หลังจากที่นางพูดจบ จากนั้นก็ไหว้ให้องค์หญิงใหญ่อีกครั้ง "ซีซีรู้สึกประทับใจมากที่ท่านป้าปฏิบัติต่อเสด็จแม่ของข้าอย่างด้วยความจริงใจ ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของซีซีไม่ค่อยดี ท่านป้ามีความกังวลเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ซีซีรับประกัน จากนี้ไปต้องดีกับเสด็จแม่ให้ดีที่สุด ทุกอย่างต้องให้เสด็จแม่มาก่อน ส่วนไข่มุกตงจูเหล่านั้น เดิมทีก็คิดว่าจะแบ่งสักหน่อยให้เสด็จแม่ รอข้ากลับบ้านค่อยจัดคนส่งกล่องหนึ่งให้นาง ถึงเวลานั้น นางต้องการแบ่งให้ผู้ใดก็เป็นเรื่องของนาง ข้าที่เป็นลูกสะใภ้ย่อมไม่กล้าเข้าไปยุ่ง"องค์หญิงใหญ่รู้ว่า ซ่งซีซีกำลังให้ทางออกนางทางออกนี้ นางต้องเล่นไปตามน้ำชื่อเสียงที่นางสร้างขึ้นตั้งครึ่งชีวิต จะให้ไข่มุกตงจูไม่กี่เม็ดนั้นทำเสียหายได้อย่างไร พวกนับสู้จากแวดวงการต่อสู้นั้นจะเอ็นดูรักใคร่ซ่งซีซีอย่างไร เมื่อวันนางก็เห็นกับตาแล้วอีกอย่างสนมฮุ่ยไทเฟยไม่ควรมีเรื่องกับนางมากเกินไป บัดนี้นางรู้ต่อต้านแล้ว หากไปขอเงินนางที่หลังคงไม่ง่าย สู้เล่นไปตามน้ำเอาไข่มุกตงจูคืนนางจะดีกว่า แล้วค่อยหาเวลาไปล้างสมองนาง ยังมีโอกาสขอเงินและสมบัติมากมายจากนางตั้งเยอะได้ในอนาคตในใจของนางโกรธเป็
ซ่งซีซีกระพริบตา นางไม่ได้ได้ยินผิดใช่ไหม?เมื่อมองดูตัวเงินสองพันตำลึงที่ยัดให้นาง ซ่งซีซีก็รู้สึกปลื้มอกปลื้มใจจริงๆ ว้าว นางชอบมอบน้ำใจให้คนอื่นจริงๆ ชอบแบ่งเงอนให้ผู้อื่นได้อย่างง่ายดายนางมีศักยภาพที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบจริงๆไม่สิ นางถูกเอาเปรียบแล้วนี่"เสด็จแม่มององค์หญิงใหญ่ชัดเจนหรือยัง" ซ่งซีซียิ้ม และน้ำเสียงของนางก็ดุอ่อนโยนขึ้นมากใบหน้าของสนมฮุ่ยไทเฟยมืดทะมึน "เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือไง? จนถึงขั้นนี้แล้วข้ายังมองไม่ออก""เมื่อเห็นว่าท่านยังพูดดีๆ กับนาง เลยคิดว่าท่านยังถูกนางหลอกเอาไว้"สนมฮุ่ยไทเฟยพูดอย่างโกรธๆ "ไม่พูดดีๆ มันจะให้ทำยังไงได้อีก พวกเราสองคนต้องมีคนนึงทำหน้าดุอีกคนมาปลอบใจ เป็นไปไม่ได้ที่แตกคอกับนางกระมัง นางมีความสัมพันธ์กับที่ดีกับพวกฮูหยินเหล่านั้น หากนางใส่ร้ายข้าสักหน่อย ข้าก็ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเอา เจ้าก็ไม่เป็น เพราะเจ้าหน้าหนาอยู่แล้ว"ซ่งซีซีไม่ได้พูดอะไร นางเริ่มนับตัวเงิน ล้วนเป็นตัวเงินหนึ่งร้อยตำลึง นางยื่นหนึ่งร้อยตำลึงให้แม่นมเกา แล้วพูดว่า "ชนะกลับมา ถือว่าเป็นเงินนำโชคนะ"แม่นมเกาตาค้างและรู้สึกหายใจลำบากเล็กน้อย "พระชายา นี่มันห
นางแอบเหลือบมองซ่งซีซีแวบหนึ่ง และเห็นว่าท่าทางของนาง ดูสบายๆ และยังยิ้มสดใส ต้องยอมรับว่าใบหน้านี้สวยงามยิ่งกว่าดอกทอเสียอีก มีความฃสดชื่นยิ่งกว่าดอกบ๊วยทันใดนั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า "เจ้าไม่กลัวองค์หญิงใหญ่จริงๆ หรือ?"ซ่งซีซีถามกลับ "นางมีอะไรที่ทำให้คนเราต้องกลัวด้วยเหรอ""นางเป็นองค์หญิงใหญ่ เป็นเสด็จป้าของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แม้แต่จักรพรรดิองค์ก่อนก็ยังยอมให้นาง อีกอย่างในแวดวงคนชั้นสูงของเมองหลวง นางได้ควบคุมคนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งไป คำพูดของนางเพียงคำเดียวก็สามารถทำให้เจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ในชั่วข้ามคืน"ซ่งซีซีไม่สนใจ "ก็ท่านบอกว่าข้าหน้าหนานี่ไม่ใช่เหรอ งั้นทำไมข้าต้องกลัวเสียชื่อ หากนางใส่ร้ายป้ายสีข้าอย่างมั่วๆ งั้นก็เท่ากับใส่ร้ายคนสำคัญที่ยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมา แม้ว่านางจะเป็นองค์หญิงใหญ่ แต่ก็จะถูกนักวิชาการทุกคนในใต้เท้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน"สนมฮุ่ยไทเฟยคิดว่าสิ่งเหล่านี้พูดง่าย แต่พอทำให้องค์หญิงใหญ่ไม่พอใจ หากนางต้องการแก้แค้น ก็คงจัดการได้ยากอย่างไรก็ตาม เมื่อนางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เรื่องที่จะเอาไข่มุกตงจูและเงินสามพันตำลึงนั
แม่นมเกาพยายามหาช่องว่างเข้าไป กว่าจะถามผู้คนดูแลร้านได้ว่า "ไม่ทราบว่ามีสร้อยข้อมือทองคำพันเพชรพลอยหรือไม่"ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนาง แล้วพูดเสียงดัง "มีขายที่ชั้นสองแต่สินค้าขายหมดแล้ว ปีนี้ได้สั่งทำแล้วทำอีก แต่ก็ขายหมดเกลี้ยง หากต้องการซื้อให้ไปที่ชั้นสองเพื่อทำการจอง น่าจะถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้ามีของ"ต้องการจองด้วยอย่างนั้นหรือ? จะรอของในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าด้วย?แม่นมเกาค่อยๆ ถอนตัวออกแล้วเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง นางเห็นว่าชั้นสองได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา และแบ่งออกเป็น แปดเก้าส่วน ตู้ต้อนรับลูกค้านั้นมีจัดวางเก้าอี้เอาไว้ ปูเบาะนุ่มนวลด้วย ตู้หนึ่งดูแลลูกค้าผู้มีเกียรติหนึ่งท่านอีกด้านหนึ่ง มีคนรออยู่มากกว่าสิบคน ทุกคนนั่งบนเก้าอี้กำลังกินของว่างและดื่มน้ำชาอยู่ ถ่านเงินกำลังลุกไหม้อย่างอบอุ่นในเตาถ่านแม้ว่าลูกค้าเหล่านี้จะร่ำรวย แตกลับไม่ได้สวมผ้ายก ดูท่าว่าล้วนเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย ไม่ใช่คนจากตระกูลชั้นสูงแม่นมเกาเหลือบมองออกไป และเห็นว่าลูกค้าคนหนึ่งได้ใส่สร้อยข้อมือทองคำอยู่ในมือ มองดูว่าก็ดูสวยดีเลยให้ห่อมันทั้งหมด รูปแบบดูค่อนข้างทันสมัย แต่หากเทียบกับร้านจิ
จะว่าบังเอิญไหมล่ะ วันถัดไป ตอนที่เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีกำลังเตรียมตัวกลับบ้านฝ่ายหญิงนั้น ท่านหญิงเจียอี้ได้ส่งคนไปส่งรายงานบัญชีให้ และหัวหน้าจ้าวเป็นผู้ส่งมอบสมุดบัญชีเองเนื่องจากสนมฮุ่ยไทเฟยย้ายเข้ามาอาศัยที่จวนอ๋อง ดังนั้นหัวหน้าจ้าวจึงเข้ามาส่งเอง หากนางอยู่ในวัง ท่านหญิงเจียอี้จะเป็นคนส่งสมุดบัญชีไปให้แม่นมเกาคิดว่า หัวหน้าจ้าวคนนี้คงมาเพื่อทำความรู้จักกับคนที่นี่ เมื่อใดที่ไทเฟยไปที่นั่น พวกเขาก็พอมองออกได้สนมฮุ่ยไทเฟยเปิดสมุดบัญชีออกอย่างมีความสุข มีแค่ไม่กี่หน้าเอง และของที่ขายออกไปนั้นล้วนเป็นสินค้าไม่มีค่าเท่าไร ไม่มีของแพงสักชิ้นเลยดูสรุปรายได้สุดท้ายคือขาดทุนในช่วงเวลาสามเดือนนี้ ขาดทุนเงินไปมากกว่าหนึ่งหมื่นตำลึงเงินมากกว่าหมื่นตำลึง มากกว่าเมื่อก่อนเสียอีกสนมฮุ่ยไทเฟยโกรธมากจนตัวสั่นไปหมด แล้วฟาดสมุดบัญชีลงบนพื้น "ทำไมถึงขาดทุนมากขนาดนี้ ให้คำอธิบายกับข้า"หัวหน้าจ้าวคุกเข่าลงกับพื้นและพูดด้วยใบหน้าเศร้าว่า "ไทเฟย ท่านไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหนในการทำธุรกิจตอนนี้ เราคิดว่าเราจะทำกำไรสักหน่อยก่อนปีใหม่ ดังนั้นจึงซื้อของกองหนึ่งเผื่อไว้ ใครจะไปรู้ว่าสินค้าเหล่านั
หัวหน้าลู่สั่งให้องครักษ์สองคนเข้าไปทันที และทำท่าจะจับหัวหน้าจ้าวไปที่สำนักรัฐหัวหน้าจ้าวตกใจกลัว และตะโกนว่า "พระชายาท่านอ๋องทรงไว้ชีวิตข้าน้อยขอรับ นี่ไม่ใช่เจตนาของข้าน้อย นี่เป็นความคิดของท่านหญิงเจียอี้ นางเป็นคนสั่งให้ข้าน้อยทำสมุดบัญชีเหล่านี้เพื่อหลอกลวงไทเฟยขอรับ""อะไรนะ?" สนมฮุ่ยไทเฟยโกรธมากจนทุบถ้วยลงกับพื้น "เจียอี้นำสมุดบัญชีปลอมมาหลอกข้าด้วยหรือ"ซ่งซีซีขยับมือ และพูดตัดหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย "ในเมื่อสมุดบัญชีก่อนหน้านี้ล้วนเป็นของปลอม ดังนั้นจึงต้องมีสมุดบัญชีจริง"หัวหน้าจ้าวถูกองครักษ์จับตัวไว้ และแขนของเขาก็เจ็บราวกับจะหักเอาอยู่แล้ว เขาไม่กล้าโกหกอีกต่อไป และพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า "มีขอรับ มีขอรับ"เนื่องจากซ่งซีซีต้องการกลับบ้านวันนี้ นางจึงไม่อยากเสียเวลากับเขา เรียกหัวหน้าลู่เข้ามา "รบกวนเจ้าพาสองคนไปร้านจินพร้อมกับเขา เพื่อนำสมุดบัญชีทั้งหมดที่ผ่านๆ มากลับมา แล้วมอบให้กับนักบัญชีของเราคอยตรวจสอบอย่างละเอียด จำเป็นต้องตรวจสอบในแน่ใจว่าสมุดบัญชีเป็นของแท้หรือไม่ หากยังกล้าที่จะกระทำการฉ้อโกง เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับมารายงาน เพียงแค่ส่งบุคคลนั้นไปที่สำนักเขตจิงจ้าวโด
เซี่ยหลูโม่กำลังคิดถึงเรื่องสถาบันว่านซงเหมินในขณะจัดเก็บของขวัญแน่นอนว่าเขาดีใจที่ซีซีมีคนปกป้องนางมากมาย แต่เขาก็ต้องการให้ศิษย์ลุงและคนอื่นๆ รู้ว่า ตอนนี้ซีซีมีเขาคอยปกป้องแล้ว ไม่ได้เป็นห่วงอีกเลยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือวันนี้เขาต้องพูดสิ่งหนึ่งกับศิษย์ลุง นั่นคือเขาจะคอยเตือนให้ซีซีเขียนจดหมายอย่างน้อยสองฉบับกลับไปหาอาจารย์ในหนึ่งเดือนอีกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีใจหรือเลวร้าย ล้วนต้องแจ้งให้คนของสถาบั้นทราบโดยไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเสียแรงกายแรงใจมาสอบถามหลังจากจัดของขวัญสามรถเต็มๆแล้ว ก็เห็นซ่งซีซีพารุ่ยเอ๋อร์และเป่าจูออกมาใบหน้าของซีซีสงบและนิ่งเงียบ นางสวมชุดสีม่วงทำให้ผิวของนางดูกระจ่างใสขึ้น ที่ผมมีที่ปักผมทรงดอกโบตั๋นสองอัน แต่นางก็ดูสวยกว่าดอกไม้เสียอีกเมื่อนึกถึงเมื่อคืน เขารู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขาพุ่งไปที่จุดเดียว และดวงตาของเขาก็เผยสายตาอย่างมีเลศนัยซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมอง เห็นดวงตาและสีหน้าของเขา สองคื่นแล้ว นางจำสายตานี้ได้สองคืนที่ผ่านมา เขาเป็นเหมือนเด็กทารกที่กินนมไปครั้งแรก จากนั้นก็เข้าสู่ภาวะที่ไม่สามารถหยุดได้ แทบจะเรียกร้องอย่างไม่หยุดยั้งแก้มข
"อ๊า?" เซี่ยหลูโม่สะดุ้งครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข "เจ้าเป็นห่วงข้าถูกอาจารย์ลงโทษ เจ้ากำลังเป็นห่วงข้าหรือ""ข้าเป็นห่วงท่านอยู่แล้วนี่ ท่านไม่เคยได้รับความเจ็บจากหมัดแข็งๆ ของศิษย์อาเหรอ?" ซ่งซีซีเลิกคิ้ว"อืม ไม่ค่อยถูกทุบตีมากนัก" เซี่ยหลูโม่คิดถึงเวลาที่เขาในสถาบัน พูดตามตรง ปีหนึ่งก็อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน หาใช่ว่าไม่เคยถูกทุบตี แต่นี่เกี่ยวกับศักดิ์ศรี แม้ว่าเขาจะถูกทุบตี แต่ก็ไม่สามารถบอกได้"ท่านประพฤติตัวดีมาตลอดเหรอ" ซ่งซีซีถามอย่างสงสัย ในสถาบันว่านซงเหมิน แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ยังถูกลงโทษมาก่อน เขาจะประพฤติตัวดีกว่าศิษย์พี่อีกด้วยเหรอเซี่ยหลูโม่หันศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่ง "หลักๆ ก็คือตอนที่ข้าไปสถาบันว่านซงเหมิน พวกเจ้าก็ไม่มาเล่นกับข้า ข้าได้แต่ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งเท่านั้น อาจารย์เลยพอใจกับข้ามาก"ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะมองดูเขาด้วยความชื่นชม ในฐานะศิษย์หลานอย่างพวกเขาล้วนถูกศิษย์อาลงโทษมา แต่เขาซึ่งเป็นลูกศิษย์โดยตรงกลับไม่เคยถูกลงโทษเลยไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามทักษะการต่อสู้เก่งเช่นนั้น เขาโดดเด่นมากทีเดียวจริงๆในความเห็นนาง ผู้ที่อยู่ในสถาบันว่านซงเ