เจ้าสิบเอ็ดฝางพยักหน้าอย่างนิ่งอึ้ง หลังจากตั้งสติกอยู่พักหนึ่งก็พูดด้วยเสียงสั่นเล็กน้อยในที่สุด "ข้าจะไม่พูดหรอก ฮูหยินไม่ต้องกังวล"นางจีมองไปยังจี้หยกที่แตกอยู่บนพื้นและรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง จะบอกเรื่องนี้ออกไปหรือไม่นั้นอันที่จริงนางครุ่นคิดมานานแล้ว นางทุกข์ใจมาก เรื่องนี้ราวกับระเบิดที่ฝังอยู่ในใจของนาง โดยไม่รู้ว่ามันจะระเบิดขึ้นเมื่อใดตอนนี้พอพูดออกไปแล้วนางกลับรู้สึกโล่งใจนางเชื่อว่าเจ้าสิบเอ็ดจะไม่บอกใคร แต่ถ้าเขาพูดออกไปจริงๆ งั้นก็ทำอะไรไม่ได้ กรรมที่คนของจวนป๋อผิงซีก่อไว้งั้นก็ให้จวนป๋อผิงซีรับไว้เถอะสมเป็นคนที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมากมายมา เจ้าสิบเอ็ดค่อยๆ กลับมามีสภาพใจเย็นขึ้นมาเขาโค้งคำนับให้กับนางจี และพูดว่า "ฮูหยินเสี่ยงกับชื่อเสียงของครอบครัวอาจเสื่อมเสียไปแล้วเล่าเรื่องความจริงทั้งหมดให้ข้า เห็นๆ อยู่ว่าเห็นใจข้าจริงๆ เจ้าสิบเอ็ดจะไม่ทำให้จวนป๋อผิงซีของเจ้าตกเป็นเป้าโดนหาว่าแน่นอน เรื่องนี้ถือว่าจบกับข้าเลย จะไม่มีคนอื่นรู้เรื่อง ข้าจะไม่ไปถามไถ่ลูกพี่ลูกน้องหรือนาง ส่วนทางนางจะหย่าหรือใช้ชีวิตเดิมต่อล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ท่านแม่เคยบอกว่าจะนัดบอ
หวังชิงหลูยังไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงกลับจวนแม่ทัพ บอกฮูหยินผู้เฒ่ากับจ้านเป่ยว่างว่าไม่สบาย และไปพบหมอซึ่งหมอบอกว่าได้รับความตกใจจึงทำให้เกิดอาการใจสั่นและจำเป็นต้องได้รับการพักฟื้นสักระยะหนึ่งจ้านเป่ยว่างไม่ได้เกิดสงสัยอะไร แต่กลับยิ่งสำนึกผิดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนางต้องหวาดกลัวกับการลอบสังหารแทบแย่เลย และต้องโศกเศร้าเพราะการตายของจินเอ๋อร์และเยว่เอ๋อร์ ความโศกเศร้าเสียใจเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะสร้างความเสียหายให้กับสุขภาพ ดังนั้นจ้านเป่ยว่างจึงดูแลตนเองให้ดีๆเดิมทีนางวางแผนที่จะพักฟื้นสักสองสามวันก่อนแล้วค่อยหาข้ออ้างกลับพักฟื้นที่บ้านพ่อแม่แต่แล้วในวันที่สามก็มีข่าวลือกันว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางกำลังจะนัดบอด เพราะคนใช้ในจวนซุบซิบนางจึงได้ยินเข้า หลังจากที่นางได้ยินดังนั้นก็ขมวด มันเป็นไปไม่ได้ เจ้าสิบเอ็ดได้ตอบรับปากกับนางแล้ว เขามิใช่คนที่ผิดสัญญา อีกอย่างเขาต้องสอบสวนการลอบสังหารที่จวนแม่ทัพมาก่อน จะไม่ทิ้งนางไว้โดยไม่สนใจเลยนางเรียกสาวใช้ทั้งสองคนมาและถามอย่างรุนแรง "พวกเจ้าอยู่ในจวนตลอดและไม่ได้ออกไปไหน ได้ยินแม่ทัพฝางจะนัดบอดที่ไหนกัน หากสร้างข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงแบบน
หวังชิงหลูเสียใจมาก ที่บ้านครอบครัวสามีอยู่ไม่ได้ ทางบ้านพ่อแม่ก็ปฏิเสธช่วยนาง นางรู้สึกสิ้นหวัง จะมีชีวิตเพื่ออะไรกัน?แต่นางไม่ยอม เจ้าสิบเอ็ดไม่ใช่คนที่จะผิดคำพูด เขายังมีความรู้สึกต่อตนเอง นางต้องไปหาเขาเพื่อหาคำตอบนางรู้ว่าด้วยสถานะตนเองไปหาเขาที่บ้านจะไม่เหมาะ แต่นางไม่สนแล้ว นางต้องการถามเขาต่อหน้าให้ชัดเจนรถม้ามาถึงหน้าบ้านตระกูลฝาง นางลงจากรถแล้วเดินตรงไปเข้าไป เมื่อเด็กเฝ้าดูประตูเห็นนางก็โพล่งออกมาว่า "คุณนาย...อ๊า จ้านฮูหยิน"นางขมวดคิ้วและมองเด็กรับใช้คนนั้นอย่างเย็นชา "จะเรียกอะไรกัน จ้านฮูหยินอะไรกัน เจ้าสิบเอ็ดอยู่ในจวนหรือเปล่า"เด็กเฝ้าดูประตูสะดุ้งและพูดโดยสัญชาตญาณ "อยู่ขอรับ!"นางเดินเข้าไปพร้อมกับหงเอ๋อร์ หงเอ๋อร์ตกใจมากจนขาสั่น แต่นางก็รั้งฮูหยินไม่ได้ แล้วจะมาตระกูลฝางได้อย่างไร ถ้าโดนทางจวนแม่ทัพรู้เรื่องนี้เข้า คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆการกระทำของหวังชิงหลูทำให้ทุกคนในตระกูลฝางงุนงงมากนี่...พวกเขาไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีกแล้ว ทำไมไม่ให้คนใช้รายงานก่อนก็เข้ามาโดยตรงล่ะ? นับประสาจดหมายบอกเยี่ยมด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้น พอนางเข้าไปก็บอกว่าต้องการพบเจ้าสิบเอ็
อ๋องเยี่ยนกลับเมืองหลวงพร้อมกับครอบครัวใหญ่ทั้งหมดของเขา และได้ปักหลักแล้ว หลังจากเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮาและฮ่องเต้ อ๋องเยี่ยนก็พาพระชายานางเสิ่นและชายารองจินไปที่จวนเป่ยหมิงอ๋องวันนี้เซี่ยหลูโม่หยุดงาน เลยอยู่ในจวน เมื่อเห็นเขามาเยี่ยมแบบนี้อีกครั้ง เขาก็โกรธเล็กน้อยจริงๆเขาเป็นถึงเสด็จอา และเขามาเยี่ยมเยือนพร้อมกับคนในครอบครัวด้วยตนเอง ไม่มีเหตุผลปฏิเสธไปพบ เพียงแต่ว่าควรจะให้เซี่ยหลูโม่นำซ่งซีซีไปเยี่ยมที่จวนอ๋องเยี่ยน นี่ถึงสมเหตุสมผลมากกว่าตอนนี้ให้เขาซึ่งเป็นเสด็จอมาเยี่ยมเขาด้วยตนเอง มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเซี่ยหลูโม่ หลานชายคนนี้หยิ่งมากจนแม้แต่ไม่สนใจอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่เลยเซี่ยหลูโม่ได้แต่เชิญเสด็จแม่ออกมา ด้วยวิธีนี้ แล้วบอกว่าครอบครัวอ๋องเยี่ยนมาเยี่ยมสนมฮุ่ยไทเฟยกฌสมเหตุสมผลหน่อยจริงๆ แล้วทั้งอาและหลานชายแทบไม่มีอะไรจะคุยเลย พวกเขาเหินห่างมาก บวกกับแต่ละคนก็มีความคิดของตัวเอง มันแค่ถามสารทุกข์สุขดิบตามมารยาทเท่านั้น น่าอึดอัดมากทว่านางเสิ่นพระชายาอ๋องเยี่ยนกลับกระตือรือร้นกับซ่งซีซีมาก และคุยกับซ่งซีซีเกี่ยวกับเรื่องเสิ่นว่านจือไม่หยุดเพื่อตีสนิท ใครจะไปรู้ว่าเม
เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซียืนขึ้นเดินออกไปเกือบจะพร้อมกัน พวกเขาเห็นผมของหวังชิงหลูยุ่งเหยิง และถือมีดสั้นไว้ที่คอของนาง เนื่องจากใช้แรงมากไปหน่อยเลยมีเลือดออกหงเอ๋อร์ สาวใช้ของนางเดินตามนาง ใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เมื่อกี้ฮูหยินบอกว่าต้องไปจวนเป่ยหมิงอ๋อง ระหว่างทางก็ซื้อกริชเล่มหนึ่ง นางห้ามไม่ได้เมื่อเห็นซ่งซีซี ดวงตาของหวังชิงหลูก็แดงก่ำ และเขาตะโกนด้วยความโกรธ "ซ่งซีซี ข้ามีความแค้นอะไรกับเจ้า? ทำไมเจ้าต้องทำร้ายข้าแบบนั้น?"ซ่งซีซีสั่งหัวหน้าลู่อย่างใจเย็น "ส่งคนไปที่จวนป๋อผิงซีและจวนแม่ทัพเพื่อให้พวกเขาพาจ้านฮูหยินกลับไป"หัวหน้าลู่ตอบรับและรีบออกไปทำซ่งซีซีพูดกับเซี่ยหลูโม่ว่า "ท่านกลับไป ข้ามาจัดการเอง"เซี่ยหลูโม่เหลือบมองที่หวังชิงหลู และเห็นนางดูบ้าคลั่ง ยังถือมีดสั้นอยู่ "ระวังด้วย อย่าทำร้ายตัวเองเข้า"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินกลับไปและเห็นอ๋องเยี่ยนเดินออกไป เขาเหยียดแขนยาวออกแล้วหยุดเขา "เสด็จอา ดื่มชาต่อ เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้ว""เกิดอะไรขึ้น? ใครกล้าบุกเข้ามาจวนเป่ยหมิงอ๋อง?" อ๋องเยี่ยนถามเสียงดังด้วยน้ำเสียงเคร่งครัด "ควรถูกตั้งมาตรฐาอีกครั้ง หาใช่ว่าใ
ในห้องโถงด้านข้าง มีคนสองคนนั่งตรงข้ามกันซ่งซีซีมองที่คอของนางและขมวดคิ้ว "เจ้ายังจะใช้กริชแทงที่คออีกไหม? หากต้องการตายจริงๆ เพียงแค่ชนหัวเข้ากับประตูจวนเป่ยหมิงอ๋องก็ตายได้เลย มาเล่นโวยวายแบบนี้ คนที่เสียหน้าคือเจ้าเอง"หวังชิงหลูปาดน้ำตาด้วยหลังมือเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวและดื้อรั้น "ซ่งซีซี การทำลายชีวิตแต่งงานของคนอื่นมันจบไม่สวย เจ้าร้ายกาจจริงๆ"ซ่งซีซียืดหลังตรง ซึ่งเป็นท่านั่งประจำของนาง "ข้าทำลายชีวิตแต่งงานของเจ้าอะไรกัน เจ้ากับจ้านเป่ยว่างเป็นยังไงมันเป็นเรื่องของพวกเจ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า เจ้านี่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีจริงๆ ตอนที่จวนแม่ทัพถูกลอบสังหาร ข้าเป็นคนช่วยชีวิตพวกเจ้านะ"หวังชิงหลูพูดอย่างเย็นชา "คนละเรื่องกัน ที่จวนแม่ทัพถูกลอบสังหารที่เจ้ามาช่วยก็ไม่ได้มาเพื่อข้า ข้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณเจ้า"ซ่งซีซีโกรธจนหัวเราะออกมากับคำพูดของนาง "ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าขอบคุณหรอก ว่ามา ข้าทำอะไรไปทำลายชีวิตแต่งงานของเจ้าล่ะ"หวังชิงหลูกัดฟันกรอด "อย่าแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าได้พูดอะไรกับเจ้าสิบเอ็ดฝางเหรอ? เจ้าแค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เมื่อรู้ว่าข้ากับเจ
หลังจากพูดอย่างนั้นซ่งซีซีก็ปล่อยแขนของนาง นางทรุดตัวลงบนเก้าอี้แล้วเอามือปิดหน้า "ถ้าไม่ใช่เจ้า ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วใครจะทำร้ายข้า ใครจะทำร้ายข้าล่ะ นอกจากเจ้าแล้วยังเป็นผู้ใดได้อีกล่ะ?"ซ่งซีซีพูดไม่ออกและจนใจกับคนแบบนี้จริงๆ นางไม่โกรธเพราะไม่มากพอที่จะให้โกร เห็นๆ อยู่ว่าหวังชิงหลูได้รับการดูแลและการปกป้องอย่างดีจากครอบครัวพ่อแม่ของนางและตระกูลฝาง ดังนั้นนางจึงขาดความสามารถในการคิดขั้นพื้นฐานที่สุดพูดตรงๆ คือเห็นแก่ตัวและโง่เขลานางนั่งลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มันไม่มีประโยชน์ที่จะโกรธกับคนแบบนี้ ใช้เหตุผลอาจไม่ได้ผลด้วย แต่จำเป็นต้องพูด "ข้าถามเจ้าหน่อย ข้ามีความแค้นอะไรกับเจ้าหรือไม่"หวังชิงหลูหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปาดน้ำตา ดวงตาของนางทั้งแดงก่ำและบวมมาก "ไม่มีความแค้นเหรอ? เจ้าเป็นอดีตภรรยาของจ้านเป่ยว่าง และเราออกเรือนกันในวันเดียวกัน เรื่องสินเดิมเจ้ามีมากกว่าข้าตั้งเยอะ ทำให้ข้าเข้าจวนแม่ทัพนั้นโดนคนอื่นดูถูก"ซ่งซีซีคว้าที่วางแขนของเก้าอี้ หายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง และคลายออกช้าๆ ซึ่งทำให้นางจะเป็นบ้าจริงๆ "สินเดิมหรือ? ข้าจะไปแข่งสินเดิมกับเจ้าเมื่อไร คือเจ้าอยากแข่งกับข้า เจ
นางจีจากจวนป๋อผิงซีมาถึงพร้อมกับสาวใช้มาก่อนผู้คนจากจวนแม่ทัพนางจีเดินเข้าจวน และคารวะต่อไทเฟยก่อน เมื่อเห็นว่าครอบครัวอ๋องเยี่ยนก็อยู่ด้วย ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดลงทันที เสียหน้าครั้งใหญ่จริงๆภายใต้การนำทางของเป่าจู นางจีมาที่ห้องโถงด้านข้าง ทันทีที่เข้าไปในห้อง ก็ขอโทษต่อซ่งซีซีก่อน "ท่านพระชายาโปรดยกโทษให้ข้าด้วย คือคุณหนูสามของเราทำมากเกินไป ไปล่วงเกินไทเฟยและพระชายา ข้ากล่าวขอโทษท่านพระชายาเจ้าค่ะ"ซ่งซีซีพยุงนาง และพูดว่า "ฮูหยินมาทันเวลาเลย นำคุณหนูสามของพวกเจ้ากลับไปเถอะ ข้ายังส่งคนไปที่จวนแม่ทัพด้วย แต่ข้าคิดว่าที่จวนแม่ทัพคงไม่มีใครมาจวนอ๋อง งั้นฮูหยินพานางกลับดีกว่า"หวังชิงหลูเงยหน้าขึ้นใช้ดวงตาที่บวมจากการร้องไห้มองดูนางจี นางจีจ้องมองนางอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซ่งซีซีว่า "เจ้าค่ะ ข้าจะพานางกลับ แล้วค่อยหาเวลามากล่าวขอโทษอีกที"นางเดินไปหาหวังชิงหลู และพูดด้วยใบหน้าไม่แยแส "เจ้าอยากจะเดินด้วยตนเอง หรือว่าให้ข้าเรียกคนมาจับเจ้าไป?"หวังชิงหลูมองไปที่คนรับใช้อ้วนท้วนที่อยู่ข้างหลัง ไม่ว่านางจะรู้สึกกลุ้มใจหรือโกรธแค่ไหน ก็ได้แต่ยืนขึ้นและเดินจากไปซ่งซีซีพูดอย่างใจเย็น