พวกเขาทั้งสองรับมืออย่างน่าอนาถ แต่กลับถูกตีแพ้ยับเยิน โดยมีเลือดสาดไปทั่วมือสังหารไม่อยากเสียเวลากับการต่อสู้ ทิ้งคนหนึ่งไปฝ่าฟันกับพ่อลูกสามคนของจ้านเป่ยว่าง อีกสามคนแทงไปยังหน้าอกของยี่ฝาง ยี่ฝางหวาดหวั่นจนทิ้งดาบออกไปอย่างเร็วแล้วดึงจ้านเป่ยว่างมาบังหน้าตนเอง"ไม่!" ทั้งฮูหยินผู้เฒ่าจ้านและหวังชิงหลูเห็นเช่นนั้นก็ตะโกนออกมาพร้อมกันจ้านเป่ยว่างไม่เคยฝันว่ายี่ฝางจะทำเช่นนี้ เขากำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ แต่ถูกยี่ฝางจับแขนของเขาไว้แน่น เลยทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะโบกดาบเพื่อต่อต้าน และทำได้เพียงเฝ้าดูมือสังหารทั้งสามเอาดาบมาแทงที่หน้าอกของเขาทุกคนในนั้นตัวแข็งทื่อ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านไม่กล้ามอง กลัวว่าบุตรชายของตนเองจะตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของมือสังหารในช่วงเวลาวิกฤติ ด้วยเสียง "วู้ด" หอกดอกท้อก็พุ่งมาจากท้องฟ้าและกระแทกดาบสามเล่มออกไปอย่างแม่นยำ ส่งผลทำให้กรามของมือสังหารเจ็บ และรีบถอยหลังออกไปร่างหนึ่งบินขึ้นไปในอากาศ และรับหอกดอกท้อกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยปลายเท้าของนาง โดยไม่ชักช้า พอแสงสว่างขึ้นบีบบังคับให้มือสังหารสามคนต้องถอยหลังยังไม่ทันจะมองเห็นได้ชัดเจน
"เจ้าบ้าไปแล้ว!" จ้านกังโกรธจัด "พวกเขาทั้งหมดถูกมัดตัวไว้ ถ้าไม่พาพวกเขากลับไปที่สำนักเพื่อสอบปากคำว่าใครส่งพวกเขามา เราจะป้องกันปัญหาในอนาคตได้อย่างไร"ยี่ฝางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซ่งซีซีดวงตาของนางซับซ้อนและโหดร้าย และนางก็กัดฟันกรอด "ผู้หญิงที่ถูกถูกไล่ออกจากจวนแม่ทัพ เจ้ามีสิทธิอะไรจะกลับมาที่นี่?"ซ่งซีซีมองเลือดบนใบหน้าของนาง แล้วขมวดคิ้ว "เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นสายลับจากเมืองซีจิงเหรอ? โง่จริงๆ"สีหน้าของยี่ฝางเปลี่ยนไปเล็กน้อย และดวงตาของนางก็ยิ่งมุ่งร้ายมากขึ้นใช่ นางกลัวว่าพวกเขาเป็นสายลับจากเมืองซีจิง เมื่อถูกสำนักเขตจิงจ้าวสอบปากคำด้วยวิธีน่าทรมาน พวกเขาจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองลู่เปินเอ่อร์อย่างแน่นอน ตอนนี้ นางยังคงคิอว่าตนเองโชคดีอยู่ เพราะฮ่องเต้ไม่ได้ลงโทษนางแต่ถ้าเรื่องนี้ถูกสอบสวนโดยทางราชการ นาง... นางไม่กล้าเล่นการพนันซ่งซีซีรู้ดีว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ นางก็รู้สึกอับอายเมื่อถูกมองออกหลังจากนั้นไม่นาน ปี้หมิงก็มาถึงพร้อมกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวง เมื่อเห็นซ่งซีซี ปี้หมิงก็กราบไหว้ "กราบรองผู้บัญชาการขอรับ""มือสังหารตายแล้ว เจ้าจัดการต
การตบฉาดนี้ทำให้ศีรษะของยี่ฝางเบือนออกไปทางอื่นนางกัดฟันกรอดและไม่โต้กลับ แต่ยังคงทำแผต่อไปหวังชิงหลูหันไปมองปี้หมิง แล้วปาดน้ำตาด้วยมือเดียวและพูดเสียงดัง "ใต้เท้าปี้ เป็นเพราะนาง พวกมือสังหารมุ่งเป้ามาหานาง นางซ่อนตัวอยู่ในห้อง และผลักข้าและสาวใชของข้าออกมา เป็นนางทำให้สาวใช้ของข้าต้องตาย อีกอย่าง มือสังหารถูกซ่งซีซีปราบและมัดตัวไว้ นางไม่รู้เป็นบ้าอะไรไปฆ่าพวกเขาให้ตายหมด หวังว่าใต้เท้าปี้จะคืนความยุติธรรมให้ข้าด้วย"ปี้หมิงมองไปที่ยี่ฝาง ก่อนที่เขาจะถามคำถามใดๆ ยี่ฝางก็พูดอย่างเย็นชา "พวกเขาบุกเข้ามาจวนแม่ทัพ และสังหารองครักษ์และสาวใช้ ถ้าข้าให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ ไม่เท่ากับทิ้งปัญหาไว้เหรอ?"ปี้หมิงตรวจสอบศพของนัมือสังหาร และไม่พอใจกับคำตอบของยี่ฝางมาก "เส้นเอ็นทั้งมือและขาของพวกเขาถูกตัดขาดแล้ว ซึ่งทำให้พลังชี่ตันเถียนของพวกเขาหมดแล้ว อีกทั้งยังถูกมัดไว้ แล้วจะมีปัญหาอะไรล่ะ? แทนที่จะไว้ชีวิตพวกเขา จะได้รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง นั่นแหละเป็นหายนะที่แท้จริง"ยี่ฝางสงบมากจนน่ากลัว "งั้นต้องขอโทษด้วย พวกเขาฆ่าคนของจวนแม่ทัพไปมากมาย ข้าแค่อารมณ์ฉุนเฉียวเลยเผลอไปลงมือกับพวกเขา ก
ผู้คนจากสำนักเขตจิงจ้าวก็มาถึงในไม่ช้า จ้านกังพูดคุยกับพวกเขาสักพัก จากนั้นก็หารือกับปี้หมิงจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงว่านำศพของมือสังหารจะให้ทางสำนักเขตจิงจ้าวนำกลับมาเนื่องจากเรื่องนี้ได้ถูกส่งมอบให้กับสำนักรัฐแล้ว งั้นคำสอบปากคำก็สำคัญมาก คำถามที่ปี้หมิงถามเมื่อกี้ ทางสำนักเขตจิงจ้าวก็จะถามอีกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม ยี่ฝางแกล้งเป็นลมเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนำตัวกลับไปที่ห้องของนางทุกคนต้องมาจัดการเรื่องเพื่อนางหลังจากที่จ้านเป่ยว่างรับมือกับคำถามทั้งหมดแล้ว ในที่สุดเขาก็หมดสติไป หวังชิงหลูสั่งให้ส่งเขาไปที่เตียงของเรือนเหวินซีเพื่อพักผ่อนเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารองรู้ว่าซ่งซีซีมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือทุกคนในคืนนี้ นางไม่เคยยุ่งเรื่องกิจการของบ้านใหญ่มาตลอดกลับไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้นโดยตรง แล้วถามอย่างรุนแรง "ที่ผ่านมาพวกเจ้าทำกับนางอย่างไร? วันนี้นางได้มาช่วยเหลือครอบครัวของจวนแม่ทัพ ข้าถามว่าเจ้าละอายใจบ้างไหม ต่อไปยังตำหนิหาว่านางอีกหรือไม่!"นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพูดไม่ออกอยู่ต่อหน้าน้องสะใภ้ภยันตรายในคืนนี้เกือบทำให้นางตกใจตาย ตอ
ซ่งซีซีนึกถึงองค์ชายสามที่นางพบนอกเมืองซีม่อน ซึ่งปัจจุบันเป็นรัชทายาทแห่งเมืองซีจิง เขามีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อชาวซางเมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะจักรพรรดิ สิ่งต่างๆ เรื่องเมืองลู่เปินเอ่อร์ก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากมากซ่งซีซีรู้สึกเห็นใจกับท่านตาเขาอายุเกินหกสิบแล้ว แต่ยังคงประจำการอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง และไม่สามารถกลับเมืองหลวงเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือของตนเองอย่างดีได้โดยทั่วไปแล้วแม่ทัพควรเกษียณอายุเมื่ออายุเท่านี้ซ่งซีซีค่อนข้างเข้าใจความตั้งใจของฮ่องเต้ที่จะเลื่อนตำแหน่งแม่ทัพรุ่นเยาว์ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนที่ใช้งานได้จริงๆ ก็มีไม่กี่คนเลยฮ่องเต้ยังปลดเปลื้องอำนาจทางทหารของเซี่ยหลูโม่ เขาเป็นผู้บัญชาการที่ทั้งแคว้นซาและเมืองซีจิงพอได้ยินชื่อก็จะรู้สึกหวาดกลัว อันที่จริง หากเขากุมอำนาจทางทหาร จะทำให้ทุกฝ่ายหวาดกลัวอย่างแน่นอนปัจจุบัน ยามบ้านเมืองสงบรุ่งเรืองได้เปลี่ยนให้เป็นหวังเบียว เป็นชั่วคราวก็ไม่ได้เป็นอะไร หากเกิดสงครามจริงๆ หวังเบียวจะรับผิดชอบไม่ไหวเลย"ไปพักผ่อนเร็วๆ เถอะ คดีอาจจะถูกส่งไปยังสำนักเขตจิงจ้าว สำนักเขตจิงจ้าวจะมาสอบสวนพรุ่งนี้ บางทีฮ่อ
หลังจากถามสารทุกข์สุขดิบกันสักพัก ซ่งซีซีก็ถามว่า "ต่างหูซ่อมได้ไหม?"หลี่จิ้งกล่าวว่า "แม่สามีได้ส่งคนนำมันไปที่ร้านจินจิงดูแล้ว น่าจะซ่อมแซมได้""ของมีค่าแบบนี้เก็บไว้ที่บ้านจะดีกว่า ใส่ออกไปแบบนั้นก็จะมีความเสี่ยงเสมอ" ซ่งซีซีเห็นนางไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเพียงเพื่อต่างหูชิ้นหนึ่ง เลยรู้ว่าต่างหูนั้นสำคัญกับนางมากเพียงใด"เมื่อก่อนข้าไม่ใส่หรอก" หลี่จิ้งยิ้ม แต่ดวงตาของนางกลับขุ่นมัว "เพียงแต่เมื่อวานไปส่งเว่ยเอ๋อร์เข้าเรียน เลยคิดว่าใส่มันไว้ ราวกับว่าเขาได้ไปส่งเว่ยเอ๋อร์พร้อมข้า"น้ำเสียงของนางสั่นเล็กน้อย "นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราต้องทำในชีวิตนี้ ได้ได้เขียนไว้ตอนเราแต่งงาน ข้ารู้ว่าการทำเช่นนี้เป็นการหลอกลวงตัวเอง แต่บางครั้งหากข้าไม่หลอกลวงตัวเองชีวิตมันก็จะอยู่ยากจริงๆ"ดวงตาของซ่งซีซีเต็มไปด้วยความสงสาร ส่วนหนึ่งเพื่อนาง และอีกส่วนหนึ่งเพื่อตัวเนางเอง"ข้ารู้ว่าคนเข้มแข็งอย่างท่านพระชายาจะไม่โง่เหมือนข้า และทำสิ่งที่หลอกลวงตัวเอง" บางทีนางอาจจะไม่ได้คุยกับคนอื่นมานานแล้ว หรือบางทีเป็นเพราะสามีของตนอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเสนาบดีกั๋วกงซ่ง และได้เสียชีวิตพร้อมกับวรีบุรุษของค
ณ เมืองซีม่อนหวังเบียวรู้สึกหงุดหงิดจนหมดความอดทนแล้ว เจรจามาสี่ครั้ง วิกเตอร์ไม่ยอมอ่อนข้าให้แม้แต่น้อย ต้องใช้เมืองซีม่อนเท่านั้นถึงสามารถแลกกับชีซื่อได้ ส่วนผู้ถูกจับคนอื่นๆ ได้แลกเปลี่ยนกันมานานแล้ว จะว่าไปเราก็เาียเปรียบ จำนวนผู้ถูกจับระหว่างทั้งสองประเทศไม่เท่ากัน จำนวนผู้ถูกจับของแคว้นซามากกว่ากองทัพของตระกูลซ่งถึงสองเท่ามันไม่ตรงกับจำนวนผู้ถูกจับเลย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ฆ่าผู้ถูกจับไปไม่น้อยตอนนี้เขายังขอใช้ชีวิตของชีซื่อเพื่อแลกกับเมืองซีม่อน เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไงหากมิใช่เป่ยหมิงอ๋องเซี่ยหลูโม่มาถึงเมื่อสองวันก่อน และให้เขาชะลอการเจรจาไว้ เขาคงอยากจะปฏิเสธวิกเตอร์ไปตรงๆฝางเทียนสวีและฉีหลินมักจะบอกเขาว่าชีซื่อมีความสำคัญในการยึดเขตหนานเจียง แต่เขาไม่คิดอย่างนั้น เขาเคยอ่านรายชื่อมาแล้ว ในกองทัพตระกูลซ่งไม่มีคนที่ชื่อชีซื่อ แม้ว่ารายชื่อมีคนหลุดไป แต่ด้วยชีซื่อคนเดียว มันจะส่งข้อมูลสำคัญกลับไปได้อย่างไร?ดังนั้นเขาคิดว่าข่าวกรองที่ส่งกลับมาโดยชีซื่อ เป็นเรื่องที่สายลับแนวหน้าทั่วไปก็สามารถทำได้เช่นกัน เขาไม่ได้สำคัญขนาดนั้นการเจรจาถ่วงเวลาไปนานเกินไป และเขาไม่
ณ เมืองหลวงซ่งซีซีถูกเรียกตัวไปที่พระราชวังในวันที่สี่หลังจากที่มือสังหารบุกรุกเข้าไปในจวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นไม่มีใครจากสำนักเขตจิงจ้าวมาสอบปากคำ และทั้งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนก็ไม่ได้มาซ่งซีซีไม่ได้รู้สึกแปลก ถึงยังไงสำนักเขตจิงจ้าวและค่ายลาดตระเวนจะสืบสวนเรื่องนี้โดยอาศัยข้อมูลจากจวนแม่ทัพ พวกเขาจะรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ได้ก็ต่อเมื่อมีเบาะแสเท่านั้น จากนั้นฮ่องเต้ถึงเรียกนางเข้าวังเพื่อซักถามในขณะที่ซ่งซีซีเข้าไปในวังนั้น จ้านเป่ยว่างซึ่งได้พักฟื้นมาหลายวันในที่สุดก็ลุกขึ้นจากเตียงและตรงไปที่ห้องยี่ฝางความโกรธนี้ เขากลั้นเอาไว้หลายวันแล้ว แม้ว่าอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาจะเป็นบาดแผลผิวเผิน แต่ก็โดนดาบบาดมามากกว่าสิบครั้ง จึงต้องนอนพักฟื้นมิฉะนั้นหากเขาได้เกิดโรคประจำตัวเนื่องจากบาดเจ็บนี้ งั้นเขาก็จะสูญเสียคุณค่าไปโดยสิ้นเชิง และไม่แม้แต่เป็นองครักษ์กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงด้วยซ้ำยี่ฝางก็นอนพักฟื้นอยู่สองสามวัน อาการบาดเจ็บของนางค่อนข้างเบา แต่จริงๆ แล้วนางแค่ไม่อยากขยับตัว ทุกคนในจวนก็มองนางเป็นศัตรู และแม้แต่คนรับใช้ก็มองด
สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง
ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที
ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา
เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ
แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ
ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่
บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า
ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที
นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด