ซ่งซีซียิ้ม นางกัดฟันกรอดจนแทบจะได้ยินเสียงเลย ทว่ายังคงพูดอย่างอ่อนโยนว่า "เสด็จแม่พูดถูก การทำธุรกิจมีขาดทุนบ้างก็ต้องทำกำไรบ้าง โอ้ จริงสิ ร้านจิน ท่านกับนางคนละครึ่งหรือเปล่า ได้ทำข้อตกลงไว้หรือยัง ตั้งแต่เปิดร้านจนถึงปัจจุบันนี้ได้อ่านสมุดบัญชีหรือไม่?"สนมฮุ่ยไทเฟยทำท่าภูมิใจราวกับนกยูง "แน่นอนว่าทำข้อตกลงไว้แล้ว เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง ไม่ใช่คนละครึ่ง ข้าครองเจ็ดส่วน ได้อ่านสมุดบัญชีอยู่แล้ว ส่งมาทุกๆ สามเดือน ข้าตรวจสอบแล้ว มันขาดทุนจริง""เอ๊ะ เสด็จแม่มีส่วนเยอะกว่า เช่นนี้ หากขาดทุน งั้นไม่ใช่ว่าท่านต้องออกเงินเยอะกว่าเพื่อเอามาอุดหนุนให้แล้วหรือ เงินที่ออกให้ในช่วงหลายปีนี้ ท่านได้จดบันทึกไว้หรือไม่?""แน่นอนว่ามีการจดบันทึกไว้ เงินทุกเบี้ยที่ข้าออกให้ ข้าจดไว้หมดเลย"ซ่งซีซีคิดในใจว่าค่อยยังชั่ว "งั้นเสด็จแม่จำได้หรือไม่ว่าทั้งหมดได้ออกเงินไปเท่าไร"สนมฮุ่ยไทเฟยพูดอย่างไม่พอใจ "ใครจะจำในสมองได้ ต้องดูสมุดบัญชีสิ แต่น่าจะหลายหมื่นตำลึง""โอ้!" ซ่งซีซีเหลือบมองเซี่ยหลูโม่ซึ่งมีใบหน้าไม่สบอารมณ์จนถึงที่สุด แล้วถามต่อว่า "เสด็จแม่คงยังไม่เคยไปร้านจินสินะ"สนมฮุ่ยไทเ
สายตาของไทเฮาต้องเฉียบแหลมขนาดไหนเชียว พอเห็นแวบหนึ่งก็มองออกว่าน้องของตนเองไม่สบอารมณ์เมื่อเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้และหวงโฮ่วนั้น นางก็ให้สนมฮุ่ยไทเฟยและแม่นมเกาอยู่ต่อนางพูดกับแม่นมเกาก่อนว่า "ตอนนี้ไปอยู่ในจวนแล้ว ไม่เหมือนอยู่ในวัง ต้องสุงสิงกับผู้คนมากมาย หากเกิดอะไรผิดพลาด พูดอะไรไม่เข้าหูไปทำให้คนเขาโกรธแค้น มันล้วนไม่เป็นผลดีต่อจวนเป่ยหมิงอ๋อง ดังนั้น ต้องระวังคำพูดและการกระทำของตนเองเป็นพิเศษให้มากขึ้น ต้องไม่ทำผิดแม้แต่น้อย เจ้านายของเจ้าถือว่าเจ้าดูแลมาตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมาเจ้าก็เอาแต่ใจนาง แต่หากทีหลังพบเจออะไรที่ผิดปกติ ต้องบอกกับนางทันที หากนางต้องทำอะไรที่ไม่เหมาะสม เจ้าก็คอยเกลี้ยกล่อมนางเอาไว้หน่อย ได้ยินไหม"แม่นมเกาตอบด้วยความเคารพ "เพค่ะ ข้าน้อยรับทราบเพค่ะ"สนมฮุ่ยไทเฟยเบะปาก "ท่านพี่ ข้าทำผิดตรงไหนเหรอ? อีกอย่าง จากนี้ไปข้าจะดูแลและจัดการกิจการทั้งภายในและภายนอกของจวนอ๋อง ด้วยความช่วยเหลือจากแม่นมเกาและหัวหน้าลู่ อีกทั้งมีอาจารย์หยูคอยให้คำแนะนำด้วย จะเกิดอะไรผิดพลาดได้อีกล่ะ""เจ้าดูแลจวนอ๋องงั้นเหรอ?" ไทเฮาโบกมือแล้วส่ายหัว "ไม่ได้การ เจ้าแค
ฮ่องเต้และหวงโฮ่วได้ต้อนรับเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีที่ตำหนักหยีเดี้ยนหลังจากกราบไหว้เสร็จแล้ว ฮ่องเต้พระราชทานนั่งลง หวงโฮ่วฉีมองดูซ่งซีซีที่แต่งกน้าเบาๆ นางก็ถอนหายใจเบาๆโชคดีที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีหากให้นางเข้าวังจริงๆ เกรงว่าวังหลังนี้คงจะเป็นของซ่งซีซีแล้วหน้าตาที่งดงามเพียบพร้อมเช่นนี้ นางสนมในวังหลังคงไม่มีใครเทียบได้กระมังนางมองไปที่ฮ่องเต้โดยไม่รู้ตัว และเห็นว่าฮ่องเต้กำลังมองดูซ่งซีซีอยู่ แต่ใจของนางก็อดไม่ได้ที่เต้นผิดจังหวะ สายตานี้ นางคุ้นเคยมากเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นสตรีที่ทำให้เขาหวั่นไหวนั้น สายตาของเขาก็จะดูพิเศษอยู่เสมอนางรู้สึกดีใจอีกครั้งที่ซ่งซีซีแต่งงานกับเซี่ยหลูโม่แล้วเมื่อพูดถึงคำสั่งที่ฮ่องเต้ออกให้ในเวลานั้น นางกลัวมากจนนอนไม่หลับไปหลายคืน หากเป็นสตรีทั่วไปก็ไม่ว่าอะไร แต่นางคือซ่งซีซี ท่านพ่อและพี่ชายที่เสียชีวิตในสนามรบของนางนั้นมีน้ำหนักอยู่ในใจของฮ่องเต้มากเกินไป อีกอย่างรูปร่างหน้าตาของนางก็สวยโดดเด่นเกินไปโชคดีที่สิ่งที่นางกังวลนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ซ่งซีซีกลับเป็นน้องสะใภ้ของนางแทนดังนั้น รอยยิ้มของหวงโฮ่วที่มีต่อซ่งซีซีในวันนี้จึงยิมจริงใจ
หวงโฮ่วก็หมดหนทางจริงๆ สนมฮุ่ยไทเฟยเห็นว่าฉินอ๋องได้แต่งงานกับลูกสาวของตระกูลฉี นางก็ต้องการให้องค์หญิงเซียนหนิงแต่งงานเข้าตระกูลฉีด้วยฮองไทเฮาก็ยอมรับ ฮ่องเต้เป็นลูกกตัญญู ย่อมต้องเชื่อฟังไทเฮาเช่นกันแต่ในบรรดาผู้ชายในตระกูลฉี นอกจากฉีหลิวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ เอาแต่เล่นกับแมวหมาไปวันๆ ใช้ชีวิตอย่างไม่เอาไหน คนอื่นๆ ก็เรียนหนังสือหนัก พยายามอยากตั้งหลักในราชสำนักให้ได้โดยเฉพาะน้องห้า น้องห้าเป็นเครือเดียวกันกับนาง เรียนหนักตั้งแต่เด็ก ก็เพื่อสอบเข้าจอหงวน หากแต่งงานกับองค์หญิง ก็เป็นได้แค่ฝู้หม่าที่ไร้อำนาจ งั้นความพยายามของเขาก็ไม่เท่ากับว่าไร้ประโยชน์หรือ?หวงโฮ่วรู้ว่านางไม่สามารถออกความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการแต่งงานขององค์หญิงคนโต ดังนั้นจึงได้แต่มาขอความช่วยเหลือจากซ่งซีซีนางคิดว่าซ่งซีซีจะไม่ยอมช่วย แต่ประโยคสุดท้ายแสดงให้เห็นถึงความคิดของนางแน่นอนว่านางรู้สึกซาบซึ้งใจนางพูดว่า "ถ้าเซียนหนิงและน้องหกของข้าจะแต่งงานด้วยกัน ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้พระชายา ข้าก็ติดหนี้เจ้าด้วย"ซ่งซีซียิ้มและไม่พูดอะไรนางไม่เคยขาดแคลนของขวัญชิ้นใหญ่อะไร หนี้ของหวงโฮ่วนางก็ไม่ต้องการ แค่ยึดมั่
รถม้ามาจอดที่จวนองค์หญิงใหญ่ คนใช้ที่เฝ้าประตูเข้าไปรายงาน จากนั้นก็เดินออกมาด้วยสีหน้าขอโทษ "ไทเฟย ท่านพระชายาได้โปรดทรงยกโทษให้ข้าน้อยเถอะ เมื่อกี้ข้าน้อยลืมไปว่าวันนี้องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกแล้วขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็พูดกับซ่งซีซีว่า "หากเป็นเช่นนี้ งั้นเรากลับไปก่อน ค่อยส่งคำเชิญมาใหม่พรุ่งนี้ก็ได้"ซ่งซีซีถามคนเฝ้าประตูนั้นว่า "มิทราบว่าองค์หญิงใหญ่ไปที่ไหน แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่"คนเฝ้าประตูตอบว่า "งั้นก็ไม่ทราบแล้วขอรับ คงกลับมาดึกๆ ก็ได้ขอรับ"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่เป็นไร เรารอได้"หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็จับมือสนมฮุ่ยไทเฟย แล้วเตรียมที่จะเดินเข้าไปคนใช้เฝ้าแระตูนั้นเห็นแล้วก็รีบวิ่งตามออกป "ไทเฟย ท่านพระชายา นี่คือจวนองค์หญิง อย่าบุกรุกเข้าไปนะ"ซ่งซีซียิ้มก่อนพูดว่า "จะว่าบุกรุกได้ยังไง เรามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียน และนั่งรอองค์หญิงใหญ่กลับมาที่จวนองค์หญิง ทำไม ที่ห้องโถงใหญ่ของพวกเจ้าต้อนรับแขกไม่ได้หรือ"คนใช้เฝ้าแระตูเคยเห็นทีท่าบ้าอำนาจของซ่งซีซี ที่นางพูดด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ มันไม่ได้หมายความว่านางเป็นคนพูดง่ายแม้แต่น้อยเลยในขณะที่เขาตกตะลึงนั้น ซ
ซ่งซีซีนั่งอยู่สักพัก และไม่ได้ดื่มชาหรือกินของว่าง จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วบอกว่านางอยากเดินเล่นสักหน่อยจวนองค์หญิงมักจะจัดงานเลี้ยงเชิญชวนแขกมาเที่ยวเสมอ และปล่อยให้แขกเดินเล่นทุกที่ได้ แน่นอนว่านี่เป็นกรณีที่ได้รับการจัดเตรียมล่วงหน้าของจวนองค์หญิงเท่านั้นจู่ๆ ก็บุกเข้ามา แล้วยังบอกว่าจะเดินเล่นสักหน่อย ย่อมไม่ได้รับอนุญาตแน่ๆ ที่จวนองค์หญิงมีสถานที่บางส่วนที่ไม่สามารถให้คนนอกเห็นเข้า ที่นั่นได้ซ่อนความลับอันร่มรื่นของจวนองค์หญิงนางเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ทหารประจำจวนไม่กล้าห้ามนาง หากโดนว่าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง พวกเขางานเข้าแน่ๆส่วนคนใช้ทั่วไป ไม่สามารถต้านทานฝีเท้าที่นางที่ต้องเดินเข้าไปด้านในลานได้หลายคนขวางทางไว้ แต่นางสามารถหลบพวกเขาได้อย่างรวดเร็วและก้าวไปที่ลานด้านในหลังจากพยายามห้ามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไร้ผล ในขณะที่ซ่งซีซีกำลังจะเข้าใกล้เรือนที่อยู่ลานด้านในหลังหนึ่งนั้น มีคนตะโกนเสียงดังว่า "องค์หญิงกลับจวน!"มุมปากของซ่งซีซีโค้งงอ ในที่สุดก็ยอมออกมาสักทีนางจัดเก็บทรงผม และมองดูเรือนนั้นแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า "ในเมื่อองค์หญิงกลับมาแล้ว งั้นข้าก็กลับไปรอที่ห้องโถงหลักแล
นางมองดูสนมฮุ่ยไทเฟยด้วยสีหน้าสับสน "เกิดอะไรขึ้น? ไข่มุกตงจู่อะไรกัน และเดิมพันเรื่องอะไร? เมื่อคืนไม่ใช่แค่งานเลี้ยงเหรอ? เจ้าเอาสินเดิมของนางไปเมื่อไหร่? มันไม่ได้การนะ สินเดิมของลูกสะใภ้มันเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนางเอง เจ้าเอาไปไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นแค่ล้อเล่นก็ไม่ได้นะ"สนมฮุ่ยไทเฟยตกตะลึงอันที่จีิงด้วยการไปมาหาสู่กันระหว่างนางกับองค์หญิงใหญ่ในหลายปีมานี้ นางเคยคิดว่าองค์หญิงใหญ่จะไม่ให้เงินสามพันตำลึง แต่นางก็แอบตั้งความหวังไว้ โดยคิดว่านางเป็นคนสำคัญกับหน้าตา ในเมื่อบอกแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ครึ่งนึงที่จะให้แต่องค์หญิงใหญ่กลับไม่แม้แต่จะยอมรับเรื่องที่เอาไข่มุกตงจูกับการเดิมพันด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนนางอึ้งไปชั่วขณะ และมองหาแม่นมเกาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าใบหน้าของแม่นมเกาแดงมากเนื่องจากความหนาวเย็น นางกำลังใช้แขนเสื้อปิดหน้าและสูดน้ำมูกกลับเข้าไปสนมฮุ่ยไทเฟยมองไปยังซ่งซีซีอีกครั้ง และซ่งซีซีก็ดูไม่แยแสราวกับว่านางคาดคิดมาแล้วนางไม่ยอมโดนซ่งซีซีดูถูก แต่ยิ่งโกรธกับความไร้ยางอายขององค์หญิงใหญ่ และพูดอย่างใจร้อนว่า "เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง? เมื่อคืนข้ามอบไ
หลังจากที่นางพูดจบ จากนั้นก็ไหว้ให้องค์หญิงใหญ่อีกครั้ง "ซีซีรู้สึกประทับใจมากที่ท่านป้าปฏิบัติต่อเสด็จแม่ของข้าอย่างด้วยความจริงใจ ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของซีซีไม่ค่อยดี ท่านป้ามีความกังวลเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ซีซีรับประกัน จากนี้ไปต้องดีกับเสด็จแม่ให้ดีที่สุด ทุกอย่างต้องให้เสด็จแม่มาก่อน ส่วนไข่มุกตงจูเหล่านั้น เดิมทีก็คิดว่าจะแบ่งสักหน่อยให้เสด็จแม่ รอข้ากลับบ้านค่อยจัดคนส่งกล่องหนึ่งให้นาง ถึงเวลานั้น นางต้องการแบ่งให้ผู้ใดก็เป็นเรื่องของนาง ข้าที่เป็นลูกสะใภ้ย่อมไม่กล้าเข้าไปยุ่ง"องค์หญิงใหญ่รู้ว่า ซ่งซีซีกำลังให้ทางออกนางทางออกนี้ นางต้องเล่นไปตามน้ำชื่อเสียงที่นางสร้างขึ้นตั้งครึ่งชีวิต จะให้ไข่มุกตงจูไม่กี่เม็ดนั้นทำเสียหายได้อย่างไร พวกนับสู้จากแวดวงการต่อสู้นั้นจะเอ็นดูรักใคร่ซ่งซีซีอย่างไร เมื่อวันนางก็เห็นกับตาแล้วอีกอย่างสนมฮุ่ยไทเฟยไม่ควรมีเรื่องกับนางมากเกินไป บัดนี้นางรู้ต่อต้านแล้ว หากไปขอเงินนางที่หลังคงไม่ง่าย สู้เล่นไปตามน้ำเอาไข่มุกตงจูคืนนางจะดีกว่า แล้วค่อยหาเวลาไปล้างสมองนาง ยังมีโอกาสขอเงินและสมบัติมากมายจากนางตั้งเยอะได้ในอนาคตในใจของนางโกรธเป็
บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า
ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที
นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด
ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่
ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย
ข้าชื่อเสิ่นว่านจือ เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ข้าขอระบายเรื่องหนึ่งก่อนเถิดมันช่างเกินจะทนได้แล้ว!ตระกูลเส้าเป็นเพียงจวนป๋อเจวี๋ยเล็กๆ เท่านั้น ฮูหยินตระกูลเส้ากลับกล้าโอหังถึงเพียงนี้ ข้าเสิ่นว่านจือมีชีวิตอยู่มานาน ปากมากปากจัดก็เห็นมาหลายคน แต่พวกสตรีที่ปากมากในหมู่ผู้มีอำนาจ ข้ายังได้พบเพียงไม่กี่คนพอรู้ว่าเสี่ยวอวี่ถูกลากออกไปตบหน้า แล้วถูกกล่าวหาว่าไร้ยางอายไปยั่วยวนบุรุษ ข้าก็แทบอยากจะพังประตูตระกูลเส้าไปเตะใครสักคน ลากคนออกมาแล้วตบกลับให้สาสมใจซีซีเองก็โกรธ แต่เตือนข้าว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งเอาแต่ระบายอารมณ์ ให้รีบไปดูเสี่ยวอวี่กับหวังชิงหรูก่อน เผื่อว่าทั้งสองจะทำเรื่องไม่คาดฝันต้องยอมรับว่าซีซีเป็นขุนนางมาหลายปี ย่อมมีวิจารณญาณในการแยกแยะเรื่องเร่งด่วนกับเรื่องสำคัญข้าจึงรีบเร่งไปยังตระกูลหวัง แล้วก็ได้รู้ว่าเสี่ยวอวี่กรีดข้อมือ ส่วนหวังชิงหรูก็ไล่สาวใช้ในเรือนออก ข้าจึงรู้สึกทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่จริงอย่างที่คาด หิมะยังไม่ทันตก หวังชิงหรูก็คิดจะแขวนคอตัวเองให้เป็นหมูตากแห้ง ข้าโกรธจนฟาดหน้านางไปหนึ่งฉาดที่จริงช่วงหลังมานี้ข้าเป็นคนอารมณ์ดีมาก
ข้ารู้ตัวอย่างแท้จริงว่าตนเองผิดมหันต์นั้น...เกิดขึ้นเมื่อใดกันนะ?มิใช่ตอนที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกลับมา มิใช่ตอนที่หย่าขาดกับจ้านเป่ยว่าง และก็ไม่ใช่ตอนที่ตระกูลหวังประสบเคราะห์กรรมแต่เป็นตอนที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะออกเรือนตอนที่ตระกูลหวังตกอับ ข้าอยู่ในคุก เกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต ข้าก็รู้ว่าตัวเองมีเรื่องผิด ข้ายินดีจะขัดเกลาความแข็งกร้าว เปลี่ยนแปลงตนเองแต่ในตอนนั้น ข้ายังไม่อาจเรียกได้ว่าได้สำนึกอย่างแท้จริง เพราะข้ายังคิดว่าทั้งหมดคือเรื่องของตนเอง ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด ก็เป็นข้าเองที่รับกรรม ใครอื่นล้วนไม่มีสิทธิ์มาตัดสินข้ารู้ดีว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของข้า ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ข้าอาจเคยชินกับการที่นางดูแลข้าเช่นนี้ จึงมีทั้งความรู้สึกขอบคุณและเคารพนางแต่เรื่องราวในอดีตของข้า ข้ามิเคยอยากย้อนกลับไปคิด เพราะนั่นคือการทำร้ายตนเอง เป็นความทุกข์ทรมานกระทั่งวันที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะหมั้นหมาย ข้าจึงเริ่มพลิกดูตัวเองทุกแง่ทุกมุม ให้ความเสียใจแทรกซึมกัดกินหัวใจทุกลมหายใจอวี่เจี่ยเอ่อร์กับคุณชายเส้าหมิ่นแห่งจวนป
ซ่งซีซีหยุดฝีเท้า หันกลับมากล่าวว่า “คนในครอบครัวของนางปฏิบัติต่อนางค่อนข้างดี เพียงแต่ตอนที่หลานสาวของนางจะออกเรือน เกิดเรื่องสะดุดอยู่บ้าง โชคดีที่ท้ายที่สุดก็แต่งกับบุรุษที่ดี นางคงกลัวว่าตนเป็นหญิงโสดสูงวัย เคยแต่งงานมาแล้วถึงสองครั้ง จะถูกผู้คนติฉินนินทา พลอยทำให้หลานๆ เดือดร้อน และไม่อยากให้พี่สะใภ้ใหญ่ของนางเป็นกังวลด้วย”ข้าตอบรับในลำคอ พลางนึกถึงฮูหยินจีผู้เด็ดเดี่ยวแต่จิตใจดีงามฮูหยินจีมีบุตรชายหนึ่ง บุตรหญิงหนึ่ง ด้านหลังยังมีลูกอนุอีกหลายคน เรือนรองก็เช่นกัน บัดนี้คงยังมีบางคนที่ยังไม่ได้ออกเรือนข้านึกถึงตอนที่ฮูหยินจีจะต้องไปเจรจาสู่ขอให้พวกเขา คงยากลำบากไม่น้อย ต้องเผชิญกับเสียงนินทานานัปการจากภายนอกข้าเห็นนางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยใจจริง และรู้สึกสงสารในสิ่งที่นางต้องพบเจอ“เจ้าลองคิดดูเถิด” ซ่งซีซีกล่าวข้าพยักหน้า แล้วเหลือบมองภายนอก เห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถบนั้น จึงอดถามไม่ได้ว่า “เจ้ามาอยู่กับข้าสองต่อสองเช่นนี้ มิกลัวเนี่ยเจิ้งอ๋องหึงหรือ? เขาไม่รู้หรือไร?”ซ่งซีซีมีท่าทีตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนนึกไม่ถึงว่าข้าจะถามเรื่องเช่นนี้นางอาจไม่คิดจะตอบ เพราะนางก้าวเท้า
เมื่อแม่ทัพใหญ่เซียวได้ฉลองวันเกิดอายุครบแปดสิบปี ข้าก็ได้พบกับซ่งซีซีอีกครั้งก่อนหน้านี้ ข้าก็เคยพบนางหลายครั้ง นางเคยมาที่ชายแดนเฉิงหลิงข้ากับนางดูเหมือนคนแปลกหน้า ไม่มีการพูดคุยกัน เพียงแต่ทุกครั้งที่นางจากไปจากชายแดนเฉิงหลิง ข้าก็มักจะแอบตามส่งนางอยู่ห่างๆใจลึกๆ ที่ทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อสิ่งใดข้ามักรู้สึกผิดกับนางอยู่เสมอกับยี่ฝางและหวังชิงหรู ข้าก็มีสิ่งที่รู้สึกผิดอยู่เช่นกัน แต่ระหว่างข้ากับพวกนางต่างฝ่ายต่างบาดหมาง โต้เถียงกัน พวกนางเคยทำร้ายข้า ข้าก็เคยทำร้ายพวกนางแต่กับซ่งซีซี มีเพียงข้ากับคนในครอบครัวที่ทำร้ายนาง นางไม่เคยแม้แต่จะทำร้ายพวกเราเลยสักครั้ง แม้แต่หลังจากหย่าขาดกันแล้ว นางจะไม่สนใจอาการป่วยของท่านแม่ก็ได้ แต่นางกลับสอนพี่สะใภ้ใหญ่ให้รู้วิธีขอยาดันเสวี่ยเมื่อข้าได้พบกับนางในงานฉลองวันเกิดแปดสิบปีของแม่ทัพใหญ่เซียว นางได้กลายเป็นพระชายาของเนี่ยเจิ้งอ๋องแล้ว เรื่องราวในราชสำนักนั้น พวกทหารชายแดนอย่างพวกข้าไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่เสบียงอาหารอุดมสมบูรณ์ อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ครบครัน แม้แต่เงินเดือนที่เราได้รับก็เพิ่มขึ้น นี่คือผลประโยชน์ที่เห็นได้ชัด