Share

บทที่ 530

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
การตบฉาดนี้ทำให้ศีรษะของยี่ฝางเบือนออกไปทางอื่น

นางกัดฟันกรอดและไม่โต้กลับ แต่ยังคงทำแผต่อไป

หวังชิงหลูหันไปมองปี้หมิง แล้วปาดน้ำตาด้วยมือเดียวและพูดเสียงดัง "ใต้เท้าปี้ เป็นเพราะนาง พวกมือสังหารมุ่งเป้ามาหานาง นางซ่อนตัวอยู่ในห้อง และผลักข้าและสาวใชของข้าออกมา เป็นนางทำให้สาวใช้ของข้าต้องตาย อีกอย่าง มือสังหารถูกซ่งซีซีปราบและมัดตัวไว้ นางไม่รู้เป็นบ้าอะไรไปฆ่าพวกเขาให้ตายหมด หวังว่าใต้เท้าปี้จะคืนความยุติธรรมให้ข้าด้วย"

ปี้หมิงมองไปที่ยี่ฝาง ก่อนที่เขาจะถามคำถามใดๆ ยี่ฝางก็พูดอย่างเย็นชา "พวกเขาบุกเข้ามาจวนแม่ทัพ และสังหารองครักษ์และสาวใช้ ถ้าข้าให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ ไม่เท่ากับทิ้งปัญหาไว้เหรอ?"

ปี้หมิงตรวจสอบศพของนัมือสังหาร และไม่พอใจกับคำตอบของยี่ฝางมาก "เส้นเอ็นทั้งมือและขาของพวกเขาถูกตัดขาดแล้ว ซึ่งทำให้พลังชี่ตันเถียนของพวกเขาหมดแล้ว อีกทั้งยังถูกมัดไว้ แล้วจะมีปัญหาอะไรล่ะ? แทนที่จะไว้ชีวิตพวกเขา จะได้รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง นั่นแหละเป็นหายนะที่แท้จริง"

ยี่ฝางสงบมากจนน่ากลัว "งั้นต้องขอโทษด้วย พวกเขาฆ่าคนของจวนแม่ทัพไปมากมาย ข้าแค่อารมณ์ฉุนเฉียวเลยเผลอไปลงมือกับพวกเขา ก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 531

    ผู้คนจากสำนักเขตจิงจ้าวก็มาถึงในไม่ช้า จ้านกังพูดคุยกับพวกเขาสักพัก จากนั้นก็หารือกับปี้หมิงจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงว่านำศพของมือสังหารจะให้ทางสำนักเขตจิงจ้าวนำกลับมาเนื่องจากเรื่องนี้ได้ถูกส่งมอบให้กับสำนักรัฐแล้ว งั้นคำสอบปากคำก็สำคัญมาก คำถามที่ปี้หมิงถามเมื่อกี้ ทางสำนักเขตจิงจ้าวก็จะถามอีกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม ยี่ฝางแกล้งเป็นลมเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนำตัวกลับไปที่ห้องของนางทุกคนต้องมาจัดการเรื่องเพื่อนางหลังจากที่จ้านเป่ยว่างรับมือกับคำถามทั้งหมดแล้ว ในที่สุดเขาก็หมดสติไป หวังชิงหลูสั่งให้ส่งเขาไปที่เตียงของเรือนเหวินซีเพื่อพักผ่อนเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารองรู้ว่าซ่งซีซีมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือทุกคนในคืนนี้ นางไม่เคยยุ่งเรื่องกิจการของบ้านใหญ่มาตลอดกลับไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้นโดยตรง แล้วถามอย่างรุนแรง "ที่ผ่านมาพวกเจ้าทำกับนางอย่างไร? วันนี้นางได้มาช่วยเหลือครอบครัวของจวนแม่ทัพ ข้าถามว่าเจ้าละอายใจบ้างไหม ต่อไปยังตำหนิหาว่านางอีกหรือไม่!"นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพูดไม่ออกอยู่ต่อหน้าน้องสะใภ้ภยันตรายในคืนนี้เกือบทำให้นางตกใจตาย ตอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 532

    ซ่งซีซีนึกถึงองค์ชายสามที่นางพบนอกเมืองซีม่อน ซึ่งปัจจุบันเป็นรัชทายาทแห่งเมืองซีจิง เขามีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อชาวซางเมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะจักรพรรดิ สิ่งต่างๆ เรื่องเมืองลู่เปินเอ่อร์ก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากมากซ่งซีซีรู้สึกเห็นใจกับท่านตาเขาอายุเกินหกสิบแล้ว แต่ยังคงประจำการอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง และไม่สามารถกลับเมืองหลวงเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือของตนเองอย่างดีได้โดยทั่วไปแล้วแม่ทัพควรเกษียณอายุเมื่ออายุเท่านี้ซ่งซีซีค่อนข้างเข้าใจความตั้งใจของฮ่องเต้ที่จะเลื่อนตำแหน่งแม่ทัพรุ่นเยาว์ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนที่ใช้งานได้จริงๆ ก็มีไม่กี่คนเลยฮ่องเต้ยังปลดเปลื้องอำนาจทางทหารของเซี่ยหลูโม่ เขาเป็นผู้บัญชาการที่ทั้งแคว้นซาและเมืองซีจิงพอได้ยินชื่อก็จะรู้สึกหวาดกลัว อันที่จริง หากเขากุมอำนาจทางทหาร จะทำให้ทุกฝ่ายหวาดกลัวอย่างแน่นอนปัจจุบัน ยามบ้านเมืองสงบรุ่งเรืองได้เปลี่ยนให้เป็นหวังเบียว เป็นชั่วคราวก็ไม่ได้เป็นอะไร หากเกิดสงครามจริงๆ หวังเบียวจะรับผิดชอบไม่ไหวเลย"ไปพักผ่อนเร็วๆ เถอะ คดีอาจจะถูกส่งไปยังสำนักเขตจิงจ้าว สำนักเขตจิงจ้าวจะมาสอบสวนพรุ่งนี้ บางทีฮ่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 533

    หลังจากถามสารทุกข์สุขดิบกันสักพัก ซ่งซีซีก็ถามว่า "ต่างหูซ่อมได้ไหม?"หลี่จิ้งกล่าวว่า "แม่สามีได้ส่งคนนำมันไปที่ร้านจินจิงดูแล้ว น่าจะซ่อมแซมได้""ของมีค่าแบบนี้เก็บไว้ที่บ้านจะดีกว่า ใส่ออกไปแบบนั้นก็จะมีความเสี่ยงเสมอ" ซ่งซีซีเห็นนางไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเพียงเพื่อต่างหูชิ้นหนึ่ง เลยรู้ว่าต่างหูนั้นสำคัญกับนางมากเพียงใด"เมื่อก่อนข้าไม่ใส่หรอก" หลี่จิ้งยิ้ม แต่ดวงตาของนางกลับขุ่นมัว "เพียงแต่เมื่อวานไปส่งเว่ยเอ๋อร์เข้าเรียน เลยคิดว่าใส่มันไว้ ราวกับว่าเขาได้ไปส่งเว่ยเอ๋อร์พร้อมข้า"น้ำเสียงของนางสั่นเล็กน้อย "นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราต้องทำในชีวิตนี้ ได้ได้เขียนไว้ตอนเราแต่งงาน ข้ารู้ว่าการทำเช่นนี้เป็นการหลอกลวงตัวเอง แต่บางครั้งหากข้าไม่หลอกลวงตัวเองชีวิตมันก็จะอยู่ยากจริงๆ"ดวงตาของซ่งซีซีเต็มไปด้วยความสงสาร ส่วนหนึ่งเพื่อนาง และอีกส่วนหนึ่งเพื่อตัวเนางเอง"ข้ารู้ว่าคนเข้มแข็งอย่างท่านพระชายาจะไม่โง่เหมือนข้า และทำสิ่งที่หลอกลวงตัวเอง" บางทีนางอาจจะไม่ได้คุยกับคนอื่นมานานแล้ว หรือบางทีเป็นเพราะสามีของตนอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเสนาบดีกั๋วกงซ่ง และได้เสียชีวิตพร้อมกับวรีบุรุษของค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 534

    ณ เมืองซีม่อนหวังเบียวรู้สึกหงุดหงิดจนหมดความอดทนแล้ว เจรจามาสี่ครั้ง วิกเตอร์ไม่ยอมอ่อนข้าให้แม้แต่น้อย ต้องใช้เมืองซีม่อนเท่านั้นถึงสามารถแลกกับชีซื่อได้ ส่วนผู้ถูกจับคนอื่นๆ ได้แลกเปลี่ยนกันมานานแล้ว จะว่าไปเราก็เาียเปรียบ จำนวนผู้ถูกจับระหว่างทั้งสองประเทศไม่เท่ากัน จำนวนผู้ถูกจับของแคว้นซามากกว่ากองทัพของตระกูลซ่งถึงสองเท่ามันไม่ตรงกับจำนวนผู้ถูกจับเลย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ฆ่าผู้ถูกจับไปไม่น้อยตอนนี้เขายังขอใช้ชีวิตของชีซื่อเพื่อแลกกับเมืองซีม่อน เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไงหากมิใช่เป่ยหมิงอ๋องเซี่ยหลูโม่มาถึงเมื่อสองวันก่อน และให้เขาชะลอการเจรจาไว้ เขาคงอยากจะปฏิเสธวิกเตอร์ไปตรงๆฝางเทียนสวีและฉีหลินมักจะบอกเขาว่าชีซื่อมีความสำคัญในการยึดเขตหนานเจียง แต่เขาไม่คิดอย่างนั้น เขาเคยอ่านรายชื่อมาแล้ว ในกองทัพตระกูลซ่งไม่มีคนที่ชื่อชีซื่อ แม้ว่ารายชื่อมีคนหลุดไป แต่ด้วยชีซื่อคนเดียว มันจะส่งข้อมูลสำคัญกลับไปได้อย่างไร?ดังนั้นเขาคิดว่าข่าวกรองที่ส่งกลับมาโดยชีซื่อ เป็นเรื่องที่สายลับแนวหน้าทั่วไปก็สามารถทำได้เช่นกัน เขาไม่ได้สำคัญขนาดนั้นการเจรจาถ่วงเวลาไปนานเกินไป และเขาไม่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 535

    ณ เมืองหลวงซ่งซีซีถูกเรียกตัวไปที่พระราชวังในวันที่สี่หลังจากที่มือสังหารบุกรุกเข้าไปในจวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นไม่มีใครจากสำนักเขตจิงจ้าวมาสอบปากคำ และทั้งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนก็ไม่ได้มาซ่งซีซีไม่ได้รู้สึกแปลก ถึงยังไงสำนักเขตจิงจ้าวและค่ายลาดตระเวนจะสืบสวนเรื่องนี้โดยอาศัยข้อมูลจากจวนแม่ทัพ พวกเขาจะรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ได้ก็ต่อเมื่อมีเบาะแสเท่านั้น จากนั้นฮ่องเต้ถึงเรียกนางเข้าวังเพื่อซักถามในขณะที่ซ่งซีซีเข้าไปในวังนั้น จ้านเป่ยว่างซึ่งได้พักฟื้นมาหลายวันในที่สุดก็ลุกขึ้นจากเตียงและตรงไปที่ห้องยี่ฝางความโกรธนี้ เขากลั้นเอาไว้หลายวันแล้ว แม้ว่าอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาจะเป็นบาดแผลผิวเผิน แต่ก็โดนดาบบาดมามากกว่าสิบครั้ง จึงต้องนอนพักฟื้นมิฉะนั้นหากเขาได้เกิดโรคประจำตัวเนื่องจากบาดเจ็บนี้ งั้นเขาก็จะสูญเสียคุณค่าไปโดยสิ้นเชิง และไม่แม้แต่เป็นองครักษ์กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงด้วยซ้ำยี่ฝางก็นอนพักฟื้นอยู่สองสามวัน อาการบาดเจ็บของนางค่อนข้างเบา แต่จริงๆ แล้วนางแค่ไม่อยากขยับตัว ทุกคนในจวนก็มองนางเป็นศัตรู และแม้แต่คนรับใช้ก็มองด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 536

    จ้านเป่ยว่างมองดูนางหัวเราะ มองดูนางพุดเสียดสีแบบนี้แต่ยังนิ่งเฉย "ถ้าเจ้าไม่เคยบอกข้าว่าเจ้าอยากประสบความสำเร็จเพียงเพื่ออนาคตของเราเท่านั้น หากไม่มีคำพูดหน้าซื่อใจคดเหล่านั้น บัดนี้ข้าก็จะเชื่อเจ้า แต่ยี่ฝาง ตอนนี้ข้ายอมไปเชื่อหมาตัวหนึ่งก็ไม่เชื่อเจ้าหรอก เจ้าหลอกลวงข้าตั้งแต่แรก ข้าถามเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์เมืองลู่เปินเอ่อร์ แต่เจ้าปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับข้า เมื่อเรื่องแตกแล้วเจ้าก็ยังคงปกปิดไว้ ตอนนี้ยังอยากยุยงให้ข้าไปสงสัยซ่งซีซีเหรอ"เขาโน้มตัวเข้าใกล้นาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูกเหยียดหยามว่า "เจ้าคิดว่าข้าจะยังเชื่อเจ้าอีกไหม เจ้าจำท่าทีที่น่าเกลียดของเจ้าในคืนนั้นได้ไหม? เพื่อเอาตัวรอดเจ้ามุ่งหน้าไปที่เรือนเหวินซี โดยปิดกั้นหวังชิงหลูและสาวใช้สองคนนั้นไว้ข้างนอกประตู ไม่ว่าพวกนางจะเคาะประตูอย่างไร เจ้าก็ไม่ยอมเปิดให้ ข้าพูดผิด ไม่ใช่ท่าทีที่น่าเกลียด แต่มันเป็นความเห็นแก่ตัวและความเยือกเย็นของเจ้าต่างหาก เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าพูดกับหวังชิงหลูนั้นสามารถให้ทุกคนเชื่อใจได้หรือ ข้าไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว เดิมทีจินเอ๋อร์เยว่เอ๋อร์และพวกองครักษ์เหล่านั้นไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 537

    จ้านเป่ยว่างมองไปที่หวังชิงหลู และรู้สึกอึดอัดใจมากเมื่อคิดถึงสาวใช้สองคนที่นางสูญเสียไป "ข้าเสียใจกับจินเอ๋อร์และเยว่เอ๋อร์ ข้าไม่ได้ปกป้องพวกนางอย่างดี""ข้าถามเจ้าว่าข้าเป็นตำแหน่งอะไรในใจของเจ้า" หวังชิงหลูกำมือแน่นและถามอย่างหวาดระแวงว่า "อย่าเปลี่ยนเรื่อง"จ้านเป่ยว่างจับต้นไม้ข้างตัวเขา หายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธที่พุ่งออกมาในเมื่อกี้ และพูดเบาๆ "ข้าไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง ข้าแค่... เสียใจอย่างสุดซึ้งกับความตายของพวกนาง… ส่วนเจ้าเป็นตำแหน่งอะไรในใจของข้า แน่นอนว่าเป็นภรรยาเอกสิ""แค่ตำแหน่งภรรยาเอกเหรอ?" หวังชิงหลูถามอย่างไม่ลดละ ดวงตาบวมแดงของนางมีน้ำตา "เจ้าไม่มีความรักต่อข้าแม้แต่น้อยเลยเหรอ? ไม่เคยหวั่นไหวใจบ้างหรือ?"คำถามนี้ทำให้จ้านเป่ยว่างตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่หวังชิงหลู และเปิดปากค้างไว้ เดิมทีเขาอยากจะบอกว่าการแต่งงานของพวกเขามู่ฮูหยินเป็นแม่สื่อ และเป็นความตั้งใจของฮ่องเต้ มันก็เป็นการเกี่ยวดองเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองตระกูลเท่านั้น ขอแค่เคารพซึ่งกันและกันก็พอแล้วแต่เมื่อมองดูน้ำตาของหวังชิงหลูที่กำลังจะไหล เขาไม่สามารถพูดคำเหล่านี้ได้เขาไม่เคยคิดเลยว่าหวั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 538

    ซ่งซีซีรู้ดีว่าการนำอาวุธออกไปในเวลากลางคืน และการรู้ล่วงหน้าว่ามือสังหารอาจบุกเข้าไปในจวนแม่ทัพจะปลุกเร้าความสงสัยของฮ่องเต้อย่างแน่นอนแม้ว่านางจะเป็นรองผู้บัญชาการกองทัพซวนเจีย แต่แค่ดำรงตำแหน่งเท็จและไม่สามารถถืออาวุธออกไปในเวลากลางคืนตามอำเภอใจ นับประสาอะไรกับไปรู้การเดินทางของมือสังหารด้วยฮ่องเต้จะสงสัยว่านางเลี้ยงสายลับไว้อย่างกว้างขวาง หากสงสัย นาง ก็เท่ากับสงสัยในจวนเป่ยหมิงอ๋องซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมองและพูดอย่างตรงไปตรงมา "ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงทราบดีว่าตระกูลซ่งได้ประสบหายนะที่ถูกสังหารหมู่ ดังนั้นตั้งแต่ที่รุ่ยเอ๋อร์กลับมา หม่อมฉันยังเป็นห่วงทั้งวันทั้งคืน กลัวว่าเขาจะเกิดอะไรขึ้นมาได้ เลยขอให้ศิษย์พี่ช่วยจัดคนสักสองสามคนให้ข้าเพื่อจับตาดูคนที่เข้ามาในเมืองหลวงด้วยพฤติกรรมน่าสงสัย ตามอย่างที่คาดไว้ เมื่อไม่กี่วันก่อนได้พบว่ามีคนหลายคนเข้ามาในเมืองหลวงแล้วพักอยู่ที่โรงเตี้ยมหลงซิง คนเหล่านี้มีทักษะการต่อสู้เก่งมาก หลังจากเข้าพักที่โรงเตี้ยมก็ไม่ออกไปไหนอีก ราวกับกำลังวางแผนอะไร หม่อมฉันกังวลว่าพวกเขามาเพื่อรุ่ยเอ๋อร์ เลยส่งคนจับตาดูพวกเขาอย่างลับๆ""ตามอย่างที่คิดไว้ คืนนั้นพวก

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1595

    ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1594

    ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status