ร่างเงาสีดำสามร่างบินออกไปอย่างรวดเร็วในความเป็นจริงไม่มีเวลาที่เหมาะสมเลยเพราะมีแสงไฟรอบๆ ห้อง แม้ว่าจะไม่สว่างเท่ากลางวัน แต่อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของวัตถุหรือบุคคลใดๆ ได้ โดยเฉพาะภายใต้การจ้องมองของดวงตาหลายร้อยคู่ ไม่ว่าพวกเขาจะเร็วแค่ไหน หรือวิชาตัวเบาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ในที่สุดก็ต้องยืนอยู่หน้าห้องเล็กๆ และพังประตูเพื่อเข้าไปในคุกใต้ดินตราบใดที่เข้าไปในคุกใต้ดินแล้ว งั้นก็เท่ากับเข้ากับดักของศัตรูชัดๆเซี่ยหลูโม่และอูโซเว่ยเคยสอบสวนมาก่อน และรู้ว่าเป็นสถานการณ์แบบไหนกันดังนั้นแผนของพวกเขาคือให้อูโซเว่ยและอาจารย์หยูคอยต่อสู้กับผู้คุมก่อน ในขณะที่เซี่ยหลูโม่เข้าไปในคุกใต้ดินเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน หลังจากช่วยคนนั้นออกมาได้ก็มอบให้กับจางต้าจ้วง แล้วค่อยกลับไปช่วยอูโซเว่ยและอาจารย์หยูพ้นจากการต่อสู้ พอตอนนี้มีพวกเจ้าสิบเอ็ดฝางแล้ว งั้นคนที่สู้กับผู้คนนั่นก็มีจำนวนมากขึ้นแล้วเงาร่างของเซี่ยหลูโม่บินตรงไปที่ประตูกห้องเล็กนั้น ประตูทำจากเหล็ก ดังนั้นหากต้องการพังประตูจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีดที่เซี่ยหลูโม่ใช้เป็นมีดทองคำที่ตัดเหล็กออกอย่างง่ายดาย มีน้ำหนั
ส่วนการเจรจาที่ภูเขายาดั้งในกลางวันนั้น ทัศนคติของหวังเบียว เด็ดขาดมากก่อนการเจรจา ทั้งฝางเทียนสวีและฉีหลินชักชวนเขาไม่ให้พูดถึงเป่ยหมิงอ๋องต่อหน้าวิกเตอร์ อย่างไรก็ตาม หวังเบียวคิดว่าพวกเขาเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเป่ยหมิงอ๋อง และจะเข้าข้างเป่ยหมิงอ๋องอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาตอบตกลงในชั่วคราว แต่ในใจกลับมีแผนอื่นในการเจรจาครั้งก่อน เขาเคยต่อรองโดยบอกว่าเขาจะใช้ทองคำหรืออาหาร เสื้อผ้า หรือผ้าชั้นดีอื่นๆ เพื่อแลกกับชีซื่อ แต่วิกเตอร์ปฏิเสธทั้งนั้น ดังนั้นการเจรจาจึงถ่วงเวลานานแต่คราวนี้ หวังเบียวหมดความอดทนจริงๆ เพื่อชีซื่อเขายอมอ่อนข้อให้มากมายแล้ว จากห้าพันตำลึงเป็นหนึ่งหมื่นตำลึง ข้าว สามพันหาบ และเส้นไหมสองพันผืน ในของพวกนี้แลกกับตัวประกันคนหนึ่ง พวกเขายังไม่ยอม ถือว่าโลภมากทีเดียวอยากได้เมืองซีม่อนมันเป็นไปไม่ได้ เมื่องซีม่อนถูกยึดคืนจากเงื้อมมือของเป่ยหมิงอ๋อง หากถูกสูญเสียไปจากมือของเขา งั้นเขาจะโดนประชาชนชี้หน้าด่าในช่วงเริ่มต้นของการเจรจาในครั้งนี้ เขาได้เพิ่มข้าวสารเป็นห้าพันหาบ แต่ยังคงถูกวิกเตอร์ปฏิเสธเขาโกรธมากจึงทุบโต๊ะ "ข้าว่าพวกเจ้าไม่ได้คิดจะเจรจาจริงๆ ข้าได้
เมื่อหวังเบียวเห็นพวกเขาทั้งสองแสดงท่าทีแปลกๆ ก็เกิดความไม่ชอบมาพากลขึ้นมา เขาเป็นผู้ตัดสินของการเจรจาครั้งนี้ อีกอย่างได้กล่าวไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเจรจากันอีกต่อไป แต่พวกเขายังหยุดวิกเตอร์ไว้ หรือว่ามีเหตุผลใดบ้างหรือเขามาเป็นผู้นำกองทัพหลังจากที่เขตหนานเจียงได้ยึดกลับคืนมา และแม่ทัพใต้บังคับบัญชานั้นก็ไม่ยอมอยู่แล้ว หากการเจรจาครั้งนี้ยังให้เขาเป็นผู้ตัดสินไม่ได้ งั้นจะทำให้เขาเสียหน้า เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเขาตะคอก "เจ้าสองคนกลับมา"จากนั้นเขาก็สั่งล่ามว่า "บอกวิกเตอร์ ถ้าไม่มีความจริงใจการเจรจาก็จะจบแค่นั้น หากยังมีความจริงใจในการเจรจา งั้นก็ตามเงื่อนไขที่ข้าเสนอไว้"หลังจากที่ล่ามถ่ายทอดข้อความแล้ว วิกเตอร์ก็มองย้อนกลับไปที่หวังเบียว เขามีสีหน้าหงุดหงิดมาก ไม่ได้มีทีท่ามั่นใจมาก แต่ก็ประมาทไม่ได้ เขาออกคำสั่ง "กลับเมือง"ฉีหลินและฝางเทียนสวีไล่ตาออกไปเพื่อหยุดวิกเตอร์ต่อฉีหลินยกมือขึ้นแล้วโค้งคำนับอีกครั้ง "ท่านผู้บังคับบัญชาวิกเตอร์ ท่านผู้บังคับบัญชาหวังไม่รู้จักชีซื่อ เขาไม่รู้สึกอะไรกับชีซื่อ ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะใช้เมืองซีม่อนไปแลกชีซื่อ
ฉีหลินและฝางเทียนสวีต่างก็บอกไม่ถูกว่าพวกเขากราดเกรี้ยวมากแค่ไหน การเจรจาที่ไม่จริงใจเช่นนี้จะรั้งให้วิกเตอร์อยู่คุยต่อได้อย่างไรตอนนี้เพียงหวังแต่ว่าท่านอ๋องสามารถช่วยชีซื่อออกมาก่อนที่วิกเตอร์จะกลับไป ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาจะเป็นหายนะในทางฝั่งเซี่ยหลูโม่ เขาได้ช่วยเหลือเหล่าจากออกมาแล้ว แต่ในขณะที่วิ่งออกไปนั้นข้างนอกได้ฝ่าฟันอย่างรุนแรงดุเดือด บรรดาพวกเจ้าสิบเอ็ดฝางมีหลายคนได้รับบาดเจ็บแล้วด้วยความที่มีอาจารย์อยู่ด้วย เลยยังไม่ได้รับความเดือดร้อนมากนัก แต่จำนวนกองทหารศัตรูก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และต้องเป็นต้องล่าถอยโดยเร็วที่สุดหลังจากที่เขาวิ่งออกไป ผู้คนมากกว่าสิบคนก็เข้ามาต่อสู้กับเขา เขาใช้วิชาตัวเบากระโดดบินออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และส่งคนที่อยู่บนหลังของเขาให้จางต้าจ้วง จางต้าจ้วงฉวยโอกาสจากความมืดและจากไปอย่างรวดเร็วในขณะที่แบกคนที่อยู่ด้านหลังของเขาเซี่ยหลูโม่ใช้วิชาตัวเบาอีกครั้งเพื่อบินกลับเพื่อช่วยพวกเขาหลบหนี หากได้ช่วยคนหนึ่งออกมาแต่กลับโดนจับไปอีกหลายคนงั้นแผนการช่วยเหลือนี้ก็ถือว่าล้มเหลวเซี่ยหลูโม่ถือดาบทองคำไว้ในมือแล้วบินตรงไปที่ด้านข้างของอาจารย์หย
สุสานแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก และทหารที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกฝังอยู่ที่นี่ มีป้ายสุสานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ทางเข้าสุสานเมื่อเดินเข้าไปข้างใน มีห้องพักสำหรับผู้พิทักษ์สุสานหลายห้อง เหล่าผู้พิทักษ์สุสานถูกควบคุมและคุมขังอยู่ในหนึ่งห้องในนั้นล่วงหน้าแล้ว พวกเขาถูกมัดและปิดปากเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่สามารถออกเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือได้ก่อนการกู้ภัยพวกเขาเตรียมอาหารและน้ำไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้วเหตุผลในการเตรียมอาหารและน้ำเป็นเพราะคิดได้แล้วว่าชีซื่อจะถูกทรมานอย่างแน่นอน ชาวแคว้นซาจะต้องระบายความโกรธใส่เขาหลังจากพ่ายแพ้ อาการบาดเจ็บของชีซื่อจะสาหัส ดังนั้นจึงไม่สามารถออกเดินทางได้ในทันทีเพียงแต่ว่าพวกเขาไม่คาดคิดว่าชีซื่อจะมีผู้คนมากมายแบบนี้ ดังนั้นปริมาณข้าวของที่พวกเขาเตรียมไว้จึงไม่เพียงพอเมื่อพวกเขากลับมา จางต้าจ้วงกำลังรักษาอาการบาดเจ็บให้เหล่าจางอยู่แล้วเซี่ยหลูโม่วางเจ้าสิบเอ็ดฝางลง และไม่ปล่อยให้ตนเองได้พักผ่อนอะไรก็ยื่นยารักษาบาดแผลและผ้าพันแผลให้อาจารย์และ อาจารย์หยู "รักษาบาดแผลก่อน"เจ้าสิบเอ็ดฝางได้รับบาดเจ็บที่หลัง และฝืนตัววิ่งไปได้ระยะหนึ่ง เมื่อมาถึงสุสาน เขาก็หมดสติไปแล้
ทุกคนมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ตระหนักว่าภรรยาอาจของตนเองก็อาจจะแต่งงานกับคนอื่นเช่นกันบรรดากลุ่มคนนี้ มีเพียงลู่หยาชินเท่านั้นที่ไม่ได้หมั้นหมายหรือแต่งงานกัน เขาเป็นหลานชายจากครอบครัวแม่ของเจ้าสิบเอ็ด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกศึกและเป็นเพียงทหารหวังเอ๋อและหวังหวู่มาจากซูโจว เช่นเดียวกับหยาชินและจางไท่เป็นเพียงทหารธรรมดาเท่านั้นฉีฟางเป็นพี่ชายของคุณชายฉีลิ่ว และเป็นบุตรชายที่รับเลี้ยงโดยฉีฮูหยินคนที่สาม ไม่ใช่เด็กโดยกำเนิดเอง เพราะเขาไม่ชอบเรียนหนังสือและชอบฝึกฝนทักษะการต่อสู้ เขาจึงถูกส่งไปยังสนามรบเพื่อฝึกฝน หลังจากอยู่มาสองสามปี ก่อนที่ถูกจับกุมเขาเป็นหัวหน้าที่มีกองทหารหนึ่งร้อยคนฉีฟางได้หมั้นหมายไว้แล้วก่อนที่จะออกศึก แต่เมื่อข่าวการเสียชีวิตของเขาแพร่กระจายไป คู่หมั้นของเขาคงได้ไปหาคนใหม่แล้ว หัวหน้าตระกูลฉีใจดีและไม่สามารถทำเรื่องที่ใจร้ายอย่างให้หญิงสาวคนนั้นเป็นแม่หม้ายและทำร้ายชีวิตของเขาไปตลอดกาลฉีฟางก็หวังว่าคู่หมั้นของเขาจะมีความสุขเพียงแต่ว่าเขารู้สึกทุกข์ใจแทนเจ้าสิบเอ็ด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขามักจะพูดถึงภรรยาของเขาและอดีตระหว่างสามี
อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ และทางจวนอ๋องก็เริ่มใช้น้ำแข็งจนถึงบัดนี้เซี่ยหลูโม่ยังไม่ได้ส่งจดหมายกลับมาแม้แต่ฉบับเดียว และซ่งซีซีก็เป็นกังวลเล็กน้อย แม้ว่าจะมีศิษย์อาไปด้วย แต่ถึงยังไงมันเป็นการบุกเข้าไปในเมืองชายแดนของแคว้นซาเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน และทหารของแคว้นซาก็เฝ้าอยู่เมืองชายแดนนั้นด้วย ภรกิจครั้งนี้จึงอันตรายมากตามข่าวที่หงเซียวสืบมาว่ามีองครักษ์หลวงในชุดชาวบ้านประจำการอยู่รอบๆ จวนแม่ทัพ และพวกเขาก็เปลี่ยนกะทั้งวันทั้งคืน ดูเหมือนว่าฮ่องเต้ก็ตระหนักว่ามีคนกำลังจะลงมือกับยี่ฝางไม่รู้ว่าสถานการณ์ในทางเมืองซีจิงเป็นอย่างไร แต่ทูตเจ้ากรมหลี่กลับมาเมืองหลวงเพื่อรายงานงานของเขาแล้ว เรื่องคดีฆ่าสังหารหมูได้สอบสวนชัดเจนแล้ว เป็นเพราะมีคนใส่ไส้เดือนฝอยกับฮูหยินคนนั้นเลยทำให้นางเสียสติทั้งหมดจึงไปฆ่าคนของครอบครัว คือพ่อค้าท้องถิ่นชื่อเถ๋าหม่านฆาตกรก็ยอมรับโทษแล้ว ส่วนสาเหตุของการฆาตกรรมนั้นเป็นเพราะทั้งสองครอบครัวทำธุรกิจเดียวกัน แต่เนื่องจากครอบครัวผู้ตายตีสองหน้าเก่งชอบเสแสร้งกลายขึ้นชื่อว่าเป็นคนมีเมตตาแล้วได้แย่งชิงธุรกิจทั้งหมดของเขาไป เขาอิจฉามาก และนางเถ๋าบังเอิญรู้วิธีใช
ในเมื่อซีซีบอกว่าน่าสงสัย งั้นเสิ่นว่านจือก็จะไปสืบสวนเพื่อหาคำตอบ นางไปหาหงเซียว ให้นางส่งคนไปจับตาดูอ๋องฮวยด้วย ยังกำชับกับหงเซียวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าเปิดเผยร่องรอยใดๆ และอย่าให้ใครรู้ว่านางกำลังจับตาดูจวนอ๋องฮวยอยู่ก่อนหน้านี้ที่จวนแม่ทัพเจอเหตุการณ์ลอบสังหาร ที่ซีซีออกหน้าไปช่วยยังต้องเข้าวังเพื่ออธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมด ฮ่องเต้เกิดความสงสัยกับทางจวนเป่ยหมิงอ๋องเข้าแล้ว เพราะงั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังมากจู่ๆ ก็มีฝนตกหนัก และบังเอิญเป็นวันที่จ้านเส้าฮวนแต่งงานเข้าไปในจวนโหวผิงหยางฝ่าฝนที่ตกหนัก เกี้ยวคันเล็กเข้ามาทางประตูเล็กของจวนโหวผิงหยาง จ้านเส้าฮวนไม่มีสินเดิมที่ดี ก่อนที่จะเข้าไปในเกี้ยวยังจ้องจ้านเป่ยว่างอย่างขุ่นเคืองหลังจากเข้าไปในจวน นางได้ไหว้กับท่านหญิงเจียอี้และถวายน้ำชาในฐานะอนุภรรยา แต่กลับไม่เห็นหน้าของโหวผิงหยางด้วยซ้ำฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางก็ไม่ยอมพบนาง เพียงแต่ให้คนใช้มอบกำไลหยกธรรมดาคู่หนึ่งให้นางเป็นรางวัล และให้นางได้อาศัยอยู่ในเรือนชิวหยางเดิมทีนางได้นำสาวใช้สองคนมา แต่เข้าจวนไม่ถึงครึ่งชั่วยาม สองสาวใช้นั้นก็ถูกส่งตัวกลับจวนแม่ทัพ ท่าน