แชร์

บทที่ 496

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เซี่ยหลูโม่พาจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูออกจากเมืองข้ามคืน ในเวลาเดียวกัน ก็ส่งจดหมายกลับไปที่สถาบันว่านซงเหมินเพื่อขอความช่วยเหลือจากอาจารย์

หลังจากที่เซี่ยหลูโม่ออกไป เสิ่นว่านจือก็พาซ่งซีซีไปพักที่ห้องพักด้านข้างโดยบอกว่ากลัวนางจะชินกับการมีเพื่อรนอน จู่ๆ ข้างกายไม่มีคนอยู่ด้วยจะเหงาเอา

ซ่งซีซีเคาะหัวของนาง "ข้าไม่เหงาสักหน่อย เจ้ารู้สึกเบื่อใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นไปหากุ้นเอ๋อร์เล่นด้วยสิ"

"ข้าไม่อยากไปหาเขาหรอก ตอนนี้เขาหยิ่งมากทีเดียว เป็นผู้นำทหารประจำจวน เวลาเดินเหมือนไก่ตัวผู้ไม่มีผิด" เสิ่นว่านจือนอนคว่ำหน้าบนเตียง เอามือเท้าคาง "ข้าก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหรือเหงาเลย แค่อยากคุยเล่นกับเจ้า อีกสองวันเราไปร่วมสนุดด้วย จ้านเส้าฮวนจะถูกส่งไปที่จวนโหวผิงหยางเป็นอนุภรรยาแล้ว"

ซ่งซีซีวางมือไว้ด้านหลังศีรษะ "อืม เรื่องนี้ข้ารู้ ข้ากำลังคิดอีกเรื่องนึงอยู่"

"คิดอะไรอยู่? คิดว่าท่านหญิงเจียอี้จะโกรธเป็นบ้าเหรอ?" เสิ่นว่านจือหันหน้าและหัวเราะกว้าง

"ไม่ใช่ เจ้าสนใจแต่เรื่องที่บ้านของพวกเขาหรือไง?"

"ก็ไม่ได้ทั้งหมด ทางจวนเฉิงเอินป๋อข้าก็สนใจด้วย" เสิ่นว่านจือยกขาของนางขึ้นและขยับอย่างยืดหยุ่น "เหล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 497

    ทั้งสองคุยกันทั้งคืน หลังจากประสบสงครามในสนามรบเขตหนานเจียงแล้ว เสิ่นว่านจือคิดอะไรดูผู้ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนางอาศัยอยู่ในเมืองหลวงในช่วงนี้ และรับรู้เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับครอบครัวที่มีอำนาจ นางคิดว่าโลกไม่ได้ง่ายอย่างที่นางอยู่ในภูเขาเหม่ยชานที่เห็นจริงๆชีวิตในภูเขาเหม่ยชานเรียบง่ายมาก ทุกๆ วันเอาแต่สร้างปัญหาให้คนอื่น เล่นกันแมวหมา ขุดดินเพื่อหางู ไล่ล่าหมูป่า และสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือการถูกทุบตีโดยลูกศิษย์จากนิกายอื่นขณะพูดคุยไปเรื่อยๆ นางก็เริ่งง่วงนอน เสิ่นว่านจือพลิกตัว เอาเท้าด้านข้างไปทับบนร่างของซ่งซีซี และหาวว่า "ข้าค่อนข้างอิจฉาเจ้าที่มีแม่สามีที่ดี จริงๆ แล้วไทเฟยปกป้องเจ้ามาก""ข้ารู้""ไม่งั้นให้ข้าแต่งงานกับผู้บังคับบัญชาเช่นกัน และให้นางเป็นแม่สามีของ…"ก่อนที่เสิ่นว่านจือจะพูดจบ นางก็ถูกเตะออกจากเตียงแล้ว นางก็กระโดดขึ้นและทุบตีซ่งซีซียกใหญ่ "ข้าแค่พูดไปเรื่อย เจ้าเอาจริงหรือ ไทเฟยได้บอกว่าจะรับข้าเป็นบุตรสาวบุญธรรมมานานแล้ว ข้าแค่เล่นตัวเลยไม่ได้รับปากนาง นางชอบข้ามากเลยนะ"ซ่งซีซีใช้ข้อศอกขวางนาง จากนั้นยกเท้าขึ้นกดคอของนาง แล้วทับหัวของนางลงบนเตียง "ง่วงแล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 498

    ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านมองไปที่ซ่งซีซี และมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้ในตัวของนางเต็มไปด้วยความสูงส่งและความสง่างามที่ไม่อาจพรรณนาได้ นางแตกต่างออกไปแล้วจริงๆดวงตาของนางปะปนไปด้วยความโกรธ ความเสียใจ ความไม่พอใจ และไม่ยอม และซับซ้อนมากจนเหงือกของนางเริ่มเจ็บจ้านเส้าฮวนอยู่ในอารมณ์เดียวกับนาง แต่จ้านเส้าฮวนจะมีความเกลียดชังและความอิจฉามากกว่าอีกนิดเดียว แค่อีกนิดเดียวนางก็เกือบจะกลายเป็นชายารอง ของเป่ยหมิงอ๋องได้แล้ว"โชคร้าย!" เสิ่นว่านจือพูดอย่างเย็นชาซ่งซีซีเพียงเหลือบมองแวบหนึ่งจากนั้นก็ละสายตาออกไป เมื่อเห็นลูกเถ้าแก่ที่ยิ้มแย้มอยู่ตรงหน้าตน โดยแอบคิดว่าดวงตาของนักธุรกิจนี่เฉียบคมจริงๆ วันนั้นนางอยู่ในสภาพเลอะเทอะอย่างนั้นเขายังคงจำนางได้โอ้ แต่ก็ไม่แปลกใจเลย เมื่อก่อนนางและท่านแม่เคยมาร้านจินจิงมาก่อน ได้พบกับลูกเถ้าแก่คนนี้นางยิ้มและพูดว่า "นายน้อย ไม่ต้องสุภาพเช่นนั้น เราอยากจะขึ้นไปชั้นสามเพื่อเลือกเครื่องประดับ ไม่ทราบว่าจะสะดวกไหม?""สะดวก สะดวกมาก" นายน้อยพูดอย่างตื่นเต้น "พระชายาและคุณหนูทั้งสองท่านโปรดตามข้าน้อยมาด้วย และข้าน้อยจะดูแลทั้งสามท่านเองขอรับ"มีแขกผู้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 499

    เครื่องประดับไข่มุกหนานจู? เครื่องประดับบนชั้นสามนางสามารถเลือกซื้อตามอำเภอใจงั้นหรือ?ในอดีต ซ่งซีซีจะให้เครื่องประดับและเสื้อผ้าทุกฤดูกาลให้นางนางมือเติบมาก นางเคยสัญญาว่าจะจัดสินเดิมชุดใหญ่ให้นางเวลานางออกเรือนแต่ตอนนี้ นางกลับไปจัดสินเดิมให้คนอื่นและวันนี้นางพาหวังชิงหลูมาเลือกสินเดิม หวังชิงหลูแค่เลือกซื้อของในชั้นนี้เท่านั้น แม้แต่ชั้นสองก็ไม่ขึ้นไป นับประสาอะไรสินค้าพิเศษที่ชั้นสามล่ะเหตุใดความแตกต่างระหว่างผู้คนจึงใหญ่มาก?เมื่อนางเห็นสายตาที่แขกในนั้นกำลังจ้องมองนางเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน นางรู้สึกอับอายขึ้นมา จากนั้นหันกลับไปและคว้าแขนของหวังชิงหลูพลางพูดว่า "พี่สะใภ้รอง ข้าก็อยากจะขึ้นไปชั้นสามด้วย"หวังชิงหลูหัวเสียขึ้นทันที เดิมทีให้นาออกเงินจัดสินเดิมให้กับน้องสามีนางก็ไม่พอใจอยู่แล้ว ในฐานะพี่สะใภ้นางสามารถออกให้ชุดหนึ่ง แต่บัดนี้กลายเป็นว่าให้นางออกให้หมดตอนแรกนางไม่ต้องการมาร้านจินจิง เครื่องประดับที่นี่ค่อนข้างแพง นางคิดว่าไปที่ร้านขายทองหรือร้านขายเครื่องประดับแห่งไหนก็ได้แค่ซื้อสักหน่อยให้นางก็พอ แต่แม่สามีบอกว่านางต้องแต่งเข้าจวนโหวผิงหยาง ดังนั้นให้ดู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 500

    เด็กน้อยตอบด้วยรอยยิ้ม "ขอรับ คุณหนูรอสักครู่ นั่งดื่มน้ำชาและกินขนมก่อน แล้วข้าจะไปห่อให้ท่านเดี๋ยวนี้"เขาไม่ได้บอกราคา เพราะลูกค้าที่มาชั้นสามจะไม่ถามราคาเสมอ หลังจากห่อเสร็จก็แค่แจ้งตัวเลขไปก็พอฮูหยินผู้เฒ่าจ้านมองไปที่ชุดเครื่องประดับบนศีรษะทับทิมนั้นก็ใจเต้นแรงด้วย นางเคยเจอมาก่อน เลยรู้ว่าชุดเครื่องประดับบนศีรษะทับทิมชุดนี้ต้องมีราคาไม่น้อย และทับทิมก็คุณภาพที่แตกต่างกันเช่นกัน เม็ดเล็กๆ ที่ปกติซื้อนั้นมันเทียบกับทับทิมในวันนี้ไม่ติดเลยนางมองไปที่หวังชิงหลู และพูดเบาๆ "ในเมื่อนางต้องการ ก็ซื้อให้นาง เจ้าว่าอย่างไร?"หวังชิงหลูหัวเราะด้วยความโกรธ ว่าอย่างไรงั้นหรือ? นางมีทางเลือกไหม? เด็กน้อยคนนั้นได้นำกล่องเครื่องประดับที่สวยงามออกมาแล้วเริ่มบรรจุมันกล่องเครื่องประดับนั้นก็มองออกว่ามันมีค่าไม่น้อยด้วย ไม้จันทน์ฝังด้วยกระดองเต่าและอัญมณีเล็กๆ เรียงเป็นแถว และขอบแนวตั้งแกะสลักด้วยลวดลายเมฆนำโชค ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามเช่นนี้ ชุดเครื่องประดับนี้จะถูกได้อย่างไรหลังจากที่เด็กน้อยบรรจุอย่างชำนาญและเรียบร้อย เขาก็ยื่นให้ด้วยความเคารพ "ฮูหยิน นอกจากชุดเครื่องประดับบนศีรษะนี้แล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 501

    หวังชิงหลูน้ำตาคลอเบ้า และเสียงของนางก็สั่น "ไม่ เราไปเลือกที่ชั้นหนึ่ง ค่อยเลือกหลายๆ ชิ้นหน่อยก็พอ"นางเป็นบุตรีของฮูหยินเอกของจวนป๋อผิงซี นางไม่สามารถพูดเสียงดังกับแม่สามีของตนได้ที่นี่ นางทำได้เพียงอ่อนข้อและขอให้พวกเขาตกลงที่จะลงไปชั้นล่างเพื่อเลือกของต่อ ของชั้นหนึ่งก็หาใช่ถูก เครื่องประดับในร้านจินจิงล้วนราคาไม่ใช่น้อยเลยจ้านเส้าฮวนถือมันไว้แน่น "ไม่ ข้าต้องการชุดนี้"หวังชิงหลูตัวสั่นไปทั้งตัว และมีคนมองออกจากห้องส่วนตัวมาดขึ้นเรื่อยๆ พวกนางต่างมองด้วยความประหลาดใจ ซึ่งทำให้ความรู้สึกอับอายของหวังชิงหลูรุนแรงยิ่งขึ้นแต่เงินตั้งสามสี่หมื่นตำลึงนี้จะให้นางออกให้อย่างไร? ขายสินเดิมหมดบวกกับเงินทำขวัญของเจ้าสิบเอ็ดล้วนเอาออกมาให้พวกนางหมดหรือ เป็นไปได้ยังไง?นางยืนตัวสั่นโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่เคยประสบกับช่วงเวลาที่น่าอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิตนี้เลยนางหันหลังกลับและต้องการจะจากไป แต่แม่สามีรีบคว้าแขนเสื้อของนาง นางตัวแข็งทื่อและสบตาเย็นชาของแม่สามีเข้าน้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าจ้านแฝงไปด้วยความอ่อนโยน แต่ดวงตาของนางบ่งบอกการกดขี่ "จะเดินรีบร้อนออกไปทำไม รอเด็กบริการไปด้วยส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 502

    หัวหน้าร้านมองไปที่จ้านเส้าฮวน แล้วพูดอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส "คุณหนู แน่นอนว่ามันได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าชุดเครื่องประดับทับทิมบนศีรษะ ร้านของเรามีหลายรูปแบบ ท่านเพิ่งดูมารูปแบบเดียว ไม่งั้นให้ข้าจัดมาหลายๆ ชุดให้ท่านเลือกดูดีไหม"จ้านเส้าฮวนเงยหน้าขึ้นและเห็นเด็กบริการเดินเข้ามาพร้อมถาดไม้พะยูง พอนางเห็นมันก็รู้ว่ามันกับชุดที่ตนเองถืออยู่นั้นมันคนละระดับเลย ย่อมเอามาจากชั้นหนึ่งหรือชั้นสอง นางก็เรียกหยุดขึ้นมาทันที "ไม่ ข้าจะเอาชุดนี้"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็โกรธขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "จะเลือกอะไรนักหนาอีก บอกว่าเอาชุดนี้แล้ว ร้านจินจิงของพวกเจ้าเป็นอะไรกันแน่ แค่ตามพวกเรากลับจวนรับเงินก็พอ พูดอะไรไร้สาระมากความ"หัวหน้าร้านเป็นคนผ่านโลกมมาเยอะ ลูกค้าแบบนี้ที่ร้านจินจิงมี แต่ไม่เคยพบที่ชั้นสามเท่านั้นแค่มองดูคร่าวๆ ก็รู้ว่าเป็นแม่ลูกสองคนอยากให้ลูกสะใภ้ออกเงินมาซื้อสินเดิม แต่ครอบครัวนี้ดูแปลกๆ ไปหน่อย ฮูหยินผู้เฒ่าดูอายุไม่ได้มาก ตามหลักแล้วน่าจะเป็นนายหญิงดูแลเรื่องราวของจวน งั้นคนที่ออกเงินก็ควรเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่ออกให้นี่ แต่ทำไมฮูหยินที่มีอายุน้อยกว่าที่อยู่ข้างๆ ถึงทำท่าอยากจะร้องไห้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 503

    ประโยคคำว่ารับความนับถือและการระลึกได้บ่งบอกข้อมูลมากมายสามีต่างก็เสียชีวิตในสนามรบเช่นกัน และเป็นคนหัวอกเดียวกัน ดังนั้นฮูหยินน้อยจึงต้องการช่วยหวังชิงหลูด้วยความเมตตา แต่ไม่คาดคิดว่าหวังชิงหลูจะไม่รับน้ำใจ ดังนั้นทำให้ฮูหยินน้อยเช่นกัน เขินอายมากพอซ่งซีซีได้ยินตัวตนของอีกฝ่ายก็รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแล้วแต่นางไม่ได้พูดที่นี่ แต่เปลี่ยนเรื่องหัวข้อและถามเซียนหนิงว่าได้เลือกอะไรไปบ้าง และนางต้องการซื้อของขวัญให้แม่สามีที่ซื่อๆ อีกชิ้นหนึ่งด้วย วันนี้ไม่ได้พานางออกมาคงต้องโกรธแน่เหตุผลที่ไม่พานางมาที่นี่ก็เพราะว่าแม่สามีเคยเปิดร้านจินร่วมกับท่านหญิงเจียอี้มาก่อน และรูปแบบก็คัดลอกมาจากที่นี่หมด เพื่อป้องกันไม่ให้แม่สามีต้องร้อนตัวและกระดากใจชุดเครื่องประดับบนศีรษะไข่มุกหนานจูได้ระบุบรูปแบบแล้ว ยังเลือกสิ่งของโปรดหลายชิ้น เซียนหนิงกอดพี่สะใภ้และตะโกนว่าชอบพี่สะใภ้มากที่สุดเถ้าแก่น้อยยิ้มอยู่ข้างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับพี่สะใภ้และน้องสามีคู่เมื่อกี้ที่อยู่ข้างนอกนั้น สองพี่น้องนี้รักกันมากจริงๆแม้ว่าเขาจะเป็นนักธุรกิจ แต่เขาก็ยังชื่นชมทหารผู้จงรักภักดีต่อประเทศ ครอบครัวของเส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 504

    เมื่อไทเฟยกลับมาจากวัง นางก็เดินตรงผ่านห้องโถงดอกไม้ เงยหน้าขึ้นและไม่มองดูสตรีที่กำลังพูดอยู่ข้างในสตรีคนหนึ่งถึงกับตะโกนว่า "เสด็จแม่ ท่านกลับมาแล้วเหรอ?"นางเพิกเฉยและเดินต่อไปโดยเชิดหัวขึ้นสตรีอีกคนวิ่งไปคว้าของนาง "เสด็จแม่ ดูสิว่าข้ากับพี่สะใภ้ซื้ออะไรมาให้ท่านบ้าง มาเลย!""ฮึ" สนมฮุ่ยไทเฟยเหลือบมองเซียนหนิงอย่างเย็นชา "คิดว่าข้าจะสนใจหรือ?"เซียนหนิงแสดงสีหน้าผิดหวังขึ้นมา "อ๊ะ? ท่านไม่สนใจเหรอ? พี่สะใภ้อุตส่าห์เลือกให้ตั้งนานเลย""ฮึ่ม อุตส่าห์เลือกให้ตั้งนาน" สนมฮุ่ยไทเฟยมองซ่งซีซีอย่างเย็นชาซึ่งยืนอยู่ที่ประตู ภายใต้การจ้องมองที่ยิ้มแย้มของซ่งซีซี นางเงยคางขึ้น "ดูหน่อยก็ได้ แต่ข้าจู้จี้จุกจิกมาก"ซ่งซีซียิ้มแล้วพูดว่า "เสด็จแม่ มาเร็วเข้า"เสิ่นว่านจือรีบให้คนใช้ไปเตรียมชาผลไม้ และในขณะที่นางรับชมเครื่องประดับนั้นก็เล่าเรื่องสนุกของวันนี้ให้นางฟังด้วยไทเฟยเอาปิ่นระย้าพู่ปะการังสีแดงปักเข้าไปทรงผม จากนั้นเขย่ามันเล็กน้อย นางได้ยินเสียงพู่ รู้สึกไพเราะมาก นางรู้สึกปลื้มใจมาก ต้องยอมรับว่าซีซีเก่งจริงๆ ที่รู้รสนิยมของนางแต่เรื่องสนุกนี้นางแค่ฟังเฉยๆ ก็พอ หากอยู่ใน

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1433

    ในห้องหนังสือ โคมไฟยังคงส่องสว่าง หลังจากฟังคำพูดของเสิ่นชิงเหอแล้ว ซ่งซีซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก "เช่นนี้ ข้าจะได้หายไวๆ เสียที ข้ารู้สึกอึดอัดแทบบ้าแล้ว" อาจารย์หยูกล่าว "คืนนี้ช่างน่าหวาดเสียวเสียจริง" เสิ่นชิงเหอมองซ่งซีซี พลางถอนหายใจเบาๆ "หากเขาเอาอย่างเยี่ยนอ๋องจริงๆ เกรงว่าศิษย์น้องคงต้องทำตามแบบเซี่ยถิงเหยียนแล้วกระมัง" "เขารู้จักชั่งน้ำหนักผลลัพธ์" อาจารย์หยูกล่าว ซ่งซีซีรู้สึกหงุดหงิด "ข้าว่าเขาช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก ตอนข้ายังเล็ก เขาสนิทสนมกับพี่ชายทั้งสองของข้าและมองข้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ต่อมาพอข้าเข้าราชสำนัก เขาก็ปฏิบัติต่อข้าในฐานะขุนนางโดยแท้ แล้วเหตุใดจู่ๆ เขาถึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้?" อาจารย์หยูกล่าว "มันใช่จะเกิดขึ้นกะทันหันหรือ? พระชายาอ๋องลืมหรือไม่ว่า ตอนที่กลับมาจากการกอบกู้หนานเจียง เขาเคยคิดจะให้ท่านเข้าไปในวังเป็นสนมของเขา" "ข้าเข้าใจมาตลอดว่า เขาต้องการใช้ข้าเพื่อบังคับให้ศิษย์น้องสละอำนาจในกองทัพเสียอีก" อีกทั้งในตอนนั้น ด้วยความที่ข้าเป็นบุตรีของซ่งฮวยอัน การให้ข้าเข้าวังยังเป็นการป้องกันไม่ให้ใครที่มีจิตคิดร้ายแต่งข้าไปอีกด้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1432

    ภาพวาดของเสิ่นชิงเหอนั้นฝีมือประณีตยิ่งนัก ละเอียดอ่อนและสมจริงราวกับมีชีวิต ทุกคนมองดูภาพวาดบนกระดาษ จากนั้นจึงหันไปมองจักรพรรดิ์ซูชิงที่ยังประทับอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ทรงแสดงอาการอ่อนล้าแม้แต่น้อย ราวกับว่าพระองค์ได้ก้าวเข้าไปอยู่ในภาพนั้นแล้ว แม้แต่สีพระพักตร์ก่อนหน้านี้ก็เหมือนถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน รายละเอียดต่างๆ ไม่ถูกมองข้าม แม้แต่ริ้วรอยบางๆ รอบดวงพระเนตร เส้นผมสีขาวที่ข้างพระเกศา ปานสีดำเล็กๆ ใต้ริมพระโอษฐ์ด้านขวา และร่องพระโอษฐ์ ทุกอย่างถูกถ่ายทอดไว้อย่างครบถ้วน แม้ว่าฉลองพระองค์จะยังไม่ได้ลงสี แต่ลวดลายบนฉลองพระองค์ก็ถูกวาดออกมาอย่างครบถ้วนไร้ข้อผิดพลาด จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรภาพของพระองค์เองอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก พระองค์ทรงนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะยกพระหัตถ์แตะพระพักตร์ของพระองค์เอง “ข้าดูแก่ขึ้นจริงๆ” ตามปกติพระองค์แทบไม่ได้ส่องคันฉ่อว แม้จะส่องก็ไม่ได้ชัดเจนเท่านี้ “ฝ่าบาทมิได้แก่เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทยังดูเหมือนเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ เท่านั้นเอง” อู๋ต้าปั้นกล่าวประจบ จักรพรรดิ์ซูชิงทรงแย้มพระสรวล ทอดพระเนตรอู๋ต้าปั้นพร้อมส่ายพระพักตร์เล็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1431

    จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนจะทรงได้สติขึ้นมากกว่าตอนที่อยู่ในวัง ไม่ได้ทรงเลื่อนลอยเหมือนก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงแย้มพระสรวล “ไม่ต้องเคร่งครัดนัก ทำตัวตามสบาย เฮ้อ ข้าเพียงรู้สึกอึดอัดในใจเลยอยากมาที่จวนอ๋องเพื่อสนทนากับอาจารย์เสิ่น” ซ่งซีซีจึงกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระหม่อมคงไม่ขัดพระองค์และศิษย์พี่ ขออนุญาตกลับไปพักผ่อน” “ไม่ต้องรีบไป ในเมื่อมาแล้วก็มาร่วมพูดคุยกันเถิด” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงมองนางด้วยสายพระเนตรที่ดูเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซ่งซีซีที่เพิ่งยันตัวลุกขึ้นต้องวางมือลงอีกครั้ง ตอบว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วงใย กระหม่อมดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่หมอหลวงกำชับให้พักฟื้นบนเตียงสักระยะ” “อืม” จักรพรรดิ์ซูชิงพยักพระพักตร์ “บาดเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูก ควรต้องพักรักษาให้ดี” แม้พระองค์จะตรัสเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ทรงอนุญาตให้นางกลับไป ทั้งห้องจึงมีทั้งผู้ที่นั่งและยืนอยู่เงียบๆ เพื่อรอพระราชดำรัส ผ่านไปสักพัก จักรพรรดิ์ซูชิงทรงทำลายความเงียบขึ้นก่อน “มีอาหารว่างหรือไม่? ข้าหิวแล้ว” อู๋ต้าปั้นเมื่อได้ยินรีบกล่าว “ฝ่าบาทยังมิได้เสวยอาหารค่ำ รีบจัดเตร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1430

    ข่าวคราวเรื่องราวในห้องหนังสือและตำหนักฉือหนิงได้ถูกนำขึ้นกราบทูลถึงพระกรรณของจักรพรรดิ์ซูชิง ทำให้พระองค์ทรงรู้สึกกระวนกระวายและอึดอัดพระทัยยิ่งนัก รวมทั้งการวางแผนงานตลอดหลายวันที่ผ่านมา ยิ่งทำให้พระอาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้นจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พระองค์ทรงยกเลิกการกักบริเวณฮองเฮา โดยแท้จริงแล้วก็เพื่อเตรียมตัวให้องค์ชายใหญ่ หากจะทรงแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ตำแหน่งนี้ย่อมไม่อาจมีมารดาที่ถูกกักบริเวณได้ ตอนแรกทรงคิดว่า ช่วงเวลากักบริเวณนี้ ฮองเฮาคงจะได้สำนึกผิด ทราบดีว่าการตามใจบุตรไม่ต่างอะไรกับการผลักดันบุตรไปสู่ความตาย แต่ใครจะคาดคิดว่าฮองเฮาไม่เพียงไม่สำนึกผิด กลับยิ่งเชื่อว่าการมีพระโอรสอยู่ใกล้ตัวจะช่วยเสริมความมั่นคงให้ตำแหน่งพระมเหสีของนาง เนื่องจากไม่ค่อยอยากอาหาร พระกระยาหารค่ำในวันนั้น พระองค์เสวยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อประทังพระอุทร ก่อนเสวยยา พระองค์จำเป็นต้องเสวยยา เพราะแต่ละวันผ่านไปนับเป็นกำไร แต่ด้วยวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพที่นับถอยหลังเข้ามาใกล้ หลังจากทรงวางแผนการ พระทัยกลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น พระองค์ทรงทราบดีว่าทุกคนล้วนต้องผ่านความตายนี้ แต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1429

    ฮองเฮาเลือกเวลาอย่างเหมาะสม ไปยังห้องหนังสือเพื่อรับองค์ชายใหญ่ แล้วจึงพากันกลับไปยังตำหนักฉือหนิงเพื่อถวายพระพรไทเฮา กลุ่มคนที่ตามหลังมานั้นอลังการยิ่งนัก แม้แต่องค์ชายใหญ่ยังถูกข้ารับใช้ตัวน้อยอุ้มกลับมา พอมาถึงประตูตำหนักจึงวางเขาลง ฮองเฮาจัดระเบียบอาภรณ์ให้เรียบร้อย แล้วจูงมือองค์ชายใหญ่เข้าไปด้านใน ทำความเคารพด้วยการคุกเข่าตามธรรมเนียม ถวายพระพรไทเฮาอย่างครบถ้วน แต่ไทเฮากลับมิทรงอนุญาตให้นางลุกขึ้นทันที เพียงเรียกองค์ชายใหญ่เข้าไปใกล้ "วันนี้ไทฟู่ชมเจ้าหรือไม่?" องค์ชายใหญ่หดคอเล็กน้อย มองไทเฮาอย่างระมัดระวัง ก่อนตอบเสียงเบา "วันนี้ไทฟู่ลืมชมขอรับ" ฮองเฮาที่ยังคุกเข่าอยู่รีบเสริมว่า "เสด็จแม่ ไทฟู่เข้มงวดนัก มิชมผู้ใดง่ายๆ" แน่นอนว่าฮองเฮาหาได้ทราบไม่ว่า ไทเฮาเคยตกลงกับไทฟู่ว่าหากองค์ชายใหญ่ประพฤติดีและตั้งใจเรียน ไทฟู่จะกล่าวชมเมื่อตอนเลิกเรียน หากมิใช่ก็จะเงียบเสีย ด้วยเหตุนี้ ไทเฮาจึงทรงทราบถึงความประพฤติขององค์ชายใหญ่ในแต่ละวันโดยง่าย ไทเฮามิทรงตอบคำของฉีฮองเฮา เพียงตรัสกับองค์ชายใหญ่อย่างเรียบๆ ว่า "ยังจำกฎเกณฑ์ได้หรือไม่?" องค์ชายใหญ่หน้าซีด รีบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1428

    สองแม่ลูกพูดคุยกันในห้องทรงพระอักษรเกือบสองชั่วโมง หลังจากไทเฮาเสด็จกลับ จักรพรรดิ์ซูชิงมีพระราชโองการให้ปลดโทษกักบริเวณของฮองเฮา แต่ยังไม่คืนสิทธิ์การบริหารวังหลังให้ ฉีฮองเฮาเมื่อได้ยินคำประกาศจากอู๋ต้าปั้น ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไฉนถึงยกเลิกโทษกักบริเวณอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ในทันใดนั้น นางก็คิดได้ว่าคงเป็นเพราะคำพูดที่ให้นักเลงปากมอมแพร่ออกไปก่อนหน้านี้ได้ผล ฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ แต่จะส่งรัชทายาทไปเลี้ยงดูในวังไทเฮา เช่นนี้ไม่สมเหตุสมผล ดังนั้น หลังจากนางได้รับการปลดโทษ นางไม่ได้รีบไปขอบคุณพระมหากษัตริย์ แต่เลือกไปที่โรงเรียนหลวงเพื่อเยี่ยมองค์ชายใหญ่ เมื่อองค์ชายใหญ่เห็นฮองเฮา ทรงดีพระทัยจนสุดขีด ไม่สนใจว่าไทฟู่ยังสอนอยู่ รีบลุกขึ้นพุ่งตัวราวกับนกที่พ้นกรง กระโจนเข้าสู่อ้อมอกของฉีฮองเฮา "เสด็จแม่ ลูกคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านจะพาลูกกลับไปเมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ?" ฮองเฮาก้มลงจับบ่าของพระองค์ ลูบเส้นผม แล้วสังเกตดูอย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นว่าไม่ได้สวมเสื้อขนสัตว์ และตัวผอมลงมาก คางแหลม นางก็อดปวดใจไม่ได้ "เหตุใดเจ้าผอมเช่นนี้? ที่วังเสด็จย่าไม่ได้เลี้ยงดูอย่างดีหรือ?" องค์

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1427

    รุ่งขึ้น เสนาบดีมู่มาถึงสำนักหมอหลวง บรรดาหมอหลวงทั้งหมด รวมทั้งเจ้าสำนักอยู่พร้อมหน้า เสนาบดีมู่ประทับนั่งลงก่อนมองพวกเขาด้วยแววตาหนักอึ้ง "ข้าถามพวกเจ้าเพียงคำเดียว โรคของฝ่าบาท พวกเจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?" เหล่าแพทย์เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่อู๋ย่วนเจิ้งจะเงยหน้าที่ตาแดงก่ำเพราะอดหลับอดนอนขึ้นมองเสนาบดีมู่แล้วส่ายหน้า "ไม่มีขอรับ" "ไม่มีเลยหรือ?" เสนาบดีมู่ถามด้วยท่าทีเหมือนไม่ยอมแพ้ "แม้แต่ความหวังเล็กๆ หรือวิธีการสักนิด?" ในความเงียบงันอีกครั้ง ดวงตาของเสนาบดีมู่ค่อยๆ หมองลงจนไร้แสง เขาถอนหายใจยาว "หากระดมกำลังจากสำนักหมอหลวงทั้งหมด จะยืดเวลาออกไปได้ถึงสองปีหรือไม่?" อู๋ย่วนเจิ้งมีสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "ท่านเสนาบดี โรคปอดทรุดนี้กำเริบอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่สองปีเลย เพียงหนึ่งปีก็...ยากมากพ่ะย่ะค่ะ" ครั้งนี้ถึงคราวเสนาบดีมู่เงียบไปนาน ก่อนทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง "ระวังคำพูดของพวกเจ้าด้วย" เขาค่อยๆ เดินออกจากสำนักหมอหลวง พลางกระชับเสื้อคลุมให้แน่น ฤดูหนาวผ่านเข้ามาเร็วนัก อากาศยิ่งหนาวจนแทงกระดูก ไทเฮาดูเหมือนจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่แสงไฟในสำนักหมอหลวงสว่างตล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1426

    คืนนี้ เสนาบดีมู่พักอยู่ในวัง จักรพรรดิ์ซูชิงยังคงไม่ได้เสด็จไปยังฝ่ายใน หรือแม้แต่ห้องบรรทมของพระองค์เอง แต่กลับพักผ่อนอยู่บนเตียงลั่วฮั่นในห้องทรงพระอักษร เสนาบดีมู่มองพระองค์เสวยยาเสร็จ แล้วหยิบขนมหวานมอบให้ จักรพรรดิ์ซูชิงรับมาแต่ยังไม่เสวย ทรงยิ้มด้วยสายตา "จำได้ว่าเมื่อครั้งยังเยาว์ เสด็จพ่อเคยทรงลงโทษข้าในห้องทรงพระอักษร พอออกมา ท่านเสนาบดีจะให้ขนมหวานข้าหนึ่งชิ้น พร้อมคำให้กำลังใจ" เสนาบดีมู่มองพระองค์ "ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมก็ยังจำได้ ฝ่าบาทเคยตรัสกับกระหม่อมว่า จะทรงเป็นจักรพรรดิ์ผู้ทรงธรรม" "ข้าทำให้ท่านผิดหวังหรือไม่?" จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยขนมหวานเข้าไป น้ำเสียงจึงพร่ามัว เสนาบดีมู่กล่าว "ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ ในใจของกระหม่อม ฝ่าบาททรงเป็นจักรพรรดิ์ผู้ทรงธรรม" "ข้าไม่ใช่" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสด้วยความเศร้าหมอง "ข้ายังมีปณิธานอีกมาก แต่เกรงว่าจะไม่มีโอกาสทำได้" "สำนักหมอหลวงยังไม่ได้ลงความเห็นแน่ชัด ฝ่าบาทไม่ควรทรงหมดกำลังใจ" เสนาบดีมู่กล่าวปลอบ แม้ถ้อยคำจะดูแห้งแล้ง "ข้าเพียงมีเรื่องให้เสียใจอยู่บ้าง แต่ยิ่งกว่านั้น ข้าคิดการณ์ใหญ่" จักรพรรดิ์ซูชิงเอนกายลงบน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1425

    เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ทำให้ซ่งซีซีสมองมึนงง คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ หากฝ่าบาทเสด็จสวรรคต องค์ชายใหญ่แทบไม่มีข้อกังขาว่าจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และคาดว่าไม่นานตำแหน่งองค์รัชทายาทจะถูกแต่งตั้ง เมื่อฮ่องเต้หนุ่มเยาว์ขึ้นครองราชย์ จำเป็นต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และไม่ใช่เพียงคนเดียว ซึ่งจะทำให้ราชสำนักแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย สถานการณ์ในราชสำนักจะวุ่นวาย หากไม่มีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการ อาจเป็นไทเฮาหรือฉีฮองเฮาที่ปกครองราชสำนักแทน ฮองเฮาเป็นคนทะเยอทะยาน แม้ตอนนี้ถูกกักบริเวณก็ยังคงวางแผนเพื่อองค์ชายใหญ่ ตระกูลฉีมีอำนาจใหญ่โต แม้ช่วงนี้จะถูกฝ่าบาทกดดัน แต่หากฝ่าบาทเสด็จสวรรคต และองค์ชายใหญ่ขึ้นครองราชย์ ตระกูลฉีก็จะกลับมาผงาดอีกครั้ง ใครจะไม่อยากได้อำนาจ? เสนาบดีมู่ชราภาพและมีความคิดที่จะวางมือ แม้เขาอยากจะช่วยค้ำจุนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นอาจไม่เอื้ออำนวย นี่เป็นเรื่องในอนาคต สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ หากฝ่าบาทเหลือเวลาเพียงหนึ่งปี พระองค์ย่อมจะกวาดล้างอุปสรรคและภัยคุกคามทั้งหมดเพื่อเปิดทางให้องค์ชายใหญ่ก่อนเสด็จสวรรคต และจวนเป่ยหมิงอ๋องก็คือภัยคุกคามที่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status