กุ้นเอ๋อร์เน้นย้ำต่อหน้าพวกนางครั้งแล้วครั้งเล่า "จากนี้ไปต้องเรียกข้าด้วยชื่อของข้าในจวนอ๋อง ข้าชื่อเมิ่งเทียนเซิง ไม่ใช่กุ้นเอ๋อร์ หรือไม้กวนอุจจาระ ยิ่งไม่ใช่ตัวกวน"เสิ่นว่านจือยักไหล่ "ชื่อกุ้นเอ๋อร์ถูกแพร่กระจายออกไปมานานแล้ว แต่ก็ตามที่เจ้าสบายใจจะเรียกเจ้าว่าเทียนเซิงก็ได้ แต่ถึงยังไงเจ้าก็เป็นแท่งไม้แท่งหนึ่งในใจของเราตลอด"ซ่งซีซีให้คนพาศิษย์พี่สาวสองคนออกไปอาบน้ำอาบท่า จากนั้นออกไปซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปสักสองสามชุด และจะไปจวนเฉิงเอินป๋อในเช้าวันพรุ่งนี้เนื่องจากใบสั่งยาที่หงเชวี่ยออกให้ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางนั้นก็สั่งให้เสิ่นว่านจือแวะไปส่งด้วย เลยต้องเดินผ่านจวนแม่ทัพเมื่อเดินผ่านจวนแม่ทัพ เสิ่นว่านจือก็เปิดม่านและมองดู ไม่มีอะไรผิดปกติ จึงไม่ได้สนใจอีกพอมอบใบสั่งยาให้กับพ่อบ้านจวนโหวผิงหยางแล้ว พวกนางก็ไม่หยุดต่อและรีบไปที่จวนเฉิงเอินป๋อในรถม้า ได้กำชับศิษย์พี่หลัวและศิษย์พี่ซือโซว่าหลังจากเข้าจวนแล้วต้องระวังอะไรบ้าง"เราจะไม่เป็นฝ่ายริเริ่มไปโจมตีผู้คน ไม่เป็นฝ่ายริเริ่มที่จะลงไม้ลงมือ แต่อย่าให้อนุที่ชื่อว่าเยียนหลิวคนนั้นเข้าใกล้ท่านหญิงหากซื่อจื่อเหลียงมาระ
ซ่งซีซีนึกถึงสิ่งที่เสิ่นว่านจือพูดในก่อนหน้านี้ หวังชิงหลูต้องการแข่งขันกับนางในเรื่องสินเดิม และบวกกับครั้งล่าสุดที่เจอการก็จบอย่างไม่สบอารมณ์ ดังนั้นนางจึงแค่พยักหน้าเบาๆ "จ้านฮูหยิน""พระชายามีเวลาว่างขนาดนี้หรือ มาดูเรื่องสนุกที่จวนแม่ทัพของเราตั้งแต่เช้างั้นเหรอ?" หวังชิงหลูมีสีหน้าแย่มาก ทั้งอย่างพูดอย่างเสียดสี "หรือว่าพระชายาลืมทางกลับวังของจวน และคิดว่าบ้านของตนเองยังอยู่จวนแม่ทัพงั้นหรือ"เสิ่นว่านจือเตรียมตัวจะลงจากรถม้าทันที แต่ซ่งซีซีห้ามนางไว้ จากนั้นมองหวังชิงหลูด้วยรอยยิ้มจาง ๆ โดยพูดว่า "พอมีเวลาว่างๆ ก็ต้องกลับมาคำนึงถึงอดีตสักหน่อยสิ และแวะมาดูว่าแหล่งรวมคนชั่วอย่างจวนแม่ทัพได้อยู่อย่างสบายหรือไม่ ถือว่ามีน้ำใจมากสินะ"หวังชิงหลูหน้าเขียวคล้ำถมึงทึง "เจ้าว่าแหล่งรวมคนชั่วอะไรกัน พระชายาอยากเห็นจวนแม่ทัพขายหน้าสินะ งั้นก็ลงรถไปดูสิ ไปเห็นแก่ตา ไปดมกลิ่นด้วยตัวเอง ถ้าชอบล่ะก็ สามารถเอามือไปเช็คด้วยนะ"ซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "ข้าไม่ได้เป็นสมาชิกของจวนแม่ทัพอีกแล้ว สถานที่ที่เต็มไปด้วยของสกปรกเช่นนี้ ก็เก็บไว้ให้จ้านฮูหยิน เช็คเองเลย"หวังชิงหลูกล่าวด้วยความโกรธ "เป็
ซ่งซีซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อนางบอกว่าต้องการสั่งสอนหวังชิงหลูนั้น ก็กลัวมากว่าเมื่อนางอยู่ในจวนเฉิงเอินป๋อพอเจออะไรที่ไม่พอใจก็จะใช้กำลังเลยเชื่อว่าพวกนางก็รู้อะไรควรอะไรไม่ควรด้วยซ่งซีซีรู้สึกหมดคำพูดกับกับหวังชิงหลูจริงๆพูดตามตรงก็ไม่เคยมีเรื่องกับนางมาก่อน ทำไมถึงเกลียดนางมากขนาดนี้?แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ ก็พอจะเข้าใจได้ ว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนั้นคงพูดให้ร้ายนางไม่น้อยเมื่อต่อหน้าหวังชิงหลูดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนั้นจะอิจฉาที่นางได้แต่งงานเข้าจวนอ๋องจริงๆเพียงแต่ว่าหวังชิงหลูก็เป็นภรรยาคนในตระกูลฝางมาก่อนเช่นกัน คุณชายฝางนั้นเป็นคนมีเหตุผลมากแค่ไหนเชียว ทำไม่นางถึงไม่เรียนรู้นิสัยนั้นมาแม้แต่น้อยล่ะเมื่อมาถึงจวนเฉิงเอินป๋อ ฮูหยินเฉิงเอินป๋อก็รีบต้อนรับผู้คนเข้าไปในห้องโถงดอกไม้นางรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย เพราะหลายวันก่อนเหลียงเส้าได้ไปก่อเรื่องที่จวนอ๋อง นางเลยกังวลอยู่เสมอว่าคนในจวนอ๋องจะมาเอาเรื่องเมื่อรอมาหลายวันก็ไม่เห็นมีคนมา เมื่อวันนี้ได้ยินคนมารายว่าเป่ยหมิงอ๋องมา จู่ๆ นางก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาสิ่งที่นางกังวลก็คืออนาคตสดใสของลูกชายของนาง แต่ได้ยิน
ซ่งซีซีมองดูดวงตาที่แดงก่ำของหลานเอ่อร์ นางพยายามเอาพัดปิดหน้า นางถอนหายใจ "เพราะงั้นเจ้ารู้ว่าข้ามาแล้วแต่ก็ไม่ยอมมาพบข้าหรือ"หลานเอ่อร์พูดด้วยเสียงสะอื้น "ท่านพี่ ดวงตาของข้าให้คนอื่นเห็นเข้าไม่ได้"ซ่งซีซีมองแวบหนึ่งแล้วพูดว่า "ก็จริง มันบวมเหมือนลูกทอ""ท่านพี่…" เสียงของหลานเอ่อร์สำลักอีกครั้ง "เพราะเรื่องวันนั้น เขามาตำหนิข้าทุกวัน เขาจะใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง"ซ่งซีซีขมวดคิ้ว "เขาตำหนิเจ้า ทำไมเจ้าไม่ตำหนิกลับล่ะ""ข้า…" น้ำตาของหลานเอ่อร์ไหลลงมาอีกครั้ง "ข้าไม่รู้จะด่าทอคนอย่างไร"ซ่งซีซีไม่สามารถทำอะไรนางได้จริงๆ ดังนั้นจึงหันกลับไปถามศิษย์พี่ซือโซว่า "ศิษย์พี่ ท่านสาปแช่งคนเป็นด้วยไหม""โอ้ สบายมากเลย" ศิษย์พี่ซือโซกล่าว"เยี่ยม ถ้าต่อไปซื่อจื่อเหลียงมาด่าท่านหญิง ท่าก็ด่ากลับ ท่านจำหลักการข้อหนึ่งไว้: ถ้าเขาด่า เจ้าก็ด่ากลับ ถ้าเขาลงมือ ท่านก็ลงด้วย""สุดยอดไปเลย" ศิษย์พี่ซือโซกล่าว"ท่านพี่ สองคนนี้คือใครเหรอ" หลานเอ่อร์หยุดร้องไห้และถามอย่างสงสัย"พวกนางเป็นศิษย์พี่สาวที่ข้ารู้จักในภูเขาเหม่ยชาน พวกนางมีวรยุทธ์และรู้การแพทย์บ้าง สามารถดูแลเรื่องอาหารการกินของเจ้า
ยี่ฝางหรี่ตาลง ร่างกายของนางแข็งทื่อ และความโหดร้ายพุ่งออกมาจากดวงตาแต่ไม่นานนักนางก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ "แล้วไงล่ะ นางอยากมาร่วมสนุกก็เป็นเรื่องของนาง"หวังชิงหลูพูดไม่ออกชั่วครู่หนึ่ง "เจ้า... ยี่ฝาง ข้าขอร้องเจ้า เจ้าไปกล่าวขอโทษที่จวนโหวเจี้ยนคังอีกครั้งได้ไหม ที่เจ้าทำเช่นนี้ไม่เพียงมีผลกระทบต่อจวนแม่ทัพ ทั้งยังส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานของท่านสามีด้วย""ท่านสามีงั้นเหรอ? เรียกอย่างสนิทกันจริงๆ" ยี่ฝางยิ้มอย่างเย็นชา"ข้าเรียกแบบนี้มีอะไรผิดหรือ? เขาไม่ใช่ท่านสามีของข้าหรือไง"ยี่ฝางพูดอย่างเย็นชา "ใช่ เขาเป็นท่านสามีของเจ้า ดังนั้นอนาคตของเขาต้องให้เจ้าไปวางแผน จะให้ขอโทษหรือเอาเงินส่วนตัวมาใช้นั้น เจ้าก็ทำเองหมดเลย""นี่เจ้ามีทัศนคติอย่างไร?"ยี่ฝางฟันดาบของนาง "ทัศนคติของข้าก็คือให้ออกไปจากที่นี่และอย่ามายุ่งกับข้าอีก"หวังชิงหลูโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัว นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน นางยังเป็นภรรยาเอก ยี่ฝางกล้าหยาบคายต่อหน้านางเช่นนี้ได้อย่างไรที่นางพูดต่อหน้าซ่งซีซีว่านางยินดีใช้สินเดิมของตนเองเพื่ออุดหรุนให้จวนแม่ทัพ แต่จริงๆ แล้วนางรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก
ในเช้าวันรุ่งขึ้น อวี้ฉื่อสวี่และอวี้สื่อจงเฉิงได้นำผู้คนจากฝ่ายตรวจการหลายคนไปทูลรายงานทูลร้องเรียนเรื่องถ้านฮัวซื่อจื่อเหลียงแต่งหญิงงามเมืองเป็นอนุในขณะที่ฮูหยินเอกกำลังตั้งท้อง รักใคร่อนุภรรยาเย็นชาใส่ภรรยาเอก รังแกท่านหญิงทูลร้องเรียนทางจวนแม่ทัพไม่เคารพฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคัง ซึ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจมาก ประชาชนขว้างอุจจาระเพื่อระบายความโกรธ พวกเขาถูกลากเข้าจวนและโดนตัดมือทิ้ง คนๆ นั้นได้แจ้งความที่สำนักเขตจิงจ้าว เขายอมรับเรื่องขว้างอุจจาระ แต่ก็ร้องเรียงจะเอาค่าชดเชยด้วยจ้านเป่ยว่างไม่สามารถเข้าไปในห้องโถงของราชสำนักได้ และเมื่อมาเข้าประชุมก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับขุนนางที่มีระดับต่ำดังนั้นเรื่องข้างในจะหารือการเมืองอะไรกัน เดิมทีเขาไม่ได้ยินอยู่แล้ว แต่พวกอวี้ฉื่อ(ขุนนางฝ่ายตรวจการ)เสียงดังมาก ส่งไปถึงข้างนอก เมื่อเขารู้ว่าตนเองถูกร้องเรียนอีกก็รู้สึกใจหายเลยเขาอยากตบหน้าตัวเองสักสองฉาดไปเลย ทำไมตอนแรกเขาจะเลือกทอดทิ้งซ่งซีซีกลับไปแต่งงานกับยี่ฝางตอนนี้ทำให้ครอบครัวเดือนร้อนไปด้วย อนาคตของตนเองก็อาจไปไม่ไกลด้วยเหลียงเส้ายืนอยู่ในราชสำนัก แต่เขายังคงโต้เถียงแ
เสียงคำรามของฮ่องเต้ดังขึ้นทั้งห้องโถง "จวนแม่ทัพของเจ้าเป็นสถานที่ยังไงกัน กล้าแอบก่อสร้างห้องลงโทษส่วนตัวและหักมือเท้าของประชาชน หากเป็นเช่นนี้ มีจวนแม่ทัพของเจ้าก็พอแล้ว จะมีสำนักเขตจิงจ้าว กระทรวงราชทัณฑ์และหอต้าหลี่ไปเพื่ออะไร?"จ้านเป่ยว่างไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่ในเมื่ออวี้ฉื่อจะมาร้องเรียน งั้นแสดงว่ามีคนฟ้องเรื่องนี้ไปยังสำนักเขตจิงจ้าวแล้วจริงๆเขาไม่มีอะไรจะพูดแก้ต่างอีกแล้ว เอาแต่พูดว่า "ฝ่าบาททรงยกโทษให้ด้วย ฝ่าบาททรงยกโทษให้ด้วย""จะให้ข้ายกโทษยังไง ให้เจ้าพายี่ฝางไปกล่าวขอโทษ โหวเจี้ยนคังไม่อนุญาตให้พวกเจ้าเข้าไป แล้วพวกเจ้าก็หันหลังกลับทั้งอย่างนั้น นี่เป็นทัศนคติของคนที่จะไปกล่าวขอโทษเหรอ? เจ้าไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้อีกฝ่ายให้อภัย แต่ไปที่จะโดนระบายอารมณ์ความโกรธใส่ประชาชน พวกเจ้าสมน้ำหน้าที่จะถูกโยนขี้ใส่ แม้แต่ข้าก็อยากจะเอาขี้มาใส่หน้าเจ้าด้วย"ฮ่องเต้โกรธมากจนพูดอะไรเกินเลยออกมา เป็นเพราะจ้านเป่ยว่างทำให้เขาผิดหวังจริงๆถ้าไม่ได้พระราชทานอภิเษกสมรสด้วยตนเองเพื่อยกย่องผลงานของเขา แล้วทำไมต้องมาช่วยเขาอีกล่ะ โดยคิดว่าการให้โอกาสเขา ก็เท่ากับสร้างศักดิ์ศรี
จ้านเป่ยว่างเข้าไปข้างหน้าและคว้าข้อมือของนาง "ไป ไปจวนโหวเจี้ยนคังกับข้า"ยี่ฝางพยายามอย่างหนักที่จะหลุดออกจากมือของเขา "ข้าไม่ไป"จ้านเป่ยว่างยืนอยู่ในลาน ดวงตาของเขามืดมน "ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าจะมัดเจ้าไป เจ้าต้องการไปเองดีๆ หรือให้ข้ามัดเจ้าไปพร้อมหนามด้วยล่ะ?""เจ้ากล้าดียังไง?" ยี่ฝางโกรธและรู้สึกน้อยใจมากยิ่งขึ้น "ข้าแค่พูดคำพูดคำหนึ่งออกไป มันผิดร้ายแรงอย่างไรหรือไง ต้องให้ข้าแบกหนามเพื่อขอรับโทษ"จ้านเป่ยว่างกัดฟันหรอดแล้วพูดว่า "เจ้ารู้อยู่แก่ใจ ความผิดของเจ้า อย่าว่าแต่แบกหนามเพื่อขอรับโทษ ฆ่าเจ้าให้ตายก็ไม่มากเกินไป"เขาเหลือบมองสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ แล้วคำราม "ออกไป!"เหล่าสาวใช้ตกใจมากจึงรีบวิ่งออกไปยี่ฝางมองเขา ดวงตาของเขาแดงก่ำ "การกระทำที่เจ้าปฏิบัติต่อข้าในตอนนี้ได้ดีเท่าครึ่งหนึ่งอย่างอดีตหรือไม่ เจ้าเกลียดข้าจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงแต่งงานกับข้าในตอนแรก"จ้านเป่ยว่างเกือบจะเป็นบ้าเอาแล้วเขาคำรามใส่ยี่ฝาง "ข้าโง่ ข้าตาบอด ข้ามองคนผิด ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์และกล้าหาญอย่างที่เจ้าพูด แต่เจ้าไม่ใช่!"ยี่ฝางปิดหูแล้วพูดว่า "หุบปาก เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเจ