ซ่งซีซีให้ว่านจือส่งคนไปจับตาดูเหลียงเส้ามาแล้วหลายวัน ถ้านฮัวคนนี้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากฮูหยินผู้เฒ่า เลยยังกำเริบเสิบสานในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาไปที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนพร้อมกับบทความในมือ พยายามหาคนที่จะส่งบทความดังกล่าวให้ฮ่องเต้ แต่ไม่มีใครในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนสนใจเขาเขารู้สึกว่าผู้คนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็อิจฉาคนที่มีความสามารถพิเศษ และเขารู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปสถาบันฮันลินเพื่อขอคนมาช่วย แต่ทุกคนที่เห็นเขาก็จงใจหลีกเลี่ยงเขาถ้านฮัว ซึ่งถูกฮ่องเต้สั่งให้ไล่ออกจากตำแหน่งด้วยตนเอง เอาใจอนุภรรยาและทอดทิ้งภรรยาเอก อีกทั้งออกจากจวนป๋อและสร้างครอบครัวใหม่ ได้ยินมาว่าเขาไม่ต้องการเป็นซื่อจื่ออีกต่อไปนอกจากนี้มีข่าวที่เขาแต่งงานกับลูกสาวพ่อค้าและให้ลูกสาวพ่อค้าออกเงินเพื่อไถ่ถอนหญิงงามเมืองในสถานบันเทิงถูกแพร่สะพัดว่า แม้ว่าพวกขุนนางฝ่ายบุ๋นคิดว่านี่ไม่ได้ผิดร้สยแรง แต่ผิดศีลธรรม และรู้สึกไม่มีค่าพอที่เป็นนักวิชาการนอกจากนี้ เมื่อตัวตนของเยียนหลิวถูกแพร่กระจาย แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ก็ถูกหลีกเลี่ยงอยู่เสมอเหลียงเส้ายุ่งไปหลาย
ในห้องโถงดอกไม้ กลิ่นหอมของชามะลิอบอวลไปทั่วห้องเป่าจูนำขนมหวานมา ข้างนอกฝนตก และรองเท้าปักของนางก็เปียกโชก เมื่อเหยียบบนพื้นหินอ่อน ทำให้มีรอยเท้าที่ชัดเจนหลายรอยอยู่บนพื้นซ่งซีซีไม่ได้พูดก่อน แต่นั่งบนเก้าอี้และดื่มน้ำชาช้าๆ ระหว่างน้ากับหลานสองคนนี้ห่างกันเพียงโต๊ะน้ำชาทรงสี่เหลี่ยมสูงขนมหวานวางอยู่บนโต๊ะน้ำชา เป่าจูถือถาดแล้วถอยกลับโดยยืนเฝ้าอยู่นอกประตูซ่งซีซีหยิบขนมหวานก้อนเมฆด้วยมือแล้วกินมันช้าๆ เสียงเคี้ยวเบามากจนแทบไม่ได้ยินพระชายาอ๋องฮวยใช้ตะเกียบขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของนาง นางกินมันอย่างงดงาม โดยกัดคำเล็กๆ และถือมันไว้บนจานกระเบื้องเล็กๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เศษขนมใดๆ ตกใส่กระโปรงลายดอกไม้สีม่วงของนางผิวของนางค่อนข้างเหลือง และสีม่วงทำให้ผิวของนางยิ่งดูเข้มขึ้น ดวงตาของนางเหม่อลอย ใต้ตาลึกคล้ำ เห็นๆ อยู่ว่านอนหลับไม่ดีมาหลายคืนแล้วบางทีอาจเป็นเพราะนางเห็นซ่งซีซีเงียบตลอด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่จะวางจานและตะเกียบลง แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าปาดมุมปากก่อนพูดว่า "ซีซี เจ้าต้องเหินห่างกับน้าเช่นนี้เลยหรือ?"เสียงซ่งซีซีเบาๆ "ข้านึกว่าเป็นท่านน้าที่จงใจทำตัวเหิน
ซ่งซีซีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เป่าจู ส่งแขก"พระชายาอ๋องฮวยระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีทันใด "ซ่งซีซี ข้ายังพูดไม่จบเลย เจ้าจะรีบร้อนที่จะขับไล่ข้าหรือ ข้าเป็นท่านน้าของเจ้าน่ะ"นางหัวเสียและทุบถ้วยชาลงบนพื้น หน้าอกนั้นกระเพื่อมซ่งซีซีมองดูถ้วยชาที่แตกอยู่บนพื้น มีแอ่งน้ำชาอยู่ที่บริเวณข้างเท้าของนาง ทำให้เท้าหน้าของนางเปียกโชก"หาก" ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมองนาง น้ำเสียงดุดันและเย็นชา "เจ้ากล้าระบายความโกรธเช่นนี้ในจวนเฉิงเอินป๋อและกล้าทุบถ้วยต่อหน้าพวกเขา ชี้หน้าด่าเหลียงเส้าเป็นคนชั่ว ข้าก็ดีใจแทนหลานเอ่อร์ ยังถือว่าเจ้าเป็นท่านน้าของข้า แต่หลานเอ่อร์ต้องทนทุกข์ขนาดไหนแล้ว คืนนั้นเจ้าไม่เห็นหรือไง เจ้าเอาแต่พูดเกลี้ยกล่อม นางบอกว่าต้องการหย่า แค่ถามเจ้าว่ายอมรับให้นางกลับจวนหรือไม่ แม้ว่าเจ้าแค่พยักหน้าเล็กน้อยแทนที่โน้มน้าวให้นางอดทนเอาไว้ก็ถือว่าเป็นการปลอบใจที่ยิ่งใหญ่ บางทีนางอาจจะรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจไปขณะนึงเลยพูดว่าอยากหย่าด้วยอารมณ์เท่านั้น แต่การปฏิเสธของเจ้าจะทำให้นางเสียใจขนาดไหน ต้องสิ้นหวังมากเพียงใด เจ้าเคยคิดบ้างไหม?""นางหย่าไม่ได้" ใบหน้าของพระชายาอ๋องฮวยเปลี่ยนเป็นส
เรื่องที่ว่าซ่งซีซีหัวเสียเพราะพระชายาอ๋องฮวยก็ถูกกระจ่ายไปถึงหูสนมฮุ่ยไทเฟยหลังจากที่นางตามหาเป่าจูเพื่อสอบถามต้นสายปลายเหตุ นางกระทืบเท้าตึงตัง "ผู้ใดบ้างจะไม่โกรธหลังจากได้ยินคำพูดแบบนี้ ซีซีเสียเปรียบตรงที่นางเป็นรุ่นหลาน หากข้าอยู่ล่ะก็ จะไม่ตบหน้านางสักหลายๆ ฉาดได้อย่างไร"นางรีบออกคกสั่ง "เร็วเข้า ให้ห้องครัวทำขนมหวานให้นาง ขนมหมื่นลี้ ขนมพุทราแดง ไม่สิ ไม่ ไปซื้อชุดขนมหลวงรวมแปดชนิดตรงๆ เลย กล่อมนางสักหน่อย อย่าให้นางอารมณ์เสียอีก เพื่อคนที่ไม่เอาไหนแบบนั้นทำให้ตนเองโกรธจนทำร้ายสุขภาพก็ไม่คุ้มเอาเสีย"ซู่เยว่เตรียมตัวจะออกไปซื้อของอย่างรีบร้อน แต่เสิ่นว่านจือก็พูดว่า "ให้ข้าไปเถอะ ข้าคล่องตัวกว่า""ใช่ ให้ว่านจือไป" สนมฮุ่ยไทเฟยรู้สึกประหม่ามาก หาใช่ว่านางไม่เคยเห็นลูกสะใภ้โกรธ แต่คราวนี้นางต้องเผชิญหน้ากับพระชายาอ๋องฮวย นางไม่สามารถระบายความโกรธออกมาได้ ก็ประหนึ่งบางครั้งที่นางหงุดหงิดกับท่านพี่มาก แต่ไม่กล้าใส่อารมณ์กับท่านพี่ไม่ ยังคงแตกต่างออกไป ท่านพี่เป็นคนมีเหตุผล ในใจของนางยังหวังดีกับตนเอง ในทางกลับกันพระชายาอ๋องฮวยคนนั้นไม่แม้แต่สนใจลูกสาวของตนเองด้วยซ้ำ จะมาเท
ซ่งซีซีหยิบขนมชิ้นหนึ่งมาให้สนมฮุ่ยไทเฟย และพูดด้วยรอยยิ้ม "เสด็จแม่ ข้าไม่โกรธ ท่านกินด้วย"เมื่อมองดูนางหยิบมันด้วยมือเปล่าโดยตรง สนมฮุ่ยไทเฟยขมวดคิ้ว นี่ลูกสะใภ้คนนี้ก็หยาบไปหน่อยไหมหลังจากลังเลอยู่นาน นางก็รับมันมา ช่างเถอะกินๆ ไปเลยไม่ตายหรอกฝ่ายตรวจการเริ่มยุ่งอีกครั้ง และร้องเรียนถ้านฮัวเหลียงเส้าจัดหนักเลยอวี้ฉื่อคิดว่าเขาประพฤติตนผิดจรรยาบรรณและดูถูกขุนนางทุกคนในราชสำนักในที่สาธารณะ และยังดูหมิ่นอำนาจของจักรพรรดิอีกด้วย เขาไม่คู่ควรเป็นศิษย์ของจักรพรรดิ จึงขอร้องฮ่องเต้ให้ขีดฆ่าชื่อของเหลียงเส้าออกจาก "รายชื่อบันทึกผู้สอบผ่านขุนนาง" และในขณะเดียวกันก็ยกเลิกยศในฐานนะซื่อจื่อเฉิงเอินป๋อด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จวนเฉิงเอินป๋อต้องการเปลี่ยนซื่อจื่อแล้วฮ่องเต้ยกเลิกยศในฐานะซื่อจื่อเฉิงเอินป๋อของเหลียงเส้าในการประชุมยามเช้า แต่ไม่ได้ตัดสิทธิ์เขาจากการเป็นถ้านฮัว หากยกเลิกถ้านฮัวซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตนเองแต่งตั้งให้มันก็เท่ากับฉีกหน้าของตนเองแต่ถึงยังไงฮ่องเต้ก็โกรธจัดมากและตักเตือนเฉิงเอินป๋อในประชุม หลังจากเลิกประชุม เขาเรียกเฉิงเอินป๋อไปที่ห้องหนังสือหลวงฮ่องเต้มองดูเฉิง
เซี่ยหลูโม่ถาม "เสด็จพี่ ตัวตนของชีซื่อคือใครกัน?"เมื่อเขาได้รับข่าวกรองจากฉีหลินโดยเป็นชีซื่อส่งให้ เขาได้สอบสวนแม่ทัพทั้งหมดที่ไปสนามรบเขตหนานเจียง รวมถึงทหารที่ถูกจับ และไม่มีผู้ใดชื่อชีซื่อจักรพรรดิ์ซูชิงส่ายหัว "ไม่รู้ คาดว่าไม่มีผู้ใดรู้ พ่อตาของเจ้าเป็นคนรับข่าวกรองคนแรก บางทีพ่อตาของเจ้ารู้ตัวตนของเขา หรือว่าพ่อตาของเจ้าก็ไม่รู้เช่นกัน""ชีซื่อสามารถหนีจากค่ายผู้ถูกจับได้ซึ่งพิสูจน์ว่าบุคคลนี้มีวรยุทธ์ไม่เลว ไม่ใช่ทหารธรรมดา"เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้วและคิดอยู่พักหนึ่ง เมื่อเขารับข่าวกรองจากชีซื่อและเดินเส้นทางของเขาในอดีต ไม่ได้สอบถามตัวตนของเขา แต่แน่นอนว่าต่อให้ถามแล้วก็ไม่มีทางจะบอก เพราะข่าวกรองอาจถูกดักจับได้ เปิดเผยตัวจนในข่าวกรองมันอันตรายมากเซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "เสด็จพี่ เขาได้ให้ข่าวกรองมากมาย มีผลงานใหญ่ จ้องช่วยเขากลับมา"จักรพรรดิ์ซูชิงพยักหน้าและมองดูเขาอย่างเคร่งขรึม "ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะไปเอง สิ่งเดียวที่แน่ใจได้ในขณะนี้ก็คือเขายังไม่ตาย แคว้นซาต้องการใช้เขามาแลกกับเมืองแห่งหนึ่ง ตามที่ฝางเทียนหลินสืบมา เขากำลังถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกในเมืองชายแดนของแคว้นซา แ
ณ จวนเป่ยหมิงอ๋องซ่งซีซีช่วยเขาจัดเก็บเสื้อผ้าพร้อมกับเลิกคิ้วอย่างกังวล "ไม่งั้นให้ไปกับท่านไหม ท่านไปคนเดียวข้าไม่วางใจ""ข้าไม่ได้ไปคนเดียว มีจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูด้วย เจ้าอย่าไปเลย ยังต้องเตรียมงานแต่งงานของเซียนหนิง นอกจากนี้ รุ่ยเอ๋อร์จะไปสถานบันการศึกษาแล้ว""ทักษะการต่อสู้ของอาจารย์หยูเป็นอย่างไรบ้าง" ซ่งซีซีไม่ค่อยสนิทกับอาจารย์หยูมากนัก แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกันมานานแล้วและเขาเป็นคนสำคัญมากในจวนอ๋อง แต่ผู้คนก็มักจะรู้สึกว่าเขาค่อนข้างเก็บตัว"ทักษะการต่อสู้ธรรมดามากแต่หัวไว"ซ่งซีซียังคงไม่วางไว้ นั่นมันแอบเข้าไปในเมืองชายแดนของแคว้นซาเนี่ย "งั้นข้าจะให้ว่านจือไปด้วยดีไหม"เซี่ยหลูโม่เอื้อมมือไปกอดนางและจูบนางที่หน้าผาก สีหน้าที่นางกำลังเป็นห่วงเขานั้นทำให้เขามีความสุขจริงๆ "ไม่ต้องหรอก ข้าขอให้อาจารย์ของข้าไปกับข้า""ศิษย์อาจะไปด้วยหรือ? งั้นดีเลย" ศิษย์อามีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง และเป็นคนลึกลับซับซ้อน ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากเขาแล้ว แต่พอตนเองทำอะไรผิดพลาดเขาก็จะปรากฏตัวขึ้นมาทันที ราวกับว่าเขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง"อืม วางใจได้เลย ข้าจะช่วยชีซื่อกลับมา" เซี่ยหลูโม่จูบแก้มของน
เซี่ยหลูโม่พาจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูออกจากเมืองข้ามคืน ในเวลาเดียวกัน ก็ส่งจดหมายกลับไปที่สถาบันว่านซงเหมินเพื่อขอความช่วยเหลือจากอาจารย์หลังจากที่เซี่ยหลูโม่ออกไป เสิ่นว่านจือก็พาซ่งซีซีไปพักที่ห้องพักด้านข้างโดยบอกว่ากลัวนางจะชินกับการมีเพื่อรนอน จู่ๆ ข้างกายไม่มีคนอยู่ด้วยจะเหงาเอาซ่งซีซีเคาะหัวของนาง "ข้าไม่เหงาสักหน่อย เจ้ารู้สึกเบื่อใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นไปหากุ้นเอ๋อร์เล่นด้วยสิ""ข้าไม่อยากไปหาเขาหรอก ตอนนี้เขาหยิ่งมากทีเดียว เป็นผู้นำทหารประจำจวน เวลาเดินเหมือนไก่ตัวผู้ไม่มีผิด" เสิ่นว่านจือนอนคว่ำหน้าบนเตียง เอามือเท้าคาง "ข้าก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหรือเหงาเลย แค่อยากคุยเล่นกับเจ้า อีกสองวันเราไปร่วมสนุดด้วย จ้านเส้าฮวนจะถูกส่งไปที่จวนโหวผิงหยางเป็นอนุภรรยาแล้ว"ซ่งซีซีวางมือไว้ด้านหลังศีรษะ "อืม เรื่องนี้ข้ารู้ ข้ากำลังคิดอีกเรื่องนึงอยู่""คิดอะไรอยู่? คิดว่าท่านหญิงเจียอี้จะโกรธเป็นบ้าเหรอ?" เสิ่นว่านจือหันหน้าและหัวเราะกว้าง"ไม่ใช่ เจ้าสนใจแต่เรื่องที่บ้านของพวกเขาหรือไง?""ก็ไม่ได้ทั้งหมด ทางจวนเฉิงเอินป๋อข้าก็สนใจด้วย" เสิ่นว่านจือยกขาของนางขึ้นและขยับอย่างยืดหยุ่น "เหล