แชร์

บทที่ 427

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-14 18:00:00
ในเช้าวันรุ่งขึ้น อวี้ฉื่อสวี่และอวี้สื่อจงเฉิงได้นำผู้คนจากฝ่ายตรวจการหลายคนไปทูลรายงาน

ทูลร้องเรียนเรื่องถ้านฮัวซื่อจื่อเหลียงแต่งหญิงงามเมืองเป็นอนุในขณะที่ฮูหยินเอกกำลังตั้งท้อง รักใคร่อนุภรรยาเย็นชาใส่ภรรยาเอก รังแกท่านหญิง

ทูลร้องเรียนทางจวนแม่ทัพไม่เคารพฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคัง ซึ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจมาก ประชาชนขว้างอุจจาระเพื่อระบายความโกรธ พวกเขาถูกลากเข้าจวนและโดนตัดมือทิ้ง คนๆ นั้นได้แจ้งความที่สำนักเขตจิงจ้าว เขายอมรับเรื่องขว้างอุจจาระ แต่ก็ร้องเรียงจะเอาค่าชดเชยด้วย

จ้านเป่ยว่างไม่สามารถเข้าไปในห้องโถงของราชสำนักได้ และเมื่อมาเข้าประชุมก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับขุนนางที่มีระดับต่ำ

ดังนั้นเรื่องข้างในจะหารือการเมืองอะไรกัน เดิมทีเขาไม่ได้ยินอยู่แล้ว แต่พวกอวี้ฉื่อ(ขุนนางฝ่ายตรวจการ)เสียงดังมาก ส่งไปถึงข้างนอก เมื่อเขารู้ว่าตนเองถูกร้องเรียนอีกก็รู้สึกใจหายเลย

เขาอยากตบหน้าตัวเองสักสองฉาดไปเลย ทำไมตอนแรกเขาจะเลือกทอดทิ้งซ่งซีซีกลับไปแต่งงานกับยี่ฝาง

ตอนนี้ทำให้ครอบครัวเดือนร้อนไปด้วย อนาคตของตนเองก็อาจไปไม่ไกลด้วย

เหลียงเส้ายืนอยู่ในราชสำนัก แต่เขายังคงโต้เถียงแ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 428

    เสียงคำรามของฮ่องเต้ดังขึ้นทั้งห้องโถง "จวนแม่ทัพของเจ้าเป็นสถานที่ยังไงกัน กล้าแอบก่อสร้างห้องลงโทษส่วนตัวและหักมือเท้าของประชาชน หากเป็นเช่นนี้ มีจวนแม่ทัพของเจ้าก็พอแล้ว จะมีสำนักเขตจิงจ้าว กระทรวงราชทัณฑ์และหอต้าหลี่ไปเพื่ออะไร?"จ้านเป่ยว่างไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่ในเมื่ออวี้ฉื่อจะมาร้องเรียน งั้นแสดงว่ามีคนฟ้องเรื่องนี้ไปยังสำนักเขตจิงจ้าวแล้วจริงๆเขาไม่มีอะไรจะพูดแก้ต่างอีกแล้ว เอาแต่พูดว่า "ฝ่าบาททรงยกโทษให้ด้วย ฝ่าบาททรงยกโทษให้ด้วย""จะให้ข้ายกโทษยังไง ให้เจ้าพายี่ฝางไปกล่าวขอโทษ โหวเจี้ยนคังไม่อนุญาตให้พวกเจ้าเข้าไป แล้วพวกเจ้าก็หันหลังกลับทั้งอย่างนั้น นี่เป็นทัศนคติของคนที่จะไปกล่าวขอโทษเหรอ? เจ้าไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้อีกฝ่ายให้อภัย แต่ไปที่จะโดนระบายอารมณ์ความโกรธใส่ประชาชน พวกเจ้าสมน้ำหน้าที่จะถูกโยนขี้ใส่ แม้แต่ข้าก็อยากจะเอาขี้มาใส่หน้าเจ้าด้วย"ฮ่องเต้โกรธมากจนพูดอะไรเกินเลยออกมา เป็นเพราะจ้านเป่ยว่างทำให้เขาผิดหวังจริงๆถ้าไม่ได้พระราชทานอภิเษกสมรสด้วยตนเองเพื่อยกย่องผลงานของเขา แล้วทำไมต้องมาช่วยเขาอีกล่ะ โดยคิดว่าการให้โอกาสเขา ก็เท่ากับสร้างศักดิ์ศรี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-14
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 429

    จ้านเป่ยว่างเข้าไปข้างหน้าและคว้าข้อมือของนาง "ไป ไปจวนโหวเจี้ยนคังกับข้า"ยี่ฝางพยายามอย่างหนักที่จะหลุดออกจากมือของเขา "ข้าไม่ไป"จ้านเป่ยว่างยืนอยู่ในลาน ดวงตาของเขามืดมน "ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าจะมัดเจ้าไป เจ้าต้องการไปเองดีๆ หรือให้ข้ามัดเจ้าไปพร้อมหนามด้วยล่ะ?""เจ้ากล้าดียังไง?" ยี่ฝางโกรธและรู้สึกน้อยใจมากยิ่งขึ้น "ข้าแค่พูดคำพูดคำหนึ่งออกไป มันผิดร้ายแรงอย่างไรหรือไง ต้องให้ข้าแบกหนามเพื่อขอรับโทษ"จ้านเป่ยว่างกัดฟันหรอดแล้วพูดว่า "เจ้ารู้อยู่แก่ใจ ความผิดของเจ้า อย่าว่าแต่แบกหนามเพื่อขอรับโทษ ฆ่าเจ้าให้ตายก็ไม่มากเกินไป"เขาเหลือบมองสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ แล้วคำราม "ออกไป!"เหล่าสาวใช้ตกใจมากจึงรีบวิ่งออกไปยี่ฝางมองเขา ดวงตาของเขาแดงก่ำ "การกระทำที่เจ้าปฏิบัติต่อข้าในตอนนี้ได้ดีเท่าครึ่งหนึ่งอย่างอดีตหรือไม่ เจ้าเกลียดข้าจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงแต่งงานกับข้าในตอนแรก"จ้านเป่ยว่างเกือบจะเป็นบ้าเอาแล้วเขาคำรามใส่ยี่ฝาง "ข้าโง่ ข้าตาบอด ข้ามองคนผิด ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์และกล้าหาญอย่างที่เจ้าพูด แต่เจ้าไม่ใช่!"ยี่ฝางปิดหูแล้วพูดว่า "หุบปาก เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-15
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 430

    จ้านเป่ยว่างได้ถูกทำร้ายจิตใจอีกครั้งทันใดนั้นคนทั้งตัวของเขาดูเหมือนจะเสียขวัญไปแม้แต่พลังงานของเขาก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป และตอนนี้เขาก็รู้สึกเหมือนเป็นหมาข้างถนนอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีที่ที่ให้กลับเลยก่อนหน้านี้ยังคิดว่าหวังชิงหลูอ่อนโยนมีคุณธรรม มีการศึกษาดี กตัญญูกตเวที มีความอดทนและใจดีต่อคนรับใช้ที่บ้านมากเขายังคิดว่าถึงยังไงแล้วนางก็เป็นคุณหนูจากจวนป๋อผิงซีและได้แต่งงานกับตระกูลฝางมาก่อน ตระกูลฝางเป็นตระกูลทหาร และคุณชายฝางก็เป็นแม่ทัพที่น่านับถือด้วยภรรยาม่ายของเขาควรเป็นคนตรงไปตรงมา กล้าหาญ และมีจิตใจดีเหมือนที่เขาเคยเป็นเช่นกันแต่ตอนนี้ คำพูดแค่คำเดียวของนางก็ทำให้คนๆ หนึ่งขาดมือไปข้างหนึ่งเขายังเกลียดคนที่ขว้างอุจจาระใส่ให้ แต่จับตัวได้ก็แค่ทุบตีสั่งสอนเขาสักหน่อยก็ปล่อยตัวได้เลย ทำไมต้องหักมือเท้าอีกฝ่ายด้วยมันไม่ได้เกิดจากความเมตตา แค่ไม่อยากปลุกระดมความโกรธของสาธารณชนอีก และต้องการให้เรื่องนี้ยุติลงโดยเร็วที่สุด ตอนนี้คนที่ถูกหักมือนั้นคงจะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ได้เขามองไปที่ยี่ฝาง ทัศนคติของเขายังคงแข็งแกร่งมาก "ข้าจะไปถามหลู เมื่อข้ากลับมา เจ้าก็ยังต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-15
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 431

    ในห้องโถงดอกไม้ จ้านเป่ยว่างและหวังชิงหลูนั่งตรงข้ามกันหวังชิงหลูปาดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า และไม่ได้มองดวงตาที่ผิดหวังของจ้านเป่ยว่าง นางแค่แก้ต่างให้ตนเองด้วยเสียงสะอื้น "วันนั้นข้าโกรธมากจริงๆ เพิ่งกลับมาจากบ้านพ่อแม่และเห็นรถม้าของพระชายาเป่ยหมิงอ๋องเดินผ่านหน้าประตูของเรา ท่านสามี ข้าแค่โกรธนะ ข้าสงสัยว่าคนที่ขว้างอุจจาระพวกนั้นเป็นนางหามา เพียงแต่เราไม่มีหลักฐาน ดังนั้นข้าจึงพูดกับนาง เพียงไม่กี่คำโดยไม่คาดคิดว่าโดนนางด่าทอยกใหญ่ พอกลับมาจวนก็เห็นคนใช้จับตัวคนที่ขว้างอุจจาระได้ ตอนนั้นอารมณ์เสียเลยสั่งให้คนหักมือเขา ข้าคิดไม่ถึงว่าคนใช้จะออกมือรุนแรงเข่นนั้น ขนาดหักทั้งมือและขาด้วย"จ้านเป่ยว่างจับประเด็นหนึ่งจากคำพูดของนาง "เจ้าบอกว่าเมื่อวานซ่งซีซีมาที่จวนแม่ทัพเหรอ?""นางไม่ได้เข้าจวนแม่ทัพหรอก แต่เดินผ่านซอยของเรา แล้วคนขว้างอุจจาระคนนั้นก็ถูกจับตัวได้ ถ้ามีหลักฐานข้าจะให้การเป็นพยานไปเอาผิดนางทันที แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐาน""เจ้าทะเลาะกับนางหรือ นางพูดอะไร?" จ้านเป่ยว่างจับที่วางแขนของเก้าอี้ด้วยมือทั้งสองข้าง เล็บของเขาเกือบจะทิ่มแทงเข้าไปในไม้อยู่แล้วหวังชิงหลูตกตะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-15
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 432

    เมื่อฟังดูคำสารภาพรักของนาง จ้านเป่ยว่างไม่ได้รู้สึกมีความสุขแม้แต่น้อยเลยดูเหมือนเขาจะไม่เคยเข้าใจหวังชิงหลูเลยจริงๆเพียงแต่ว่าตอนนั้นที่ตระกูลฝางยอมปล่อยให้นางกลับบ้านโดยไม่ต้องเป็นให้นางเป็นแม่ม่าย คิดว่าอาจเป็นเพราะนิสัยที่อ่อนโยนและใจดีของนาง...เขาไม่ค่อยเข้าใจนางแล้วพ่อบ้านไม่ได้กลับมาและองรักษ์ที่ไปด้วยนั้นก็ไม่ได้กลับเช่นกัน คนนั้นไม่ต้องการจัดการเป็นการส่วนตัว ขอแค่คนที่ทำร้ายเขาถูกลงโทษตามกฏก็เท่านั้นพ่อบ้านยอมรับว่าเขาเป็นคนออกคำสั่งเองเพื่อปกป้องหวังชิงหลูเอาไว้สำนักเขตจิงจ้าวเอาพวกเขาทั้งหมดจำคุก ในความผิดทางอาชญากรถือว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากชายคนนั้นแขนขาหักแล้ว และจำเป็นต้องได้รับการรักษา เขาจึงยังสามารถเรียกร้องค่ารักษาได้หวังชิงหลูต้องการยุติเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด และไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับเขาอีก ดังนั้นเขาจึงสั่งคนไปส่งเงินหนึ่งพันตำลึงให้เขาเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้เรื่องนี้ นางก็ดุหวังชิงหลู "ทำไมไม่ส่งคนไปตรวจดูว่าแขนขาของเขาหักจริงๆ หรือไม่ บางทีเขามาหลอกลวงคนก็ได้ เขามาขว้างอุจจาระใส่หน้าบ้านจวนแม่ทัพของเรายังเป็นฝ่ายได้เปรียบเสียอีกหรือ""น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 433

    จ้านเป่ยว่างพายี่ฝางไปที่จวนโหวเจี้ยนคังอีกครั้ง คราวนี้เขานำของขวัญมากมายมาด้วย จ้านเป่ยว่างถึงขนาดคุกเข่าที่หน้าประตูเพื่อขอพบเขาถือว่าเขาโชคดีด้วย โหวเจี้ยนคังไม่ได้อยู่ในจวน หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องนี้แล้ว นางก็เชิญพวกเขาเข้าไปยี่ฝางมีสีหน้าเย็นชตลอดเวลา โดยไม่มีความตั้งใจที่จะกล่าวขอโทษเลยแต่ฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังดูเหมือนจะไม่สนใจ และยังสั่งให้เติมน้ำชาให้พวกเขาด้วยลูกสะใภ้ หลานสะใภ้และหลนสะใภ้ต่างยืนอยู่ข้างๆ ล้วนจ้องมองไปที่ยี่ฝางด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรจ้านเป่ยว่างคุกเข่าลงและพูดว่า "จ้านเป่ยว่างมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่า ขอให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีสุขภาพแข็งแรง"ยี่ฝางก็คุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจแต่ไม่ได้พูดอะไรเลย ใช้ผ้าปิดหน้าไว้ ราวกับปากของนางถูกอะไรปิดกั้นเอาไว้อย่างไรอย่างนั้นฮูหยินผู้เฒ่าให้พวกเขาไม่ต้องมากพิธี และเชิญให้พวกเขานั่งลงจ้านเป่ยว่างพูดด้วยความกังวลมากว่า "ฮูหยินผู้เฒ่า วันนั้นภรรยาของข้าพูดหยาบคาย ไปก้าวร้าวฮูหยินผู้เฒ่าเข้า หวังว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะยกโทษให้ด้วย""มันแค่หยาบคายเหรอ? นางสาปแช่งต่างหาก" นางเฉิน หลานสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าพูดด้วยความโกรธ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 434

    สีหน้าของยี่ฝางเปลี่ยนไปอย่างมาก คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่านี้มันจี้ใจดำของนางชัดๆพูดถูกทุกประการเลยนางกำลังมองหาโอกาสที่จะเอาชนะซ่งซีซี เพื่อพิสูจน์ว่านางเก่งกว่าซ่งซีซีความคิดนี้ทรมานนางอยู่ทั้งวันทั้งคืน นางนอนไม่หลับ กินไม่ลง และมีความโกรธดันอยู่ในใจทุกวันคนที่นางแค้นขนาดนั้น ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เห็นนางอยู่ในสายตา?นางไม่เชื่อ!นางกำหมัดแน่นแล้วพูดว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าเคยเจอคนมามากมาย แต่เคยเจอคนหน้าซื่อใจคดจนชินเป็นนิสัยไหม ท่านเคยเห็นคนที่เหยียบย่ำผลงานทางทหารของคนอื่นเพื่อปีนขึ้นไปที่สูงหรือไม่ ท่านเคยเห็นคนประเภทที่ใช้ผลงานของท่านพ่อพี่ชายตนเองถึงที่สุดแต่ยังไม่พอใจหรือไม่ เคยเจอคนที่ไม่สนใจการตายร้ายดีของสหายร่วมรบและปล่อยให้พวกเขาถูกศัตรูจับตัวไป คนแบบนี้ กลับสามารถเป็นพระชายา ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่าพระเจ้ายุติธรรมไหม?"ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม แต่รอยย่นบนคิ้วของนางทำให้นางดูเป็นมิตรเป็นพิเศษ "คนแบบนี้มีแต่อยู่ในจินตนาการของเจ้าเท่านั้น ข้าจะเจอคนแบบนั้นได้อย่างไร"สีหน้าของยี่ฝางดูแย่มาก แม้จะมีผ้าคลุมปิดหน้าอยู่ แต่สามารถมองเห็นความโกรธของนางในตอนนี้ "ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เชื่อในสิ่งที่ข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-16
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 435

    ในท้ายที่สุดข่าวเรื่องจ้านเป่ยว่างถูกลดตำแหน่งเป็นองครักษ์ระดับเก้าของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงก็ไม่สามารถปกปิดจากฮูหยินผู้เฒ่าได้ หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องนี้ นางก็ทุบหน้าอกของตนเองและร้องไห้อย่างขมขื่นนางสาปแช่งเสียงดัง โดยบอกว่าเป็นเพราะแต่งยี่ฝางผู้นำโชคร้ายเข้าจวน เลยทำให้จ้านเป่ยว่างหมดอนาคตเลยนางส่งคนไปตามหายี่ฝาง แต่ยี่ฝางไม่สนใจนางเลย และไล่ยายแก่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าออกไปโดยตรงสิ่งนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นางทุบขอบข้างเตียงแล้วพูดกับจ้านเป่ยว่างว่า "ทำไมตอนแรกจะหาคนที่ไม่เอาไหนคนนี้มา เป็นความโชคร้ายของตระกูงจริงๆ!"นางร้องห่นร้องไห้อย่างรุนแรง "ตอนที่นางมาเยี่ยมข้าก่อนที่นางจะแต่งเข้ามา นางกล่อมให้ข้าปลื้มอกปลื้มใจ เอาแต่พูดว่าต่อไปไม่ต้องห่วงใยเรื่องอนาคตของพวกเจ้าสองคน จวนแม่ทัพมีพวกเจ้าสองคนจะเจริญรุ่งเรือง แต่แล้วล่ะ ตอนนี้เจ้าเป็นแค่ข้าราชการระดับชั้นเก้า เป็นองครักษ์ลาดตระเวน แล้วจะมีอนาคตสดใสอะไรกัน?"การถูกลดตำแหน่งก็หาใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นที่ราชสำนักมาก่อน แต่ถูกลดมาถึงระดับชั้นเก้าในชั่วพริบตา ในเมืองหลวง มีขุนนางระดับชั้นเก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-17

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1380

    จักรพรรดิ์ซูชิงมองลงมาจากที่สูง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง “อย่างนั้นหรือ? แม้เจ้าจะยอมรับโทษแทนบิดา แต่ข้าไม่อาจกล่าวโทษผู้บริสุทธิ์โดยไร้เหตุผลได้ ใครกันที่เป็นกบฏวางแผนชิงบัลลังก์ ข้าจะสืบสวนให้กระจ่างเอง” “ฝ่าบาท” เซี่ยทิงเหยียนน้ำตาคลอ ดวงหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง “ไม่ต้องสืบสวนแล้ว ขอพระองค์ทรงตัดสินโทษกระหม่อมเถิด เสด็จพ่อเพียงหลงผิดชั่วขณะ” จักรพรรดิ์ซูชิงหัวเราะเยาะ “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก เหตุใดถึงไร้เกียรติเช่นนี้? ไหนล่ะความตระหนักของผู้แพ้ในสงคราม เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นยอดคนผู้ห้าวหาญ ผู้เช่นเจ้ากล้าหมายปองบัลลังก์ คิดจะเป็นประมุขของแผ่นดินหรือ? เซี่ยทิงเหยียน อย่าให้ผู้ติดตามเจ้าเขาต้องผิดหวังนัก” “กระหม่อมยินดีรับโทษแทนเสด็จพ่อ! ขอพระองค์โปรดเมตตาไว้ชีวิตเสด็จพ่อด้วย” เซี่ยทิงเหยียนไม่สนว่าจักรพรรดิ์ซูชิงจะตรัสสิ่งใด เขาก็ยังคงกล่าวแต่คำนี้ด้วยความปวดร้าวและความกตัญญู ขุนนางที่อยู่ในที่นั้นย่อมไม่เชื่อ ต่างตำหนิเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงความทะเยอทะยานราวหมาป่า แต่หากคนใดหน้าหนาเพียงพอ ย่อมไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าว่า เขายังคงแสดงสีหน้าเจ็บปวดและกล่าวว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1379

    ภายใต้การบัญชาของสือหงเซิน กองกำลังทหารส่วนตัวเหล่านี้ไม่เพียงไม่ล่าถอย แต่กลับต่อสู้อย่างดุดันยิ่งขึ้น พวกเขาไม่ใช่ทหารส่วนตัวของอ๋องเยี่ยน จำนวนกว่า 10,000 คน ล้วนเป็นผู้ที่เซี่ยทิงเหยียนคัดเลือกอย่างพิถีพิถันตลอดหลายปี และผ่านการฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน ในหมู่พวกเขา หลายคนมีชีวิตที่ขมขื่น และความเกลียดชังต่อโลกนี้ พวกเขาหวังว่าจะพลิกชะตาชีวิตของตนเองด้วยสงครามครั้งนี้ ดังนั้นตราบใดที่ยังมีผู้บัญชาการอยู่ข้างหน้า พวกเขาก็ไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ กองทัพซวนเจียสามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่ชัยชนะนี้จะไม่ได้มาอย่างง่ายๆ และรวดเร็ว ซ่งซีซีรู้ว่าหากพวกเขาไม่ยอมจำนน จำนวนผู้เสียชีวิตจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น นางจึงเลือกกำลังพลที่ดีที่สุดกลุ่มหนึ่ง รวมถึงกลุ่มย่อยเหม่ยซานของพวกเขา วางแผนจะตัดศีรษะของสือหงเซินท่ามกลางกองทัพกบฏ เมื่อทัพไร้แม่ทัพ การสงครามย่อมสงบได้เร็วขึ้น ซ่งซีซีวางแผนให้หมั่นโถวและกุ้นเอ๋อร์เข้าไปทำลายรูปขบวนของพวกเขาก่อน จากนั้นนางและเสิ่นว่านจือจะบุกเข้าไปตัดศีรษะแล้วรีบถอยออกมา นี่คือการตัดหัวแม่ทัพศัตรูท่ามกลางกองทัพนับพันอย่างแท้จริง เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะเหล่าก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1378

    เซี่ยทิงเหยียนควบม้าออกไป และเห็นชิวเหมิงอยู่ไกลๆ เขาจึงวางใจจริงๆ เขารู้ดีว่าชิวเหมิงพร้อมจะแลกทุกสิ่ง ชายคนหนึ่ง หากทุ่มเทอย่างเต็มที่และไม่กลัวตาย ย่อมสามารถสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ได้ นี่คือสงครามที่เขาเฝ้าฝันถึง การต่อสู้เพื่ออุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของตนเอง ความเยือกเย็นและสงบนิ่งที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยเลือดร้อนที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ความปรารถนาที่จะครอบครองแผ่นดินมอบพลังและความเชื่อมั่นแก่เขา เขาเชื่อมั่นว่าความทะเยอทะยานคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ แต่เขาไม่รู้เลยว่า ความทะเยอทะยานไม่เคยเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรักและความเกลียดชัง รวมถึงความยุติธรรมและความสามัคคี มันคือความรักชาติของซ่งซีซี ผู้บัญชาการแห่งกองทัพซวนเจีย! มันคือความเกลียดชังจากการล้างโคตรตระกูลของซ่งซีซี! และยิ่งไปกว่านั้นคือการรวมพลังกันของทหารและชาวยุทธภพ เพื่อขับไล่กบฏและปกป้องความยุติธรรมของประชาชน เซี่ยทิงเหยียนสังเกตเห็นความผิดปกติในทันที ทหารที่ชิวเหมิงนำมา ต่างถอดเครื่องแบบออกพร้อมกัน เผยให้เห็นเสื้อผ้าธรรมดาที่สวมอยู่ด้านใน ซึ่งปักอักษร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1377

    ภายในจวนอ๋องฮุย สายฝนพรำๆ ไหลหยดจากชายคา บรรยากาศทั้งจวนชื้นแฉะไปหมด ท่านอ๋องฮุยยืนอยู่ใต้ระเบียง ฟังเหมือนจะได้ยินเสียงการต่อสู้ แต่บางทีอาจเป็นเพียงเสียงฝน เขายืนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง ลุงสิบสามพักอยู่ที่นี่ เขาขาทั้งสองข้างหักและจะไม่มีวันยืนได้อีก นอกจากขาที่บาดเจ็บแล้ว บนใบหน้าของเขาก็มีรอยกระดูกหัก ความเจ็บปวดทรมานเขาไม่หยุดหย่อน บาดแผลที่กระดูก ความเจ็บปวดที่แทงลึกถึงใจ ท่านอ๋องฮุยไม่ค่อยมาเยี่ยมบ่อยนัก เพราะทุกครั้งที่มา ลุงสิบสามจะต้องทำเหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย นั่นทำให้เขารู้สึกทรมานใจยิ่งกว่า กู้ชิงหยิงอยู่ด้านใน ช่วยเช็ดหน้า นวดมือและหลังให้เขา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับจากการนอนนานเกินไป เมื่อเห็นท่านอ๋องฮุยเข้ามา นางจึงยกน้ำออกไปพร้อมถามว่า “ข้ากำลังจะป้อนโจ๊ก ท่านกินหรือยัง?” “ยังไม่ได้กิน เอามาเพิ่มอีกชาม ข้าจะกินเป็นเพื่อนเขา” ท่านอ๋องฮุยลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ลุงสิบสามยิ้มให้เขา ริมฝีปากที่แตกยังไม่หายดีและยังบวมอยู่ การยิ้มเช่นนี้ทำให้เกรงว่าจะฉีกจนเลือดออกอีกครั้ง “อย่ายิ้ม” ท่านอ๋องฮุยตบไหล่เขา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1376

    ทุกคนหันมาคิดถึงสถานการณ์ของท่านอ๋องฮุย แม้แต่การส่งจดหมายยังต้องทำอย่างวกวนและซับซ้อน ชัดเจนว่าสถานการณ์ของเขานั้นลำบากอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เสิ่นว่านจือและพรรคพวกไปพักที่นั่น พวกเขาแทบไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ กระทั่งใกล้จะจากไปจึงพบว่าลุงกวนมีท่าทีไม่ชอบมาพากล “ท่านอ๋องฮุยทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการตัดญาติขาดมิตรเพื่อความถูกต้องแล้ว” อาจารย์หยูพูดด้วยความเคารพ ในฐานะลูกหลานตระกูลเซี่ย เขาคงไม่ต้องการเห็นศึกกบฏชิงบัลลังก์นี้ โดยเฉพาะผู้ก่อกบฏนั้นคือบุตรชายของเขาเอง ดังนั้น ท่านอ๋องฮุยน่าจะกำลังเจ็บปวดอย่างที่สุด จากการสืบสวนก่อนหน้านี้ที่ทราบเบื้องลึกบางส่วน อาจารย์หยูกล่าวด้วยความสะเทือนใจ “เซี่ยทิงเหยียนใช้ชื่อของเขาเป็นเครื่องมือในการก่อกบฏและช่วงชิงบัลลังก์ ทำให้เขาต้องทนแบกรับความเสื่อมเสียเช่นนี้ในบั้นปลายชีวิต” ในเมื่อเป็นพ่อกับลูก แม้เขาจะถูกผลักดันขึ้นสู่บัลลังก์ก็ตาม คนทั้งแผ่นดินย่อมไม่เชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ชนชั้นขุนนางและสามัญชนต่างก็ประณามเขาทั้งคำพูดและลายลักษณ์อักษร กองกำลังหลักของศัตรูก็ต้องมุ่งเป้าหมายมาที่เขา ทุกคนค่อยๆ สงบอารมณ์และกลับมามีสต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1375

    องครักษ์เงาเฝ้าจับตาดูลูกจ้างคนนั้นจริงๆ หลังจากห้องบัญชีส่งมอบตั๋วเงินให้แล้วก็ยังไม่พอ ที่ประตูเรือนเขายังค้นตัวอีกครั้ง แต่ไม่พบสิ่งใดจึงปล่อยให้เขาไป ลูกจ้างรู้สึกอับอายแต่ไม่กล้าพูดอะไร เพียงรู้สึกแปลกใจ เพราะร้านจินจิงทำธุรกิจมาหลายปี ลูกค้ามักจะค้างชำระบัญชีแล้วให้มารับตั๋วเงินที่จวน เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ยังมีน้ำใจให้ชาหรือของว่าง แต่การค้นตัวแบบจวนอ๋องฮุยนั้นไม่เคยเกิดขึ้น เรื่องนี้ องครักษ์เงารายงานแก่เซี่ยทิงเหยียน เซี่ยทิงเหยียนคิดว่าในเมื่อค้นตัวลูกจ้างแล้ว และเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ตอนอยู่ที่ร้านจินจิง จึงไม่น่ามีเรื่องสำคัญใด อย่างไรเสีย กู้ชิงหยิงก็มักหาเรื่องให้เขาซื้อเครื่องประดับให้นางอยู่เรื่อยๆ เป็นหญิงที่โลภมากคนหนึ่ง เขาสังเกตกู้ชิงหยิงมานานแล้ว เห็นว่านางเป็นคนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใด ชอบแต่กินดื่มเล่นสนุก และหลงใหลเครื่องประดับทองเงินที่สุด ส่วนเสื้อผ้าอาภรณ์นั้นนางไม่ใคร่สนใจนัก เพราะรูปร่างอ้วนเกินไป ใส่อะไรก็ไม่งดงาม กู้ชิงหยิงเหมาะสมกับบทบาทของนาง การที่ให้นางมาอยู่ข้างกายชายชราแต่แรกก็เพื่อรวบรวมเงินทอง องครักษ์เงาที่ถูกฆ่าไปก่อนหน้านี้เคยได้ยิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1374

    ฝนตกหนักเช่นนั้น พวกเขาเดินชมร้านไม่กี่แห่ง จนเห็นร้านจินจิง ร้านทองอันดับหนึ่งในเมืองหลวงยังเปิดอยู่ กู้ชิงหยิงจึงกล่าวว่าต้องการซื้อเครื่องประดับสักสองสามชิ้น ท่านอ๋องฮุยโบกมือใหญ่พร้อมกล่าวว่า “ซื้อ!” เถ้าแก่น้อยจินซึ่งอยู่ในร้าน เห็นว่าเป็นท่านอ๋องฮุยจึงรีบต้อนรับด้วยตนเองและพาขึ้นไปยังห้องพิเศษบนชั้นสาม องครักษ์เงาก็ติดตามไปด้วยเช่นกัน ท่านอ๋องฮุยเคยพากู้ชิงหยิงมาที่นี่หลายครั้ง เป็นลูกค้ารายใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงมีทั้งเถ้าแก่น้อยจิน ผู้จัดการร้าน และลูกจ้างอีกสองคนมาคอยรับใช้ข้างๆ ของว่างแสนประณีตถูกนำมาวางบนโต๊ะ ท่านอ๋องฮุยเรียกให้องครักษ์เงามานั่งดื่มน้ำชาเป็นเพื่อนตน แล้วปล่อยให้กู้ชิงหยิงเลือกของตามใจ องครักษ์เงาไม่กล้านั่งจริงๆ แต่เพราะหน้าที่ของเขาคือคอยเฝ้าดูแลท่านอ๋องฮุย เขาจึงยืนอยู่ข้างๆ เฝ้าดูท่านอ๋องฮุยพูดคุยอย่างออกรสกับเถ้าแก่น้อยจิน คอยระวังว่าทั้งสองจะมีสิ่งใดส่งมอบหรือแลกเปลี่ยนกัน บางครั้ง เขาก็เหลือบมองไปที่กู้ชิงหยิงบ้าง ร่างของนางที่ใหญ่โตกำลังบังเครื่องประดับบนตู้โชว์ เขาจึงเดินไปดูสักสองสามครั้ง เห็นนางกำลังลองกำไลข้อมืออยู่ไม่หยุด จากนั้นก็รีบก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1373

    เซี่ยทิงเหยียนกล่าวต่อไปด้วยท่าทีไม่สนใจใคร คล้ายกับแสดงถึงความเก่งกาจในแผนการของตนเองว่าเหนือชั้นเพียงใด “ซูลันจีผู้นี้ ข้าได้ติดต่อเขาเป็นการส่วนตัวมานานแล้ว เมื่อทราบว่าเขาเป็นคนยากที่จะร่วมมือได้ ข้าจึงให้คนไปที่ซีจิง หาใครสักคนแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มสายลับ เพื่อใช้งานเขา เช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะสืบข่าวใดในเมืองหลวง ข้าก็ล่วงรู้ทั้งสิ้น อีกทั้งยังสามารถใช้สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดความเคลื่อนไหวภายในของซีจิงได้ สุดท้ายข้าก็ได้พบกับซูลันซือ” “ซูลันซือภายใต้รัศมีของพี่ชาย แทบไม่มีความโดดเด่นเลย แต่ข้ารู้ถึงความทะเยอทะยานของเขา อีกทั้งรู้ว่าเขาพร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย ครั้งนั้นที่รัชทายาทซีจิงยอมลงสนามรบ ก็เพราะข่าวที่เขาแพร่ออกไปว่า แม่ทัพแนวหน้ากินเบี้ยหวัดเปล่า ฆ่าชาวบ้านบริสุทธิ์เพื่อรายงานผลงานปลอมๆ ทำให้รัชทายาทซีจิงต้องปลอมตัวไปสืบด้วยตนเอง” “เขาไปเมืองลู่เปินเอ่อร์แล้ว เรื่องนี้เป็นผลดีกับเจ้าอย่างไร?” ท่านอ๋องฮุยเอ่ยถาม “แน่นอนว่าข้าเป็นคนออกหน้าเกลี้ยกล่อมเขา เพื่อร่วมมือกับเขา” เซี่ยทิงเหยียนเอ่ยด้วยความเสียดาย “น่าเสียดาย ที่กลางทางเกิดมียี่ฝางโผล่มาทำลายแผนของข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1372

    เซี่ยทิงเหยียนถือร่มก้าวเข้ามาในลานเรือนของท่านอ๋องฮุย เขาเดินอย่างองอาจตรงเข้าไปในห้อง สั่งให้คนรอบข้างถอยออกไป แม้แต่กู้ชิงหยิงก็ไม่อาจอยู่ด้วย ท่านอ๋องฮุยเพิ่งเสวยเสร็จ บนโต๊ะยังมีเศษอาหารเหลืออยู่ พวกบ่าวกำลังจะมาเก็บกวาด เซี่ยทิงเหยียนนั่งลง หยิบตะเกียบและถ้วยของท่านอ๋องฮุยขึ้นมา แล้วลงมือกินเศษอาหารเหล่านั้น เขายังคงกินด้วยท่าทีสง่างามเช่นเคย แต่กลับทำให้ท่านอ๋องฮุยรู้สึกทั้งโกรธและขยะแขยง เขาเป็นผู้เลี้ยงดูเซี่ยทิงเหยียนมาตั้งแต่เด็ก กิริยาท่าทางของเขาไม่เคยขาดตกบกพร่องไปจากคุณสมบัติของเจ้าเมืองผู้สงบสำราญ แต่น่าเสียดายที่เขากลับเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และความโหดเหี้ยมเกินใคร เขากินอาหารที่ท่านอ๋องฮุยเหลือจนหมด แล้ววางตะเกียบลง ใช้ผ้าเช็ดปากพลางกล่าวว่า “ไม่ควรปล่อยให้ข้าวปลาเสียเปล่า ลูกหิวพอดี เสด็จพ่อคงไม่ถือสาหรอกนะ?” ท่านอ๋องฮุยกล่าวเย็นชา “ไม่เป็นไร อย่างไรของที่เหลือก็เอาไปให้หมากินอยู่แล้ว เจ้ากินไปก็เหมาะสมดี” “ถ้าลูกเป็นหมา แล้วเสด็จพ่อเป็นอะไรล่ะ?” เขายิ้มบางเบา พลางพูดต่อว่า “ลูกมาแจ้งข่าวดีให้เสด็จพ่อฟัง อีกไม่นาน พวกเราจะสมหวังตามที่ปรารถ

DMCA.com Protection Status