หวงโฮ่วก็หมดหนทางจริงๆ สนมฮุ่ยไทเฟยเห็นว่าฉินอ๋องได้แต่งงานกับลูกสาวของตระกูลฉี นางก็ต้องการให้องค์หญิงเซียนหนิงแต่งงานเข้าตระกูลฉีด้วยฮองไทเฮาก็ยอมรับ ฮ่องเต้เป็นลูกกตัญญู ย่อมต้องเชื่อฟังไทเฮาเช่นกันแต่ในบรรดาผู้ชายในตระกูลฉี นอกจากฉีหลิวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ เอาแต่เล่นกับแมวหมาไปวันๆ ใช้ชีวิตอย่างไม่เอาไหน คนอื่นๆ ก็เรียนหนังสือหนัก พยายามอยากตั้งหลักในราชสำนักให้ได้โดยเฉพาะน้องห้า น้องห้าเป็นเครือเดียวกันกับนาง เรียนหนักตั้งแต่เด็ก ก็เพื่อสอบเข้าจอหงวน หากแต่งงานกับองค์หญิง ก็เป็นได้แค่ฝู้หม่าที่ไร้อำนาจ งั้นความพยายามของเขาก็ไม่เท่ากับว่าไร้ประโยชน์หรือ?หวงโฮ่วรู้ว่านางไม่สามารถออกความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการแต่งงานขององค์หญิงคนโต ดังนั้นจึงได้แต่มาขอความช่วยเหลือจากซ่งซีซีนางคิดว่าซ่งซีซีจะไม่ยอมช่วย แต่ประโยคสุดท้ายแสดงให้เห็นถึงความคิดของนางแน่นอนว่านางรู้สึกซาบซึ้งใจนางพูดว่า "ถ้าเซียนหนิงและน้องหกของข้าจะแต่งงานด้วยกัน ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้พระชายา ข้าก็ติดหนี้เจ้าด้วย"ซ่งซีซียิ้มและไม่พูดอะไรนางไม่เคยขาดแคลนของขวัญชิ้นใหญ่อะไร หนี้ของหวงโฮ่วนางก็ไม่ต้องการ แค่ยึดมั่
รถม้ามาจอดที่จวนองค์หญิงใหญ่ คนใช้ที่เฝ้าประตูเข้าไปรายงาน จากนั้นก็เดินออกมาด้วยสีหน้าขอโทษ "ไทเฟย ท่านพระชายาได้โปรดทรงยกโทษให้ข้าน้อยเถอะ เมื่อกี้ข้าน้อยลืมไปว่าวันนี้องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกแล้วขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็พูดกับซ่งซีซีว่า "หากเป็นเช่นนี้ งั้นเรากลับไปก่อน ค่อยส่งคำเชิญมาใหม่พรุ่งนี้ก็ได้"ซ่งซีซีถามคนเฝ้าประตูนั้นว่า "มิทราบว่าองค์หญิงใหญ่ไปที่ไหน แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่"คนเฝ้าประตูตอบว่า "งั้นก็ไม่ทราบแล้วขอรับ คงกลับมาดึกๆ ก็ได้ขอรับ"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่เป็นไร เรารอได้"หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็จับมือสนมฮุ่ยไทเฟย แล้วเตรียมที่จะเดินเข้าไปคนใช้เฝ้าแระตูนั้นเห็นแล้วก็รีบวิ่งตามออกป "ไทเฟย ท่านพระชายา นี่คือจวนองค์หญิง อย่าบุกรุกเข้าไปนะ"ซ่งซีซียิ้มก่อนพูดว่า "จะว่าบุกรุกได้ยังไง เรามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียน และนั่งรอองค์หญิงใหญ่กลับมาที่จวนองค์หญิง ทำไม ที่ห้องโถงใหญ่ของพวกเจ้าต้อนรับแขกไม่ได้หรือ"คนใช้เฝ้าแระตูเคยเห็นทีท่าบ้าอำนาจของซ่งซีซี ที่นางพูดด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ มันไม่ได้หมายความว่านางเป็นคนพูดง่ายแม้แต่น้อยเลยในขณะที่เขาตกตะลึงนั้น ซ
ซ่งซีซีนั่งอยู่สักพัก และไม่ได้ดื่มชาหรือกินของว่าง จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วบอกว่านางอยากเดินเล่นสักหน่อยจวนองค์หญิงมักจะจัดงานเลี้ยงเชิญชวนแขกมาเที่ยวเสมอ และปล่อยให้แขกเดินเล่นทุกที่ได้ แน่นอนว่านี่เป็นกรณีที่ได้รับการจัดเตรียมล่วงหน้าของจวนองค์หญิงเท่านั้นจู่ๆ ก็บุกเข้ามา แล้วยังบอกว่าจะเดินเล่นสักหน่อย ย่อมไม่ได้รับอนุญาตแน่ๆ ที่จวนองค์หญิงมีสถานที่บางส่วนที่ไม่สามารถให้คนนอกเห็นเข้า ที่นั่นได้ซ่อนความลับอันร่มรื่นของจวนองค์หญิงนางเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ทหารประจำจวนไม่กล้าห้ามนาง หากโดนว่าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง พวกเขางานเข้าแน่ๆส่วนคนใช้ทั่วไป ไม่สามารถต้านทานฝีเท้าที่นางที่ต้องเดินเข้าไปด้านในลานได้หลายคนขวางทางไว้ แต่นางสามารถหลบพวกเขาได้อย่างรวดเร็วและก้าวไปที่ลานด้านในหลังจากพยายามห้ามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไร้ผล ในขณะที่ซ่งซีซีกำลังจะเข้าใกล้เรือนที่อยู่ลานด้านในหลังหนึ่งนั้น มีคนตะโกนเสียงดังว่า "องค์หญิงกลับจวน!"มุมปากของซ่งซีซีโค้งงอ ในที่สุดก็ยอมออกมาสักทีนางจัดเก็บทรงผม และมองดูเรือนนั้นแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า "ในเมื่อองค์หญิงกลับมาแล้ว งั้นข้าก็กลับไปรอที่ห้องโถงหลักแล
นางมองดูสนมฮุ่ยไทเฟยด้วยสีหน้าสับสน "เกิดอะไรขึ้น? ไข่มุกตงจู่อะไรกัน และเดิมพันเรื่องอะไร? เมื่อคืนไม่ใช่แค่งานเลี้ยงเหรอ? เจ้าเอาสินเดิมของนางไปเมื่อไหร่? มันไม่ได้การนะ สินเดิมของลูกสะใภ้มันเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนางเอง เจ้าเอาไปไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นแค่ล้อเล่นก็ไม่ได้นะ"สนมฮุ่ยไทเฟยตกตะลึงอันที่จีิงด้วยการไปมาหาสู่กันระหว่างนางกับองค์หญิงใหญ่ในหลายปีมานี้ นางเคยคิดว่าองค์หญิงใหญ่จะไม่ให้เงินสามพันตำลึง แต่นางก็แอบตั้งความหวังไว้ โดยคิดว่านางเป็นคนสำคัญกับหน้าตา ในเมื่อบอกแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ครึ่งนึงที่จะให้แต่องค์หญิงใหญ่กลับไม่แม้แต่จะยอมรับเรื่องที่เอาไข่มุกตงจูกับการเดิมพันด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนนางอึ้งไปชั่วขณะ และมองหาแม่นมเกาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าใบหน้าของแม่นมเกาแดงมากเนื่องจากความหนาวเย็น นางกำลังใช้แขนเสื้อปิดหน้าและสูดน้ำมูกกลับเข้าไปสนมฮุ่ยไทเฟยมองไปยังซ่งซีซีอีกครั้ง และซ่งซีซีก็ดูไม่แยแสราวกับว่านางคาดคิดมาแล้วนางไม่ยอมโดนซ่งซีซีดูถูก แต่ยิ่งโกรธกับความไร้ยางอายขององค์หญิงใหญ่ และพูดอย่างใจร้อนว่า "เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง? เมื่อคืนข้ามอบไ
หลังจากที่นางพูดจบ จากนั้นก็ไหว้ให้องค์หญิงใหญ่อีกครั้ง "ซีซีรู้สึกประทับใจมากที่ท่านป้าปฏิบัติต่อเสด็จแม่ของข้าอย่างด้วยความจริงใจ ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของซีซีไม่ค่อยดี ท่านป้ามีความกังวลเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ซีซีรับประกัน จากนี้ไปต้องดีกับเสด็จแม่ให้ดีที่สุด ทุกอย่างต้องให้เสด็จแม่มาก่อน ส่วนไข่มุกตงจูเหล่านั้น เดิมทีก็คิดว่าจะแบ่งสักหน่อยให้เสด็จแม่ รอข้ากลับบ้านค่อยจัดคนส่งกล่องหนึ่งให้นาง ถึงเวลานั้น นางต้องการแบ่งให้ผู้ใดก็เป็นเรื่องของนาง ข้าที่เป็นลูกสะใภ้ย่อมไม่กล้าเข้าไปยุ่ง"องค์หญิงใหญ่รู้ว่า ซ่งซีซีกำลังให้ทางออกนางทางออกนี้ นางต้องเล่นไปตามน้ำชื่อเสียงที่นางสร้างขึ้นตั้งครึ่งชีวิต จะให้ไข่มุกตงจูไม่กี่เม็ดนั้นทำเสียหายได้อย่างไร พวกนับสู้จากแวดวงการต่อสู้นั้นจะเอ็นดูรักใคร่ซ่งซีซีอย่างไร เมื่อวันนางก็เห็นกับตาแล้วอีกอย่างสนมฮุ่ยไทเฟยไม่ควรมีเรื่องกับนางมากเกินไป บัดนี้นางรู้ต่อต้านแล้ว หากไปขอเงินนางที่หลังคงไม่ง่าย สู้เล่นไปตามน้ำเอาไข่มุกตงจูคืนนางจะดีกว่า แล้วค่อยหาเวลาไปล้างสมองนาง ยังมีโอกาสขอเงินและสมบัติมากมายจากนางตั้งเยอะได้ในอนาคตในใจของนางโกรธเป็
ซ่งซีซีกระพริบตา นางไม่ได้ได้ยินผิดใช่ไหม?เมื่อมองดูตัวเงินสองพันตำลึงที่ยัดให้นาง ซ่งซีซีก็รู้สึกปลื้มอกปลื้มใจจริงๆ ว้าว นางชอบมอบน้ำใจให้คนอื่นจริงๆ ชอบแบ่งเงอนให้ผู้อื่นได้อย่างง่ายดายนางมีศักยภาพที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบจริงๆไม่สิ นางถูกเอาเปรียบแล้วนี่"เสด็จแม่มององค์หญิงใหญ่ชัดเจนหรือยัง" ซ่งซีซียิ้ม และน้ำเสียงของนางก็ดุอ่อนโยนขึ้นมากใบหน้าของสนมฮุ่ยไทเฟยมืดทะมึน "เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือไง? จนถึงขั้นนี้แล้วข้ายังมองไม่ออก""เมื่อเห็นว่าท่านยังพูดดีๆ กับนาง เลยคิดว่าท่านยังถูกนางหลอกเอาไว้"สนมฮุ่ยไทเฟยพูดอย่างโกรธๆ "ไม่พูดดีๆ มันจะให้ทำยังไงได้อีก พวกเราสองคนต้องมีคนนึงทำหน้าดุอีกคนมาปลอบใจ เป็นไปไม่ได้ที่แตกคอกับนางกระมัง นางมีความสัมพันธ์กับที่ดีกับพวกฮูหยินเหล่านั้น หากนางใส่ร้ายข้าสักหน่อย ข้าก็ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเอา เจ้าก็ไม่เป็น เพราะเจ้าหน้าหนาอยู่แล้ว"ซ่งซีซีไม่ได้พูดอะไร นางเริ่มนับตัวเงิน ล้วนเป็นตัวเงินหนึ่งร้อยตำลึง นางยื่นหนึ่งร้อยตำลึงให้แม่นมเกา แล้วพูดว่า "ชนะกลับมา ถือว่าเป็นเงินนำโชคนะ"แม่นมเกาตาค้างและรู้สึกหายใจลำบากเล็กน้อย "พระชายา นี่มันห
นางแอบเหลือบมองซ่งซีซีแวบหนึ่ง และเห็นว่าท่าทางของนาง ดูสบายๆ และยังยิ้มสดใส ต้องยอมรับว่าใบหน้านี้สวยงามยิ่งกว่าดอกทอเสียอีก มีความฃสดชื่นยิ่งกว่าดอกบ๊วยทันใดนั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า "เจ้าไม่กลัวองค์หญิงใหญ่จริงๆ หรือ?"ซ่งซีซีถามกลับ "นางมีอะไรที่ทำให้คนเราต้องกลัวด้วยเหรอ""นางเป็นองค์หญิงใหญ่ เป็นเสด็จป้าของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แม้แต่จักรพรรดิองค์ก่อนก็ยังยอมให้นาง อีกอย่างในแวดวงคนชั้นสูงของเมองหลวง นางได้ควบคุมคนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งไป คำพูดของนางเพียงคำเดียวก็สามารถทำให้เจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ในชั่วข้ามคืน"ซ่งซีซีไม่สนใจ "ก็ท่านบอกว่าข้าหน้าหนานี่ไม่ใช่เหรอ งั้นทำไมข้าต้องกลัวเสียชื่อ หากนางใส่ร้ายป้ายสีข้าอย่างมั่วๆ งั้นก็เท่ากับใส่ร้ายคนสำคัญที่ยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมา แม้ว่านางจะเป็นองค์หญิงใหญ่ แต่ก็จะถูกนักวิชาการทุกคนในใต้เท้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน"สนมฮุ่ยไทเฟยคิดว่าสิ่งเหล่านี้พูดง่าย แต่พอทำให้องค์หญิงใหญ่ไม่พอใจ หากนางต้องการแก้แค้น ก็คงจัดการได้ยากอย่างไรก็ตาม เมื่อนางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เรื่องที่จะเอาไข่มุกตงจูและเงินสามพันตำลึงนั
แม่นมเกาพยายามหาช่องว่างเข้าไป กว่าจะถามผู้คนดูแลร้านได้ว่า "ไม่ทราบว่ามีสร้อยข้อมือทองคำพันเพชรพลอยหรือไม่"ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนาง แล้วพูดเสียงดัง "มีขายที่ชั้นสองแต่สินค้าขายหมดแล้ว ปีนี้ได้สั่งทำแล้วทำอีก แต่ก็ขายหมดเกลี้ยง หากต้องการซื้อให้ไปที่ชั้นสองเพื่อทำการจอง น่าจะถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้ามีของ"ต้องการจองด้วยอย่างนั้นหรือ? จะรอของในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าด้วย?แม่นมเกาค่อยๆ ถอนตัวออกแล้วเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง นางเห็นว่าชั้นสองได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา และแบ่งออกเป็น แปดเก้าส่วน ตู้ต้อนรับลูกค้านั้นมีจัดวางเก้าอี้เอาไว้ ปูเบาะนุ่มนวลด้วย ตู้หนึ่งดูแลลูกค้าผู้มีเกียรติหนึ่งท่านอีกด้านหนึ่ง มีคนรออยู่มากกว่าสิบคน ทุกคนนั่งบนเก้าอี้กำลังกินของว่างและดื่มน้ำชาอยู่ ถ่านเงินกำลังลุกไหม้อย่างอบอุ่นในเตาถ่านแม้ว่าลูกค้าเหล่านี้จะร่ำรวย แตกลับไม่ได้สวมผ้ายก ดูท่าว่าล้วนเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย ไม่ใช่คนจากตระกูลชั้นสูงแม่นมเกาเหลือบมองออกไป และเห็นว่าลูกค้าคนหนึ่งได้ใส่สร้อยข้อมือทองคำอยู่ในมือ มองดูว่าก็ดูสวยดีเลยให้ห่อมันทั้งหมด รูปแบบดูค่อนข้างทันสมัย แต่หากเทียบกับร้านจิ