ในห้องหนังสือของจวนเป่ยหมิงอ๋องอาจารย์หยูรายงานสถานการณ์เสร็จแล้วก็นั่งลงก่อนจะจิบชา"หลังจากที่เฉิงเอินป๋อออกมาจากจวนอ๋องฮวย เขาก็ตรงไปที่จวนอ๋องเยี่ยนแล้วเหรอ?" เซี่ยหลูโม่เลิกคิ้ว "ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าการคาดเดาของเราจะไม่ผิด พวกเขาพี่น้องกำลังสมรู้ร่วมคิดกับองค์หญิงใหญ่""เพียงแต่ว่าอ๋องฮวยคนนี้เก็บลึกจริงๆ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยสนใจเขาเลย" อาจารย์หยูกล่าว"หลายปีมานี้ข้าอยู่ในสนามรบเขตหนานเจียงมาโดยตลอด เรื่องมากมายในเมืองหลวงล้วนไม่รู้เรื่อง" เซี่ยหลูโม่วิเคราะห์ว่า "ตอนนี้พวกเขาน่าจะยังไม่พร้อม ไม่เช่นนั้นเมื่อฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์นั้น พวกเขาจะต้องลงมือแล้ว ตอนนั้นชายแดนเฉิงหลิงเกิดโกลาหล เขตหนานเจียงเกิดสงคราม และจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์หลังจากเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา"อาจารย์หยูคิดอยู่ครู่หนึ่งส่ายหัวแล้วพูดว่า "ตอนนั้นมันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา แต่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะยึดแำนาจเป็นฮ่องเต้ มีปัญหาทั้งภายในและภายนอก มารับช่วงต่อที่ยุ่งยากเช่นนี้ต้องไปต่อยาก""ยุ่งยาก แต่ก็มีความเป็นไปได้มากที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จ""ท่า
เซี่ยหลูโม่รู้ว่านี่คือเรื่องที่เขาทุกข์ใจที่สุด และเขายังสาบานด้วยว่าหากไม่พบน้องสาว เขาจะไม่มีวันแต่งงาน"ก็ได้ เรื่องนี้ข้าจะไปคุยกับพระชายาเอง" เซี่ยหลูโม่กล่าว "แต่ไม่รับประกันว่าศิษย์พี่เสิ่นจะเห็นด้วย ฟังดูเหลือเชื่อนิดหน่อย"สีหน้าของอาจารย์หยูสงบ "รบกวนท่านอ๋องช่วยถามให้ หากไม่ได้การ ข้าก็ไม่รู้สึกผิดหวัง""อืม!" เซี่ยหลูโม่พยักหน้า พูดคุยเรื่องอื่นๆ กับเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็กลับเรือนซ่งซีซีเพิ่งกลับมาจากทางฝั่งหลานเอ่อร์ เมื่อเซี่ยหลูโม่พูดต่อคำขอของอาจารย์หยู นางก็ประหลาดใจมาก "ที่แท้อาจารย์หยูมีน้องสาวที่หายไปในก่อนหน้านนี้เหรอ?""แต่ในเมื่อเขาให้หงเซียวส่งจดหมายถึงศิษย์พี่ผิงของข้าแล้ว ทำไมไม่ส่งจดหมายไปถามศิษย์พี่ชายใหญ่ของข้าล่ะ?""อาจารย์หยูแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจน เขาให้หงเซียวเขียนจดหมายถึงศิษย์พี่ผิงเพื่อเรื่องของจวนอ๋อง แต่ตามหาศิษย์พี่ชายใหญ่มันเป็นเรื่องส่วนตัว เขาต้องหาคนกลางมาช่วยพูดคุยให้"ซ่งซีซีเข้าใจ "ได้ ข้าจะเขียนจดหมายไปถามให้ แต่ข้าไม่รู้ว่าศิษย์พี่ชายใหญ่จะอยู่ที่ภูเขาเหม่ยชานหรือไม่ เขาชอบออกไปข้างนอกเสมอ"เซี่ยหลูโม่กล่าว
ซ่งซีซีอึ้งไปครู่หนึ่ง นางได้ทำอย่างนั้นหรือ?นางไม่ขัดขืนที่จะใกล้ชิดกับเขา พวกเขาจะสนิททุกคืน และนอนกอดด้วยกัน ตลอดทั้งคืนหัวของนางไม่เคยหลุดจากแขนหรืออกของเขาเลยเมื่อเห็นท่าทางสับสนของนาง เป่าจูก็โกรธขึ้นมาอย่างผิดหวังและถามตรงๆ "คุณหนู ท่านอยากจะปฏิบัติต่อท่านอ๋องด้วยความเคารพและเป็นคู่รักที่สุภาพกันและกัน หรืออยากเป็นคู่รักที่มีความรักอย่างแท้จริง?""เป่าจู เจ้ากำลังทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ไปหรือเปล่า?" ซ่งซีซีเอื้อมมือไปแตะหน้าผากนาง "เป็นอะไรไป เป็นไข้หรือเปล่า?"เป่าจูโกรธจัดและจ้องมองนาง "คุณหนูตอบสิ!"ซ่งซีซีเอียงศีรษะเล็กน้อย และมีผมสั้นไม่กี่เส้นอยู่บนขมับของนางซึ่งไม่สามารถกดทับเอาไว้ได้ และดูน่ารักเล็กน้อยภายใต้แสงพระอาทิตย์ "การเคารพซึ่งกันและกัน และการเป็นคู่รักที่รักใคร่กันต่างก็เอานี่ หรือว่าหากรักใคร่กันแล้วเขาก็จะไม่เคารพข้าหรือข้าจะไม่เคารพเขางั้นหรือ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นหรือ ไม่สามารถเอาทั้งสองหรือ?""เออ?" เป่าจูก็อึ้งไป เอาทั้งสองงั้นหรือ หาใช่ว่าไม่ได้ หลังจะชะงักไปชั่วคราวแล้วพูดว่า "แต่บางครั้งข้าน้อยรู้สึกว่าคุณหนูไม่ค่อยสนใจความรู้
คดีของเหลียงเส้าเริ่มให้ตัดสินโทษแล้ว สิ่งแรกตัดสินท่านหญิงหยงอันกับเขาตัดขาดความสัมพันธ์เลย ไม่ไว้หน้าให้จวนเฉิงเอินป๋อแม้แต่น้อยประการที่สอง เขาทุบตีภรรยาของเขาจนทำให้ทารกในท้องตาย ยิ่งกว่านั้นหลานเอ่อร์ยังเป็นถึงท่านหญิงผู้สูงศักดิ์ บวกกับพระราชโองการที่ฮ่องเต้ออกให้ เฉินยี ผู้ตัดสินโทษแห่งหอต้าหลี่ได้ตัดสินให้เหลียงเส้าเนรเทศไปที่เมืองเฉียงโจวเป็นเวลาสิบปีและได้รับการดูแลโดยรัฐบาลเฉียงโจวให้เป็นนักโทษที่ทำหน้าที่ทำไร่คำตัดสินมีมีผลทันที ให้เดินทางในวันรุ่งขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้ทางจวนเฉิงเอินป๋อไปอ้อนวอนใครอีกเลยแต่ทางเฉิงเอินป๋อไม่ได้วิงวอนอีกเลย เขาไปหาอ๋องเยี่ยน อ๋องเยี่ยนบอกเขาว่าเขาได้วิงวอนเพื่อครอบครัวของเขาต่อหน้าไทเฮาแล้ว ดังนั้นคราวนี้แค่ลงโทษเหลียงเส้าเท่านั้น จะไม่ถอนยศถาบรรดาศักดิ์ของพวกเขา และให้พวกเขาเลิกวุ่ยนวายอีก ไม่เช่นนั้นเรื่องจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้พวกเขาไม่กล้าบอกคุณนายใหญ่ว่าเหลียงเส้าถูกตัดสินให้เนรเทศ ตอนนี้คุณนายใหญ่รู้แค่ว่าเขาจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานในคุกเท่านั้น แต่นางไม่สามารถเจอหน้าเขา ยังไงก็กังวลอยู่ดี เพราะเขาเป็นเด็กที่นางรักที่สุดจนกระทั่
ดวงตาของเหลียงเส้าว่างเปล่า เขาถูกผลักไปสองก้าว และทันใดนั้นก็หันกลับมามองพ่อของเขา "ท่านพ่อ ถ้าท่านเห็นเยียนหลิว ลองถามนางว่าเคยจริงใจกับข้าบ้างไหม"เมื่อเฉิงเอินป๋อได้ยินคำพูดนี้ เขาตาพร่ามัว รู้แต่ว่ามีอะไรบางอย่างปิดในลำคอของเขา เขาเกือบจะหายใจไม่ออก เกิดมีอาการเซและล้มลงกับพื้นฮูหยินเฉิงเอินป๋อร้องไห้เสียงดัง ดึงดูดชาวบ้านมากมายล้อมรอบเข้ามาดูเดิมทีเรื่องระหว่างจวนเฉิงเอินป๋อกับจวนอ๋องฮวยได้สร้างความวุ่นวายจนทุกคนรู้หมด บัดนี้ชาวเมืองหลวงกำลังพูดถึงเรื่องนี้ ตอนนี้ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นส่วนอีกคนกำลังร้องไห้ ชาวบ้านชาวเมืองเพียงแต่ดูสนุกเฉยๆ เรื่องความสุขความทุกข์ของตระกูลชั้นสูง ชาวบ้านจะไม่เกิดความเห็นใจใดๆ แค่ให้พวกเขามีเรื่องสนุกๆ ให้นินทามากขึ้นก็เท่านั้นเมื่อสองสามีภรรยาเฉิงเอินป๋อกลับบ้าน พวกเขาได้ยินว่าคุณนายใหญ่เป็นลมและเป็นอัมพาตครึ่งซีก แม้ว่าจะรีบสั่งให้คนในจวนหุบปากและห้ามบอกคนนอกเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาด แต่เรื่องที่คุณนายใหญ่ป่วยหนักเพราะเหลียงเส้ายังคงถูกแพร่กระจายออกไปอยู่ดี นี่จะทำให้เหลียงเส้าขึ้นชื่อเป็นคนอกตัญญูมาก แม้ว่าในอนาคตเขาจะกลับมาหลั
อ๋องฮวยลดสายตาลงและไม่แสดงทีท่าไม่พอใจใดๆ แต่มือที่เขาวางอยู่ที่จับนั้นมีเส้นเลือดในมือของเขาปูดออกมาเล็กน้อย "เสด็จพี่พูดถูก""ทางหลานเอ่อร์เจ้าก็ไม่ต้องไปสนใจอีกเลย ลูกสาวของเจ้านี่เข้าข้างคนนอก บัดนี้นางยอมอยู่กับซ่งซีซีก็ไม่คิดจะกลับจวนอ๋องของพวกเจ้า ทอดทิ้งไปก็ไม่เสียดายหรอก"อ๋องฮวยไม่พูดอะไร แต่ดวงตาของเขาค่อยๆ เต็มไปด้วยความโกรธเมื่อเห็นเช่นนี้ อ๋องเยี่ยนก็เปลี่ยนเรื่อง "เอาล่ะ เรื่องของจวนเฉิงเอินป๋อได้ผ่านไปแล้ว ทางราชสำนักจะไม่ใช้ขุนนางที่อกตัญญู พวกเขาจบเห่แล้ว ที่ข้ามาครั้งนี้เพื่อมุ่งเป้ายี่ฝาง ข้าส่งคนไปลอบสังหารนางมาก่อน แต่ได้รับการช่วยเหลือจากซ่งซีซี และทำให้ข้าสูญเสียนักรบสิ้นหวังไปหลายคน""พี่สาม บัดนี้อยากจะฆ่ายี่ฝางมิใช่เรื่องง่ายแล้ว ฮ่องเต้ส่งกองกำลังหลวงไปเฝ้าจวนแม่ทัพ แม้ว่าพวกเขาจะแต่งกายด้วยชุดลำลอง แต่ข้าได้ตรวจสอบมา พวกเขาคือกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงจริงๆ"อ๋องฮวยยังกล่าวอีกว่า "อีกอย่างยี่ฝางคนนี้มีไหวพริบมาก และไม่เคยก้าวออกจากจวนแม่ทัพเลย""หากติดสินบนคนของจวนแม่ทัพเพื่อวางยาพิษล่ะ?" อ๋องเยี่ยนถามอ๋องฮวยกล่าวว่า "ลองมาแล้ว แต่ก็ไร้
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ อ๋องเยี่ยนก็ครุ่นคิดอยู่นาน "แต่มันยังสู้ไม่ได้ให้นางตายไปเลยอยู่ดี จากนั้นความผิดจะตกอยู่ที่ตระกูลเซียวโดยตรง ยี่ฝางคนนี้กลัวตายและเป็นเจ้าแผนการด้วย บวกกับนางเป็นคนร้ายกาจมาก เกรงว่าคำพูดของนางยากที่จะทำให้คนอื่นเชื่อใจได้ อีกอย่าง ตระกูลเซียวเฝ้าอยู่ชายแดนเฉิงหลิงมานานหลายปี ไม่เคยฆ่าสามัญชนแม้แต่คนเดียวเลย หากมีคนทุ่มเทความพยายามพูดเข้าข้างเขา งั้นเขาก็จะพ้นจากเรื่องนี้ไปได้"อ๋องฮวยกล่าวว่า "แต่จุดประสงค์ของเราไม่ใช่ทำลายตระกูลเซียว เราเพียงแต่ต้องให้ชายแดนเฉิงหลิงเปลี่ยนหัวหน้าเท่านั้น ตระกูลเซียวถอนตัวออกไปและจัดคนของเราให้ไปเฝ้าดูแลชายแดนเฉิงหลิง ตอนนี้หวังเบียวยังไม่ได้มาเป็นพวกกับเรา ดังนั้นชายแดนเฉิงหลิงเราต้องเอาชนะให้ได้ ตราบใดที่เราควบคุมกองทหารสำคัญในทั้งสองแห่ง หรือถ่วงเวลาจากสงคราม เราทำตามแผนการเดิมให้ชาวบ้านทุกที่ประท้วง เพื่อสร้างบรรยากาศที่ฮ่องเต้ทำให้ประชาชนไม่พอใจ งั้นนั่นก็จะเป็นเวลาที่ดีที่เราจะกบฏ"หลังจากที่เขาพูดจบ ก็แอบมองไปที่ใบหน้าขององค์หญิงใหญ่ขณะยกภ้วยชาขึ้นมา และได้เห็นร่องรอยของความบูดบึ้งบนใบหน้าของนางอย่างที่คาดไว้เสียงของอ
ในสถาบันว่านซงเหมิน เสิ่นชิงเหอนำจดหมายไปหาศิษย์อา "ศิษย์อา จดหมายจากศิษย์น้องเซี่ย ขอให้ข้าไปเมืองหลวงสักหน่อย มีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือหากจากข้า"ศิษย์อานั่งสมาธิหลับตาไม่ตอบเขาโกรธมานานแล้วและตอนนี้ยังโกรธอยู่ เขาไม่อยากคุยกับใคร และไม่ยอมปล่อยให้ใครลงจากภูเขาด้วยดังนั้น คนที่มักจะออกจากเขาพวกนั้นตอนนี้จึงติดอยู่ในนั้นทั้งหมด ส่วนคนที่ออกไปแล้วยังไม่ได้กลับมานั้นก็ไม่กล้ากลับมาอีก อย่างเช่นผิงหวูจูงก่อนที่เขาจะไปเขตหนานเจียง เขาได้ออกคำสั่งซ้ำแล้วซ้ำว่าห้ามสร้างบ้านพักในเป่ยซาน เพราะเขามีแผนสำหรับที่ดินนั้น เขาต้องการสร้างตึกดวงดาว ซึ่งเป็นอาคารห้าชั้น มันสามารถขึ้นไปที่สูงเพื่อรับชมดาวจันทร์ หรือไปฝึกทักษะการต่อสู้ที่นั่น มันดีต่อการฝึกวิชาตัวเบา และที่สำคัญกว่านั้น เขามีเหตุผลอื่นเดิมทีเขาวางแผนที่จะเริ่มก่อสร้างในฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า แต่เมื่อเขากลับมา ก็เห็นว่าพวกเขาได้สร้างบ้านพักในภูเขาเป่ยซานแล้วภูมิภาคของภูเขาเป่ยซานนั้นสูงและมีน้ำตกอยู่ตรงข้ามกัน สร้างบ้านพักที่นั่น พูดตรงๆ ก็คือพวกเขาทุกคนอยากไปพักอยู่ที่นั่นและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามได้เปล่าๆความสามาร