีชี้ไปที่เสิ่นว่านจือ "ว่านจือวันนี้ได้ไปจวนโหวกู้ ทางจวนโหวกู้ก็รู้ด้วยว่านางเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าสิบเอ็ดฝาง นางสามารถเชิญชวนนางเจินออกไปได้ เชื่อว่าแม้ว่าทางจวนโหวกู้จะรู้ว่านจือเป็นคนของจวนอ๋อง แต่ถ้าเรียกคนของตระกูลฝางด้วย ข้าว่าฮูหยินโหวกู้คงจะเห็นด้วย"อาจารย์หยูมองเสิ่นว่านจือด้วยดวงตาคาดหวัง "คุณหนูเสิ่น ฝากทุกอย่างไว้ให้เจ้าแล้ว"เสิ่นว่านจือเป็นคนให้ความสำคัญกับเพื่อนอยู่แล้ว จึงรับปากทันที "ได้ แต่อาจารย์หยูบอกเรื่อตอนเด็กๆ ของนางให้ข้าก่อน ข้าจะได้พูดถึงสิ่งเหล่านั้นต่อหน้านาง ตอนพูดนั้นก็สังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายด้วย อย่างน้อยก็พอมองออกไปเจ็ดแปดส่วนหรอก"อาจารย์หยูลุกขึ้น แต่ถูกเซี่ยหลูโม่ผลักลงอย่างรวดเร็ว "นั่งลงก่อนค่อยพูด"อาจารย์หยูดันยืนขึ้นอีกครั้ง "ไม่..." เซี่ยหลูโม่ใช้มือใหญ่กดเขาลงอีกครั้ง ตามด้วยเสียงที่เข้มงวด "นั่งลง!"อาจารย์หยูพูดอย่างจนใจว่า "ข้าขอไปหยิบของบางอย่างให้ เป็นของเล่นในวัยเด็กของนาง แล้วฝากคุณหนูเสิ่นนำติดตัวไปด้วยเมื่อเวลาไปหานาง"

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 668

    อาจารย์หยูนำกระต่ายที่เป็นของเล่นมา ดูเหมือนว่ามันจะทำไว้เป็นเวลานานมากแล้ว และดูไม่ค่อยประณีตด้วย หูข้างหนึ่งขาดไป เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ซื้อมาจากข้างนอกอาจารย์หยูกล่าวว่า "นี่เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่นางหายตัวไป ข้าทำให้นางด้วยตนเอง เพราะนางทำเรื่องผิดในปีนั้นจึงถูกท่านแม่ขังบริเวณ และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวข้างนอก เดิมทีให้คนใช้ที่บ้านซื้อกระต่ายให้นาง แต่ท่านพ่อไม่อนุญาต ต้องการลงโทษนาง ข้าก็เลยแอบใช้ดินเหนียวทำมาตัวหนึ่งให้นาง แล้วเผามันในเตาที่บ้าน หลังจากเผาเสร็จก็ทาสีให้มัน บัดนี้สีก็ถอดแล้ว ตอนที่นางรับมันไว้และเล่นอยู่ในมือนั้นยังรังเกียจนิดนึง ทำล้มลงกับพื้นและหูแตกไปข้างหนึ่ง"อาจารย์หยูตาแดง "นางไม่ชอบกระต่ายตัวนี้เลย พูดได้ว่ารังเกียจด้วย ยังร้องไห้อย่างน้อยใจเสียอีก ข้าว่าในเมื่อนางไม่ชอบขนาดนี้ ต้องจำมันอย่างสุดซึ้ง"เสิ่นว่านจือมองไปกระต่ายที่หูขาดไปข้างหนึ่งทั้งน่าเกลียดและมีรอยด่าง สีก็จางหายไปหมด ดูเก่าแก่มาก จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ถ้ามีคนให้กระต่ายแบบนี้กับข้า ช้าคงจะร้องไห้เช่นกัน จะไม่มีวันลืมในชาตินี้""ใช่ ของที่รักที่สุด หรือไม่ก็เกลียดที่สุด ล้วนจะจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 669

    อาจารย์หยูกล่าวอย่างเศร้าใจว่า "การที่น้องสาวถูกลักพาตัวไปส่งผลร้ายแรงต่อครอบครัวของเรา แม่ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน พ่อลาออกจากข้าราชการและพาคนรับคนสองคนไปตามหา เขากลับบ้านทุกๆ สองปี ที่บ้านต้องพึ่งพาท่านปู่คนเดียว ตอนที่ท่านย่าเสียชีวิตไป ท่านพ่อก็ยังตามหาอยู่ จนกระทั่งปีที่สองหลังจากที่ท่านย่าเสียชีวิตเขาถึงกลับบ้าน นั่นมันเป็นปีที่สิบที่เขาตามหาน้องสาว ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้แล้ว"ทุกคนฟังดูแล้วรู้สึกใจหาย ความทรมานจากการสูญเสียลูกทำให้คนเราไม่กล้าคิดอย่างลึกซึ้ง"ตั้งแต่วันที่น้องสาวถูกลักพาตัวไป ความสุขก็หายไปจากครอบครัวของเราอย่างสิ้นเชิง ในช่วงสองปีก่อน ท่านปู่และท่านแม่มีสุขภาพแย่มาก เพราะงั้นข้าจึงนำพวกเขามาที่เมืองหลวง ท่านพ่อไม่ยอมออกจากอำเภออวิ๋น เขายังตั้งความหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งนางจะจำบ้านของตนเองได้ และกลับบ้านเอง งั้นก็จะพบว่าครอบครัวนี้ยังมีคนรอนางอยู่""ที่ผ่านมาข้าไม่เคยยอมแพ้ ยืมคนจากจวนอ๋องออกไปค้นหา ที่ข้าทำงานอย่างหนักให้จวนอ๋อง เพื่อให้ท่านอ๋องยืมกำลังคนให้ข้าไปตามหาน้องสา แต่ในความเป็นจริงข้ารู้ด้วยว่าความหวังนั้นน้อยมาก แต่หากไม่ตามหาก็ไม่สบายใจ แค่ได้ทำอะไรสักอย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 670

    ตึกว่างเจียงหรือที่รู้จักกันในชื่อตึกว่างจิง เป็นหนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดในเมืองหลวงจากจุดสูงสุดที่นี่ สามารถมองเห็นท่าเรือหนานเจียงทางตอนเหนือ และทิวทัศน์มุมกว้างของเมืองหลวงส่วนใหญ่ก็เห็นได้หมดด้วย อาคารตึกนี้สูงมากและยิ่งใหญ่ทีเดียว หรูหรามากจนบรรยายไม่ถูกแต่การใช้บริการห้องส่วนตัวบนชั้นสูงสุดของตึกว่างจิงนั้นราคาไม่เบาเลย แค่ค่าน้ำชาก็ราคาห้าตำลึงแล้ว หากสั่งอาหาร ใช้จ่ายหลายสิบตำลึงก็มีแต่อาหารธรรมดามาก ต้องกินของดีๆ งั้นก็ต้องใช้จ่ายเป็นร้อยตำลึงถึงขนาดเป็นพันตำลึงก็เป็นได้ส่วนเจ้าของตึกว่างจิงเป็นผู้ใด คงมีคนไม่มากที่รู้แค่ว่าคนที่มาที่นี่มีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น ตึกว่างจิงนี้ได้ทำเงินมากมายทุกวันคนที่รู้เรื่องก็จะไม่บอกคนนอก เพราะคนที่มีมิตรภาพกับทางภูเขาเหม่ยชานก็มีไม่เยอะในเมืองหลวงเสิ่นว่านจือและฝางฮูหยินถึงก่อน เสิ่นว่านจือเอาใจคนเก่งมากทีเดียว บัดนี้ได้เรียกฝางฮูหยินว่าพี่สะใภ้ด้วย ส่วนฝางฮูหยินก็ชอบนางมาก โดยชื่นชมว่ามีน้องแบบนี้ถือว่าเป็นพรของตนเองเลยเมื่อพวกนางมาถึงตึกว่างเจียง นางเจินยังไม่ถึง เสิ่นว่านจือวิ่งขึ้นๆ ลงๆ และพอใจกับความหรูหราของที่นี่มาก "เมื่อ

최신 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status