เสิ่นว่านจือและซ่งซีซีต่างก็กราดเกรี้ยวอย่างมาก เหลียงเส้าคนนี้ช่างโหดร้ายขนาดไหน? เขาเอาเงินของอนุเหวินไปเพื่อแต่งงานกับคนที่เขารัก ทว่าเขากลับตบหน้านางเพียงคำพูดคำเดียวซ่งซีซีถามด้วยความโกรธทันที "เขาเคยใช้กำลังกับเจ้าหรือเปล่า"หลานเอ่อร์กล่าวว่า "ยังไม่เคย"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ตอนนี้ไม่ได้ลงมือ แล้วผู้ใดจะไปรู้ว่าอนาคตเป็นยังไง หญิงงามเมืองคนนั้นกล้าหยิ่งต่อหน้าข้ามากขนาดนี้ในวันนี้ ไม่อาจรับประกันได้ว่านางจะไม่ไปหาเรื่องเจ้า นางออกมาจากซ่อง แม้ว่าเป็นสตรีที่หาเงินด้วยความสามารถด้านศิลปะ แต่ฝีมือของนางก็ไม่เบาเลย"นางจับไหล่ของหลานเอ่อร์ แล้วพูดว่า "คนที่ติดตามเจ้ามามีเท่าไร เพียงพอที่จะปกป้อเจ้าหรือไม่"หลานเอ่อร์กล่าวว่า "มีสาวใช้สี่คนและยายคนหนึ่ง"ซ่งซีซีคิดที่จะกลับไปหารือกับกุ้นเอ๋อร์ และให้เขาเขียนจดหมายกลับไปถึงนิกายเพื่อถามว่าสามารถขอศิษย์พี่สาวสักสองคนมาเป็นองรักษ์ได้ได้หรือไม่ไม่รู้ว่าอาจารย์ของเขาจะตอบตกลงหรือไม่ แต่เดิมอาจารย์ของเขาไม่เห็นด้วยให้ลูกศิษย์หญิงลงจากภูเขาเพื่อหาเลี้ยงชีพแต่มันเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เมื่อเด็กคลอดออกมามีอายุได้หนึ่งเดือน ก็จะให้พวก
องค์หญิงหมิ่นชิงไม่ได้ถือสาที่ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมาเยี่ยมเยือนอย่างกะทันหัน นางต้อนรับพวกนางอย่างกระตือรือร้นซ่งซีซีกล่าวขอโทษ "ต้องขอโทษจริงๆ คสรจะส่งจดหมายมาบอกก่อน เพียงแต่เป็นเหตุฉุกเฉิน ก็เลยมาเยี่ยมอย่างไม่ได้บอกล่วงหน้า ขอโทษจริงๆ""เจ้าพูดเช่นนี้กับข้ามันไม่ดูเหินห่างไปหน่อยหรือ" องค์หญิงหมิ่นชิงพูดด้วยรอยยิ้ม "เจ้ามาวันนี้ และฮุ่ยเจิงก็มาเที่ยวที่นี่พอดี นางตะกละเลยท้องเสีย เวลานี้ไปห้องน้ำแล้ว อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะเห็นนางด้วย""ตะกละเลยท้องเสียอะไรกัน ท่านพี่อย่าพูดไม่จริงเลย"ทันใดนั้น องค์หญิงฮุ่ยเจิงก็นำคนใช้เข้ามา นางเอามือปิดหน้าท้องของนาง เห็นได้ชัดว่ายังคงรู้สึกไม่สบายอยู่ แต่การเถียงกับองค์หญิงหมิ่นชิงกลับดูทรงพลังมากองค์หญิงหมิ่นชิงกล่าวว่า "ฮาๆ ซีซีอยู่ที่นี่ เจ้าอยากรักษาหน้าเลยไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เจ้าก็ตะกละไง เซียนหนิงก็เหมือนกับเจ้าไม่มีผิด"ซ่งซีซีพาเสิ่นว่านจือ และหงเชวี่ยกราบไหว้ "ขอคารวะองค์หญิงฮุ่ยเจิงเจ้าค่ะ"ฮุ่ยเจิงก็ไหว้กลับ "ทุกคนก็นั่งลงกันเถอะ มัวแต่ยืนอยู่ที่นั่นทำไม ซีซี ทำไมวันนี้หน้าซีดจัง ใครรังแกเจ้าล่ะ?"ซ่งซีซีนั่งลงและเล่าเรื่องทุก
องค์หญิงหมิ่นชิงกล่าวว่า "ท่ารพ่อตาของข้าดูแลฝ่ายตรวจการเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายตรวจการ ก่อนหน้านี้ที่เขากลับจวนมาทานข้าว ได้ยินเขาพูดถึงว่าบัดนี้ต้องปรับปุงและเข้มงวดกับการกระทำของข้าราชการมากขึ้น ต้องใช้กฏต่างๆ ที่ฮ่องเต้องค์ก่อนตั้งไว้ต่อ การเป็นข้าราชการย่อมซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ใจ ทุกวันนี้เขากำลังหารือกับอวี้สื่อจงเฉิง(เป็นขุนนางฝ่ายตรวจสอบในราชสำนัก)เกี่ยวกับเรื่องนี้ งั้นซื่อจื่อเหลียงก็มาถูกเวลาพอดี"ซ่งซีซีได้ยินคำพูดนั้น และพูดด้วยรอยยิ้ม "นั่นก็พอดีเลย แต่รอสักวันสองวันก็ได้ หญิงงามเมืองคนนั้นโดนทุบตีในวันนี้ ซื่อจื่อคงทุกข์ใจมาก ข้าเคยเจอเขามาครั้งหนึ่ง เขาดูถูกดูแคลนข้าอย่างมาก คิดดูว่าเขาต้องมาเอาเรื่องที่จวนแน่ๆ ไม่รู้ว่าการรุกรานพระชายาถือเป็นอาชญากรรมได้หรือไม่"องค์หญิงหมิ่นชิงกล่าวว่า "ได้ยินมาว่าซื่อจื่อเป็นเทวดาลับชาติมาเกิด มีพรสวรรค์พิเศษ เขาเป็นถ้านฮัวที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้เอง เป็นลูกศิษย์ของจักรพรรดิ การเป็นลูกศิษย์ของจักรพรรดิยิ่งต้องยับยั้งตัวเองและเป็นตัวอย่างที่ดี ตอนนี้ฝ่ายในวุ่นวายไปหมด ยังไปเที่ยวสถานบันเทิงอย่างเปิดเผย กลับรับคนในนั้นมาเป็นอนุภรรยาและให้ความ
หลังจากกลับมาถึงจวน ซ่งซีซีเลยถามกับกุ้นเอ๋อร์ กุ้นเอ๋อร์ก็ถามคำถามแรกว่า "ให้เท่าไหร่"ซ่งซีซีรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเชิญมาอย่างง่ายๆ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะทำให้อาจารย์ของเขายอมตอบตกลงก็คือการเสนอค่าแรงให้เยอะหน่อยซ่งซีซีกล่าวว่า "จนกระทั่งถึงเด็กเกิดมาอย่างราบรื่นแล้วได้ครบหนึ่งเดือน รวมๆ ดูก็แค่ไม่กี่เดือนเอง หากมาสองคน ข้าออกเงินเป็นเหมาไปเลย หนึ่งพันตำลึง เจ้าว่ายังไง"กุ้นเอ๋อร์สอดมือของเขาลงบนผมของเขาแล้วพูดว่า "ไม่ยังไง แต่ข้าต้องเขียนจดหมายทันที ที่จวนอ๋องมีคนที่ส่งจดหมายโดยเฉพาะหรือเปล่า? โปรดส่งจดหมายถึงอาจารย์ของข้าทันที ให้เร็วที่สุด เดี๋ยวนี้เลยนะ"ซ่งซีซียิ้ม "โปรดเขียนจดหมายออกให้โดยเร็วที่สุด"หนึ่งพันตำลึง มันไม่ใช่น้อยจริงๆอาจารย์ของเขาไม่อนุญาตให้ลูกศิษย์ลงจากภูเขา เพราะการเป็นองครักษ์หญิงคอยปกป้องนายหญิงของตระกูลร่ำรวย เงินเดือนมากสุดก็แค่สองตำลึง แถมยังต้องทนความคับข้องใจด้วยตอนนี้ไปปกป้องท่านหญิง ไม่มีใครทำอารมณ์ใส่ตนเอง ไม่ต้องทำงานอื่น แค่ปกป้องนางจากการถูกทำร้าย มากสุดก็แค่มีหน้าที่ดูแลยาบำรุงครรภ์ของนางหลังจากทำงานแบบนี้เพียงไม่กี่เดือน คนสองค
กุ้นเอ๋อร์เน้นย้ำต่อหน้าพวกนางครั้งแล้วครั้งเล่า "จากนี้ไปต้องเรียกข้าด้วยชื่อของข้าในจวนอ๋อง ข้าชื่อเมิ่งเทียนเซิง ไม่ใช่กุ้นเอ๋อร์ หรือไม้กวนอุจจาระ ยิ่งไม่ใช่ตัวกวน"เสิ่นว่านจือยักไหล่ "ชื่อกุ้นเอ๋อร์ถูกแพร่กระจายออกไปมานานแล้ว แต่ก็ตามที่เจ้าสบายใจจะเรียกเจ้าว่าเทียนเซิงก็ได้ แต่ถึงยังไงเจ้าก็เป็นแท่งไม้แท่งหนึ่งในใจของเราตลอด"ซ่งซีซีให้คนพาศิษย์พี่สาวสองคนออกไปอาบน้ำอาบท่า จากนั้นออกไปซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปสักสองสามชุด และจะไปจวนเฉิงเอินป๋อในเช้าวันพรุ่งนี้เนื่องจากใบสั่งยาที่หงเชวี่ยออกให้ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางนั้นก็สั่งให้เสิ่นว่านจือแวะไปส่งด้วย เลยต้องเดินผ่านจวนแม่ทัพเมื่อเดินผ่านจวนแม่ทัพ เสิ่นว่านจือก็เปิดม่านและมองดู ไม่มีอะไรผิดปกติ จึงไม่ได้สนใจอีกพอมอบใบสั่งยาให้กับพ่อบ้านจวนโหวผิงหยางแล้ว พวกนางก็ไม่หยุดต่อและรีบไปที่จวนเฉิงเอินป๋อในรถม้า ได้กำชับศิษย์พี่หลัวและศิษย์พี่ซือโซว่าหลังจากเข้าจวนแล้วต้องระวังอะไรบ้าง"เราจะไม่เป็นฝ่ายริเริ่มไปโจมตีผู้คน ไม่เป็นฝ่ายริเริ่มที่จะลงไม้ลงมือ แต่อย่าให้อนุที่ชื่อว่าเยียนหลิวคนนั้นเข้าใกล้ท่านหญิงหากซื่อจื่อเหลียงมาระ
ซ่งซีซีนึกถึงสิ่งที่เสิ่นว่านจือพูดในก่อนหน้านี้ หวังชิงหลูต้องการแข่งขันกับนางในเรื่องสินเดิม และบวกกับครั้งล่าสุดที่เจอการก็จบอย่างไม่สบอารมณ์ ดังนั้นนางจึงแค่พยักหน้าเบาๆ "จ้านฮูหยิน""พระชายามีเวลาว่างขนาดนี้หรือ มาดูเรื่องสนุกที่จวนแม่ทัพของเราตั้งแต่เช้างั้นเหรอ?" หวังชิงหลูมีสีหน้าแย่มาก ทั้งอย่างพูดอย่างเสียดสี "หรือว่าพระชายาลืมทางกลับวังของจวน และคิดว่าบ้านของตนเองยังอยู่จวนแม่ทัพงั้นหรือ"เสิ่นว่านจือเตรียมตัวจะลงจากรถม้าทันที แต่ซ่งซีซีห้ามนางไว้ จากนั้นมองหวังชิงหลูด้วยรอยยิ้มจาง ๆ โดยพูดว่า "พอมีเวลาว่างๆ ก็ต้องกลับมาคำนึงถึงอดีตสักหน่อยสิ และแวะมาดูว่าแหล่งรวมคนชั่วอย่างจวนแม่ทัพได้อยู่อย่างสบายหรือไม่ ถือว่ามีน้ำใจมากสินะ"หวังชิงหลูหน้าเขียวคล้ำถมึงทึง "เจ้าว่าแหล่งรวมคนชั่วอะไรกัน พระชายาอยากเห็นจวนแม่ทัพขายหน้าสินะ งั้นก็ลงรถไปดูสิ ไปเห็นแก่ตา ไปดมกลิ่นด้วยตัวเอง ถ้าชอบล่ะก็ สามารถเอามือไปเช็คด้วยนะ"ซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "ข้าไม่ได้เป็นสมาชิกของจวนแม่ทัพอีกแล้ว สถานที่ที่เต็มไปด้วยของสกปรกเช่นนี้ ก็เก็บไว้ให้จ้านฮูหยิน เช็คเองเลย"หวังชิงหลูกล่าวด้วยความโกรธ "เป็
ซ่งซีซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อนางบอกว่าต้องการสั่งสอนหวังชิงหลูนั้น ก็กลัวมากว่าเมื่อนางอยู่ในจวนเฉิงเอินป๋อพอเจออะไรที่ไม่พอใจก็จะใช้กำลังเลยเชื่อว่าพวกนางก็รู้อะไรควรอะไรไม่ควรด้วยซ่งซีซีรู้สึกหมดคำพูดกับกับหวังชิงหลูจริงๆพูดตามตรงก็ไม่เคยมีเรื่องกับนางมาก่อน ทำไมถึงเกลียดนางมากขนาดนี้?แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ ก็พอจะเข้าใจได้ ว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนั้นคงพูดให้ร้ายนางไม่น้อยเมื่อต่อหน้าหวังชิงหลูดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนั้นจะอิจฉาที่นางได้แต่งงานเข้าจวนอ๋องจริงๆเพียงแต่ว่าหวังชิงหลูก็เป็นภรรยาคนในตระกูลฝางมาก่อนเช่นกัน คุณชายฝางนั้นเป็นคนมีเหตุผลมากแค่ไหนเชียว ทำไม่นางถึงไม่เรียนรู้นิสัยนั้นมาแม้แต่น้อยล่ะเมื่อมาถึงจวนเฉิงเอินป๋อ ฮูหยินเฉิงเอินป๋อก็รีบต้อนรับผู้คนเข้าไปในห้องโถงดอกไม้นางรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย เพราะหลายวันก่อนเหลียงเส้าได้ไปก่อเรื่องที่จวนอ๋อง นางเลยกังวลอยู่เสมอว่าคนในจวนอ๋องจะมาเอาเรื่องเมื่อรอมาหลายวันก็ไม่เห็นมีคนมา เมื่อวันนี้ได้ยินคนมารายว่าเป่ยหมิงอ๋องมา จู่ๆ นางก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาสิ่งที่นางกังวลก็คืออนาคตสดใสของลูกชายของนาง แต่ได้ยิน
ซ่งซีซีมองดูดวงตาที่แดงก่ำของหลานเอ่อร์ นางพยายามเอาพัดปิดหน้า นางถอนหายใจ "เพราะงั้นเจ้ารู้ว่าข้ามาแล้วแต่ก็ไม่ยอมมาพบข้าหรือ"หลานเอ่อร์พูดด้วยเสียงสะอื้น "ท่านพี่ ดวงตาของข้าให้คนอื่นเห็นเข้าไม่ได้"ซ่งซีซีมองแวบหนึ่งแล้วพูดว่า "ก็จริง มันบวมเหมือนลูกทอ""ท่านพี่…" เสียงของหลานเอ่อร์สำลักอีกครั้ง "เพราะเรื่องวันนั้น เขามาตำหนิข้าทุกวัน เขาจะใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง"ซ่งซีซีขมวดคิ้ว "เขาตำหนิเจ้า ทำไมเจ้าไม่ตำหนิกลับล่ะ""ข้า…" น้ำตาของหลานเอ่อร์ไหลลงมาอีกครั้ง "ข้าไม่รู้จะด่าทอคนอย่างไร"ซ่งซีซีไม่สามารถทำอะไรนางได้จริงๆ ดังนั้นจึงหันกลับไปถามศิษย์พี่ซือโซว่า "ศิษย์พี่ ท่านสาปแช่งคนเป็นด้วยไหม""โอ้ สบายมากเลย" ศิษย์พี่ซือโซกล่าว"เยี่ยม ถ้าต่อไปซื่อจื่อเหลียงมาด่าท่านหญิง ท่าก็ด่ากลับ ท่านจำหลักการข้อหนึ่งไว้: ถ้าเขาด่า เจ้าก็ด่ากลับ ถ้าเขาลงมือ ท่านก็ลงด้วย""สุดยอดไปเลย" ศิษย์พี่ซือโซกล่าว"ท่านพี่ สองคนนี้คือใครเหรอ" หลานเอ่อร์หยุดร้องไห้และถามอย่างสงสัย"พวกนางเป็นศิษย์พี่สาวที่ข้ารู้จักในภูเขาเหม่ยชาน พวกนางมีวรยุทธ์และรู้การแพทย์บ้าง สามารถดูแลเรื่องอาหารการกินของเจ้า
แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ
ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่
บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า
ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที
นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด
ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่
ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย
ข้าชื่อเสิ่นว่านจือ เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ข้าขอระบายเรื่องหนึ่งก่อนเถิดมันช่างเกินจะทนได้แล้ว!ตระกูลเส้าเป็นเพียงจวนป๋อเจวี๋ยเล็กๆ เท่านั้น ฮูหยินตระกูลเส้ากลับกล้าโอหังถึงเพียงนี้ ข้าเสิ่นว่านจือมีชีวิตอยู่มานาน ปากมากปากจัดก็เห็นมาหลายคน แต่พวกสตรีที่ปากมากในหมู่ผู้มีอำนาจ ข้ายังได้พบเพียงไม่กี่คนพอรู้ว่าเสี่ยวอวี่ถูกลากออกไปตบหน้า แล้วถูกกล่าวหาว่าไร้ยางอายไปยั่วยวนบุรุษ ข้าก็แทบอยากจะพังประตูตระกูลเส้าไปเตะใครสักคน ลากคนออกมาแล้วตบกลับให้สาสมใจซีซีเองก็โกรธ แต่เตือนข้าว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งเอาแต่ระบายอารมณ์ ให้รีบไปดูเสี่ยวอวี่กับหวังชิงหรูก่อน เผื่อว่าทั้งสองจะทำเรื่องไม่คาดฝันต้องยอมรับว่าซีซีเป็นขุนนางมาหลายปี ย่อมมีวิจารณญาณในการแยกแยะเรื่องเร่งด่วนกับเรื่องสำคัญข้าจึงรีบเร่งไปยังตระกูลหวัง แล้วก็ได้รู้ว่าเสี่ยวอวี่กรีดข้อมือ ส่วนหวังชิงหรูก็ไล่สาวใช้ในเรือนออก ข้าจึงรู้สึกทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่จริงอย่างที่คาด หิมะยังไม่ทันตก หวังชิงหรูก็คิดจะแขวนคอตัวเองให้เป็นหมูตากแห้ง ข้าโกรธจนฟาดหน้านางไปหนึ่งฉาดที่จริงช่วงหลังมานี้ข้าเป็นคนอารมณ์ดีมาก
ข้ารู้ตัวอย่างแท้จริงว่าตนเองผิดมหันต์นั้น...เกิดขึ้นเมื่อใดกันนะ?มิใช่ตอนที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกลับมา มิใช่ตอนที่หย่าขาดกับจ้านเป่ยว่าง และก็ไม่ใช่ตอนที่ตระกูลหวังประสบเคราะห์กรรมแต่เป็นตอนที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะออกเรือนตอนที่ตระกูลหวังตกอับ ข้าอยู่ในคุก เกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต ข้าก็รู้ว่าตัวเองมีเรื่องผิด ข้ายินดีจะขัดเกลาความแข็งกร้าว เปลี่ยนแปลงตนเองแต่ในตอนนั้น ข้ายังไม่อาจเรียกได้ว่าได้สำนึกอย่างแท้จริง เพราะข้ายังคิดว่าทั้งหมดคือเรื่องของตนเอง ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด ก็เป็นข้าเองที่รับกรรม ใครอื่นล้วนไม่มีสิทธิ์มาตัดสินข้ารู้ดีว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของข้า ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ข้าอาจเคยชินกับการที่นางดูแลข้าเช่นนี้ จึงมีทั้งความรู้สึกขอบคุณและเคารพนางแต่เรื่องราวในอดีตของข้า ข้ามิเคยอยากย้อนกลับไปคิด เพราะนั่นคือการทำร้ายตนเอง เป็นความทุกข์ทรมานกระทั่งวันที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะหมั้นหมาย ข้าจึงเริ่มพลิกดูตัวเองทุกแง่ทุกมุม ให้ความเสียใจแทรกซึมกัดกินหัวใจทุกลมหายใจอวี่เจี่ยเอ่อร์กับคุณชายเส้าหมิ่นแห่งจวนป