แชร์

บทที่ 535

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-07-01 18:00:01
ณ เมืองหลวง

ซ่งซีซีถูกเรียกตัวไปที่พระราชวังในวันที่สี่หลังจากที่มือสังหารบุกรุกเข้าไปในจวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นไม่มีใครจากสำนักเขตจิงจ้าวมาสอบปากคำ และทั้งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนก็ไม่ได้มา

ซ่งซีซีไม่ได้รู้สึกแปลก ถึงยังไงสำนักเขตจิงจ้าวและค่ายลาดตระเวนจะสืบสวนเรื่องนี้โดยอาศัยข้อมูลจากจวนแม่ทัพ พวกเขาจะรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ได้ก็ต่อเมื่อมีเบาะแสเท่านั้น จากนั้นฮ่องเต้ถึงเรียกนางเข้าวังเพื่อซักถาม

ในขณะที่ซ่งซีซีเข้าไปในวังนั้น จ้านเป่ยว่างซึ่งได้พักฟื้นมาหลายวันในที่สุดก็ลุกขึ้นจากเตียงและตรงไปที่ห้องยี่ฝาง

ความโกรธนี้ เขากลั้นเอาไว้หลายวันแล้ว แม้ว่าอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาจะเป็นบาดแผลผิวเผิน แต่ก็โดนดาบบาดมามากกว่าสิบครั้ง จึงต้องนอนพักฟื้น

มิฉะนั้นหากเขาได้เกิดโรคประจำตัวเนื่องจากบาดเจ็บนี้ งั้นเขาก็จะสูญเสียคุณค่าไปโดยสิ้นเชิง และไม่แม้แต่เป็นองครักษ์กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงด้วยซ้ำ

ยี่ฝางก็นอนพักฟื้นอยู่สองสามวัน อาการบาดเจ็บของนางค่อนข้างเบา แต่จริงๆ แล้วนางแค่ไม่อยากขยับตัว ทุกคนในจวนก็มองนางเป็นศัตรู และแม้แต่คนรับใช้ก็มองด
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ดวง ตะวัน
โง่กันหมด.ตอแผหลด้วย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 536

    จ้านเป่ยว่างมองดูนางหัวเราะ มองดูนางพุดเสียดสีแบบนี้แต่ยังนิ่งเฉย "ถ้าเจ้าไม่เคยบอกข้าว่าเจ้าอยากประสบความสำเร็จเพียงเพื่ออนาคตของเราเท่านั้น หากไม่มีคำพูดหน้าซื่อใจคดเหล่านั้น บัดนี้ข้าก็จะเชื่อเจ้า แต่ยี่ฝาง ตอนนี้ข้ายอมไปเชื่อหมาตัวหนึ่งก็ไม่เชื่อเจ้าหรอก เจ้าหลอกลวงข้าตั้งแต่แรก ข้าถามเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์เมืองลู่เปินเอ่อร์ แต่เจ้าปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับข้า เมื่อเรื่องแตกแล้วเจ้าก็ยังคงปกปิดไว้ ตอนนี้ยังอยากยุยงให้ข้าไปสงสัยซ่งซีซีเหรอ"เขาโน้มตัวเข้าใกล้นาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูกเหยียดหยามว่า "เจ้าคิดว่าข้าจะยังเชื่อเจ้าอีกไหม เจ้าจำท่าทีที่น่าเกลียดของเจ้าในคืนนั้นได้ไหม? เพื่อเอาตัวรอดเจ้ามุ่งหน้าไปที่เรือนเหวินซี โดยปิดกั้นหวังชิงหลูและสาวใช้สองคนนั้นไว้ข้างนอกประตู ไม่ว่าพวกนางจะเคาะประตูอย่างไร เจ้าก็ไม่ยอมเปิดให้ ข้าพูดผิด ไม่ใช่ท่าทีที่น่าเกลียด แต่มันเป็นความเห็นแก่ตัวและความเยือกเย็นของเจ้าต่างหาก เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าพูดกับหวังชิงหลูนั้นสามารถให้ทุกคนเชื่อใจได้หรือ ข้าไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว เดิมทีจินเอ๋อร์เยว่เอ๋อร์และพวกองครักษ์เหล่านั้นไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-01
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 537

    จ้านเป่ยว่างมองไปที่หวังชิงหลู และรู้สึกอึดอัดใจมากเมื่อคิดถึงสาวใช้สองคนที่นางสูญเสียไป "ข้าเสียใจกับจินเอ๋อร์และเยว่เอ๋อร์ ข้าไม่ได้ปกป้องพวกนางอย่างดี""ข้าถามเจ้าว่าข้าเป็นตำแหน่งอะไรในใจของเจ้า" หวังชิงหลูกำมือแน่นและถามอย่างหวาดระแวงว่า "อย่าเปลี่ยนเรื่อง"จ้านเป่ยว่างจับต้นไม้ข้างตัวเขา หายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธที่พุ่งออกมาในเมื่อกี้ และพูดเบาๆ "ข้าไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง ข้าแค่... เสียใจอย่างสุดซึ้งกับความตายของพวกนาง… ส่วนเจ้าเป็นตำแหน่งอะไรในใจของข้า แน่นอนว่าเป็นภรรยาเอกสิ""แค่ตำแหน่งภรรยาเอกเหรอ?" หวังชิงหลูถามอย่างไม่ลดละ ดวงตาบวมแดงของนางมีน้ำตา "เจ้าไม่มีความรักต่อข้าแม้แต่น้อยเลยเหรอ? ไม่เคยหวั่นไหวใจบ้างหรือ?"คำถามนี้ทำให้จ้านเป่ยว่างตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่หวังชิงหลู และเปิดปากค้างไว้ เดิมทีเขาอยากจะบอกว่าการแต่งงานของพวกเขามู่ฮูหยินเป็นแม่สื่อ และเป็นความตั้งใจของฮ่องเต้ มันก็เป็นการเกี่ยวดองเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองตระกูลเท่านั้น ขอแค่เคารพซึ่งกันและกันก็พอแล้วแต่เมื่อมองดูน้ำตาของหวังชิงหลูที่กำลังจะไหล เขาไม่สามารถพูดคำเหล่านี้ได้เขาไม่เคยคิดเลยว่าหวั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-01
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 538

    ซ่งซีซีรู้ดีว่าการนำอาวุธออกไปในเวลากลางคืน และการรู้ล่วงหน้าว่ามือสังหารอาจบุกเข้าไปในจวนแม่ทัพจะปลุกเร้าความสงสัยของฮ่องเต้อย่างแน่นอนแม้ว่านางจะเป็นรองผู้บัญชาการกองทัพซวนเจีย แต่แค่ดำรงตำแหน่งเท็จและไม่สามารถถืออาวุธออกไปในเวลากลางคืนตามอำเภอใจ นับประสาอะไรกับไปรู้การเดินทางของมือสังหารด้วยฮ่องเต้จะสงสัยว่านางเลี้ยงสายลับไว้อย่างกว้างขวาง หากสงสัย นาง ก็เท่ากับสงสัยในจวนเป่ยหมิงอ๋องซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมองและพูดอย่างตรงไปตรงมา "ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงทราบดีว่าตระกูลซ่งได้ประสบหายนะที่ถูกสังหารหมู่ ดังนั้นตั้งแต่ที่รุ่ยเอ๋อร์กลับมา หม่อมฉันยังเป็นห่วงทั้งวันทั้งคืน กลัวว่าเขาจะเกิดอะไรขึ้นมาได้ เลยขอให้ศิษย์พี่ช่วยจัดคนสักสองสามคนให้ข้าเพื่อจับตาดูคนที่เข้ามาในเมืองหลวงด้วยพฤติกรรมน่าสงสัย ตามอย่างที่คาดไว้ เมื่อไม่กี่วันก่อนได้พบว่ามีคนหลายคนเข้ามาในเมืองหลวงแล้วพักอยู่ที่โรงเตี้ยมหลงซิง คนเหล่านี้มีทักษะการต่อสู้เก่งมาก หลังจากเข้าพักที่โรงเตี้ยมก็ไม่ออกไปไหนอีก ราวกับกำลังวางแผนอะไร หม่อมฉันกังวลว่าพวกเขามาเพื่อรุ่ยเอ๋อร์ เลยส่งคนจับตาดูพวกเขาอย่างลับๆ""ตามอย่างที่คิดไว้ คืนนั้นพวก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-02
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 539

    เมืองชายแดนแคว้นซา ถูกจัดทหารเฝ้าดูไว้อย่างเข้มงวดนับตั้งแต่สงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่กำลังเจรจากับแคว้นซาง และต้องการใช้ตัวประกันไปแลกกับเมืองซีม่อน ดังนั้นเรือนจำที่ตัวประกันถูกคุมขังจึงมีกองกำลังมากมายคอยเฝ้าดูเซี่ยหลูโม่และคนอื่นๆ แอบเข้าไปในเมืองชายแดนมาสองสามวันแล้ว และในที่สุดก็พบว่าชีซื่อถูกคุมขังอยู่ที่ไหน อยู่เรือนจำชายแดน มันแข็งแกร่งมากไม่สามารถตีให้แตกได้และโครงสร้างเรือนจำภายในกำแพงสูงก็ถูกสอบสวนมาได้ชัดเจนแล้วพวกเขาไม่รู้ว่าเวลาจำกัดห้าวันของหวังเบียว พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของการจำกัดห้าวันเซี่ยหลูโม่รู้ว่าวิกเตอร์จะเจรจากับหวังเบียวอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ทราบเวลาจำกัดห้าวัน แต่เซี่ยหลูโม่เดาว่าหวังเบียวจะไม่ฟังคำสั่งของเขาและจะไม่ชะลอการเจรจาในครั้งนี้แน่ๆเซี่ยหลูโม่ตัดสินใจเริ่มลงมือการช่วยเหลือในวันพรุ่งนี้ ขณะที่วิกเตอร์ไปที่ภูเขายาดั้งเพื่อเจรจามีปรมาจารย์มากมายรอบๆ วิกเตอร์ เมื่อเขาออกเดินทางไปจากภูเขายาดั้งเพื่อเจรจา เขาจะพาปรมาจารย์ส่วนใหญ่ไปกับเขาอย่างแน่นอน บุคคลนี้ใช้เวลานานมากเพื่อต่อสู้ในสนามรบเขตหนานเจียง ยังพ่ายแพ้ให้กับกอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-02
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 540

    ในยามเย็นของวันที่ 18 มิถุนายน มีคนสิบคนถือชามในมือ ในนั้นใส่น้ำเปล่าไว้ หลายปีมานี้พวกเขาก็ไม่ได้ดื่มน้ำชาหรือสุรามาแม้แต่หยดเดียวใบชาเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยในเมืองนี้ และพวกเขาไม่สามารถหาซื้อได้สุรามีราคาถูก แต่พวกเขาไม่กล้าสัมผัสมันแม้แต่หยดเดียว กลัวว่าหากควบคุมตนเองไม่ได้ดื่มเยอะไปหน่อยและพูดอะไรที่ไม่ควรพูด งั้นพวกจะตายโดยไม่มีสถานที่ให้ฝังศพครั้งเดียวที่พวกเขาซื้อสุราคือเมื่อพวกเขารู้ว่าผู้บังคับบัญชาซ่งและแม่ทัพน้อยหกคนเสียชีวิต พวกเขาซื้อสุราและเทมันลงบนพื้นเพื่อถวายให้ผู้บังคับบัญชาของพวกเขา ในคืนนั้น พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มและหลั่งน้ำตาตลอดทั้งคืนแต่พวกเขามีเวลาเพียงคืนเดียวที่จะโศกเศร้า ในวันรุ่งขึ้น พวกเขายังคงต้องปาดน้ำตาออกและต้องลุยน้ำลุยไฟต่อ เพราะเขตหนานเจียงยังไม่ถูกยึดกลับมาต่อมาเมื่อเขตหนานเจียงถูกยึดกลับมา วิกเตอร์ก็กลับมาประจำที่นี่พร้อมกับกองกำลังของเขา พวกเขาไม่สามารถส่งข่าวไปยังเขตหนานเจียงได้อีกต่อไป และการเข้าออกจากชายแดนก็กลายเป็นเรื่องยากมากเมื่อก่อนส่งข่าวกรองจะปลอมตัวแอบเข้าไปในกลุ่มส่งอาหารและสินค้า เดินทางไปซีม่อน แต่ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นแล้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-02
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 541

    เมื่อเซี่ยหลูโม่เห็นพวกเขา หัวใจเต้นเร็ว ทำไมจู่ๆ ก็มีผู้คนมากมายโผล่มาแบบนี้? อีกอย่างดูท่าท่างทักษะการต่อสู้ไม่ค่อยดีนัก ยังต้องใช้ตะขอและเชือกเพื่อปีนขึ้นกำแพงสูง พวกเขาเป็นใครกัน? จุดประสงค์ของการบุกเข้าไปเรือนจำดึกคืออะไร?หากพวกเขาได้ส่งเสียงก่อกวนอะไรขึ้นมาล่ะก็ แผนการช่วยเหลือคืนนี้ต้องล้มเหลวแน่ๆสถานที่ที่พวกเขาลงซ่อนตัวนั้นอยู่ในที่มืด และพวกเขาเดินตามกำแพงอย่างรวดเร็วไม่น่าส่งเสียงอะไรได้เฮะ ช่างเถอะ การเปลี่ยนเวรใกล้จะเสร็จแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องบุกเข้าไปโดยเร็วที่สุดพวกเจ้าสิบเอ็ดฝางก็ค้นพบคนสามคนที่ซ่อนตัวอยู่ตรงหน้า แต่เนื่องจากพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในที่มืดและสวมชุดกลางคืนสีดำด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ปิดบังศีรษะและใบหน้า แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นชัดเจนได้โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูหรือเป็นมิตรกันแน่ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขาตัวเบาเหมือนนกนางแอ่นจากนั้นก็บินออกไปในทิศทางที่พวกเขากำลังจะไปทันที ถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หรือว่าก็มาเพื่อช่วยเหลือเช่นกันเหรอ?แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถติดต่อกับฝ่ายนั้นได้ แต่ก็รู้ด้วยว่าผู้บังคับบัญชาในปัจจุบัยเปลี่ยนคนแล้ว และผู้บ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-02
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 542

    ร่างเงาสีดำสามร่างบินออกไปอย่างรวดเร็วในความเป็นจริงไม่มีเวลาที่เหมาะสมเลยเพราะมีแสงไฟรอบๆ ห้อง แม้ว่าจะไม่สว่างเท่ากลางวัน แต่อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของวัตถุหรือบุคคลใดๆ ได้ โดยเฉพาะภายใต้การจ้องมองของดวงตาหลายร้อยคู่ ไม่ว่าพวกเขาจะเร็วแค่ไหน หรือวิชาตัวเบาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ในที่สุดก็ต้องยืนอยู่หน้าห้องเล็กๆ และพังประตูเพื่อเข้าไปในคุกใต้ดินตราบใดที่เข้าไปในคุกใต้ดินแล้ว งั้นก็เท่ากับเข้ากับดักของศัตรูชัดๆเซี่ยหลูโม่และอูโซเว่ยเคยสอบสวนมาก่อน และรู้ว่าเป็นสถานการณ์แบบไหนกันดังนั้นแผนของพวกเขาคือให้อูโซเว่ยและอาจารย์หยูคอยต่อสู้กับผู้คุมก่อน ในขณะที่เซี่ยหลูโม่เข้าไปในคุกใต้ดินเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน หลังจากช่วยคนนั้นออกมาได้ก็มอบให้กับจางต้าจ้วง แล้วค่อยกลับไปช่วยอูโซเว่ยและอาจารย์หยูพ้นจากการต่อสู้ พอตอนนี้มีพวกเจ้าสิบเอ็ดฝางแล้ว งั้นคนที่สู้กับผู้คนนั่นก็มีจำนวนมากขึ้นแล้วเงาร่างของเซี่ยหลูโม่บินตรงไปที่ประตูกห้องเล็กนั้น ประตูทำจากเหล็ก ดังนั้นหากต้องการพังประตูจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีดที่เซี่ยหลูโม่ใช้เป็นมีดทองคำที่ตัดเหล็กออกอย่างง่ายดาย มีน้ำหนั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-02
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 543

    ส่วนการเจรจาที่ภูเขายาดั้งในกลางวันนั้น ทัศนคติของหวังเบียว เด็ดขาดมากก่อนการเจรจา ทั้งฝางเทียนสวีและฉีหลินชักชวนเขาไม่ให้พูดถึงเป่ยหมิงอ๋องต่อหน้าวิกเตอร์ อย่างไรก็ตาม หวังเบียวคิดว่าพวกเขาเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเป่ยหมิงอ๋อง และจะเข้าข้างเป่ยหมิงอ๋องอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาตอบตกลงในชั่วคราว แต่ในใจกลับมีแผนอื่นในการเจรจาครั้งก่อน เขาเคยต่อรองโดยบอกว่าเขาจะใช้ทองคำหรืออาหาร เสื้อผ้า หรือผ้าชั้นดีอื่นๆ เพื่อแลกกับชีซื่อ แต่วิกเตอร์ปฏิเสธทั้งนั้น ดังนั้นการเจรจาจึงถ่วงเวลานานแต่คราวนี้ หวังเบียวหมดความอดทนจริงๆ เพื่อชีซื่อเขายอมอ่อนข้อให้มากมายแล้ว จากห้าพันตำลึงเป็นหนึ่งหมื่นตำลึง ข้าว สามพันหาบ และเส้นไหมสองพันผืน ในของพวกนี้แลกกับตัวประกันคนหนึ่ง พวกเขายังไม่ยอม ถือว่าโลภมากทีเดียวอยากได้เมืองซีม่อนมันเป็นไปไม่ได้ เมื่องซีม่อนถูกยึดคืนจากเงื้อมมือของเป่ยหมิงอ๋อง หากถูกสูญเสียไปจากมือของเขา งั้นเขาจะโดนประชาชนชี้หน้าด่าในช่วงเริ่มต้นของการเจรจาในครั้งนี้ เขาได้เพิ่มข้าวสารเป็นห้าพันหาบ แต่ยังคงถูกวิกเตอร์ปฏิเสธเขาโกรธมากจึงทุบโต๊ะ "ข้าว่าพวกเจ้าไม่ได้คิดจะเจรจาจริงๆ ข้าได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-02

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1350

    สถาบันว่านซงเหมิน ณ เขาเหมยซานวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเหรินหยางอวิ๋น ทว่าอูโซเว่ยกลับกล่าวว่ายังไม่ใช่แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อเขาต้องการความครื้นเครง จึงได้ส่งเทียบเชิญไปยังบรรดาสำนักบนเขาเหมยซาน รวมถึงพรรคในยุทธภพที่พอจะมีไมตรีกันอยู่บ้างล่วงหน้าหลายวัน จัดเลี้ยงเกินสามสิบโต๊ะอูโซเว่ยลงมือจัดเตรียมงานเลี้ยงวันประเกิดนี้ด้วยตนเองเรื่องราวภายในสถาบันว่านซงเหมิน ส่วนมากล้วนเป็นเขาที่ลงมือจัดการเอง เขา อูโซเว่ย ไม่ถือสาหากต้องลำบากสักหน่อย แต่ที่ทำให้เขาคิดว่ามีปัญหาก็คือ คราวนี้ศิษย์พี่กลับระบุในเทียบเชิญว่าห้ามนำของขวัญอวยพรวันเกิด มันลำบากเกินไปจริงๆสถาบันว่านซงเหมินมั่งคั่งก็จริง แต่ไม่อาจลดเกียรติตนเองเช่นนี้ แม้ไปดื่มสุรามงคลหรือสุราวันเกิดของผู้อื่นก็ใช่ว่าจะไปมือเปล่า ของขวัญกับน้ำใจย่อมขาดไม่ได้ศิษย์พี่ก็เป็นบุรุษที่เงินทองมากจนคันมือคันไม้ หากมิหาเหตุผลใดๆ เพื่อใช้จ่ายออกไปบ้าง ก็คงไม่อาจเป็นสุขกายใจทว่า ที่ทำให้อูโซเว่ยรู้สึกประหลาดใจก็คือ แต่ก่อนศิษย์พี่ไม่ค่อยชอบคบหาผู้คน ถึงมีเรื่องน่ายินดีก็เพียงเอ่ยวาจาทักทายสองสามคำก็จบแต่วันนี้ต่างออกไป เห็นเขาใช้โอกาสข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1349

    ท่านอ๋องฮุยมองถ้วยที่แตกกระจายอยู่บนพื้น เศษชิ้นส่วนแม้จะไม่คมมาก แต่หากใช้กรีดข้อมือก็น่าจะทำได้ เขาค่อยๆ ก้มลงเก็บเศษถ้วยชิ้นหนึ่งขึ้นมา แต่ทันใดนั้นมือของเขาก็ถูกคว้าไว้ "ฝ่าบาท โปรดระวังมือได้รับบาดเจ็บ" ข้อมือของเขาถูกบีบจนเจ็บปวด เศษถ้วยในมือก็ถูกแย่งไปในทันที คนผู้นั้นสวมเสื้อผ้าสีดำสนิท แม้แสงจากโคมไฟสะท้อนก็ไม่ปรากฏแสงใดจากชุดของเขา ในจวนแห่งนี้มีคนเช่นนี้อยู่มากเท่าใด เขาเองก็ไม่รู้ เขารู้เพียงว่า ไม่ว่าจะไปที่ใด ก็มีความรู้สึกถูกจับตาดูอย่างหนักอึ้ง คนเหล่านี้ไม่เพียงมีวิทยายุทธ์สูงส่ง พลังภายในลึกล้ำ แต่ยังเก่งกาจเรื่องอาวุธลับ ต่อให้เขาพาเสิ่นว่านจือและคนอื่นๆ ออกไป ความรู้สึกกดดันนี้ก็ยังคงอยู่ เขาเคยหวังว่าเสิ่นว่านจือและคนอื่นๆ จะสังเกตเห็นการมีอยู่ของคนเหล่านี้ แต่พวกเขากลับเหมือนอากาศที่อยู่ทุกหนแห่ง ทว่าไม่มีใครมองเห็นหรือสัมผัสได้ เหล่าทหารรับจ้างของอ๋องเยี่ยนเมื่อเทียบกับคนเหล่านี้แล้ว ช่างเหมือนขยะไม่มีค่า เมื่อคนผู้นั้นปล่อยมือ ข้อมือของเขาก็ช้ำเป็นรอยดำ มีรอยนิ้วมือสองรอยชัดเจน แม้แต่การตาย เขายังไร้หนทางทำให้สำเร็จ ดวงตาของท่านอ๋อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1348

    ท่านอ๋องฮุยพ่นลมหายใจออกอย่างเย็นชา พลางเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่ยอมมองเขา หนิงจวิ้นอ๋องที่ยืนตัวตรงสง่างามอยู่ตรงนั้น แต่ใบหน้ายังคงเป็นของลุงกวน พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "ลูกขอสัญญา สิ่งที่ลูกตกลงกับเสด็จพ่อไว้ ลูกจะทำให้สำเร็จ งานก่อสร้างคลองจะแล้วเสร็จโดยไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ ไม่ทำร้ายชาวบ้านในเมืองหลวง ไม่เหยียบย่ำพืชผลใดๆ และขอให้เสด็จพ่อวางใจ ลูกจะไม่ปล่อยให้เสด็จพ่อต้องตาย ลูกยังรับรองได้ว่า หลังจากชิงใต้หล้ามาได้ บัลลังก์จักรพรรดิ์จะต้องเป็นของเสด็จพ่อแน่นอน" ท่านอ๋องฮุยพูดเย้ยหยันว่า "เจ้านี่ช่างเป็นลูกกตัญญูยิ่งนัก" "ลูกเคยพูดแล้ว" หนิงจวิ้นอ๋องตอบอย่างจริงใจ "ลูกจะมอบตำแหน่งจักรพรรดิ์ผู้ทรงอำนาจสูงสุด ให้เสด็จพ่อ เพื่อให้เสด็จพ่อปกครองแผ่นดิน เราจะไม่ถูกแคว้นซาข่มเหงอีกต่อไป ไม่ต้องยืดเยื้อเรื่องชายแดนกับชาวซีจิง ชาวบ้านจะได้ใช้ชีวิตสงบสุข และแคว้นซางของเราจะเจริญรุ่งเรือง" ท่านอ๋องฮุยสบถเสียงดัง "เจ้ากบฏที่สมคบคิดกับแคว้นซาซีจิง กล้าพูดคำพูดไร้ยางอายแบบนี้ออกมาได้ ช่างน่ารังเกียจที่สุด" "นั่นเป็นเพียงแผนชั่วคราว รอเสด็จพ่อขึ้นครองบัลลังก์ ลูกจะขับไล่ศัตรูและท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1347

    เฉินเฉินเสนอให้ลองพิสูจน์ดู แต่เสิ่นว่านจือส่ายศีรษะ "อย่าลอง ทำเป็นไม่รู้ดีที่สุด ห้ามไปกระตุ้นให้พวกเขาระแวง พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะออกเดินทางแล้วกลับไปบอกซีซีและอาจารย์หยู" แต่หม่านโถวกลับทำท่าคิดหนัก "พวกเราจะออกไปได้หรือ?" เฉินเฉินตกใจเล็กน้อย "เจ้าหมายความว่าเขาจะไม่ยอมให้พวกเราไป? เขาจะกักตัวพวกเราไว้? แต่ท่านอ๋องฮุยบอกแล้วว่าปล่อยให้พวกเราไปนี่" "แต่เหตุใดท่านอ๋องฮุยถึงเรียกว่านจือมาที่นี่ล่ะ? พวกเจ้าเคยคิดเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า?" เสิ่นว่านจือเดินไปมาด้วยความร้อนใจ นางเคยคุยเรื่องนี้กับซ่งซีซีมาก่อนแล้ว ถ้าการเรียกตัวมาไม่ใช่เพื่อขอความช่วยเหลือ แล้วจะเป็นการกักตัวหรือ? แต่มองดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่เรื่องนั้น คล้ายกับว่าต้องการเปิดเผยบางอย่างให้พวกเขาเห็นมากกว่า "เป็นไปได้ไหมว่า ท่านอ๋องฮุยและลุงกวนไม่ได้อยู่ข้างเดียวกัน?" เสิ่นว่านจือย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ในจวนท่านอ๋องฮุย ลุงกวนเหมือนจะอยู่ทุกที่ แต่กลับไม่มีใครรู้สึกถึงตัวตนของเขา นางอดทนไว้ ไม่กล้าพูดสิ่งที่ตนคาดเดาออกมา ลุงกวนจะใช่คนที่ปลอมตัวหรือเปล่า? หรือเขาคือหนิงจวิ้นอ๋อง? "ไม่คุยแล้ว กลับไปนอนกั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1346

    เสิ่นว่านจือและพรรคพวกพักอยู่ในจวนท่านอ๋องฮุยมาหลายวัน จนแทบจะพลิกจวนค้นหาไปทั่ว แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร นางจึงตัดสินใจจะถอนตัวกลับ ในแต่ละวัน นางเอาแต่นั่งกินดื่มกับท่านอ๋องฮุย จนรู้สึกว่าตัวเองเกียจคร้าน เสียเวลาเปล่า โดยเฉพาะเมื่อซ่งซีซีกำลังยุ่งมาก แต่นางกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ ระหว่างมื้อเย็น นางจึงบอกกับท่านอ๋องฮุยว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ ท่านอ๋องฮุยมองนางพร้อมหัวเราะ "ทำไมหรือ? หรือจวนของข้าเลี้ยงดูเจ้าด้วยของดีๆ ไม่พอ?" เสิ่นว่านจือตอบอย่างตรงไปตรงมา "ท่านเลี้ยงดูดีเกินไป ทุกวันมีแต่ของเลิศรสจากป่าและทะเลจนข้ารู้สึกเกินพอ" "เจ้าช่างเป็นหมูป่าเสียจริง กินอาหารเลิศรสไม่เป็น!" ท่านอ๋องฮุยหัวเราะเสียงดัง "เอาเถอะ หากเจ้าอยู่เบื่อแล้ว ก็กลับไปเถิด" เขาเรียกลุงสิบสามมา สั่งว่า "เจ้าสิบสาม ไปที่คลังสมบัติ เลือกของขวัญสักสองสามชิ้นไว้ส่งให้พวกเขาในวันพรุ่งนี้" ลุงสิบสามตอบ "ขอรับ ข้าจะไปจัดการทันที" ลุงกวนที่ยืนรออยู่หน้าประตูได้ยินจึงกล่าวว่า "ฝ่าบาท ให้ข้าไปเถอะ" ท่านอ๋องฮุยมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า "อืม เจ้าก็ไปเถิด เลือกของดีๆ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1345

    เพราะการจัดกำลังป้องกันของกองทัพซวนเจีย เมืองหลวงจึงตกอยู่ในสภาวะระแวงระวังอย่างหนักด้วยการประกาศห้ามออกจากเคหสถานในเวลากลางคืน ทำให้สถานที่บันเทิงเริงรมย์ต่างๆ ดำเนินกิจการได้ลำบาก โรงน้ำชาและโรงสุราต่างปิดประตูทันทีเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เมืองหลวงในยามค่ำคืนราวกับเป็นเมืองร้างกลยุทธ์ในตอนนี้คือ ข้าศึกไม่เคลื่อนไหว เราก็ไม่เคลื่อนไหวงานก่อสร้างคลองยังคงดำเนินต่อไป หากหยุดงานโดยไม่มีเหตุผล กองทัพซวนเจียจะบุกล้อมทันทีเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ซ่งซีซีจึงยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และถือไพ่เหนือกว่าหากงานก่อสร้างไม่หยุด กิจการคลองจะดำเนินไปตามปกติ ซึ่งเป็นผลดีทั้งต่อราชสำนักและราษฎรแม้การเผชิญหน้าระหว่างสองกองทัพยังไม่เกิดขึ้น แต่บรรยากาศของสงครามกลับเข้มข้นราวกับควันปืนที่เริ่มปกคลุมการเข้าออกประตูเมืองถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดทุกวัน เป็นไปไม่ได้ที่นกต่อจะไม่กลับมาเมืองหลวง เมื่อเดิมพันด้วยชีวิตและทรัพย์สิน เขาจะสั่งการจากระยะไกลได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้ ซ่งซีซีสงสัยว่านกต่ออาจกลับมาแล้ว แต่เสิ่นว่านจือที่พักอยู่ในจวนอ๋องฮุยกลับไม่พบเบาะแสใดเลย อีกทั้งข้ารับใช้ใกล้ชิดของท่านอ๋องฮุยล้วนเป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1344

    แม้ว่าจะไม่ถูกต้องตามระเบียบ แต่ก่อนที่นางจีจะกลับไป ซ่งซีซีก็สั่งให้คนไปซื้อโจ๊กเนื้อบดสองหม้อ โดยอ้างว่าเป็นของชาวบ้านที่ต้องการขอบคุณฮูหยินจีสำหรับการแจกจ่ายโจ๊กตลอดหลายปีที่ผ่านมา และตอนนี้ต้องการตอบแทนบุญคุณครั้งนี้นางจีร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ นางหวังว่าลูกๆ จะได้ดื่มโจ๊กอุ่นๆ สักคำ แม้เพียงนิดเดียวหลังออกจากหอต้าหลี่ ซ่งซีซีครุ่นคิดแล้วสั่งให้อาจารย์หยูไปเล่าถึงเรื่องที่ชาวบ้านบริจาคโจ๊กให้เป็นที่แพร่หลายเดิมทีผู้คนยังจดจำความมีน้ำใจของนางจีที่แจกจ่ายโจ๊กได้ แต่ช่วงนี้เรื่องราวนั้นเริ่มเงียบหายไปตอนนี้จึงเหมาะที่จะใช้โอกาสนี้จุดกระแสเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งอาจารย์หยูจึงแต่งเรื่องเล็กน้อย โดยเล่าว่าชาวบ้านที่มอบโจ๊กเดิมทีเป็นคนเร่ร่อนชานเมืองหลวงที่อดอยากจนเกือบตาย ดื่มโจ๊กที่โรงทานหลายวันติดต่อกัน และก่อนออกจากเมืองหลวง โรงทานยังมอบเสบียงให้เขาห่อหนึ่งแม้ปัจจุบันชีวิตของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นนัก แต่เมื่อได้ยินว่าผู้มีพระคุณของเขาประสบเคราะห์ เขาจึงรีบเดินทางมาที่เมืองหลวงและซื้อโจ๊กอุ่นๆ สองหม้อมาส่งที่เรือนจำ พร้อมร้องขอให้นำไปให้ผู้มีพระคุณเซี่ยหรูหลิงซึ่งดูแลเรือนจำ เ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1343

    นางถามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหลูมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่?”หงเชวี่ยตอบว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอาการยังพอรับได้ แต่ถ้าหวังชิงหลูไข้สูงไม่ลด ก็อาจเป็นอันตรายได้ นางเครียดเกินไป ตอนที่พบนาง นางจับมือข้าไว้แน่น ถามว่าตัวเองจะตายหรือไม่ พูดแต่เรื่องเพ้อเจ้อ เดี๋ยวโทษคนนั้น เดี๋ยวโทษคนนี้ บางครั้งก็โทษตัวเองที่ตัดสินใจผิดพลาดหลายอย่าง”ซ่งซีซีไม่ได้พูดอะไร นางไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของผู้อื่น เพียงแต่หวังว่านางจะไม่ทำให้ฮูหยินจีลำบากไปกว่านี้หากหวังชิงหลูเสียชีวิตในเรือนจำ จะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนในตระกูลหวัง ซึ่งจะเพิ่มภาระทางจิตใจให้กับฮูหยินจีอย่างแน่นอน“หงเชวี่ย อีกสองวันเจ้าไปดูพวกเขาอีกทีนะ”หงเชวี่ยพยักหน้า “เจ้าค่ะ”ซ่งซีซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อีกสองวันเจ้าไป ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”นางอยากพูดคุยกับฮูหยินจีตามลำพัง เพราะในที่สิ้นหวังเช่นเรือนจำนั้น หากไม่มีแม้แต่คนพูดคุย มีเพียงเสียงร้องไห้ที่ไม่สิ้นสุด วันเวลาก็จะยืดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ เนื่องจากฝ่าบาททรงพระประชวรและงดราชกิจ นางจึงต้องไปพบเสนาบดีมู่เพื่อแจ้งเรื่องจินชางหมิงเปล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1342

    เนื่องจากฝ่าบาททรงส่งชีกุ้ยไปปฏิบัติหน้าที่ข้างนอก งานดูแลเรือนจำจึงถูกมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของหอต้าหลี่ดูแล และผู้ที่รับหน้าที่นี้คือเซี่ยหรูหลิงไม่นานนัก เซี่ยหรูหลิงก็เดินทางมาที่จวนเป่ยหมิงอ๋องเพื่อพบซ่งซีซี บอกว่ามีเรื่องที่เขาตัดสินใจไม่ได้ และขอให้ซ่งซีซีช่วยแนะนำซ่งซีซีรีบกินข้าวเพียงสองสามคำแล้วออกมาพบเขา เพราะกังวลว่าอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับฮูหยินจีและเด็กๆแต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่เซี่ยหรูหลิงกล่าว นางก็พบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหลูทั้งสองคนหลังจากถูกส่งตัวเข้าเรือนจำก็วิตกกังวลทุกวัน อีกทั้งอาหารยังแย่ยิ่งกว่าอาหารที่เคยให้สุนัขกิน หลังจากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มอาเจียนและท้องเสียก่อนหน้านี้ ซ่งซีซีเคยให้ยากับฮูหยินจี ซึ่งรวมถึงยาสำหรับอาการท้องเสียและปวดท้องเพราะไม่ชินสภาพแวดล้อม ยาทำให้อาการดีขึ้น แต่เพราะต้องกินอาหารแบบนั้นต่อไป อาการจึงกลับมาแย่ลงอีก และหวังชิงหลูก็มีไข้สูงฮูหยินผู้เฒ่าร้องขออย่างน่าสงสารให้ช่วยหาหมอ เซี่ยหรูหลิงไม่กล้าตัดสินใจ จึงออกมาขอคำปรึกษาจากซ่งซีซีซ่งซีซีถามว่า “แล้วคนอื่นล่ะ? มีอาการเหมือนกันหรือไม่?”“เดิมที

DMCA.com Protection Status