Share

บทที่ 539

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เมืองชายแดนแคว้นซา ถูกจัดทหารเฝ้าดูไว้อย่างเข้มงวดนับตั้งแต่สงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่กำลังเจรจากับแคว้นซาง และต้องการใช้ตัวประกันไปแลกกับเมืองซีม่อน ดังนั้นเรือนจำที่ตัวประกันถูกคุมขังจึงมีกองกำลังมากมายคอยเฝ้าดู

เซี่ยหลูโม่และคนอื่นๆ แอบเข้าไปในเมืองชายแดนมาสองสามวันแล้ว และในที่สุดก็พบว่าชีซื่อถูกคุมขังอยู่ที่ไหน อยู่เรือนจำชายแดน มันแข็งแกร่งมากไม่สามารถตีให้แตกได้

และโครงสร้างเรือนจำภายในกำแพงสูงก็ถูกสอบสวนมาได้ชัดเจนแล้ว

พวกเขาไม่รู้ว่าเวลาจำกัดห้าวันของหวังเบียว พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของการจำกัดห้าวัน

เซี่ยหลูโม่รู้ว่าวิกเตอร์จะเจรจากับหวังเบียวอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ทราบเวลาจำกัดห้าวัน แต่เซี่ยหลูโม่เดาว่าหวังเบียวจะไม่ฟังคำสั่งของเขาและจะไม่ชะลอการเจรจาในครั้งนี้แน่ๆ

เซี่ยหลูโม่ตัดสินใจเริ่มลงมือการช่วยเหลือในวันพรุ่งนี้ ขณะที่วิกเตอร์ไปที่ภูเขายาดั้งเพื่อเจรจา

มีปรมาจารย์มากมายรอบๆ วิกเตอร์ เมื่อเขาออกเดินทางไปจากภูเขายาดั้งเพื่อเจรจา เขาจะพาปรมาจารย์ส่วนใหญ่ไปกับเขาอย่างแน่นอน บุคคลนี้ใช้เวลานานมากเพื่อต่อสู้ในสนามรบเขตหนานเจียง ยังพ่ายแพ้ให้กับกอ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 540

    ในยามเย็นของวันที่ 18 มิถุนายน มีคนสิบคนถือชามในมือ ในนั้นใส่น้ำเปล่าไว้ หลายปีมานี้พวกเขาก็ไม่ได้ดื่มน้ำชาหรือสุรามาแม้แต่หยดเดียวใบชาเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยในเมืองนี้ และพวกเขาไม่สามารถหาซื้อได้สุรามีราคาถูก แต่พวกเขาไม่กล้าสัมผัสมันแม้แต่หยดเดียว กลัวว่าหากควบคุมตนเองไม่ได้ดื่มเยอะไปหน่อยและพูดอะไรที่ไม่ควรพูด งั้นพวกจะตายโดยไม่มีสถานที่ให้ฝังศพครั้งเดียวที่พวกเขาซื้อสุราคือเมื่อพวกเขารู้ว่าผู้บังคับบัญชาซ่งและแม่ทัพน้อยหกคนเสียชีวิต พวกเขาซื้อสุราและเทมันลงบนพื้นเพื่อถวายให้ผู้บังคับบัญชาของพวกเขา ในคืนนั้น พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มและหลั่งน้ำตาตลอดทั้งคืนแต่พวกเขามีเวลาเพียงคืนเดียวที่จะโศกเศร้า ในวันรุ่งขึ้น พวกเขายังคงต้องปาดน้ำตาออกและต้องลุยน้ำลุยไฟต่อ เพราะเขตหนานเจียงยังไม่ถูกยึดกลับมาต่อมาเมื่อเขตหนานเจียงถูกยึดกลับมา วิกเตอร์ก็กลับมาประจำที่นี่พร้อมกับกองกำลังของเขา พวกเขาไม่สามารถส่งข่าวไปยังเขตหนานเจียงได้อีกต่อไป และการเข้าออกจากชายแดนก็กลายเป็นเรื่องยากมากเมื่อก่อนส่งข่าวกรองจะปลอมตัวแอบเข้าไปในกลุ่มส่งอาหารและสินค้า เดินทางไปซีม่อน แต่ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นแล้ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 541

    เมื่อเซี่ยหลูโม่เห็นพวกเขา หัวใจเต้นเร็ว ทำไมจู่ๆ ก็มีผู้คนมากมายโผล่มาแบบนี้? อีกอย่างดูท่าท่างทักษะการต่อสู้ไม่ค่อยดีนัก ยังต้องใช้ตะขอและเชือกเพื่อปีนขึ้นกำแพงสูง พวกเขาเป็นใครกัน? จุดประสงค์ของการบุกเข้าไปเรือนจำดึกคืออะไร?หากพวกเขาได้ส่งเสียงก่อกวนอะไรขึ้นมาล่ะก็ แผนการช่วยเหลือคืนนี้ต้องล้มเหลวแน่ๆสถานที่ที่พวกเขาลงซ่อนตัวนั้นอยู่ในที่มืด และพวกเขาเดินตามกำแพงอย่างรวดเร็วไม่น่าส่งเสียงอะไรได้เฮะ ช่างเถอะ การเปลี่ยนเวรใกล้จะเสร็จแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องบุกเข้าไปโดยเร็วที่สุดพวกเจ้าสิบเอ็ดฝางก็ค้นพบคนสามคนที่ซ่อนตัวอยู่ตรงหน้า แต่เนื่องจากพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในที่มืดและสวมชุดกลางคืนสีดำด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ปิดบังศีรษะและใบหน้า แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นชัดเจนได้โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูหรือเป็นมิตรกันแน่ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขาตัวเบาเหมือนนกนางแอ่นจากนั้นก็บินออกไปในทิศทางที่พวกเขากำลังจะไปทันที ถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หรือว่าก็มาเพื่อช่วยเหลือเช่นกันเหรอ?แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถติดต่อกับฝ่ายนั้นได้ แต่ก็รู้ด้วยว่าผู้บังคับบัญชาในปัจจุบัยเปลี่ยนคนแล้ว และผู้บ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 542

    ร่างเงาสีดำสามร่างบินออกไปอย่างรวดเร็วในความเป็นจริงไม่มีเวลาที่เหมาะสมเลยเพราะมีแสงไฟรอบๆ ห้อง แม้ว่าจะไม่สว่างเท่ากลางวัน แต่อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของวัตถุหรือบุคคลใดๆ ได้ โดยเฉพาะภายใต้การจ้องมองของดวงตาหลายร้อยคู่ ไม่ว่าพวกเขาจะเร็วแค่ไหน หรือวิชาตัวเบาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ในที่สุดก็ต้องยืนอยู่หน้าห้องเล็กๆ และพังประตูเพื่อเข้าไปในคุกใต้ดินตราบใดที่เข้าไปในคุกใต้ดินแล้ว งั้นก็เท่ากับเข้ากับดักของศัตรูชัดๆเซี่ยหลูโม่และอูโซเว่ยเคยสอบสวนมาก่อน และรู้ว่าเป็นสถานการณ์แบบไหนกันดังนั้นแผนของพวกเขาคือให้อูโซเว่ยและอาจารย์หยูคอยต่อสู้กับผู้คุมก่อน ในขณะที่เซี่ยหลูโม่เข้าไปในคุกใต้ดินเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน หลังจากช่วยคนนั้นออกมาได้ก็มอบให้กับจางต้าจ้วง แล้วค่อยกลับไปช่วยอูโซเว่ยและอาจารย์หยูพ้นจากการต่อสู้ พอตอนนี้มีพวกเจ้าสิบเอ็ดฝางแล้ว งั้นคนที่สู้กับผู้คนนั่นก็มีจำนวนมากขึ้นแล้วเงาร่างของเซี่ยหลูโม่บินตรงไปที่ประตูกห้องเล็กนั้น ประตูทำจากเหล็ก ดังนั้นหากต้องการพังประตูจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีดที่เซี่ยหลูโม่ใช้เป็นมีดทองคำที่ตัดเหล็กออกอย่างง่ายดาย มีน้ำหนั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 543

    ส่วนการเจรจาที่ภูเขายาดั้งในกลางวันนั้น ทัศนคติของหวังเบียว เด็ดขาดมากก่อนการเจรจา ทั้งฝางเทียนสวีและฉีหลินชักชวนเขาไม่ให้พูดถึงเป่ยหมิงอ๋องต่อหน้าวิกเตอร์ อย่างไรก็ตาม หวังเบียวคิดว่าพวกเขาเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเป่ยหมิงอ๋อง และจะเข้าข้างเป่ยหมิงอ๋องอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาตอบตกลงในชั่วคราว แต่ในใจกลับมีแผนอื่นในการเจรจาครั้งก่อน เขาเคยต่อรองโดยบอกว่าเขาจะใช้ทองคำหรืออาหาร เสื้อผ้า หรือผ้าชั้นดีอื่นๆ เพื่อแลกกับชีซื่อ แต่วิกเตอร์ปฏิเสธทั้งนั้น ดังนั้นการเจรจาจึงถ่วงเวลานานแต่คราวนี้ หวังเบียวหมดความอดทนจริงๆ เพื่อชีซื่อเขายอมอ่อนข้อให้มากมายแล้ว จากห้าพันตำลึงเป็นหนึ่งหมื่นตำลึง ข้าว สามพันหาบ และเส้นไหมสองพันผืน ในของพวกนี้แลกกับตัวประกันคนหนึ่ง พวกเขายังไม่ยอม ถือว่าโลภมากทีเดียวอยากได้เมืองซีม่อนมันเป็นไปไม่ได้ เมื่องซีม่อนถูกยึดคืนจากเงื้อมมือของเป่ยหมิงอ๋อง หากถูกสูญเสียไปจากมือของเขา งั้นเขาจะโดนประชาชนชี้หน้าด่าในช่วงเริ่มต้นของการเจรจาในครั้งนี้ เขาได้เพิ่มข้าวสารเป็นห้าพันหาบ แต่ยังคงถูกวิกเตอร์ปฏิเสธเขาโกรธมากจึงทุบโต๊ะ "ข้าว่าพวกเจ้าไม่ได้คิดจะเจรจาจริงๆ ข้าได้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 544

    เมื่อหวังเบียวเห็นพวกเขาทั้งสองแสดงท่าทีแปลกๆ ก็เกิดความไม่ชอบมาพากลขึ้นมา เขาเป็นผู้ตัดสินของการเจรจาครั้งนี้ อีกอย่างได้กล่าวไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเจรจากันอีกต่อไป แต่พวกเขายังหยุดวิกเตอร์ไว้ หรือว่ามีเหตุผลใดบ้างหรือเขามาเป็นผู้นำกองทัพหลังจากที่เขตหนานเจียงได้ยึดกลับคืนมา และแม่ทัพใต้บังคับบัญชานั้นก็ไม่ยอมอยู่แล้ว หากการเจรจาครั้งนี้ยังให้เขาเป็นผู้ตัดสินไม่ได้ งั้นจะทำให้เขาเสียหน้า เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเขาตะคอก "เจ้าสองคนกลับมา"จากนั้นเขาก็สั่งล่ามว่า "บอกวิกเตอร์ ถ้าไม่มีความจริงใจการเจรจาก็จะจบแค่นั้น หากยังมีความจริงใจในการเจรจา งั้นก็ตามเงื่อนไขที่ข้าเสนอไว้"หลังจากที่ล่ามถ่ายทอดข้อความแล้ว วิกเตอร์ก็มองย้อนกลับไปที่หวังเบียว เขามีสีหน้าหงุดหงิดมาก ไม่ได้มีทีท่ามั่นใจมาก แต่ก็ประมาทไม่ได้ เขาออกคำสั่ง "กลับเมือง"ฉีหลินและฝางเทียนสวีไล่ตาออกไปเพื่อหยุดวิกเตอร์ต่อฉีหลินยกมือขึ้นแล้วโค้งคำนับอีกครั้ง "ท่านผู้บังคับบัญชาวิกเตอร์ ท่านผู้บังคับบัญชาหวังไม่รู้จักชีซื่อ เขาไม่รู้สึกอะไรกับชีซื่อ ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะใช้เมืองซีม่อนไปแลกชีซื่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 545

    ฉีหลินและฝางเทียนสวีต่างก็บอกไม่ถูกว่าพวกเขากราดเกรี้ยวมากแค่ไหน การเจรจาที่ไม่จริงใจเช่นนี้จะรั้งให้วิกเตอร์อยู่คุยต่อได้อย่างไรตอนนี้เพียงหวังแต่ว่าท่านอ๋องสามารถช่วยชีซื่อออกมาก่อนที่วิกเตอร์จะกลับไป ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาจะเป็นหายนะในทางฝั่งเซี่ยหลูโม่ เขาได้ช่วยเหลือเหล่าจากออกมาแล้ว แต่ในขณะที่วิ่งออกไปนั้นข้างนอกได้ฝ่าฟันอย่างรุนแรงดุเดือด บรรดาพวกเจ้าสิบเอ็ดฝางมีหลายคนได้รับบาดเจ็บแล้วด้วยความที่มีอาจารย์อยู่ด้วย เลยยังไม่ได้รับความเดือดร้อนมากนัก แต่จำนวนกองทหารศัตรูก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และต้องเป็นต้องล่าถอยโดยเร็วที่สุดหลังจากที่เขาวิ่งออกไป ผู้คนมากกว่าสิบคนก็เข้ามาต่อสู้กับเขา เขาใช้วิชาตัวเบากระโดดบินออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และส่งคนที่อยู่บนหลังของเขาให้จางต้าจ้วง จางต้าจ้วงฉวยโอกาสจากความมืดและจากไปอย่างรวดเร็วในขณะที่แบกคนที่อยู่ด้านหลังของเขาเซี่ยหลูโม่ใช้วิชาตัวเบาอีกครั้งเพื่อบินกลับเพื่อช่วยพวกเขาหลบหนี หากได้ช่วยคนหนึ่งออกมาแต่กลับโดนจับไปอีกหลายคนงั้นแผนการช่วยเหลือนี้ก็ถือว่าล้มเหลวเซี่ยหลูโม่ถือดาบทองคำไว้ในมือแล้วบินตรงไปที่ด้านข้างของอาจารย์หย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 546

    สุสานแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก และทหารที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกฝังอยู่ที่นี่ มีป้ายสุสานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ทางเข้าสุสานเมื่อเดินเข้าไปข้างใน มีห้องพักสำหรับผู้พิทักษ์สุสานหลายห้อง เหล่าผู้พิทักษ์สุสานถูกควบคุมและคุมขังอยู่ในหนึ่งห้องในนั้นล่วงหน้าแล้ว พวกเขาถูกมัดและปิดปากเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่สามารถออกเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือได้ก่อนการกู้ภัยพวกเขาเตรียมอาหารและน้ำไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้วเหตุผลในการเตรียมอาหารและน้ำเป็นเพราะคิดได้แล้วว่าชีซื่อจะถูกทรมานอย่างแน่นอน ชาวแคว้นซาจะต้องระบายความโกรธใส่เขาหลังจากพ่ายแพ้ อาการบาดเจ็บของชีซื่อจะสาหัส ดังนั้นจึงไม่สามารถออกเดินทางได้ในทันทีเพียงแต่ว่าพวกเขาไม่คาดคิดว่าชีซื่อจะมีผู้คนมากมายแบบนี้ ดังนั้นปริมาณข้าวของที่พวกเขาเตรียมไว้จึงไม่เพียงพอเมื่อพวกเขากลับมา จางต้าจ้วงกำลังรักษาอาการบาดเจ็บให้เหล่าจางอยู่แล้วเซี่ยหลูโม่วางเจ้าสิบเอ็ดฝางลง และไม่ปล่อยให้ตนเองได้พักผ่อนอะไรก็ยื่นยารักษาบาดแผลและผ้าพันแผลให้อาจารย์และ อาจารย์หยู "รักษาบาดแผลก่อน"เจ้าสิบเอ็ดฝางได้รับบาดเจ็บที่หลัง และฝืนตัววิ่งไปได้ระยะหนึ่ง เมื่อมาถึงสุสาน เขาก็หมดสติไปแล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 547

    ทุกคนมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ตระหนักว่าภรรยาอาจของตนเองก็อาจจะแต่งงานกับคนอื่นเช่นกันบรรดากลุ่มคนนี้ มีเพียงลู่หยาชินเท่านั้นที่ไม่ได้หมั้นหมายหรือแต่งงานกัน เขาเป็นหลานชายจากครอบครัวแม่ของเจ้าสิบเอ็ด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกศึกและเป็นเพียงทหารหวังเอ๋อและหวังหวู่มาจากซูโจว เช่นเดียวกับหยาชินและจางไท่เป็นเพียงทหารธรรมดาเท่านั้นฉีฟางเป็นพี่ชายของคุณชายฉีลิ่ว และเป็นบุตรชายที่รับเลี้ยงโดยฉีฮูหยินคนที่สาม ไม่ใช่เด็กโดยกำเนิดเอง เพราะเขาไม่ชอบเรียนหนังสือและชอบฝึกฝนทักษะการต่อสู้ เขาจึงถูกส่งไปยังสนามรบเพื่อฝึกฝน หลังจากอยู่มาสองสามปี ก่อนที่ถูกจับกุมเขาเป็นหัวหน้าที่มีกองทหารหนึ่งร้อยคนฉีฟางได้หมั้นหมายไว้แล้วก่อนที่จะออกศึก แต่เมื่อข่าวการเสียชีวิตของเขาแพร่กระจายไป คู่หมั้นของเขาคงได้ไปหาคนใหม่แล้ว หัวหน้าตระกูลฉีใจดีและไม่สามารถทำเรื่องที่ใจร้ายอย่างให้หญิงสาวคนนั้นเป็นแม่หม้ายและทำร้ายชีวิตของเขาไปตลอดกาลฉีฟางก็หวังว่าคู่หมั้นของเขาจะมีความสุขเพียงแต่ว่าเขารู้สึกทุกข์ใจแทนเจ้าสิบเอ็ด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขามักจะพูดถึงภรรยาของเขาและอดีตระหว่างสามี

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1435

    ฮองเฮาตกพระทัย รีบก้มหน้าลง ดวงตาที่หม่นหมองฉายแววไม่พอใจ นางไม่คาดคิดว่าหลังจากที่ผู้คนในวังหลังพูดถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้กลับปกป้องซ่งซีซีก่อน และความพิโรธของพระองค์นั้นมีเพื่อซ่งซีซีเพียงผู้เดียว หากเรื่องนี้มิได้เกิดจากความคิดที่ไม่เหมาะสมของซ่งซีซี ก็ย่อมเป็นฮ่องเต้ที่ทรงกระทำเอง พระองค์จึงรับความผิดทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว ฮองเฮารู้สึกสับสน เพราะฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของพระองค์เองเป็นที่สุด เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เหตุใดพระองค์จึงไม่ฉวยโอกาสผลักความผิดไปที่ซ่งซีซี เพื่อรักษาพระเกียรติของตน? เหตุใดจึงต้องปกป้องซ่งซีซีก่อน? หากพระองค์ตรัสแบบเดียวกันนี้ต่อเหล่าขุนนางในราชสำนัก ก็ย่อมจะถูกกล่าวหาว่าฮ่องเต้ทรงกระทำการอันเหลวไหล ความคิดหลากหลายประการถาโถมเข้าสู่จิตใจของฉีฮองเฮา นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องในอดีตที่ฮ่องเต้เคยตรัสว่าอยากให้ซ่งซีซีเข้าวัง หรือว่าฮ่องเต้จะมีใจให้ซ่งซีซีจริง? หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ถือว่าน่าหัวเราะสิ้นดี ตั้งแต่วันที่นางแต่งงานกับฮ่องเต้ นางก็รู้ว่า ผู้ชายคนนี้จะไม่มีวันเป็นของนางเพียงผู้เดียว ความรักหรือความชื่นชอบล้วนไม่สำคั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1434

    ดังที่อาจารย์หยูวิตกไว้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยพยายามลอบถามจากเหล่าข้ารับใช้ในจวนเป่ยหมิงอ๋อง โชคดีที่ได้เตือนล่วงหน้าไว้แล้ว ข้ารับใช้เหล่านั้นจึงตอบกลับไปเพียงว่าไม่ทราบในทุกคำถาม แต่ยิ่งจวนเป่ยหมิงอ๋องปิดปากเงียบ ก็ยิ่งทำให้ผู้อื่นสงสัย เพราะเหตุการณ์นี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง การเสด็จออกจากวังของฮ่องเต้ มิใช่เรื่องเล่าที่สามารถเกิดขึ้นง่ายๆ ด้วยการนำคนเพียงไม่กี่คนออกไปตรวจเยี่ยมบ้านเมือง แม้จะเป็นงานมงคลในจวนของขุนนางชั้นสูง หากฮ่องเต้จะเสด็จด้วยพระองค์เอง ย่อมต้องมีพระราชโองการล่วงหน้าเพื่อให้เจ้าของบ้านเตรียมการรับเสด็จ บางครั้งถึงขั้นต้องซ่อมแซมบ้าน ปูพรม หรือตกแต่งด้วยดอกไม้ เตรียมอาหารและข้าวของต่างๆ แต่การเสด็จไปยังจวนของขุนนางกลางดึก โดยมีเพียงเกี้ยวหนึ่งหลังและคนไม่กี่คน ย่อมเป็นสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เป่ยหมิงอ๋องเองก็อยู่ที่หนานเจียงในขณะนี้ แต่ปัญหาใหญ่คือ พระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ซึ่งในตอนนี้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการซ่ง กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่จวน และก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้มักทรงเรียกให้นางไปยังห้องพระอักษรเพื่อร่วมปรึกษา ใครจะทราบว่าพวกเขาหารือกันจริงหรือไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1433

    ในห้องหนังสือ โคมไฟยังคงส่องสว่าง หลังจากฟังคำพูดของเสิ่นชิงเหอแล้ว ซ่งซีซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก "เช่นนี้ ข้าจะได้หายไวๆ เสียที ข้ารู้สึกอึดอัดแทบบ้าแล้ว" อาจารย์หยูกล่าว "คืนนี้ช่างน่าหวาดเสียวเสียจริง" เสิ่นชิงเหอมองซ่งซีซี พลางถอนหายใจเบาๆ "หากเขาเอาอย่างเยี่ยนอ๋องจริงๆ เกรงว่าศิษย์น้องคงต้องทำตามแบบเซี่ยถิงเหยียนแล้วกระมัง" "เขารู้จักชั่งน้ำหนักผลลัพธ์" อาจารย์หยูกล่าว ซ่งซีซีรู้สึกหงุดหงิด "ข้าว่าเขาช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก ตอนข้ายังเล็ก เขาสนิทสนมกับพี่ชายทั้งสองของข้าและมองข้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ต่อมาพอข้าเข้าราชสำนัก เขาก็ปฏิบัติต่อข้าในฐานะขุนนางโดยแท้ แล้วเหตุใดจู่ๆ เขาถึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้?" อาจารย์หยูกล่าว "มันใช่จะเกิดขึ้นกะทันหันหรือ? พระชายาอ๋องลืมหรือไม่ว่า ตอนที่กลับมาจากการกอบกู้หนานเจียง เขาเคยคิดจะให้ท่านเข้าไปในวังเป็นสนมของเขา" "ข้าเข้าใจมาตลอดว่า เขาต้องการใช้ข้าเพื่อบังคับให้ศิษย์น้องสละอำนาจในกองทัพเสียอีก" อีกทั้งในตอนนั้น ด้วยความที่ข้าเป็นบุตรีของซ่งฮวยอัน การให้ข้าเข้าวังยังเป็นการป้องกันไม่ให้ใครที่มีจิตคิดร้ายแต่งข้าไปอีกด้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1432

    ภาพวาดของเสิ่นชิงเหอนั้นฝีมือประณีตยิ่งนัก ละเอียดอ่อนและสมจริงราวกับมีชีวิต ทุกคนมองดูภาพวาดบนกระดาษ จากนั้นจึงหันไปมองจักรพรรดิ์ซูชิงที่ยังประทับอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ทรงแสดงอาการอ่อนล้าแม้แต่น้อย ราวกับว่าพระองค์ได้ก้าวเข้าไปอยู่ในภาพนั้นแล้ว แม้แต่สีพระพักตร์ก่อนหน้านี้ก็เหมือนถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน รายละเอียดต่างๆ ไม่ถูกมองข้าม แม้แต่ริ้วรอยบางๆ รอบดวงพระเนตร เส้นผมสีขาวที่ข้างพระเกศา ปานสีดำเล็กๆ ใต้ริมพระโอษฐ์ด้านขวา และร่องพระโอษฐ์ ทุกอย่างถูกถ่ายทอดไว้อย่างครบถ้วน แม้ว่าฉลองพระองค์จะยังไม่ได้ลงสี แต่ลวดลายบนฉลองพระองค์ก็ถูกวาดออกมาอย่างครบถ้วนไร้ข้อผิดพลาด จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรภาพของพระองค์เองอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก พระองค์ทรงนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะยกพระหัตถ์แตะพระพักตร์ของพระองค์เอง “ข้าดูแก่ขึ้นจริงๆ” ตามปกติพระองค์แทบไม่ได้ส่องคันฉ่อว แม้จะส่องก็ไม่ได้ชัดเจนเท่านี้ “ฝ่าบาทมิได้แก่เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทยังดูเหมือนเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ เท่านั้นเอง” อู๋ต้าปั้นกล่าวประจบ จักรพรรดิ์ซูชิงทรงแย้มพระสรวล ทอดพระเนตรอู๋ต้าปั้นพร้อมส่ายพระพักตร์เล็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1431

    จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนจะทรงได้สติขึ้นมากกว่าตอนที่อยู่ในวัง ไม่ได้ทรงเลื่อนลอยเหมือนก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงแย้มพระสรวล “ไม่ต้องเคร่งครัดนัก ทำตัวตามสบาย เฮ้อ ข้าเพียงรู้สึกอึดอัดในใจเลยอยากมาที่จวนอ๋องเพื่อสนทนากับอาจารย์เสิ่น” ซ่งซีซีจึงกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระหม่อมคงไม่ขัดพระองค์และศิษย์พี่ ขออนุญาตกลับไปพักผ่อน” “ไม่ต้องรีบไป ในเมื่อมาแล้วก็มาร่วมพูดคุยกันเถิด” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงมองนางด้วยสายพระเนตรที่ดูเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซ่งซีซีที่เพิ่งยันตัวลุกขึ้นต้องวางมือลงอีกครั้ง ตอบว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วงใย กระหม่อมดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่หมอหลวงกำชับให้พักฟื้นบนเตียงสักระยะ” “อืม” จักรพรรดิ์ซูชิงพยักพระพักตร์ “บาดเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูก ควรต้องพักรักษาให้ดี” แม้พระองค์จะตรัสเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ทรงอนุญาตให้นางกลับไป ทั้งห้องจึงมีทั้งผู้ที่นั่งและยืนอยู่เงียบๆ เพื่อรอพระราชดำรัส ผ่านไปสักพัก จักรพรรดิ์ซูชิงทรงทำลายความเงียบขึ้นก่อน “มีอาหารว่างหรือไม่? ข้าหิวแล้ว” อู๋ต้าปั้นเมื่อได้ยินรีบกล่าว “ฝ่าบาทยังมิได้เสวยอาหารค่ำ รีบจัดเตร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1430

    ข่าวคราวเรื่องราวในห้องหนังสือและตำหนักฉือหนิงได้ถูกนำขึ้นกราบทูลถึงพระกรรณของจักรพรรดิ์ซูชิง ทำให้พระองค์ทรงรู้สึกกระวนกระวายและอึดอัดพระทัยยิ่งนัก รวมทั้งการวางแผนงานตลอดหลายวันที่ผ่านมา ยิ่งทำให้พระอาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้นจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พระองค์ทรงยกเลิกการกักบริเวณฮองเฮา โดยแท้จริงแล้วก็เพื่อเตรียมตัวให้องค์ชายใหญ่ หากจะทรงแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ตำแหน่งนี้ย่อมไม่อาจมีมารดาที่ถูกกักบริเวณได้ ตอนแรกทรงคิดว่า ช่วงเวลากักบริเวณนี้ ฮองเฮาคงจะได้สำนึกผิด ทราบดีว่าการตามใจบุตรไม่ต่างอะไรกับการผลักดันบุตรไปสู่ความตาย แต่ใครจะคาดคิดว่าฮองเฮาไม่เพียงไม่สำนึกผิด กลับยิ่งเชื่อว่าการมีพระโอรสอยู่ใกล้ตัวจะช่วยเสริมความมั่นคงให้ตำแหน่งพระมเหสีของนาง เนื่องจากไม่ค่อยอยากอาหาร พระกระยาหารค่ำในวันนั้น พระองค์เสวยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อประทังพระอุทร ก่อนเสวยยา พระองค์จำเป็นต้องเสวยยา เพราะแต่ละวันผ่านไปนับเป็นกำไร แต่ด้วยวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพที่นับถอยหลังเข้ามาใกล้ หลังจากทรงวางแผนการ พระทัยกลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น พระองค์ทรงทราบดีว่าทุกคนล้วนต้องผ่านความตายนี้ แต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1429

    ฮองเฮาเลือกเวลาอย่างเหมาะสม ไปยังห้องหนังสือเพื่อรับองค์ชายใหญ่ แล้วจึงพากันกลับไปยังตำหนักฉือหนิงเพื่อถวายพระพรไทเฮา กลุ่มคนที่ตามหลังมานั้นอลังการยิ่งนัก แม้แต่องค์ชายใหญ่ยังถูกข้ารับใช้ตัวน้อยอุ้มกลับมา พอมาถึงประตูตำหนักจึงวางเขาลง ฮองเฮาจัดระเบียบอาภรณ์ให้เรียบร้อย แล้วจูงมือองค์ชายใหญ่เข้าไปด้านใน ทำความเคารพด้วยการคุกเข่าตามธรรมเนียม ถวายพระพรไทเฮาอย่างครบถ้วน แต่ไทเฮากลับมิทรงอนุญาตให้นางลุกขึ้นทันที เพียงเรียกองค์ชายใหญ่เข้าไปใกล้ "วันนี้ไทฟู่ชมเจ้าหรือไม่?" องค์ชายใหญ่หดคอเล็กน้อย มองไทเฮาอย่างระมัดระวัง ก่อนตอบเสียงเบา "วันนี้ไทฟู่ลืมชมขอรับ" ฮองเฮาที่ยังคุกเข่าอยู่รีบเสริมว่า "เสด็จแม่ ไทฟู่เข้มงวดนัก มิชมผู้ใดง่ายๆ" แน่นอนว่าฮองเฮาหาได้ทราบไม่ว่า ไทเฮาเคยตกลงกับไทฟู่ว่าหากองค์ชายใหญ่ประพฤติดีและตั้งใจเรียน ไทฟู่จะกล่าวชมเมื่อตอนเลิกเรียน หากมิใช่ก็จะเงียบเสีย ด้วยเหตุนี้ ไทเฮาจึงทรงทราบถึงความประพฤติขององค์ชายใหญ่ในแต่ละวันโดยง่าย ไทเฮามิทรงตอบคำของฉีฮองเฮา เพียงตรัสกับองค์ชายใหญ่อย่างเรียบๆ ว่า "ยังจำกฎเกณฑ์ได้หรือไม่?" องค์ชายใหญ่หน้าซีด รีบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1428

    สองแม่ลูกพูดคุยกันในห้องทรงพระอักษรเกือบสองชั่วโมง หลังจากไทเฮาเสด็จกลับ จักรพรรดิ์ซูชิงมีพระราชโองการให้ปลดโทษกักบริเวณของฮองเฮา แต่ยังไม่คืนสิทธิ์การบริหารวังหลังให้ ฉีฮองเฮาเมื่อได้ยินคำประกาศจากอู๋ต้าปั้น ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไฉนถึงยกเลิกโทษกักบริเวณอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ในทันใดนั้น นางก็คิดได้ว่าคงเป็นเพราะคำพูดที่ให้นักเลงปากมอมแพร่ออกไปก่อนหน้านี้ได้ผล ฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ แต่จะส่งรัชทายาทไปเลี้ยงดูในวังไทเฮา เช่นนี้ไม่สมเหตุสมผล ดังนั้น หลังจากนางได้รับการปลดโทษ นางไม่ได้รีบไปขอบคุณพระมหากษัตริย์ แต่เลือกไปที่โรงเรียนหลวงเพื่อเยี่ยมองค์ชายใหญ่ เมื่อองค์ชายใหญ่เห็นฮองเฮา ทรงดีพระทัยจนสุดขีด ไม่สนใจว่าไทฟู่ยังสอนอยู่ รีบลุกขึ้นพุ่งตัวราวกับนกที่พ้นกรง กระโจนเข้าสู่อ้อมอกของฉีฮองเฮา "เสด็จแม่ ลูกคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านจะพาลูกกลับไปเมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ?" ฮองเฮาก้มลงจับบ่าของพระองค์ ลูบเส้นผม แล้วสังเกตดูอย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นว่าไม่ได้สวมเสื้อขนสัตว์ และตัวผอมลงมาก คางแหลม นางก็อดปวดใจไม่ได้ "เหตุใดเจ้าผอมเช่นนี้? ที่วังเสด็จย่าไม่ได้เลี้ยงดูอย่างดีหรือ?" องค์

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1427

    รุ่งขึ้น เสนาบดีมู่มาถึงสำนักหมอหลวง บรรดาหมอหลวงทั้งหมด รวมทั้งเจ้าสำนักอยู่พร้อมหน้า เสนาบดีมู่ประทับนั่งลงก่อนมองพวกเขาด้วยแววตาหนักอึ้ง "ข้าถามพวกเจ้าเพียงคำเดียว โรคของฝ่าบาท พวกเจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?" เหล่าแพทย์เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่อู๋ย่วนเจิ้งจะเงยหน้าที่ตาแดงก่ำเพราะอดหลับอดนอนขึ้นมองเสนาบดีมู่แล้วส่ายหน้า "ไม่มีขอรับ" "ไม่มีเลยหรือ?" เสนาบดีมู่ถามด้วยท่าทีเหมือนไม่ยอมแพ้ "แม้แต่ความหวังเล็กๆ หรือวิธีการสักนิด?" ในความเงียบงันอีกครั้ง ดวงตาของเสนาบดีมู่ค่อยๆ หมองลงจนไร้แสง เขาถอนหายใจยาว "หากระดมกำลังจากสำนักหมอหลวงทั้งหมด จะยืดเวลาออกไปได้ถึงสองปีหรือไม่?" อู๋ย่วนเจิ้งมีสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "ท่านเสนาบดี โรคปอดทรุดนี้กำเริบอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่สองปีเลย เพียงหนึ่งปีก็...ยากมากพ่ะย่ะค่ะ" ครั้งนี้ถึงคราวเสนาบดีมู่เงียบไปนาน ก่อนทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง "ระวังคำพูดของพวกเจ้าด้วย" เขาค่อยๆ เดินออกจากสำนักหมอหลวง พลางกระชับเสื้อคลุมให้แน่น ฤดูหนาวผ่านเข้ามาเร็วนัก อากาศยิ่งหนาวจนแทงกระดูก ไทเฮาดูเหมือนจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่แสงไฟในสำนักหมอหลวงสว่างตล

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status