องค์หญิงหมิ่นชิงไม่ได้ถือสาที่ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมาเยี่ยมเยือนอย่างกะทันหัน นางต้อนรับพวกนางอย่างกระตือรือร้นซ่งซีซีกล่าวขอโทษ "ต้องขอโทษจริงๆ คสรจะส่งจดหมายมาบอกก่อน เพียงแต่เป็นเหตุฉุกเฉิน ก็เลยมาเยี่ยมอย่างไม่ได้บอกล่วงหน้า ขอโทษจริงๆ""เจ้าพูดเช่นนี้กับข้ามันไม่ดูเหินห่างไปหน่อยหรือ" องค์หญิงหมิ่นชิงพูดด้วยรอยยิ้ม "เจ้ามาวันนี้ และฮุ่ยเจิงก็มาเที่ยวที่นี่พอดี นางตะกละเลยท้องเสีย เวลานี้ไปห้องน้ำแล้ว อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะเห็นนางด้วย""ตะกละเลยท้องเสียอะไรกัน ท่านพี่อย่าพูดไม่จริงเลย"ทันใดนั้น องค์หญิงฮุ่ยเจิงก็นำคนใช้เข้ามา นางเอามือปิดหน้าท้องของนาง เห็นได้ชัดว่ายังคงรู้สึกไม่สบายอยู่ แต่การเถียงกับองค์หญิงหมิ่นชิงกลับดูทรงพลังมากองค์หญิงหมิ่นชิงกล่าวว่า "ฮาๆ ซีซีอยู่ที่นี่ เจ้าอยากรักษาหน้าเลยไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เจ้าก็ตะกละไง เซียนหนิงก็เหมือนกับเจ้าไม่มีผิด"ซ่งซีซีพาเสิ่นว่านจือ และหงเชวี่ยกราบไหว้ "ขอคารวะองค์หญิงฮุ่ยเจิงเจ้าค่ะ"ฮุ่ยเจิงก็ไหว้กลับ "ทุกคนก็นั่งลงกันเถอะ มัวแต่ยืนอยู่ที่นั่นทำไม ซีซี ทำไมวันนี้หน้าซีดจัง ใครรังแกเจ้าล่ะ?"ซ่งซีซีนั่งลงและเล่าเรื่องทุก
องค์หญิงหมิ่นชิงกล่าวว่า "ท่ารพ่อตาของข้าดูแลฝ่ายตรวจการเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายตรวจการ ก่อนหน้านี้ที่เขากลับจวนมาทานข้าว ได้ยินเขาพูดถึงว่าบัดนี้ต้องปรับปุงและเข้มงวดกับการกระทำของข้าราชการมากขึ้น ต้องใช้กฏต่างๆ ที่ฮ่องเต้องค์ก่อนตั้งไว้ต่อ การเป็นข้าราชการย่อมซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ใจ ทุกวันนี้เขากำลังหารือกับอวี้สื่อจงเฉิง(เป็นขุนนางฝ่ายตรวจสอบในราชสำนัก)เกี่ยวกับเรื่องนี้ งั้นซื่อจื่อเหลียงก็มาถูกเวลาพอดี"ซ่งซีซีได้ยินคำพูดนั้น และพูดด้วยรอยยิ้ม "นั่นก็พอดีเลย แต่รอสักวันสองวันก็ได้ หญิงงามเมืองคนนั้นโดนทุบตีในวันนี้ ซื่อจื่อคงทุกข์ใจมาก ข้าเคยเจอเขามาครั้งหนึ่ง เขาดูถูกดูแคลนข้าอย่างมาก คิดดูว่าเขาต้องมาเอาเรื่องที่จวนแน่ๆ ไม่รู้ว่าการรุกรานพระชายาถือเป็นอาชญากรรมได้หรือไม่"องค์หญิงหมิ่นชิงกล่าวว่า "ได้ยินมาว่าซื่อจื่อเป็นเทวดาลับชาติมาเกิด มีพรสวรรค์พิเศษ เขาเป็นถ้านฮัวที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้เอง เป็นลูกศิษย์ของจักรพรรดิ การเป็นลูกศิษย์ของจักรพรรดิยิ่งต้องยับยั้งตัวเองและเป็นตัวอย่างที่ดี ตอนนี้ฝ่ายในวุ่นวายไปหมด ยังไปเที่ยวสถานบันเทิงอย่างเปิดเผย กลับรับคนในนั้นมาเป็นอนุภรรยาและให้ความ
หลังจากกลับมาถึงจวน ซ่งซีซีเลยถามกับกุ้นเอ๋อร์ กุ้นเอ๋อร์ก็ถามคำถามแรกว่า "ให้เท่าไหร่"ซ่งซีซีรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเชิญมาอย่างง่ายๆ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะทำให้อาจารย์ของเขายอมตอบตกลงก็คือการเสนอค่าแรงให้เยอะหน่อยซ่งซีซีกล่าวว่า "จนกระทั่งถึงเด็กเกิดมาอย่างราบรื่นแล้วได้ครบหนึ่งเดือน รวมๆ ดูก็แค่ไม่กี่เดือนเอง หากมาสองคน ข้าออกเงินเป็นเหมาไปเลย หนึ่งพันตำลึง เจ้าว่ายังไง"กุ้นเอ๋อร์สอดมือของเขาลงบนผมของเขาแล้วพูดว่า "ไม่ยังไง แต่ข้าต้องเขียนจดหมายทันที ที่จวนอ๋องมีคนที่ส่งจดหมายโดยเฉพาะหรือเปล่า? โปรดส่งจดหมายถึงอาจารย์ของข้าทันที ให้เร็วที่สุด เดี๋ยวนี้เลยนะ"ซ่งซีซียิ้ม "โปรดเขียนจดหมายออกให้โดยเร็วที่สุด"หนึ่งพันตำลึง มันไม่ใช่น้อยจริงๆอาจารย์ของเขาไม่อนุญาตให้ลูกศิษย์ลงจากภูเขา เพราะการเป็นองครักษ์หญิงคอยปกป้องนายหญิงของตระกูลร่ำรวย เงินเดือนมากสุดก็แค่สองตำลึง แถมยังต้องทนความคับข้องใจด้วยตอนนี้ไปปกป้องท่านหญิง ไม่มีใครทำอารมณ์ใส่ตนเอง ไม่ต้องทำงานอื่น แค่ปกป้องนางจากการถูกทำร้าย มากสุดก็แค่มีหน้าที่ดูแลยาบำรุงครรภ์ของนางหลังจากทำงานแบบนี้เพียงไม่กี่เดือน คนสองค
กุ้นเอ๋อร์เน้นย้ำต่อหน้าพวกนางครั้งแล้วครั้งเล่า "จากนี้ไปต้องเรียกข้าด้วยชื่อของข้าในจวนอ๋อง ข้าชื่อเมิ่งเทียนเซิง ไม่ใช่กุ้นเอ๋อร์ หรือไม้กวนอุจจาระ ยิ่งไม่ใช่ตัวกวน"เสิ่นว่านจือยักไหล่ "ชื่อกุ้นเอ๋อร์ถูกแพร่กระจายออกไปมานานแล้ว แต่ก็ตามที่เจ้าสบายใจจะเรียกเจ้าว่าเทียนเซิงก็ได้ แต่ถึงยังไงเจ้าก็เป็นแท่งไม้แท่งหนึ่งในใจของเราตลอด"ซ่งซีซีให้คนพาศิษย์พี่สาวสองคนออกไปอาบน้ำอาบท่า จากนั้นออกไปซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปสักสองสามชุด และจะไปจวนเฉิงเอินป๋อในเช้าวันพรุ่งนี้เนื่องจากใบสั่งยาที่หงเชวี่ยออกให้ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางนั้นก็สั่งให้เสิ่นว่านจือแวะไปส่งด้วย เลยต้องเดินผ่านจวนแม่ทัพเมื่อเดินผ่านจวนแม่ทัพ เสิ่นว่านจือก็เปิดม่านและมองดู ไม่มีอะไรผิดปกติ จึงไม่ได้สนใจอีกพอมอบใบสั่งยาให้กับพ่อบ้านจวนโหวผิงหยางแล้ว พวกนางก็ไม่หยุดต่อและรีบไปที่จวนเฉิงเอินป๋อในรถม้า ได้กำชับศิษย์พี่หลัวและศิษย์พี่ซือโซว่าหลังจากเข้าจวนแล้วต้องระวังอะไรบ้าง"เราจะไม่เป็นฝ่ายริเริ่มไปโจมตีผู้คน ไม่เป็นฝ่ายริเริ่มที่จะลงไม้ลงมือ แต่อย่าให้อนุที่ชื่อว่าเยียนหลิวคนนั้นเข้าใกล้ท่านหญิงหากซื่อจื่อเหลียงมาระ
ซ่งซีซีนึกถึงสิ่งที่เสิ่นว่านจือพูดในก่อนหน้านี้ หวังชิงหลูต้องการแข่งขันกับนางในเรื่องสินเดิม และบวกกับครั้งล่าสุดที่เจอการก็จบอย่างไม่สบอารมณ์ ดังนั้นนางจึงแค่พยักหน้าเบาๆ "จ้านฮูหยิน""พระชายามีเวลาว่างขนาดนี้หรือ มาดูเรื่องสนุกที่จวนแม่ทัพของเราตั้งแต่เช้างั้นเหรอ?" หวังชิงหลูมีสีหน้าแย่มาก ทั้งอย่างพูดอย่างเสียดสี "หรือว่าพระชายาลืมทางกลับวังของจวน และคิดว่าบ้านของตนเองยังอยู่จวนแม่ทัพงั้นหรือ"เสิ่นว่านจือเตรียมตัวจะลงจากรถม้าทันที แต่ซ่งซีซีห้ามนางไว้ จากนั้นมองหวังชิงหลูด้วยรอยยิ้มจาง ๆ โดยพูดว่า "พอมีเวลาว่างๆ ก็ต้องกลับมาคำนึงถึงอดีตสักหน่อยสิ และแวะมาดูว่าแหล่งรวมคนชั่วอย่างจวนแม่ทัพได้อยู่อย่างสบายหรือไม่ ถือว่ามีน้ำใจมากสินะ"หวังชิงหลูหน้าเขียวคล้ำถมึงทึง "เจ้าว่าแหล่งรวมคนชั่วอะไรกัน พระชายาอยากเห็นจวนแม่ทัพขายหน้าสินะ งั้นก็ลงรถไปดูสิ ไปเห็นแก่ตา ไปดมกลิ่นด้วยตัวเอง ถ้าชอบล่ะก็ สามารถเอามือไปเช็คด้วยนะ"ซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "ข้าไม่ได้เป็นสมาชิกของจวนแม่ทัพอีกแล้ว สถานที่ที่เต็มไปด้วยของสกปรกเช่นนี้ ก็เก็บไว้ให้จ้านฮูหยิน เช็คเองเลย"หวังชิงหลูกล่าวด้วยความโกรธ "เป็
ซ่งซีซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อนางบอกว่าต้องการสั่งสอนหวังชิงหลูนั้น ก็กลัวมากว่าเมื่อนางอยู่ในจวนเฉิงเอินป๋อพอเจออะไรที่ไม่พอใจก็จะใช้กำลังเลยเชื่อว่าพวกนางก็รู้อะไรควรอะไรไม่ควรด้วยซ่งซีซีรู้สึกหมดคำพูดกับกับหวังชิงหลูจริงๆพูดตามตรงก็ไม่เคยมีเรื่องกับนางมาก่อน ทำไมถึงเกลียดนางมากขนาดนี้?แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ ก็พอจะเข้าใจได้ ว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนั้นคงพูดให้ร้ายนางไม่น้อยเมื่อต่อหน้าหวังชิงหลูดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนั้นจะอิจฉาที่นางได้แต่งงานเข้าจวนอ๋องจริงๆเพียงแต่ว่าหวังชิงหลูก็เป็นภรรยาคนในตระกูลฝางมาก่อนเช่นกัน คุณชายฝางนั้นเป็นคนมีเหตุผลมากแค่ไหนเชียว ทำไม่นางถึงไม่เรียนรู้นิสัยนั้นมาแม้แต่น้อยล่ะเมื่อมาถึงจวนเฉิงเอินป๋อ ฮูหยินเฉิงเอินป๋อก็รีบต้อนรับผู้คนเข้าไปในห้องโถงดอกไม้นางรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย เพราะหลายวันก่อนเหลียงเส้าได้ไปก่อเรื่องที่จวนอ๋อง นางเลยกังวลอยู่เสมอว่าคนในจวนอ๋องจะมาเอาเรื่องเมื่อรอมาหลายวันก็ไม่เห็นมีคนมา เมื่อวันนี้ได้ยินคนมารายว่าเป่ยหมิงอ๋องมา จู่ๆ นางก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาสิ่งที่นางกังวลก็คืออนาคตสดใสของลูกชายของนาง แต่ได้ยิน
ซ่งซีซีมองดูดวงตาที่แดงก่ำของหลานเอ่อร์ นางพยายามเอาพัดปิดหน้า นางถอนหายใจ "เพราะงั้นเจ้ารู้ว่าข้ามาแล้วแต่ก็ไม่ยอมมาพบข้าหรือ"หลานเอ่อร์พูดด้วยเสียงสะอื้น "ท่านพี่ ดวงตาของข้าให้คนอื่นเห็นเข้าไม่ได้"ซ่งซีซีมองแวบหนึ่งแล้วพูดว่า "ก็จริง มันบวมเหมือนลูกทอ""ท่านพี่…" เสียงของหลานเอ่อร์สำลักอีกครั้ง "เพราะเรื่องวันนั้น เขามาตำหนิข้าทุกวัน เขาจะใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง"ซ่งซีซีขมวดคิ้ว "เขาตำหนิเจ้า ทำไมเจ้าไม่ตำหนิกลับล่ะ""ข้า…" น้ำตาของหลานเอ่อร์ไหลลงมาอีกครั้ง "ข้าไม่รู้จะด่าทอคนอย่างไร"ซ่งซีซีไม่สามารถทำอะไรนางได้จริงๆ ดังนั้นจึงหันกลับไปถามศิษย์พี่ซือโซว่า "ศิษย์พี่ ท่านสาปแช่งคนเป็นด้วยไหม""โอ้ สบายมากเลย" ศิษย์พี่ซือโซกล่าว"เยี่ยม ถ้าต่อไปซื่อจื่อเหลียงมาด่าท่านหญิง ท่าก็ด่ากลับ ท่านจำหลักการข้อหนึ่งไว้: ถ้าเขาด่า เจ้าก็ด่ากลับ ถ้าเขาลงมือ ท่านก็ลงด้วย""สุดยอดไปเลย" ศิษย์พี่ซือโซกล่าว"ท่านพี่ สองคนนี้คือใครเหรอ" หลานเอ่อร์หยุดร้องไห้และถามอย่างสงสัย"พวกนางเป็นศิษย์พี่สาวที่ข้ารู้จักในภูเขาเหม่ยชาน พวกนางมีวรยุทธ์และรู้การแพทย์บ้าง สามารถดูแลเรื่องอาหารการกินของเจ้า
ยี่ฝางหรี่ตาลง ร่างกายของนางแข็งทื่อ และความโหดร้ายพุ่งออกมาจากดวงตาแต่ไม่นานนักนางก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ "แล้วไงล่ะ นางอยากมาร่วมสนุกก็เป็นเรื่องของนาง"หวังชิงหลูพูดไม่ออกชั่วครู่หนึ่ง "เจ้า... ยี่ฝาง ข้าขอร้องเจ้า เจ้าไปกล่าวขอโทษที่จวนโหวเจี้ยนคังอีกครั้งได้ไหม ที่เจ้าทำเช่นนี้ไม่เพียงมีผลกระทบต่อจวนแม่ทัพ ทั้งยังส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานของท่านสามีด้วย""ท่านสามีงั้นเหรอ? เรียกอย่างสนิทกันจริงๆ" ยี่ฝางยิ้มอย่างเย็นชา"ข้าเรียกแบบนี้มีอะไรผิดหรือ? เขาไม่ใช่ท่านสามีของข้าหรือไง"ยี่ฝางพูดอย่างเย็นชา "ใช่ เขาเป็นท่านสามีของเจ้า ดังนั้นอนาคตของเขาต้องให้เจ้าไปวางแผน จะให้ขอโทษหรือเอาเงินส่วนตัวมาใช้นั้น เจ้าก็ทำเองหมดเลย""นี่เจ้ามีทัศนคติอย่างไร?"ยี่ฝางฟันดาบของนาง "ทัศนคติของข้าก็คือให้ออกไปจากที่นี่และอย่ามายุ่งกับข้าอีก"หวังชิงหลูโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัว นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน นางยังเป็นภรรยาเอก ยี่ฝางกล้าหยาบคายต่อหน้านางเช่นนี้ได้อย่างไรที่นางพูดต่อหน้าซ่งซีซีว่านางยินดีใช้สินเดิมของตนเองเพื่ออุดหรุนให้จวนแม่ทัพ แต่จริงๆ แล้วนางรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก