แชร์

บทที่ 490

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ในห้องโถงดอกไม้ กลิ่นหอมของชามะลิอบอวลไปทั่วห้อง

เป่าจูนำขนมหวานมา ข้างนอกฝนตก และรองเท้าปักของนางก็เปียกโชก เมื่อเหยียบบนพื้นหินอ่อน ทำให้มีรอยเท้าที่ชัดเจนหลายรอยอยู่บนพื้น

ซ่งซีซีไม่ได้พูดก่อน แต่นั่งบนเก้าอี้และดื่มน้ำชาช้าๆ ระหว่างน้ากับหลานสองคนนี้ห่างกันเพียงโต๊ะน้ำชาทรงสี่เหลี่ยมสูง

ขนมหวานวางอยู่บนโต๊ะน้ำชา เป่าจูถือถาดแล้วถอยกลับโดยยืนเฝ้าอยู่นอกประตู

ซ่งซีซีหยิบขนมหวานก้อนเมฆด้วยมือแล้วกินมันช้าๆ เสียงเคี้ยวเบามากจนแทบไม่ได้ยิน

พระชายาอ๋องฮวยใช้ตะเกียบขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของนาง นางกินมันอย่างงดงาม โดยกัดคำเล็กๆ และถือมันไว้บนจานกระเบื้องเล็กๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เศษขนมใดๆ ตกใส่กระโปรงลายดอกไม้สีม่วงของนาง

ผิวของนางค่อนข้างเหลือง และสีม่วงทำให้ผิวของนางยิ่งดูเข้มขึ้น ดวงตาของนางเหม่อลอย ใต้ตาลึกคล้ำ เห็นๆ อยู่ว่านอนหลับไม่ดีมาหลายคืนแล้ว

บางทีอาจเป็นเพราะนางเห็นซ่งซีซีเงียบตลอด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่จะวางจานและตะเกียบลง แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าปาดมุมปากก่อนพูดว่า "ซีซี เจ้าต้องเหินห่างกับน้าเช่นนี้เลยหรือ?"

เสียงซ่งซีซีเบาๆ "ข้านึกว่าเป็นท่านน้าที่จงใจทำตัวเหิน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 491

    ซ่งซีซีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เป่าจู ส่งแขก"พระชายาอ๋องฮวยระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีทันใด "ซ่งซีซี ข้ายังพูดไม่จบเลย เจ้าจะรีบร้อนที่จะขับไล่ข้าหรือ ข้าเป็นท่านน้าของเจ้าน่ะ"นางหัวเสียและทุบถ้วยชาลงบนพื้น หน้าอกนั้นกระเพื่อมซ่งซีซีมองดูถ้วยชาที่แตกอยู่บนพื้น มีแอ่งน้ำชาอยู่ที่บริเวณข้างเท้าของนาง ทำให้เท้าหน้าของนางเปียกโชก"หาก" ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมองนาง น้ำเสียงดุดันและเย็นชา "เจ้ากล้าระบายความโกรธเช่นนี้ในจวนเฉิงเอินป๋อและกล้าทุบถ้วยต่อหน้าพวกเขา ชี้หน้าด่าเหลียงเส้าเป็นคนชั่ว ข้าก็ดีใจแทนหลานเอ่อร์ ยังถือว่าเจ้าเป็นท่านน้าของข้า แต่หลานเอ่อร์ต้องทนทุกข์ขนาดไหนแล้ว คืนนั้นเจ้าไม่เห็นหรือไง เจ้าเอาแต่พูดเกลี้ยกล่อม นางบอกว่าต้องการหย่า แค่ถามเจ้าว่ายอมรับให้นางกลับจวนหรือไม่ แม้ว่าเจ้าแค่พยักหน้าเล็กน้อยแทนที่โน้มน้าวให้นางอดทนเอาไว้ก็ถือว่าเป็นการปลอบใจที่ยิ่งใหญ่ บางทีนางอาจจะรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจไปขณะนึงเลยพูดว่าอยากหย่าด้วยอารมณ์เท่านั้น แต่การปฏิเสธของเจ้าจะทำให้นางเสียใจขนาดไหน ต้องสิ้นหวังมากเพียงใด เจ้าเคยคิดบ้างไหม?""นางหย่าไม่ได้" ใบหน้าของพระชายาอ๋องฮวยเปลี่ยนเป็นส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 492

    เรื่องที่ว่าซ่งซีซีหัวเสียเพราะพระชายาอ๋องฮวยก็ถูกกระจ่ายไปถึงหูสนมฮุ่ยไทเฟยหลังจากที่นางตามหาเป่าจูเพื่อสอบถามต้นสายปลายเหตุ นางกระทืบเท้าตึงตัง "ผู้ใดบ้างจะไม่โกรธหลังจากได้ยินคำพูดแบบนี้ ซีซีเสียเปรียบตรงที่นางเป็นรุ่นหลาน หากข้าอยู่ล่ะก็ จะไม่ตบหน้านางสักหลายๆ ฉาดได้อย่างไร"นางรีบออกคกสั่ง "เร็วเข้า ให้ห้องครัวทำขนมหวานให้นาง ขนมหมื่นลี้ ขนมพุทราแดง ไม่สิ ไม่ ไปซื้อชุดขนมหลวงรวมแปดชนิดตรงๆ เลย กล่อมนางสักหน่อย อย่าให้นางอารมณ์เสียอีก เพื่อคนที่ไม่เอาไหนแบบนั้นทำให้ตนเองโกรธจนทำร้ายสุขภาพก็ไม่คุ้มเอาเสีย"ซู่เยว่เตรียมตัวจะออกไปซื้อของอย่างรีบร้อน แต่เสิ่นว่านจือก็พูดว่า "ให้ข้าไปเถอะ ข้าคล่องตัวกว่า""ใช่ ให้ว่านจือไป" สนมฮุ่ยไทเฟยรู้สึกประหม่ามาก หาใช่ว่านางไม่เคยเห็นลูกสะใภ้โกรธ แต่คราวนี้นางต้องเผชิญหน้ากับพระชายาอ๋องฮวย นางไม่สามารถระบายความโกรธออกมาได้ ก็ประหนึ่งบางครั้งที่นางหงุดหงิดกับท่านพี่มาก แต่ไม่กล้าใส่อารมณ์กับท่านพี่ไม่ ยังคงแตกต่างออกไป ท่านพี่เป็นคนมีเหตุผล ในใจของนางยังหวังดีกับตนเอง ในทางกลับกันพระชายาอ๋องฮวยคนนั้นไม่แม้แต่สนใจลูกสาวของตนเองด้วยซ้ำ จะมาเท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 493

    ซ่งซีซีหยิบขนมชิ้นหนึ่งมาให้สนมฮุ่ยไทเฟย และพูดด้วยรอยยิ้ม "เสด็จแม่ ข้าไม่โกรธ ท่านกินด้วย"เมื่อมองดูนางหยิบมันด้วยมือเปล่าโดยตรง สนมฮุ่ยไทเฟยขมวดคิ้ว นี่ลูกสะใภ้คนนี้ก็หยาบไปหน่อยไหมหลังจากลังเลอยู่นาน นางก็รับมันมา ช่างเถอะกินๆ ไปเลยไม่ตายหรอกฝ่ายตรวจการเริ่มยุ่งอีกครั้ง และร้องเรียนถ้านฮัวเหลียงเส้าจัดหนักเลยอวี้ฉื่อคิดว่าเขาประพฤติตนผิดจรรยาบรรณและดูถูกขุนนางทุกคนในราชสำนักในที่สาธารณะ และยังดูหมิ่นอำนาจของจักรพรรดิอีกด้วย เขาไม่คู่ควรเป็นศิษย์ของจักรพรรดิ จึงขอร้องฮ่องเต้ให้ขีดฆ่าชื่อของเหลียงเส้าออกจาก "รายชื่อบันทึกผู้สอบผ่านขุนนาง" และในขณะเดียวกันก็ยกเลิกยศในฐานนะซื่อจื่อเฉิงเอินป๋อด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จวนเฉิงเอินป๋อต้องการเปลี่ยนซื่อจื่อแล้วฮ่องเต้ยกเลิกยศในฐานะซื่อจื่อเฉิงเอินป๋อของเหลียงเส้าในการประชุมยามเช้า แต่ไม่ได้ตัดสิทธิ์เขาจากการเป็นถ้านฮัว หากยกเลิกถ้านฮัวซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตนเองแต่งตั้งให้มันก็เท่ากับฉีกหน้าของตนเองแต่ถึงยังไงฮ่องเต้ก็โกรธจัดมากและตักเตือนเฉิงเอินป๋อในประชุม หลังจากเลิกประชุม เขาเรียกเฉิงเอินป๋อไปที่ห้องหนังสือหลวงฮ่องเต้มองดูเฉิง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 494

    เซี่ยหลูโม่ถาม "เสด็จพี่ ตัวตนของชีซื่อคือใครกัน?"เมื่อเขาได้รับข่าวกรองจากฉีหลินโดยเป็นชีซื่อส่งให้ เขาได้สอบสวนแม่ทัพทั้งหมดที่ไปสนามรบเขตหนานเจียง รวมถึงทหารที่ถูกจับ และไม่มีผู้ใดชื่อชีซื่อจักรพรรดิ์ซูชิงส่ายหัว "ไม่รู้ คาดว่าไม่มีผู้ใดรู้ พ่อตาของเจ้าเป็นคนรับข่าวกรองคนแรก บางทีพ่อตาของเจ้ารู้ตัวตนของเขา หรือว่าพ่อตาของเจ้าก็ไม่รู้เช่นกัน""ชีซื่อสามารถหนีจากค่ายผู้ถูกจับได้ซึ่งพิสูจน์ว่าบุคคลนี้มีวรยุทธ์ไม่เลว ไม่ใช่ทหารธรรมดา"เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้วและคิดอยู่พักหนึ่ง เมื่อเขารับข่าวกรองจากชีซื่อและเดินเส้นทางของเขาในอดีต ไม่ได้สอบถามตัวตนของเขา แต่แน่นอนว่าต่อให้ถามแล้วก็ไม่มีทางจะบอก เพราะข่าวกรองอาจถูกดักจับได้ เปิดเผยตัวจนในข่าวกรองมันอันตรายมากเซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "เสด็จพี่ เขาได้ให้ข่าวกรองมากมาย มีผลงานใหญ่ จ้องช่วยเขากลับมา"จักรพรรดิ์ซูชิงพยักหน้าและมองดูเขาอย่างเคร่งขรึม "ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะไปเอง สิ่งเดียวที่แน่ใจได้ในขณะนี้ก็คือเขายังไม่ตาย แคว้นซาต้องการใช้เขามาแลกกับเมืองแห่งหนึ่ง ตามที่ฝางเทียนหลินสืบมา เขากำลังถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกในเมืองชายแดนของแคว้นซา แ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 495

    ณ จวนเป่ยหมิงอ๋องซ่งซีซีช่วยเขาจัดเก็บเสื้อผ้าพร้อมกับเลิกคิ้วอย่างกังวล "ไม่งั้นให้ไปกับท่านไหม ท่านไปคนเดียวข้าไม่วางใจ""ข้าไม่ได้ไปคนเดียว มีจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูด้วย เจ้าอย่าไปเลย ยังต้องเตรียมงานแต่งงานของเซียนหนิง นอกจากนี้ รุ่ยเอ๋อร์จะไปสถานบันการศึกษาแล้ว""ทักษะการต่อสู้ของอาจารย์หยูเป็นอย่างไรบ้าง" ซ่งซีซีไม่ค่อยสนิทกับอาจารย์หยูมากนัก แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกันมานานแล้วและเขาเป็นคนสำคัญมากในจวนอ๋อง แต่ผู้คนก็มักจะรู้สึกว่าเขาค่อนข้างเก็บตัว"ทักษะการต่อสู้ธรรมดามากแต่หัวไว"ซ่งซีซียังคงไม่วางไว้ นั่นมันแอบเข้าไปในเมืองชายแดนของแคว้นซาเนี่ย "งั้นข้าจะให้ว่านจือไปด้วยดีไหม"เซี่ยหลูโม่เอื้อมมือไปกอดนางและจูบนางที่หน้าผาก สีหน้าที่นางกำลังเป็นห่วงเขานั้นทำให้เขามีความสุขจริงๆ "ไม่ต้องหรอก ข้าขอให้อาจารย์ของข้าไปกับข้า""ศิษย์อาจะไปด้วยหรือ? งั้นดีเลย" ศิษย์อามีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง และเป็นคนลึกลับซับซ้อน ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากเขาแล้ว แต่พอตนเองทำอะไรผิดพลาดเขาก็จะปรากฏตัวขึ้นมาทันที ราวกับว่าเขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง"อืม วางใจได้เลย ข้าจะช่วยชีซื่อกลับมา" เซี่ยหลูโม่จูบแก้มของน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 496

    เซี่ยหลูโม่พาจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูออกจากเมืองข้ามคืน ในเวลาเดียวกัน ก็ส่งจดหมายกลับไปที่สถาบันว่านซงเหมินเพื่อขอความช่วยเหลือจากอาจารย์หลังจากที่เซี่ยหลูโม่ออกไป เสิ่นว่านจือก็พาซ่งซีซีไปพักที่ห้องพักด้านข้างโดยบอกว่ากลัวนางจะชินกับการมีเพื่อรนอน จู่ๆ ข้างกายไม่มีคนอยู่ด้วยจะเหงาเอาซ่งซีซีเคาะหัวของนาง "ข้าไม่เหงาสักหน่อย เจ้ารู้สึกเบื่อใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นไปหากุ้นเอ๋อร์เล่นด้วยสิ""ข้าไม่อยากไปหาเขาหรอก ตอนนี้เขาหยิ่งมากทีเดียว เป็นผู้นำทหารประจำจวน เวลาเดินเหมือนไก่ตัวผู้ไม่มีผิด" เสิ่นว่านจือนอนคว่ำหน้าบนเตียง เอามือเท้าคาง "ข้าก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหรือเหงาเลย แค่อยากคุยเล่นกับเจ้า อีกสองวันเราไปร่วมสนุดด้วย จ้านเส้าฮวนจะถูกส่งไปที่จวนโหวผิงหยางเป็นอนุภรรยาแล้ว"ซ่งซีซีวางมือไว้ด้านหลังศีรษะ "อืม เรื่องนี้ข้ารู้ ข้ากำลังคิดอีกเรื่องนึงอยู่""คิดอะไรอยู่? คิดว่าท่านหญิงเจียอี้จะโกรธเป็นบ้าเหรอ?" เสิ่นว่านจือหันหน้าและหัวเราะกว้าง"ไม่ใช่ เจ้าสนใจแต่เรื่องที่บ้านของพวกเขาหรือไง?""ก็ไม่ได้ทั้งหมด ทางจวนเฉิงเอินป๋อข้าก็สนใจด้วย" เสิ่นว่านจือยกขาของนางขึ้นและขยับอย่างยืดหยุ่น "เหล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 497

    ทั้งสองคุยกันทั้งคืน หลังจากประสบสงครามในสนามรบเขตหนานเจียงแล้ว เสิ่นว่านจือคิดอะไรดูผู้ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนางอาศัยอยู่ในเมืองหลวงในช่วงนี้ และรับรู้เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับครอบครัวที่มีอำนาจ นางคิดว่าโลกไม่ได้ง่ายอย่างที่นางอยู่ในภูเขาเหม่ยชานที่เห็นจริงๆชีวิตในภูเขาเหม่ยชานเรียบง่ายมาก ทุกๆ วันเอาแต่สร้างปัญหาให้คนอื่น เล่นกันแมวหมา ขุดดินเพื่อหางู ไล่ล่าหมูป่า และสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือการถูกทุบตีโดยลูกศิษย์จากนิกายอื่นขณะพูดคุยไปเรื่อยๆ นางก็เริ่งง่วงนอน เสิ่นว่านจือพลิกตัว เอาเท้าด้านข้างไปทับบนร่างของซ่งซีซี และหาวว่า "ข้าค่อนข้างอิจฉาเจ้าที่มีแม่สามีที่ดี จริงๆ แล้วไทเฟยปกป้องเจ้ามาก""ข้ารู้""ไม่งั้นให้ข้าแต่งงานกับผู้บังคับบัญชาเช่นกัน และให้นางเป็นแม่สามีของ…"ก่อนที่เสิ่นว่านจือจะพูดจบ นางก็ถูกเตะออกจากเตียงแล้ว นางก็กระโดดขึ้นและทุบตีซ่งซีซียกใหญ่ "ข้าแค่พูดไปเรื่อย เจ้าเอาจริงหรือ ไทเฟยได้บอกว่าจะรับข้าเป็นบุตรสาวบุญธรรมมานานแล้ว ข้าแค่เล่นตัวเลยไม่ได้รับปากนาง นางชอบข้ามากเลยนะ"ซ่งซีซีใช้ข้อศอกขวางนาง จากนั้นยกเท้าขึ้นกดคอของนาง แล้วทับหัวของนางลงบนเตียง "ง่วงแล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 498

    ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านมองไปที่ซ่งซีซี และมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้ในตัวของนางเต็มไปด้วยความสูงส่งและความสง่างามที่ไม่อาจพรรณนาได้ นางแตกต่างออกไปแล้วจริงๆดวงตาของนางปะปนไปด้วยความโกรธ ความเสียใจ ความไม่พอใจ และไม่ยอม และซับซ้อนมากจนเหงือกของนางเริ่มเจ็บจ้านเส้าฮวนอยู่ในอารมณ์เดียวกับนาง แต่จ้านเส้าฮวนจะมีความเกลียดชังและความอิจฉามากกว่าอีกนิดเดียว แค่อีกนิดเดียวนางก็เกือบจะกลายเป็นชายารอง ของเป่ยหมิงอ๋องได้แล้ว"โชคร้าย!" เสิ่นว่านจือพูดอย่างเย็นชาซ่งซีซีเพียงเหลือบมองแวบหนึ่งจากนั้นก็ละสายตาออกไป เมื่อเห็นลูกเถ้าแก่ที่ยิ้มแย้มอยู่ตรงหน้าตน โดยแอบคิดว่าดวงตาของนักธุรกิจนี่เฉียบคมจริงๆ วันนั้นนางอยู่ในสภาพเลอะเทอะอย่างนั้นเขายังคงจำนางได้โอ้ แต่ก็ไม่แปลกใจเลย เมื่อก่อนนางและท่านแม่เคยมาร้านจินจิงมาก่อน ได้พบกับลูกเถ้าแก่คนนี้นางยิ้มและพูดว่า "นายน้อย ไม่ต้องสุภาพเช่นนั้น เราอยากจะขึ้นไปชั้นสามเพื่อเลือกเครื่องประดับ ไม่ทราบว่าจะสะดวกไหม?""สะดวก สะดวกมาก" นายน้อยพูดอย่างตื่นเต้น "พระชายาและคุณหนูทั้งสองท่านโปรดตามข้าน้อยมาด้วย และข้าน้อยจะดูแลทั้งสามท่านเองขอรับ"มีแขกผู้

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status