แชร์

บทที่ 342

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-04 16:27:54
แม่นมเหลียงมองดูอยู่ข้างๆ รู้แล้ว ไม่ต้องไปยุ่ง

จากนั้นก็พาทุกคนถอยออกไป แล้วปล่อยให้ทั้งคู่ได้จัดการเอง จะด่าหรือทะเลาะกัน แล้วแต่พวกเขาเลย ไม่ควรเข้าไปแทรกแซง

คุณหนูโกรธแล้ว หากพูดโน้มน้าวอยู่ข้างๆ กลัวว่าจะทำเอาความโกรธนี้เพื่มขึ้น เดิมทีคุณหนูก็ไม่ได้โกรธท่านอ๋องอยู่แล้ว แต่โกรธอาจารย์ของนางมากกว่า

ดังนั้นทิ้งทั้งสองอยู่ตามลำพัง นางถึงกับไม่ได้เป็นห่วงท่านอ๋อง

หลังจากเช็ดหน้า ล้างมือเสร็จแล้ว และบ้วนปากด้วยชาอุ่นๆ บนโต๊ะ จากนั้นเขาก็รู้สึกมีสติได้มากขึ้น

สร่างเมาแล้วก็จริง แต่กลับพบว่าซีซีโกรธแล้ว

เขารู้ว่าไม่ได้โกรธเขา เพียงแต่เวลาที่นางโกรธ ใบหน้าที่สวยงามของนางก็เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง และงดงามมากทีเดียว

แสงของเทียนมงคลส่องสว่างทุกสิ่งในเรือนหอ และแถบผ้าแพรไหมที่ผูกเป็นรูปหัวใจนั้นมีติดไว้ทุกที่ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจมาก

เขาไอเล็กน้อยแล้วถามว่า "รูปหัวใจพวกนี้ ส่วนมากเป็นฝีมือของข้า สวยไหม?"

ซ่งซีซีตักแกงให้เขา เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบๆ หากเขาไม่ได้บอก นางยังไม่ได้สังเกตเห็นแถบผ้าแพรไหมที่ผูกเป็นรูปหัวใจพวกนั้น มิใช่ว่ารูปหัวใจไม่มากพอ เพียงแต่คืนนี้ อารมณ์ของกระสับกระส่า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 343

    เซี่ยหลูโม่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของนาง แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า "ข้าไม่ได้โง่สักหน่อยเลย การมีอำนาจทหารจะมีประโยชน์อะไร? อำนาจทางทหารจะเทียบกับเจ้าได้ยังไง บัดนี้ ในประเทศไม่มีสงครามแล้ว ข้ายังกุมอำนาจทางทหารเอาไว้ก็จะทำให้คนอื่นอิจฉา เดี๋ยวจะเป็นเรื่องได้ ต่อให้เขาไม่ได้บังคับข้า ข้าก็ต้องคืนอำนาจทางทหารให้อยู่ดี"ขนาดเขายังยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "หากเขาไม่บังคับข้าแบบนี้ ข้าก็ยังคงปวดหัวอยู่ว่าจะเอ่ยปากมาสู่ขอเจ้ายังไง พอมีกฤษฎีกาจากฮ่องเต้ ข้าเชื่อระหว่างข้ากับการเป็นนางสนม เจ้าจะต้องเลือกข้า เขาช่วยข้าแล้ว"ซ่งซีซีจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ "ท่านนี่ยังรู้สึกปลื้มใจเสียอีก จริงๆ เลย คนโง่ที่ถูกหลอกลวงแล้วยังขอบคุณอีกฝ่ายเสียอีก ท่านนี่และก็เป็นคนแบบนั้น"สาวสวยออดอ้อน จนเขาใจอ่อนระทวยทุกราย ซึ่งอ่อนราวกับเมฆฝ้ายที่โรยด้วยน้ำตาลเขาพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้าสมหวังแล้ว"ซ่งซีซีหรี่ตาลง แต่ใจของนางก็ยังรู้สึกหวานชื่น สมหวังแล้ว นางเองก็เช่นกันมิใช่หรือ?ปรากฎว่าการมีใจให้นกันและกัน จะทำให้คนเรามีความสุขขนาดนี้เขาตักอาหารให้นาง และคีบให้อย่างละนิด "คืนนี้คงหิวแย่สินะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 344

    ชุดนอนของเซี่ยหลูโม่ถูกวางไว้ในห้องอาบน้ำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชุดนอนก็เป็นสีแดงเช่นกัน แต่วัสดุก็นุ่นมาก มีเพียงลายเมฆดำและไม่มีลายปักแบบอื่น เป็นชุดแบบเดียวกันกับซ่งซีซีไม่ใช่ว่าไม่มีลายปักแบบอื่นเลย ที่แขนข้างหนึ่งมีคำว่า "ครองรักนิรันดร์" ส่วนอีกข้างหนึ่งได้ปักคำว่า "มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง" เพื่อเป็นอวยพรเซี่ยหลูโม่แค่อาบน้ำแบบลวกๆแต่ไม่แช่น้ำนาน เขารู้ว่าคืนนี้อาจจะต้องยุ่งจนถึงดึก เลยสระผมไปแล้วเมื่อคืนนี้เขาออกมาจากห้องอาบน้ำ ก่อนจะสวมชุดนอนสีแดงดูสะอาดและหล่อเหลาหลังจากใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาระยะหนึ่ง ผิวของเขาก็ขาวขึ้นมากซ่งซีซียังจำได้ว่าตอนที่นางพบเขาครั้งแรกในสนามรบ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหนวดเครา และมันเรียกได้ว่าสกปรกมาก มันยากที่จะจินตนาการว่าเขาเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านางแสงเทียนมงคลสะท้อนให้เห็นผ้าห่มสีแดงสด และปลาบม่านเตียงก็ไปถึงพื้น เขาจับมือนาง แล้วเดินช้าๆ ไปยังเตียงขนาดใหญ่หัวใจของซ่งซีซีเต้นเร็วขึ้น และฝ่ามือของนางเริ่มมีเหงื่อออก นางไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้กับใครในชีวิตมาก่อนเลยแต่สิ่งที่นางไม่รู้คือ เซี่ยหลูโม่รู้สึกตื่นเต้นมากก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 345

    ในปลายยามเหม่า แม่นมเหลียงก็เคาะประตูอยู่ข้างนอกเนื่องจากห้องนอนแบ่งออกเป็นภายในและภายนอก ประตูห้องนอนจึงอยู่ห้องด้านนอก ส่วนด้านในและด้านนอกถูกกั้นด้วยม่านเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีก็ลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่งเกือบจะพร้อมกันซ่งซีซีลุกขึ้นนั่งและเห็นว่าเซี่ยหลูโม่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลย นางสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นนางก็ตระหนักว่าตนเองก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเช่นกัน นางก็คว้าผ้าห่มแล้วคลุมให้ตนเองทันทีใบหน้าของนางรู้สึกร้อนวูบวาบ และนางเดาว่าตนเองหน้าแดงแล้วแน่ๆเซี่ยหลูโม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และรู้สึกว่าตนเองทำได้ไม่ดีนัก เลยไม่กล้ามองหน้านาง สำหรับการเปลือยกายเช่นนี้ เขาก็ยังไม่ชินในตอนนี้ จึงคว้าชุดนอนมา แล้วสวมใส่มันโดยใช้ผ้าห่มกันไว้หลังจากที่เขาสวมเสร็จแล้ว เขาก็ไอคำหนึ่ง แล้วพูดว่า "ข้าจะลุกขึ้นก่อน เจ้า... เจ้าใส่ชุดนอนก่อน แล้วค่อยให้คนใช้มาเปลี่ยนเสื่อให้"อ๊ะ ทำไมถึงรู้สึกน่าเขินอายขนาดนี้? แม้แต่ดวงตาของนางก็ไม่กล้าที่จะมองเลยแต่ขอแอบมองแวบนึงเถอะนะ ที่แท้สภาพเพิ่งตื่นนอนของนางเป็นแบบนี้ ดูซื่อๆ และเฉื่อยชานิดหน่อย แต่สวยงามและสดชื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 346

    เซี่ยหลูโม่ก็ต้องสวมเครื่องยศเช่นกัน แต่เขาสวมเองไม่ได้ เพราะมันก็ยุ่งยากมาก ดังนั้นในที่สุดเขาก็นำเครื่องยศออกจากห้องแล้วเรียกหัวหน้าลู่และเด็กรับใช้มาสวมให้เขาเขาสวมพระมาลาจิ่วเฉียวเมี่ยน และชเครื่องยศระดับชั้นห้าสีเขียว มีลายมังกรปักอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้าง และเอวของเขาผูกด้วยขอบสีแดง มีจี้หยกที่ด้านซ้ายและด้านขวา ฝั่งละชิ้น ลายเมฆสีทองและมังกรพร้อมลูกปัดหยก บนจี้หยกมีมีตะขอสีทอง เสริมด้วยสายสะพายเล็กสี่สีสายสะพายใหญ่ทอเป็นสี่สี แดง ขาว กำมะหยี่ และเขียว เขามีรูปร่างสูงและเพรียวอยู่แล้ว และการสวมเครื่องยศหรูหราชุดนี้ ดูทรงพลังและสง่างามมากยิ่งขึ้นซ่งซีซียังคงต้องแต่งหน้าแต่งตาสักหน่อย ไม่ว่านางจะสวยแค่ไหนก็ตาม เมื่อต้องไปเข้าเฝ้าก็ไม่เหมาะที่ไปแบบหน้าสดหลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว ซ่งซีซีก็เดินออกไปโดยมีแม่นมเหลียงและพวกเป่าจูล้อมรอบข้างกาย ซ่งซีซีถามถึงรุ่ยเอ๋อร์ก่อน และรู้ว่าเขายังไม่ได้ตื่น อีกอย่างมีรุ่ยจูค่อยดูแลอยู่ นางก็รู้สึกโล่งใจเมื่อสบตากับเซี่ยหลูโม่ที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จอยู่ห้องข้างนอก อาจเป็นเพราะวันนี้ทุกคนต่างก็แต่งตัวอย่างหรูหราแลพเรียบร้อย จึงลืมเรื่องความใกล้ชิดเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 347

    ฉากนี้ช่างสบายตาสบายใจยิ่งนัก ลูกชายหล่อเหลา ซ่งซีซีก็งดงาม และทั้งคู่ก็มีสีหน้าเยือกเย็น หน้าคลายกันมากเป็นคู่รักกันจริงๆเมื่อสักครู่นี้ แม่นมเกามารายงานอย่างเร่งรีบ ได้ยืนยันว่าซ่งซีซีเป็นผู้บริสุทธิ์ และเมื่อคืนนี้นางได้มอบตัวให้กับท่านอ๋องอย่างแท้จริงสนมฮุ่ยไทเฟยพอใจกับสิ่งนี้มาก แต่ก็แค่พอใจที่นางเป็นผู้บริสุทธิ์เท่านั้น ส่วนเรื่องที่ซ่งซีซีได้แต่งงานครั้งที่สองนั้น นางยังไม่ได้ยอมรับไปทั้งหมดนางนั่งตัวตรง ทัศนคติของนางยังดูกำเริบ และดวงตาของนางเต็มไปด้วยแววเคร่งขรึมเซี่ยหลูโม่ระงับความโกรธเคืองเอาไว้ จับมือของซ่งซีซี แล้วเดินเข้าไปคุกเข่าลงและกราบไหว้เพื่อเป็นการคารวะ"ลูกสะใภ้มาถวายน้ำชาให้ไทเฟยเจ้าค่ะ" แม่นมเกายืนข้างๆพร้อมถือถาดแล้วกล่าวซ่งซีซีหยิบถ้วยชา แล้วยื่นให้สนมฮุ่ยไทเฟยด้วยมือทั้งสองข้าง "เสด็จแม่ โปรดดื่มชาเจ้าคะ"สนมฮุ่ยไทเฟยยังคงรออยู่สักพักหนึ่ง ในขณะที่ดวงตาของเซี่ยหลูโม่เกือบจะระเบิดความโกรธออกมานั้น นางถึงค่อยๆ เอื้อมมือออกไปรับถ้วยชา จิบไปคำหนึ่งก็วางไว้ข้างๆ"ให้รางวัล!" เสียงของนางช้าๆ แฝงไปด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยองแม่นมเกาวางถาดลง หยิบสร้อยข้อมือม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 348

    ซ่งซีซียิ้ม นางกัดฟันกรอดจนแทบจะได้ยินเสียงเลย ทว่ายังคงพูดอย่างอ่อนโยนว่า "เสด็จแม่พูดถูก การทำธุรกิจมีขาดทุนบ้างก็ต้องทำกำไรบ้าง โอ้ จริงสิ ร้านจิน ท่านกับนางคนละครึ่งหรือเปล่า ได้ทำข้อตกลงไว้หรือยัง ตั้งแต่เปิดร้านจนถึงปัจจุบันนี้ได้อ่านสมุดบัญชีหรือไม่?"สนมฮุ่ยไทเฟยทำท่าภูมิใจราวกับนกยูง "แน่นอนว่าทำข้อตกลงไว้แล้ว เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง ไม่ใช่คนละครึ่ง ข้าครองเจ็ดส่วน ได้อ่านสมุดบัญชีอยู่แล้ว ส่งมาทุกๆ สามเดือน ข้าตรวจสอบแล้ว มันขาดทุนจริง""เอ๊ะ เสด็จแม่มีส่วนเยอะกว่า เช่นนี้ หากขาดทุน งั้นไม่ใช่ว่าท่านต้องออกเงินเยอะกว่าเพื่อเอามาอุดหนุนให้แล้วหรือ เงินที่ออกให้ในช่วงหลายปีนี้ ท่านได้จดบันทึกไว้หรือไม่?""แน่นอนว่ามีการจดบันทึกไว้ เงินทุกเบี้ยที่ข้าออกให้ ข้าจดไว้หมดเลย"ซ่งซีซีคิดในใจว่าค่อยยังชั่ว "งั้นเสด็จแม่จำได้หรือไม่ว่าทั้งหมดได้ออกเงินไปเท่าไร"สนมฮุ่ยไทเฟยพูดอย่างไม่พอใจ "ใครจะจำในสมองได้ ต้องดูสมุดบัญชีสิ แต่น่าจะหลายหมื่นตำลึง""โอ้!" ซ่งซีซีเหลือบมองเซี่ยหลูโม่ซึ่งมีใบหน้าไม่สบอารมณ์จนถึงที่สุด แล้วถามต่อว่า "เสด็จแม่คงยังไม่เคยไปร้านจินสินะ"สนมฮุ่ยไทเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 349

    สายตาของไทเฮาต้องเฉียบแหลมขนาดไหนเชียว พอเห็นแวบหนึ่งก็มองออกว่าน้องของตนเองไม่สบอารมณ์เมื่อเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้และหวงโฮ่วนั้น นางก็ให้สนมฮุ่ยไทเฟยและแม่นมเกาอยู่ต่อนางพูดกับแม่นมเกาก่อนว่า "ตอนนี้ไปอยู่ในจวนแล้ว ไม่เหมือนอยู่ในวัง ต้องสุงสิงกับผู้คนมากมาย หากเกิดอะไรผิดพลาด พูดอะไรไม่เข้าหูไปทำให้คนเขาโกรธแค้น มันล้วนไม่เป็นผลดีต่อจวนเป่ยหมิงอ๋อง ดังนั้น ต้องระวังคำพูดและการกระทำของตนเองเป็นพิเศษให้มากขึ้น ต้องไม่ทำผิดแม้แต่น้อย เจ้านายของเจ้าถือว่าเจ้าดูแลมาตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมาเจ้าก็เอาแต่ใจนาง แต่หากทีหลังพบเจออะไรที่ผิดปกติ ต้องบอกกับนางทันที หากนางต้องทำอะไรที่ไม่เหมาะสม เจ้าก็คอยเกลี้ยกล่อมนางเอาไว้หน่อย ได้ยินไหม"แม่นมเกาตอบด้วยความเคารพ "เพค่ะ ข้าน้อยรับทราบเพค่ะ"สนมฮุ่ยไทเฟยเบะปาก "ท่านพี่ ข้าทำผิดตรงไหนเหรอ? อีกอย่าง จากนี้ไปข้าจะดูแลและจัดการกิจการทั้งภายในและภายนอกของจวนอ๋อง ด้วยความช่วยเหลือจากแม่นมเกาและหัวหน้าลู่ อีกทั้งมีอาจารย์หยูคอยให้คำแนะนำด้วย จะเกิดอะไรผิดพลาดได้อีกล่ะ""เจ้าดูแลจวนอ๋องงั้นเหรอ?" ไทเฮาโบกมือแล้วส่ายหัว "ไม่ได้การ เจ้าแค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 350

    ฮ่องเต้และหวงโฮ่วได้ต้อนรับเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีที่ตำหนักหยีเดี้ยนหลังจากกราบไหว้เสร็จแล้ว ฮ่องเต้พระราชทานนั่งลง หวงโฮ่วฉีมองดูซ่งซีซีที่แต่งกน้าเบาๆ นางก็ถอนหายใจเบาๆโชคดีที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีหากให้นางเข้าวังจริงๆ เกรงว่าวังหลังนี้คงจะเป็นของซ่งซีซีแล้วหน้าตาที่งดงามเพียบพร้อมเช่นนี้ นางสนมในวังหลังคงไม่มีใครเทียบได้กระมังนางมองไปที่ฮ่องเต้โดยไม่รู้ตัว และเห็นว่าฮ่องเต้กำลังมองดูซ่งซีซีอยู่ แต่ใจของนางก็อดไม่ได้ที่เต้นผิดจังหวะ สายตานี้ นางคุ้นเคยมากเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นสตรีที่ทำให้เขาหวั่นไหวนั้น สายตาของเขาก็จะดูพิเศษอยู่เสมอนางรู้สึกดีใจอีกครั้งที่ซ่งซีซีแต่งงานกับเซี่ยหลูโม่แล้วเมื่อพูดถึงคำสั่งที่ฮ่องเต้ออกให้ในเวลานั้น นางกลัวมากจนนอนไม่หลับไปหลายคืน หากเป็นสตรีทั่วไปก็ไม่ว่าอะไร แต่นางคือซ่งซีซี ท่านพ่อและพี่ชายที่เสียชีวิตในสนามรบของนางนั้นมีน้ำหนักอยู่ในใจของฮ่องเต้มากเกินไป อีกอย่างรูปร่างหน้าตาของนางก็สวยโดดเด่นเกินไปโชคดีที่สิ่งที่นางกังวลนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ซ่งซีซีกลับเป็นน้องสะใภ้ของนางแทนดังนั้น รอยยิ้มของหวงโฮ่วที่มีต่อซ่งซีซีในวันนี้จึงยิมจริงใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1372

    เซี่ยทิงเหยียนถือร่มก้าวเข้ามาในลานเรือนของท่านอ๋องฮุย เขาเดินอย่างองอาจตรงเข้าไปในห้อง สั่งให้คนรอบข้างถอยออกไป แม้แต่กู้ชิงหยิงก็ไม่อาจอยู่ด้วย ท่านอ๋องฮุยเพิ่งเสวยเสร็จ บนโต๊ะยังมีเศษอาหารเหลืออยู่ พวกบ่าวกำลังจะมาเก็บกวาด เซี่ยทิงเหยียนนั่งลง หยิบตะเกียบและถ้วยของท่านอ๋องฮุยขึ้นมา แล้วลงมือกินเศษอาหารเหล่านั้น เขายังคงกินด้วยท่าทีสง่างามเช่นเคย แต่กลับทำให้ท่านอ๋องฮุยรู้สึกทั้งโกรธและขยะแขยง เขาเป็นผู้เลี้ยงดูเซี่ยทิงเหยียนมาตั้งแต่เด็ก กิริยาท่าทางของเขาไม่เคยขาดตกบกพร่องไปจากคุณสมบัติของเจ้าเมืองผู้สงบสำราญ แต่น่าเสียดายที่เขากลับเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และความโหดเหี้ยมเกินใคร เขากินอาหารที่ท่านอ๋องฮุยเหลือจนหมด แล้ววางตะเกียบลง ใช้ผ้าเช็ดปากพลางกล่าวว่า “ไม่ควรปล่อยให้ข้าวปลาเสียเปล่า ลูกหิวพอดี เสด็จพ่อคงไม่ถือสาหรอกนะ?” ท่านอ๋องฮุยกล่าวเย็นชา “ไม่เป็นไร อย่างไรของที่เหลือก็เอาไปให้หมากินอยู่แล้ว เจ้ากินไปก็เหมาะสมดี” “ถ้าลูกเป็นหมา แล้วเสด็จพ่อเป็นอะไรล่ะ?” เขายิ้มบางเบา พลางพูดต่อว่า “ลูกมาแจ้งข่าวดีให้เสด็จพ่อฟัง อีกไม่นาน พวกเราจะสมหวังตามที่ปรารถ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1371

    คำทำนายของสำนักฉินเทียนไม่ผิด ปีนี้ฝนตกชุกจริงๆ วันที่ 18 เดือนเจ็ด เมืองหลวงมีฝนตกหนัก ที่ชานเมืองหลวง สายลับของหนิงจวิ้นอ๋องพบเห็นกองกำลังหนึ่งเร่งฝ่าสายฝนมุ่งตรงสู่เมืองหลวง พวกเขาเป็นชาวบ้านจากไร่นา การเข้าเมืองจึงไม่ใช่เรื่องยากนัก เมื่อสายลับจำได้ว่าผู้นำกองกำลังนั้นคือชิวเหมิง เขาจึงรีบแบกตะกร้าผลไม้เข้าเมืองทันที ไม่มีใครสนใจกับชาวบ้านแบบนี้ เพราะทุกวันมีคนจากหมู่บ้านถือผลไม้เข้ามาในเมืองมากมาย บ้างก็มาตั้งแผงขาย บ้างก็นำไปเสนอขายให้กับบ้านขุนนางผู้มีเกียรติดังนั้น เขาจึงสามารถมาถึงประตูหลังของจวนอ๋องฮุยได้อย่างราบรื่น เมื่อประตูเปิดออก เขาก็รีบแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ภายในห้องหนังสือ เซี่ยทิงเหยียนนั่งตัวตรง สีหน้าสงบ หลังจากฟังรายงานเสร็จ “เจ้ามั่นใจว่าเห็นอาจารย์ชิวหรือ?” เซี่ยทิงเหยียนถามเสียงเรียบโดยไม่แสดงความตื่นเต้นใดๆ ยิ่งในช่วงเวลาเช่นนี้ เขายิ่งต้องรักษาความสงบนิ่ง “ทูลท่านอ๋อง ข้าเห็นอย่างชัดเจน เป็นอาจารย์ชิวแน่นอน” “ฝนตกหนักขนาดนี้ เจ้าดูได้ชัดเจนหรือ?” เซี่ยทิงเหยียนกล่าวขณะเสียงฝนที่กระทบหลังคาดังก้องจนแทบกลบเสียงเขา “เห็นชัดเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1370

    ในที่สุด อ๋องเยี่ยนก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเขาพ่ายแพ้อย่างหมดท่าแล้ว ริมฝีปากเขาสั่นระริก ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนทรุดนั่งลงกับพื้น ความหวาดกลัวและความตื่นตระหนกถูกขยายใหญ่ขึ้นในจิตใจ เขานึกถึงจุดจบของกบฏในประวัติศาสตร์ที่ล้มเหลว ยิ่งทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่าง แต่ก่อน เขาไม่ใช่ว่าจะไม่เคยคิดจุดจบหากพ่ายแพ้มาก่อน แต่ก็คิดเสมอว่าหากต้องล้มเหลว อย่างมากเขาก็คงแค่ยอมให้ตนเองถูกประหารชีวิต หรือไม่ก็จบชีวิตตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานจากการถูกทรมานต่าง ๆทว่า ตอนนี้เขากลายเป็นนักโทษในคุก ทั้งปิ่นปักผมยังถูกยึดไป ผมเผ้ายุ่งเหยิง ถูกกักขังอยู่ในห้องขังที่ล้อมด้วยซี่ลูกกรงเหล็กสามด้าน อีกด้านเป็นผนังแข็งแกร่ง แม้จะพุ่งศีรษะชนผนังก็อาจไม่ถึงตาย ด้านนอกคุกมีคนคอยเฝ้าอย่างแน่นหนา ต่อให้คิดจะตาย ก็อาจไม่สมหวังและยิ่งต้องทนทรมานมากกว่าเดิม สิ่งที่มากกว่านั้นคือความไม่ยอมพอใจในโชคชะตา ทำไมเขาถึงตกต่ำได้ถึงเพียงนี้? ต่อให้ล้มเหลว อย่างน้อยคนข้างกายก็ควรจะเป็นผู้ที่พร้อมตายไปด้วยกัน แต่ในตอนนี้แม้จะมีคนอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีใจเดียวกัน เขามองทั้งสองคนด้วยความแค้นเคือง ก่อนหัวเราะเส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1369

    หากทำศึกในพื้นที่เปิด พวกเขายังสามารถถอยร่นไปพลางสู้ไปพลางได้ ตราบใดที่สามารถถอยไปยังจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบ สถานการณ์ก็พลิกกลับได้ง่าย ดังนั้น เจ้าสิบเอ็ดฝางจึงต้องหาทางตัดเส้นทางถอยของพวกเขา ล้อมให้ติดอยู่ที่นี่จนกว่าจะเอาชนะได้ หรือพวกเขายอมแพ้ ในเมืองเยี่ยนโจว อู๋เซี่ยงก็ถูกจับกุม และถูกคุมขังรวมกับอ๋องเยี่ยนและคนอื่นๆ เมื่ออ๋องฮวยเห็นดังนั้น ก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ “อาจารย์อู๋เซี่ยง เจ้าถูกจับด้วยได้อย่างไร? หรือว่าชิวเหมิงพ่ายแพ้แล้ว?” เสื้อผ้าของอู๋เซี่ยงขาดวิ่น มีบาดแผลหลายแห่ง เลือดที่มุมปากก็แห้งกรังไปแล้ว เขาดูอิดโรยอย่างยิ่ง อ๋องเยี่ยนในตอนนั้นยังไม่ตระหนักว่าเขาถูกทรยศ ทั้งคืนเขาเอาแต่กังวลว่าทำไมไม่มีใครมาช่วย คิดว่าคงพึ่งพาชิวเหมิงไม่ได้แล้ว แต่เขายังคงหวังว่าเฮ่อซวงจื้อจะนำกองกำลังส่วนตัวมาช่วย แม้ชิวเหมิงจะไม่มาถึง แต่เฮ่อซวงจื้อจะต้องมา เมื่อเห็นว่าอู๋เซี่ยงถูกจับมาด้วย หัวใจที่คอยพะวงของเขาก็แทบจะมอดไหม้ไปสิ้น เขาเคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลว แม้กระทั่งตอนที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อล่อศัตรูให้เข้ามาในเมือง เขาก็เตรียมใจไว้แล้วสำหรับความพ่ายแพ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1368

    จินซิวเต๋อก็สับสนไม่แพ้กัน “ข้าก็ไม่รู้ ท่านชิวเหมิงบอกข้าด้วยปากของตนเอง” อู๋เซี่ยงเริ่มตื่นตระหนก ชิวเหมิงขึ้นชื่อว่าเป็นผู้วางแผนไร้ที่ติ เขาพูดเองว่าจะมาถึงก่อนตะวันตกดิน ก็ย่อมจะมาถึงก่อนเวลา ไม่ใช่หลังเวลา “หรือจะมีกองซุ่มโจมตีระหว่างทาง? เป็นไปไม่ได้ ข่าวก่อนหน้านี้รายงานว่า กองทัพของมู่ฉงกุยกระจายตัวไปปราบโจรและเดินทางไปยังแคว้นเยว่แล้ว ไม่มีทางกลับมาได้ทันเวลา” “ถ้ามีกองทัพซุ่มโจมตีระหว่างทาง ท่านชิวเหมิงคงส่งข่าวมาแล้ว พวกเขามีสายสืบอยู่” จินซิวเต๋อพูดด้วยใบหน้าซีดเผือด “ท่านอาจารย์ แล้วเราจะทำอย่างไร? พวกเราไม่อาจสู้กองทัพเมืองหลวงได้เลย” อู๋เซี่ยงสูดหายใจลึกๆ หลายครั้งก่อนจะกล่าวอย่างสงบ “ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงปกป้องตัวเอง หาทางหนีออกไปเพื่อสมทบกับชิวเหมิง” “ถ้าเช่นนั้น เมืองเยี่ยนโจวก็ต้องแตกแน่” จินซิวเต๋อพูดอย่างร้อนรน “พวกเรามีครอบครัวมากมาย จะอพยพพวกเขาไปได้อย่างไร? ประตูเมืองถูกปิดหมดแล้ว เราทำได้แค่หนีไปทางเขาโต้วขุย แต่มีคนแก่ เด็ก และสตรีมากมาย เราจะทำอย่างไรดี?” อู๋เซี่ยงสั่งการเหล่าบ่าวไพร่และองครักษ์ในจวนอ๋องเยี่ยน “ตอนนี้ไม่ต้องสนใจมากนัก เอาต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1367

    ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกกันอยู่นั้น อูโซเว่ยก็ได้นำกลุ่มคนจากยุทธภพมาถึงหนิงโจว จังหวะเวลานั้นถูกคำนวณไว้อย่างดี เพราะในหนิงโจวขณะนี้ไม่มีใครคุมการปกครองได้ ขุนนางส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนของหนิงจวิ้นอ๋อง แต่กองกำลังที่พอจะต่อสู้นั้นถูกส่งออกไปจนหมด เหลือเพียงทหารพันนายกับเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการเท่านั้น อูโซเว่ยถืออาญาสิทธิ์ตรงไปยังจวนผู้ว่าการ สั่งปลดผู้ว่าการออกจากตำแหน่ง และเข้ายึดจวนทันที ในขณะเดียวกัน หัวหน้าตระกูลเสิ่นก็นำกองกำลังจากหลายสำนักคุ้มกันและขบวนการค้าต่างๆ มาสมทบ การศึกในหนิงโจวครั้งนี้จัดการได้ง่ายที่สุด ด้วยตราอาญาสิทธิ์ของท่านอ๋องฮุย จวนหนิงจวิ้นอ๋องจึงถูกสั่งปิด ตอนนี้จวนหนิงจวิ้นอ๋องไม่มีคนของท่านอ๋องฮุยอยู่แล้ว พวกคนเก่าทั้งหมดถูกขับไล่ไปยังไร่ในชนบท หลังจากที่อูโซเว่ยยึดศาลาว่าการได้ เขาก็นำกำลังตรงไปยังจวนหนิงจวิ้นอ๋องจับกุมเหล่าที่ปรึกษาและผู้ดูแลทั้งหมดไว้ ทรมานเค้นความจริงจนได้รหัสลับที่ใช้ในการติดต่อออกมา อีกทั้งยังยึดนกพิราบสื่อสารของชิวเหมิงไว้ทั้งหมด นกพิราบแต่ละตัวมีเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า บางตัวใช้สำหรับติดต่อกับหนิงจวิ้นอ๋อง เซี่ยทิงเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1366

    อ๋องเยี่ยนและอ๋องฮวยถูกคุมตัวออกมาจากประตูเมือง โดยที่อู๋เซี่ยงเป็นคนพาพวกเขาออกมาเอง อ๋องฮวยนึกว่าเมื่อถึงตอนส่งตัว อู๋เซี่ยงจะสั่งให้คนปล่อยเขา แต่พอทหารจากกองทัพเมืองหลวงเข้ามาจับกุมกลับไม่มีคำสั่งใดๆ จากอู๋เซี่ยง เขาเริ่มหวาดหวั่น พยายามดิ้นรนมองไปที่อู๋เซี่ยง ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม อู๋เซี่ยงพยักหน้าให้เล็กน้อยเพื่อให้เขาวางใจ แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจ เพราะก่อนหน้านี้บอกไว้เพียงแค่จะมัดเขาออกไปด้วย แต่จะส่งมอบเฉพาะพี่สามเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับส่งตัวเขาพร้อมกับเขาให้ทหารจากเมืองหลวง หรือนี่หมายความว่าพวกเขาตั้งใจจะสละเขา? คิดได้ดังนั้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที “ข้าไม่มีความผิด ข้าเป็นคนจับอ๋องเยี่ยนไว้ พวกเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” เจ้าสิบเอ็ดฝางมองเขาอย่างเย็นชา “โง่เขลา!” “อู๋เซี่ยง!” หัวใจของอ๋องฮวยราวกับตกลงไปในหุบเหว เขาหันไปมองอู๋เซี่ยงอย่างร้อนรน ใบหน้าจากแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนเป็นวิงวอน “ท่านอู๋เซี่ยง ท่านก็รู้ว่าข้าถูกใส่ร้าย ข้าไม่ได้คิดก่อกบฏ รีบบอกท่านแม่ทัพฝางให้ชัดเจนเสียที!” อู๋เซี่ยงหลุบตาลง กล่าวอย่างสงบว่า “เชื่อว่าฮิ่งเต้ของพวกเราจะทรงตัดสินค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1365

    อ๋องเยี่ยนยังไม่รู้ว่าการเจรจาครั้งนี้เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า สุดท้ายแล้วเขาจะถูกส่งมอบออกไป เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อให้กองกำลังของเจ้าสิบเอ็ดฝางบุกเข้าเมือง เจ้าสิบเอ็ดฝางยอมรับข้อเสนอการเจรจา เขาเดินทางไปเพียงลำพัง ฝ่ายอู๋เซี่ยงก็ไปเพียงคนเดียวเช่นกัน แม้จะมีคนติดตามอยู่ แต่ก็อยู่ห่างออกไปสิบจั้ง อู๋เซี่ยงแสร้งแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ขุนนางส่วนใหญ่ในเยี่ยนโจว รวมถึงตัวเขาเอง ต่างไม่รู้ว่าอ๋องเยี่ยนคิดก่อกบฏ ส่วนคนที่รู้ก็เพราะถูกข่มขู่ด้วยอำนาจของอ๋องเยี่ยนจนไม่กล้าพูด เจ้าสิบเอ็ดฝางแสดงท่าทีไม่เชื่อ คิดว่าพวกเขาล้วนสมคบคิดกันมานานแล้ว ท่าทีที่แข็งกร้าวของเจ้าสิบเอ็ดฝาง ทำให้อู๋เซี่ยงเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางสืบรู้เกี่ยวกับหนิงจวิ้นอ๋องหรือกองกำลังลับที่กำลังเดินทางมา นอกจากจะประเมินจากท่าทีของเขาแล้ว อู๋เซี่ยงยังมีความเชื่อมั่นในชิวเหมิงอย่างมาก ความนับถือและความไว้วางใจนี้ มาจากความสามารถของชิวเหมิงที่สามารถเกลี้ยกล่อมตระกูลเสิ่นได้ ก่อนหน้านี้ ทั้งอู๋เซี่ยงและอ๋องเยี่ยนพยายามมานานเพื่อดึงตระกูลเสิ่นเข้าร่วม แต่ก็ไม่อาจทำให้หัวหน้าตระกูลเสิ่นยอมรับได้ การที่ตระ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1364

    เจ้าสิบเอ็ดฝางได้รับรายงานจากสายลับมานานแล้วว่า มีกองกำลังลึกลับหลายกลุ่มกำลังรวมตัวกันนอกหนิงโจว และกำลังมุ่งหน้ามายังเยี่ยนโจว ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาก็ได้รับจดหมายจากอาจารย์หยู เตือนว่าอ๋องเยี่ยนอาจแสร้งยอมแพ้ ล่อลวงให้กองทัพเข้ามาในเมือง จากนั้นก็ทำศึกประสานภายในและภายนอก เขายังรู้อีกว่า อ๋องเยี่ยนเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของหนิงจวิ้นอ๋องเท่านั้น เขาเองก็เคยเป็นสายลับเก็บข่าวมาหลายปี เพียงมีข้อมูลสองสามจุด เขาก็สามารถวิเคราะห์สถานการณ์และวางกลยุทธ์ได้ หลูหงกับฉีฟางที่เดิมควรจะประจำอยู่ในเมืองหลวง กลับปรากฏตัวที่นอกเยี่ยนโจวเพื่อสมทบกับเขาเมื่อวานนี้ ตอนแรกเขารู้สึกประหลาดใจ เพราะเมืองหลวงควรเป็นที่ที่อันตรายที่สุด เหตุใดจึงส่งทั้งสองคนนี้มาที่นี่ เมื่อได้ฟังฉีฟางอธิบาย เขาจึงรู้ว่าอาจารย์ของใต้เท้าซ่ง ประมุขแห่งสถาบันว่านซงเหมิน ได้เดินทางไปยังเมืองหลวงด้วยตนเอง และนำคนจากยุทธภพไปช่วย เขาจึงวางใจ คนจากยุทธภพโดยทั่วไปจะไม่เข้าร่วมการเมืองของราชสำนัก แต่หากมีขบถสร้างความวุ่นวาย พวกเขาจะลงจากเขาเพื่อรักษาความยุติธรรม เหตุการณ์เช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน คนอื่นเขาอาจไม

DMCA.com Protection Status