Share

บทที่ 343

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เซี่ยหลูโม่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของนาง แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า "ข้าไม่ได้โง่สักหน่อยเลย การมีอำนาจทหารจะมีประโยชน์อะไร? อำนาจทางทหารจะเทียบกับเจ้าได้ยังไง บัดนี้ ในประเทศไม่มีสงครามแล้ว ข้ายังกุมอำนาจทางทหารเอาไว้ก็จะทำให้คนอื่นอิจฉา เดี๋ยวจะเป็นเรื่องได้ ต่อให้เขาไม่ได้บังคับข้า ข้าก็ต้องคืนอำนาจทางทหารให้อยู่ดี"

ขนาดเขายังยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "หากเขาไม่บังคับข้าแบบนี้ ข้าก็ยังคงปวดหัวอยู่ว่าจะเอ่ยปากมาสู่ขอเจ้ายังไง พอมีกฤษฎีกาจากฮ่องเต้ ข้าเชื่อระหว่างข้ากับการเป็นนางสนม เจ้าจะต้องเลือกข้า เขาช่วยข้าแล้ว"

ซ่งซีซีจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ "ท่านนี่ยังรู้สึกปลื้มใจเสียอีก จริงๆ เลย คนโง่ที่ถูกหลอกลวงแล้วยังขอบคุณอีกฝ่ายเสียอีก ท่านนี่และก็เป็นคนแบบนั้น"

สาวสวยออดอ้อน จนเขาใจอ่อนระทวยทุกราย ซึ่งอ่อนราวกับเมฆฝ้ายที่โรยด้วยน้ำตาล

เขาพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้าสมหวังแล้ว"

ซ่งซีซีหรี่ตาลง แต่ใจของนางก็ยังรู้สึกหวานชื่น สมหวังแล้ว นางเองก็เช่นกันมิใช่หรือ?

ปรากฎว่าการมีใจให้นกันและกัน จะทำให้คนเรามีความสุขขนาดนี้

เขาตักอาหารให้นาง และคีบให้อย่างละนิด "คืนนี้คงหิวแย่สินะ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 344

    ชุดนอนของเซี่ยหลูโม่ถูกวางไว้ในห้องอาบน้ำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชุดนอนก็เป็นสีแดงเช่นกัน แต่วัสดุก็นุ่นมาก มีเพียงลายเมฆดำและไม่มีลายปักแบบอื่น เป็นชุดแบบเดียวกันกับซ่งซีซีไม่ใช่ว่าไม่มีลายปักแบบอื่นเลย ที่แขนข้างหนึ่งมีคำว่า "ครองรักนิรันดร์" ส่วนอีกข้างหนึ่งได้ปักคำว่า "มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง" เพื่อเป็นอวยพรเซี่ยหลูโม่แค่อาบน้ำแบบลวกๆแต่ไม่แช่น้ำนาน เขารู้ว่าคืนนี้อาจจะต้องยุ่งจนถึงดึก เลยสระผมไปแล้วเมื่อคืนนี้เขาออกมาจากห้องอาบน้ำ ก่อนจะสวมชุดนอนสีแดงดูสะอาดและหล่อเหลาหลังจากใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาระยะหนึ่ง ผิวของเขาก็ขาวขึ้นมากซ่งซีซียังจำได้ว่าตอนที่นางพบเขาครั้งแรกในสนามรบ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหนวดเครา และมันเรียกได้ว่าสกปรกมาก มันยากที่จะจินตนาการว่าเขาเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านางแสงเทียนมงคลสะท้อนให้เห็นผ้าห่มสีแดงสด และปลาบม่านเตียงก็ไปถึงพื้น เขาจับมือนาง แล้วเดินช้าๆ ไปยังเตียงขนาดใหญ่หัวใจของซ่งซีซีเต้นเร็วขึ้น และฝ่ามือของนางเริ่มมีเหงื่อออก นางไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้กับใครในชีวิตมาก่อนเลยแต่สิ่งที่นางไม่รู้คือ เซี่ยหลูโม่รู้สึกตื่นเต้นมากก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 345

    ในปลายยามเหม่า แม่นมเหลียงก็เคาะประตูอยู่ข้างนอกเนื่องจากห้องนอนแบ่งออกเป็นภายในและภายนอก ประตูห้องนอนจึงอยู่ห้องด้านนอก ส่วนด้านในและด้านนอกถูกกั้นด้วยม่านเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีก็ลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่งเกือบจะพร้อมกันซ่งซีซีลุกขึ้นนั่งและเห็นว่าเซี่ยหลูโม่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลย นางสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นนางก็ตระหนักว่าตนเองก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเช่นกัน นางก็คว้าผ้าห่มแล้วคลุมให้ตนเองทันทีใบหน้าของนางรู้สึกร้อนวูบวาบ และนางเดาว่าตนเองหน้าแดงแล้วแน่ๆเซี่ยหลูโม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และรู้สึกว่าตนเองทำได้ไม่ดีนัก เลยไม่กล้ามองหน้านาง สำหรับการเปลือยกายเช่นนี้ เขาก็ยังไม่ชินในตอนนี้ จึงคว้าชุดนอนมา แล้วสวมใส่มันโดยใช้ผ้าห่มกันไว้หลังจากที่เขาสวมเสร็จแล้ว เขาก็ไอคำหนึ่ง แล้วพูดว่า "ข้าจะลุกขึ้นก่อน เจ้า... เจ้าใส่ชุดนอนก่อน แล้วค่อยให้คนใช้มาเปลี่ยนเสื่อให้"อ๊ะ ทำไมถึงรู้สึกน่าเขินอายขนาดนี้? แม้แต่ดวงตาของนางก็ไม่กล้าที่จะมองเลยแต่ขอแอบมองแวบนึงเถอะนะ ที่แท้สภาพเพิ่งตื่นนอนของนางเป็นแบบนี้ ดูซื่อๆ และเฉื่อยชานิดหน่อย แต่สวยงามและสดชื

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 346

    เซี่ยหลูโม่ก็ต้องสวมเครื่องยศเช่นกัน แต่เขาสวมเองไม่ได้ เพราะมันก็ยุ่งยากมาก ดังนั้นในที่สุดเขาก็นำเครื่องยศออกจากห้องแล้วเรียกหัวหน้าลู่และเด็กรับใช้มาสวมให้เขาเขาสวมพระมาลาจิ่วเฉียวเมี่ยน และชเครื่องยศระดับชั้นห้าสีเขียว มีลายมังกรปักอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้าง และเอวของเขาผูกด้วยขอบสีแดง มีจี้หยกที่ด้านซ้ายและด้านขวา ฝั่งละชิ้น ลายเมฆสีทองและมังกรพร้อมลูกปัดหยก บนจี้หยกมีมีตะขอสีทอง เสริมด้วยสายสะพายเล็กสี่สีสายสะพายใหญ่ทอเป็นสี่สี แดง ขาว กำมะหยี่ และเขียว เขามีรูปร่างสูงและเพรียวอยู่แล้ว และการสวมเครื่องยศหรูหราชุดนี้ ดูทรงพลังและสง่างามมากยิ่งขึ้นซ่งซีซียังคงต้องแต่งหน้าแต่งตาสักหน่อย ไม่ว่านางจะสวยแค่ไหนก็ตาม เมื่อต้องไปเข้าเฝ้าก็ไม่เหมาะที่ไปแบบหน้าสดหลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว ซ่งซีซีก็เดินออกไปโดยมีแม่นมเหลียงและพวกเป่าจูล้อมรอบข้างกาย ซ่งซีซีถามถึงรุ่ยเอ๋อร์ก่อน และรู้ว่าเขายังไม่ได้ตื่น อีกอย่างมีรุ่ยจูค่อยดูแลอยู่ นางก็รู้สึกโล่งใจเมื่อสบตากับเซี่ยหลูโม่ที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จอยู่ห้องข้างนอก อาจเป็นเพราะวันนี้ทุกคนต่างก็แต่งตัวอย่างหรูหราแลพเรียบร้อย จึงลืมเรื่องความใกล้ชิดเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 347

    ฉากนี้ช่างสบายตาสบายใจยิ่งนัก ลูกชายหล่อเหลา ซ่งซีซีก็งดงาม และทั้งคู่ก็มีสีหน้าเยือกเย็น หน้าคลายกันมากเป็นคู่รักกันจริงๆเมื่อสักครู่นี้ แม่นมเกามารายงานอย่างเร่งรีบ ได้ยืนยันว่าซ่งซีซีเป็นผู้บริสุทธิ์ และเมื่อคืนนี้นางได้มอบตัวให้กับท่านอ๋องอย่างแท้จริงสนมฮุ่ยไทเฟยพอใจกับสิ่งนี้มาก แต่ก็แค่พอใจที่นางเป็นผู้บริสุทธิ์เท่านั้น ส่วนเรื่องที่ซ่งซีซีได้แต่งงานครั้งที่สองนั้น นางยังไม่ได้ยอมรับไปทั้งหมดนางนั่งตัวตรง ทัศนคติของนางยังดูกำเริบ และดวงตาของนางเต็มไปด้วยแววเคร่งขรึมเซี่ยหลูโม่ระงับความโกรธเคืองเอาไว้ จับมือของซ่งซีซี แล้วเดินเข้าไปคุกเข่าลงและกราบไหว้เพื่อเป็นการคารวะ"ลูกสะใภ้มาถวายน้ำชาให้ไทเฟยเจ้าค่ะ" แม่นมเกายืนข้างๆพร้อมถือถาดแล้วกล่าวซ่งซีซีหยิบถ้วยชา แล้วยื่นให้สนมฮุ่ยไทเฟยด้วยมือทั้งสองข้าง "เสด็จแม่ โปรดดื่มชาเจ้าคะ"สนมฮุ่ยไทเฟยยังคงรออยู่สักพักหนึ่ง ในขณะที่ดวงตาของเซี่ยหลูโม่เกือบจะระเบิดความโกรธออกมานั้น นางถึงค่อยๆ เอื้อมมือออกไปรับถ้วยชา จิบไปคำหนึ่งก็วางไว้ข้างๆ"ให้รางวัล!" เสียงของนางช้าๆ แฝงไปด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยองแม่นมเกาวางถาดลง หยิบสร้อยข้อมือม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 348

    ซ่งซีซียิ้ม นางกัดฟันกรอดจนแทบจะได้ยินเสียงเลย ทว่ายังคงพูดอย่างอ่อนโยนว่า "เสด็จแม่พูดถูก การทำธุรกิจมีขาดทุนบ้างก็ต้องทำกำไรบ้าง โอ้ จริงสิ ร้านจิน ท่านกับนางคนละครึ่งหรือเปล่า ได้ทำข้อตกลงไว้หรือยัง ตั้งแต่เปิดร้านจนถึงปัจจุบันนี้ได้อ่านสมุดบัญชีหรือไม่?"สนมฮุ่ยไทเฟยทำท่าภูมิใจราวกับนกยูง "แน่นอนว่าทำข้อตกลงไว้แล้ว เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง ไม่ใช่คนละครึ่ง ข้าครองเจ็ดส่วน ได้อ่านสมุดบัญชีอยู่แล้ว ส่งมาทุกๆ สามเดือน ข้าตรวจสอบแล้ว มันขาดทุนจริง""เอ๊ะ เสด็จแม่มีส่วนเยอะกว่า เช่นนี้ หากขาดทุน งั้นไม่ใช่ว่าท่านต้องออกเงินเยอะกว่าเพื่อเอามาอุดหนุนให้แล้วหรือ เงินที่ออกให้ในช่วงหลายปีนี้ ท่านได้จดบันทึกไว้หรือไม่?""แน่นอนว่ามีการจดบันทึกไว้ เงินทุกเบี้ยที่ข้าออกให้ ข้าจดไว้หมดเลย"ซ่งซีซีคิดในใจว่าค่อยยังชั่ว "งั้นเสด็จแม่จำได้หรือไม่ว่าทั้งหมดได้ออกเงินไปเท่าไร"สนมฮุ่ยไทเฟยพูดอย่างไม่พอใจ "ใครจะจำในสมองได้ ต้องดูสมุดบัญชีสิ แต่น่าจะหลายหมื่นตำลึง""โอ้!" ซ่งซีซีเหลือบมองเซี่ยหลูโม่ซึ่งมีใบหน้าไม่สบอารมณ์จนถึงที่สุด แล้วถามต่อว่า "เสด็จแม่คงยังไม่เคยไปร้านจินสินะ"สนมฮุ่ยไทเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 349

    สายตาของไทเฮาต้องเฉียบแหลมขนาดไหนเชียว พอเห็นแวบหนึ่งก็มองออกว่าน้องของตนเองไม่สบอารมณ์เมื่อเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้และหวงโฮ่วนั้น นางก็ให้สนมฮุ่ยไทเฟยและแม่นมเกาอยู่ต่อนางพูดกับแม่นมเกาก่อนว่า "ตอนนี้ไปอยู่ในจวนแล้ว ไม่เหมือนอยู่ในวัง ต้องสุงสิงกับผู้คนมากมาย หากเกิดอะไรผิดพลาด พูดอะไรไม่เข้าหูไปทำให้คนเขาโกรธแค้น มันล้วนไม่เป็นผลดีต่อจวนเป่ยหมิงอ๋อง ดังนั้น ต้องระวังคำพูดและการกระทำของตนเองเป็นพิเศษให้มากขึ้น ต้องไม่ทำผิดแม้แต่น้อย เจ้านายของเจ้าถือว่าเจ้าดูแลมาตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมาเจ้าก็เอาแต่ใจนาง แต่หากทีหลังพบเจออะไรที่ผิดปกติ ต้องบอกกับนางทันที หากนางต้องทำอะไรที่ไม่เหมาะสม เจ้าก็คอยเกลี้ยกล่อมนางเอาไว้หน่อย ได้ยินไหม"แม่นมเกาตอบด้วยความเคารพ "เพค่ะ ข้าน้อยรับทราบเพค่ะ"สนมฮุ่ยไทเฟยเบะปาก "ท่านพี่ ข้าทำผิดตรงไหนเหรอ? อีกอย่าง จากนี้ไปข้าจะดูแลและจัดการกิจการทั้งภายในและภายนอกของจวนอ๋อง ด้วยความช่วยเหลือจากแม่นมเกาและหัวหน้าลู่ อีกทั้งมีอาจารย์หยูคอยให้คำแนะนำด้วย จะเกิดอะไรผิดพลาดได้อีกล่ะ""เจ้าดูแลจวนอ๋องงั้นเหรอ?" ไทเฮาโบกมือแล้วส่ายหัว "ไม่ได้การ เจ้าแค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 350

    ฮ่องเต้และหวงโฮ่วได้ต้อนรับเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีที่ตำหนักหยีเดี้ยนหลังจากกราบไหว้เสร็จแล้ว ฮ่องเต้พระราชทานนั่งลง หวงโฮ่วฉีมองดูซ่งซีซีที่แต่งกน้าเบาๆ นางก็ถอนหายใจเบาๆโชคดีที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีหากให้นางเข้าวังจริงๆ เกรงว่าวังหลังนี้คงจะเป็นของซ่งซีซีแล้วหน้าตาที่งดงามเพียบพร้อมเช่นนี้ นางสนมในวังหลังคงไม่มีใครเทียบได้กระมังนางมองไปที่ฮ่องเต้โดยไม่รู้ตัว และเห็นว่าฮ่องเต้กำลังมองดูซ่งซีซีอยู่ แต่ใจของนางก็อดไม่ได้ที่เต้นผิดจังหวะ สายตานี้ นางคุ้นเคยมากเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นสตรีที่ทำให้เขาหวั่นไหวนั้น สายตาของเขาก็จะดูพิเศษอยู่เสมอนางรู้สึกดีใจอีกครั้งที่ซ่งซีซีแต่งงานกับเซี่ยหลูโม่แล้วเมื่อพูดถึงคำสั่งที่ฮ่องเต้ออกให้ในเวลานั้น นางกลัวมากจนนอนไม่หลับไปหลายคืน หากเป็นสตรีทั่วไปก็ไม่ว่าอะไร แต่นางคือซ่งซีซี ท่านพ่อและพี่ชายที่เสียชีวิตในสนามรบของนางนั้นมีน้ำหนักอยู่ในใจของฮ่องเต้มากเกินไป อีกอย่างรูปร่างหน้าตาของนางก็สวยโดดเด่นเกินไปโชคดีที่สิ่งที่นางกังวลนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ซ่งซีซีกลับเป็นน้องสะใภ้ของนางแทนดังนั้น รอยยิ้มของหวงโฮ่วที่มีต่อซ่งซีซีในวันนี้จึงยิมจริงใจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 351

    หวงโฮ่วก็หมดหนทางจริงๆ สนมฮุ่ยไทเฟยเห็นว่าฉินอ๋องได้แต่งงานกับลูกสาวของตระกูลฉี นางก็ต้องการให้องค์หญิงเซียนหนิงแต่งงานเข้าตระกูลฉีด้วยฮองไทเฮาก็ยอมรับ ฮ่องเต้เป็นลูกกตัญญู ย่อมต้องเชื่อฟังไทเฮาเช่นกันแต่ในบรรดาผู้ชายในตระกูลฉี นอกจากฉีหลิวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ เอาแต่เล่นกับแมวหมาไปวันๆ ใช้ชีวิตอย่างไม่เอาไหน คนอื่นๆ ก็เรียนหนังสือหนัก พยายามอยากตั้งหลักในราชสำนักให้ได้โดยเฉพาะน้องห้า น้องห้าเป็นเครือเดียวกันกับนาง เรียนหนักตั้งแต่เด็ก ก็เพื่อสอบเข้าจอหงวน หากแต่งงานกับองค์หญิง ก็เป็นได้แค่ฝู้หม่าที่ไร้อำนาจ งั้นความพยายามของเขาก็ไม่เท่ากับว่าไร้ประโยชน์หรือ?หวงโฮ่วรู้ว่านางไม่สามารถออกความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการแต่งงานขององค์หญิงคนโต ดังนั้นจึงได้แต่มาขอความช่วยเหลือจากซ่งซีซีนางคิดว่าซ่งซีซีจะไม่ยอมช่วย แต่ประโยคสุดท้ายแสดงให้เห็นถึงความคิดของนางแน่นอนว่านางรู้สึกซาบซึ้งใจนางพูดว่า "ถ้าเซียนหนิงและน้องหกของข้าจะแต่งงานด้วยกัน ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้พระชายา ข้าก็ติดหนี้เจ้าด้วย"ซ่งซีซียิ้มและไม่พูดอะไรนางไม่เคยขาดแคลนของขวัญชิ้นใหญ่อะไร หนี้ของหวงโฮ่วนางก็ไม่ต้องการ แค่ยึดมั่

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1501

    ซ่งซีซีมองสำรวจพวกเขาอยู่หลายครั้ง ในใจรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เพราะไม่อาจเดาอายุของพวกเขาได้เลยหน้าตาดูเหมือนอายุราวสามสิบกว่าๆ ทว่ากลับมีกลิ่นอายของพลังชีวิต เปรียบเสมือนชายหนุ่มวัยสิบกว่าถึงยี่สิบปีเมื่อมองดวงตาของพวกเขาอีกครั้ง โดยเฉพาะดวงตาของบุรุษคนนั้น กลับลึกล้ำประหนึ่งบ่อน้ำโบราณ อีกทั้งยังดูคล้ายสุนัขจิ้งจอกเฒ่าที่เจนโลกยังไม่ทันที่ซ่งซีซีจะเอ่ยปาก บุรุษคนนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าพลางถามว่า “ที่นี่จะสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กหรือ? เป็นโครงการของทางการใช่หรือไม่?”กุ้นเอ๋อร์มองพวกเขาแวบหนึ่ง ฟังจากสำเนียงของพวกเขาก็เป็นสำเนียงภาษาทางการของแคว้นซางโดยแท้ เห็นชัดว่าไม่ใช่คนจากชายแดนเฉิงหลิงเพียงแต่จากสีหน้าของพวกเขาก็ไม่เห็นเจตนาร้ายอันใด จึงตอบว่า “ใช่ ที่นี่รับเลี้ยงเด็กที่ถูกทอดทิ้งโดยเฉพาะ เป็นโครงการที่ทางการจัดตั้งขึ้น”บุรุษคนนั้นกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องดี”ซ่งซีซีเดินขึ้นไปถามว่า “ท่านมาจากเมืองหลวงหรือ?”บุรุษคนนั้นมองนาง แต่กลับไม่ตอบคำถามนี้ ทว่ากลับถามนางแทนว่า “เจ้าคือพระชายาของเป่ยหมิงอ๋อง ซ่งซีซีหรือ?”ซ่งซีซีรู้สึกระมัดระวังขึ้นมา ทันทีที่นางกำลังจะถามเขาว่ารู้ได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1500

    ฉินอ๋องหลับยาวจนถึงบ่ายวันรุ่งขึ้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะความหิวเมื่อลืมตาขึ้นมา รู้สึกว่าร่างกายแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดไปทุกส่วนความอ่อนล้ากัดกินลึกถึงกระดูก แม้แต่จะยกมือขึ้นยังแทบไม่มีแรงในบรรดาคนรับใช้ที่ติดตามเขามา มีขันทีคนสนิทชื่อเสี่ยวจี๋จื่อ ยืนอยู่ข้างเตียง รายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายาเป่ยหมิงอ๋องมีเรื่องจะหารือกับท่าน นางรอท่านมาครึ่งวันแล้ว”เดิมทีฉินอ๋องตั้งใจจะกินข้าวบนเตียงแล้วนอนต่อ เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวแต่เมื่อได้ยินว่าซ่งซีซีรอเขามาครึ่งวันแล้ว เขาก็รีบเปิดผ้าห่มออกทันที สั่งเสียงเร่งรีบ “เปลี่ยนเสื้อผ้า เร็วเข้า”ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา เขาได้เห็นความสามารถของซ่งซีซีกับตาตัวเอง นางเป็นสตรี แต่ไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยแม้แต่คำเดียว ภายใต้การบัญชาของนาง ขบวนเดินทางหลีกเลี่ยงอันตรายมาได้หลายครั้ง ผู้คนมากมายล้มป่วยระหว่างทาง แต่นางกลับแข็งแรงราวกับวัวกระทิงคนที่มีความสามารถเช่นนี้ จะไม่มีวันเสียเวลามาหยอกล้อกับใครแน่ หากมาหาเขา ย่อมมีเรื่องสำคัญแน่นอนแม้เขาจะหิวจนไส้แทบกิ่ว แต่ก็รีบล้างหน้าแต่งตัว จากนั้นก็ดื่มโจ๊กหนึ่งชามแล้วรีบไปพบนาง “น้องสะใภ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1499

    หลังจากจุดธูปเคารพเสร็จแล้ว เมื่อกลับมายังเรือนหลัง ทุกคนก็ซับน้ำตา เก็บซ่อนความโศกเศร้า แล้วพากันล้อมวงถามไถ่ซ่งซีซีเกี่ยวกับชีวิตคู่ของนางแต่คำถามที่ถูกถามมากที่สุดก็คือเป่ยหมิงอ๋องปฏิบัติต่อนางดีหรือไม่ครอบครัวก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าจะรู้ว่านางเป็นคนเก่งเพียงใด แต่ก็ยังคงหวังให้คู่ครองของนางรักและเอ็นดูนางจากใจจริงซ่งซีซีมีลูกพี่ลูกน้องหญิงมากมาย ล้วนเป็นบุตรสาวของบรรดาลุงและน้าของนาง แม้ไม่เคยพบหน้ากันมากนัก แต่เมื่อได้เจอซ่งซีซี ต่างก็พากันตื่นเต้นยินดีพี่สาวทั้งหมดล้วนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ครั้งนี้พากันกลับบ้านพร้อมสามีและลูกๆ พวกนางได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับซ่งซีซีมากมาย ทั้งรู้สึกนับถือและเห็นใจนางในหมู่พี่สาวเหล่านั้น มีอยู่คนหนึ่งชื่อเซียวเซียงอวี่ เป็นบุตรสาวคนโตของลุงสอง นางแต่งงานกับแม่ทัพหวงเฉิน ซึ่งเป็นนายทหารใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่เซียว แต่ยังไม่ถึงปี สามีก็สละชีพในสนามรบ ทิ้งลูกในครรภ์ไว้ให้บัดนี้ เด็กคนนั้นอายุสิบสองปีแล้วนางตั้ง สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าขึ้นที่ชายแดนเฉิงหลิง เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ตอนนี้มีเด็กอยู่ในความดูแลกว่าสามสิบคน แต่ชีวิตกลั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1498

    พอเร่งเดินทางอย่างสุดกำลัง ในที่สุดวันที่สามเดือนแปด พวกเขาก็มาถึงชายแดนเฉิงหลิงตลอดยี่สิบวันที่เดินทางมา เนื่องจากอากาศร้อนจัด ผู้คนมากมายต่างล้มป่วยลงทีละคน แต่โชคดีที่ซ่งซีซีเตรียมตัวมาดี นางนำยามามากมาย และยังมีหมอหลวงจินติดตามมาด้วย จึงไม่เกิดปัญหาใหญ่อันใดฉินอ๋องนั้นถึงกับหมดเรี่ยวแรงโดยแท้เขาเคยลำบากเช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน ตั้งแต่วันที่สิบของการเดินทาง เขาก็แทบเอ่ยปากพูดไม่ได้ สีหน้าและริมฝีปากซีดขาวตลอดเวลา ความอิดโรยฉายชัดบนใบหน้า ไม่อาจปกปิดได้ครั้นเดินทางมาถึงเขตแดนเฉิงหลิง มองเห็นทหารสกุลเซียวที่นำทัพมาต้อนรับ เขาก็ถึงกับทรุดฮวบลงหมดสติไป ทำให้ทุกคนแตกตื่น รีบหามเขากลับไปทันทีซ่งซีซีเมื่อได้พบกับท่านตาและบรรดาท่านลุง นางจะไปสนใจฉินอ๋องได้อย่างไร นางพุ่งตัวเข้าหาอ้อมกอดของท่านตา น้ำตาไหลพรากมิอาจหยุดยั้งแม่ทัพใหญ่เซียวมองหลานสาวด้วยสายตาเอ็นดู ลูบศีรษะนาง น้ำเสียงสั่นเครือ เขาเคยคิดว่าเมื่อแยกจากกันที่เมืองหลวง บางทีคงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก ที่ไหนได้กลับได้พบหน้านางอีกครั้งผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวเสียงอ่อนโยน “พอแล้ว อย่าให้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องขบขัน ไปพบลุงของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1497

    วันที่สิบสองเดือนเจ็ด คณะทูตแคว้นซางออกเดินทางจากเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ มุ่งหน้าไปยังซีจิงเซี่ยหลูโม่ควบม้าส่งขบวนไปถึงยี่สิบลี้ จนกระทั่งจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูกล่าวว่าเพียงพอแล้ว เขาจึงจำใจรั้งบังเหียนม้าเอาไว้ซ่งซีซีหันกลับมาส่งยิ้มให้เขา ใบหน้างามราวกับบุปผา ไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยเซี่ยหลูโม่จ้องมองนาง สายตาอบอุ่นอ่อนโยน แต่กลับบ่นพึมพำเสียงต่ำว่า “ช่างเป็นสตรีไร้หัวใจเสียจริง”ดวงตะวันขึ้นสูงแล้ว ถนนหลวงไร้ลมพัด อากาศร้อนอบอ้าวยิ่งนัก เขายืนรออยู่จนขบวนท้ายสุดลับสายตาไป จึงยอมหมุนม้ากลับอย่างเสียดายครั้งนี้ที่เดินทางไปซีจิง ซ่งซีซีนำกองทัพซวนเจียจำนวนสามร้อยนาย พร้อมทั้งกุ้นเอ๋อร์ เสิ่นว่านจือ และผู้ติดตามอื่นๆ ไปด้วยแม้สองแคว้นจะอยู่ในช่วงสงบชั่วคราวหลังสงคราม แต่เรื่องราวเกี่ยวกับองค์รัชทายาทซีจิงถูกซูลันซือเปิดเผยออกมา เวลานี้ชาวเมืองซีจิงมากมายยังคงมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อแคว้นซาง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำทหารติดตามไปมากขึ้น เพื่อรับรองความปลอดภัยของฉินอ๋องและเหล่าทูตสำหรับฉินอ๋องนี้ ซ่งซีซีมีปฏิสัมพันธ์กับเขาน้อยมาก ที่ถูกต้องกว่านั้นคือ นางแทบไม่ติดต่อกับฉินอ๋

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1496

    ในค่ำคืนก่อนออกเดินทาง ซ่งซีซีพาเซี่ยหลูโม่ไปถวายบังคมลาฮุ่ยไทเฟย เนื่องจากวันรุ่งขึ้นต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ หากมาลาในตอนนั้นเกรงว่าฮุ่ยไทเฟยจะยังไม่ตื่น จึงเลือกมาขอลาในค่ำคืนนี้แทน ฮุ่ยไทเฟยทรงทราบมาก่อนแล้วว่าซ่งซีซีจะเดินทางไปซีจิง ตอนแรกยังไม่ทรงเข้าใจนัก มองว่าราชโองการของฮ่องเต้นั้นเกินไปหรือไม่ การเดินทางที่ยาวไกลเช่นนี้ จำเป็นต้องเป็นนางเพียงผู้เดียวจริงหรือ? แต่เมื่อเสิ่นว่านจืออธิบายว่านี่เป็นโอกาสให้นางได้กลับไปพบญาติฝ่ายมารดา พระนางก็ได้แต่ทอดถอนพระทัย แย้มสรวลบางเบาแล้วตรัสว่า "ความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต คือการต้องพลัดพรากจากครอบครัว แต่ความสุขที่สุด ก็คือการได้พบกันอีกครั้งหลังจากจากกันไปเนิ่นนาน" พระนางตรัสกับเสิ่นว่านจือเช่นนี้ มิได้กล่าวต่อหน้าซ่งซีซี เพราะหากกล่าวกับผู้อื่นก็เป็นเพียงการรำพึงถึงชีวิต แต่หากกล่าวกับซ่งซีซี ก็คงไม่ต่างจากการราดเกลือลงบนบาดแผล บัดนี้ พระนางก็รักและเอ็นดูลูกสะใภ้ผู้นี้แล้ว ย่อมไม่อยากให้ต้องเจ็บปวดแม้แต่น้อย เมื่อมองดูซ่งซีซีที่มาขอลา พระนางก็อดคิดไม่ได้ เมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนแรกพระนางคัดค้านการแต่งงานนี้อย่างถึงที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1495

    เดือนเจ็ดอันร้อนระอุ ราชสาส์นจากซีจิงก็มาถึง จักรพรรดิ์ซีจิงทรงสละราชบัลลังก์ องค์หญิงผู้สูงศักดิ์เหลิ่งอวี้ขึ้นครองราชย์ ทรงใช้อำนาจบริหารแผ่นดินและเปลี่ยนชื่อแคว้นเป็นหยวนซิน พระนางมีพระราชโองการเชิญแคว้นซางส่งทูตเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเจรจาเรื่องเขตแดนร่วมกัน แท้จริงแล้ว หยวนซินฮ่องเต้ได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว พิธีราชาภิเษกเป็นเพียงข้ออ้าง สิ่งที่ต้องเจรจากันจริงๆ ก็คือปัญหาเขตแดน เมื่อครั้งที่คณะทูตซีจิงมาเยือนแคว้นซาง จุดประสงค์หลักก็คือปัญหาเขตแดน แต่เนื่องจากเกิดความวุ่นวายภายในแคว้น ทำให้เรื่องนี้ต้องถูกระงับไว้ชั่วคราว และนี่คงเป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในพระทัยของหยวนซินฮ่องเต้มากที่สุด ดังนั้น ทันทีที่พระนางขึ้นครองราชย์ ก็ทรงรีบเร่งดำเนินการเปิดการเจรจาขึ้นอีกครั้ง ในที่ประชุมราชสำนัก ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า บัดนี้ความบาดหมางระหว่างสองแคว้นได้คลี่คลายลงแล้ว การเจรจาในขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น สิ่งใดที่ต้องรักษาไว้ ก็ต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษามันไว้ ปัญหาเขตแดนอาจไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ตราบใดที่สามารถรักษ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1494

    ที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง ซ่งซีซีและเฉินเฉินก็กำลังสอนเสี่ยวหมิงซีและหวังจืออวี่ฝึกวรยุทธ์ โดยส่วนใหญ่เป็นเฉินเฉินที่สอนเสี่ยวหมิงซี ส่วนซ่งซีซีกับหวังจืออวี่ก็เพียงอยู่ร่วมฝึกด้วย จวนกองกำลังเมืองหลวงแม้จะยุ่งวุ่นวาย แต่ดูเหมือนว่าวันเวลาจะค่อยๆ ช้าลง ทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงตามไปด้วย ไม่ว่าเวลาที่ปราศจากความระแวงเช่นนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ตราบใดที่ยังมี ก็จงใช้มันให้คุ้มค่าทุกวัน สิ่งเดียวที่นางกังวลคือสุขภาพของศิษย์น้อง แม้ว่าร่างกายของเขาจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็เคยบาดเจ็บสาหัสมาก่อน การทำงานหนักเช่นนี้ทุกวัน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทั้งกินอาหารไม่เป็นเวลา กินยาก็ไม่สม่ำเสมอ ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่ทำให้นางอดเป็นห่วงไม่ได้ หมั่นโถวเดินมาตามระเบียง มาหยุดข้างซ่งซีซีแล้วกล่าวว่า "จือจือบอกว่า คืนนี้ไม่กลับมา" "อืม" ซ่งซีซีพยักหน้า แม้จะไม่ได้กล่าวอะไรโดยตรง แต่ซ่งซีซีรู้ว่า นางกลับไปทำสิ่งที่เคยทำอีกครั้ง เรื่องนี้ พวกนางจะไม่พูดคุยกันโดยตรง มีเพียงประโยคเดียวที่เคยกล่าวกันไว้ ในเมื่อมือเคยเปื้อนเลือดแล้ว ก็ควรปล่อยให้เลือดของคนชั่วหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณให้แดงฉานยิ่งขึ้น

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status