เสียงกรีดร้องจากหอประชุมดังขึ้นเรื่อยๆ หงเซียวทิ้งท้ายไว้คำหนึ่งแล้วก็รีบวิ่งไปที่หอประชุม "อย่าวิ่งไปไหน หาที่ซ่อนก่อน"ในหอประชุม กั๋วไท่ฮูหยินและเจิ้งฮูหยินหวาดกลัวจนแทบทนไม่ไหว รีบไปปกป้องบรรดาคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหยานหรูอวี้และคุณหนูใหญ่หวู่ถือไม้กระบองไว้ในมือ ทุบตีชายเหล่านั้นด้วยความกลัว ด้วยเกรงว่าพวกเขาจะแตะต้องคุณหนูที่อยู่ข้างหลังอย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของหยานหรูอวี้มีจำกัด นางเห็นชายคนนั้นกำลังจะกอดจูช่างอวี่ แต่จูช่างอวี่กรีดร้อง นางจึงกระแทกไม้กระบองใส่ แต่ชายคนนั้นไม่ได้ล้มลง แต่กลับวิ่งเข้าไปหานางด้วยรอยยิ้มเมื่อหงเซียวมาถึง หยานหรูอวี้ก็ถูกชายคนนั้นกอดไว้แล้ว แถมยังยื่นปากเข้าไปที่ใบหน้าของหยานหรูอวี้ หยานหรูอวี้พยายามอย่างหนักที่จะผลักเขาออกไป แต่ไม่มีกำลังเท่าผู้ชาย จึงทำได้เพียงข่วนใบหน้าของชายคนนั้นแบบมั่วๆ ยับยั้งไม่ให้เขาใช้ปากแตะโดนใบหน้าของตัวเองเมื่อเห็นแบบนี้ หงเซียวก็โกรธมาก คว้าด้านหลังของชายคนนั้นด้วยมือเดียว แล้วโยนเขาลงกับพื้นอย่างแรง แถมยังกระทืบท้องของเขา ทำให้ชายคนนั้นกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดหงเซียวแย่งไม้กระบองของคุณหนูหวู่ แล้วฟ
ซ่งซีซีมาถึงในเวลานี้ ตอนที่ยังไม่เข้ามานางก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มีบางคนเบียดแน่นอยู่ข้างนอกไม่สามารถเข้ามาได้ แต่ทุกคนได้ยินถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ต่างก็คาดเดาอยู่ข้างนอกหลังจากที่ซ่งซีซีเข้ามาก็กวาดตามองไปรอบๆ ฟังเสียงประท้วงของทุกคน เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทันทีที่นางปรากฏตัว ฮูหยินทุกคนก็รีบเข้ามาหานาง แล้วถามนางว่าจะทำอย่างไรดี แม้จะไม่กล้ามีคำถามกับนาง แต่คำพูดก็แฝงไว้ด้วยความสงสัยและต้องการคำอธิบายเพียงแต่คำพูดและท่าทีไม่ดุดันเหมือนเมื่อครู่ใบหน้าของซ่งซีซีไม่ได้เคร่งเครียด แต่ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่คาดคิดว่าในวันสุดท้ายก่อนจะถึงวันหยุดจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นวันนี้ประตูใหญ่ของสถาบันการศึกษาสตรีจะเปิด เนื่องจากนักเรียนต้องนำสิ่งของติดตัวไปด้วยมากมายในช่วงวันหยุด ล้วนเป็นสมาชิกในครอบครัวขุนนาง ดังนั้นโดยทั่วไปเหล่าคนรับใช้จะมีการควบคุมเข้มงวดมาก ดังนั้นเดิมทีก็ไม่มีอะไรต้องกังวลกลับไม่คาดคิด ว่าคนร้ายฉวยโอกาสนี้ หลังจากที่ประตูเปิดก็บุกเข้ามา ก่อนที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะมาถึงด้วยซ้ำ แบบนี้เมื่อสามารถบุกเข้ามาได้แล้ว ก็ทำให้ทุกคนเห็นว่าพวกคุณหนูเกือบจะถูกลวนลาม ทำให้เกิด
ซ่งซีซีอพยพนักเรียนและผู้ปกครองอย่างเป็นระเบียบไปก่อน โดยไม่บอกให้พวกเขาเก็บเป็นความลับ เพราะเก็บไว้ไม่ได้แล้วจากนั้นก็ให้หงเซียวไปเชิญให้ชิงเชวี่ยและคนจากสำนักเขตจิงจ้าวมา คนผู้นี้จะต้องถูกมัดตัวไปสอบสวนอย่างแน่นอน และเห็นได้ชัดว่าเขาถูกวางยา ที่เชิญชิงเชวี่ยก็เพื่อตรวจดูว่าใช้ยาชนิดใดส่วนคนที่หลบหนีก็ถูกลู่เจินพาคนไปจับตัวมา และพวกเขาก็ถูกนำตัวกลับมาทั้งหมดคนอื่นๆ เริ่มมีสติขึ้นแล้ว แต่คนที่ยังไม่มีสติ เมื่อมองดูซ่งซีซีและหงเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหายซ่งซีซีเข้าไปกอดหยานหรูอวี้ก่อน ยานหรูอวี้ก็สงบลง แล้วนางก็หันกลับมาปลอบซ่งซีซีว่า "ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร"“เด็กโง่ เจ้าไม่ควรพูดแบบนั้น เจ้ากำลังทำลายตัวเอง” กั๋วไท่ฮูหยินรู้สึกปวดใจแทนนาง ถอนหายใจเฮือกๆ “แบบนี้จะทำอย่างไรดี”รอยยิ้มที่สั่นเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าซีดเซียวของหยานหรูอวี้ "กั๋วไท่ฮูหยินไม่ต้องห่วงข้าเจ้าค่ะ เดิมทีข้าก็ไม่คิดจะแต่งงานอยู่แล้ว สำหรับข้าชื่อเสียงเป็นเพียงภาระที่หนักอึ้ง ตอนนี้ข้าไม่เหลือชื่อเสียงแล้ว กลับทำอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น"“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เจ้านำภัยพิบัติมาสู่ตัวเอง ผู้คนภายนอก...เ
ซ่งซีซีรู้สึกผิดในใจของนางอย่างไม่อาจบรรยายได้ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางต้องออกไปข้างนอกตอนกลางคืนเพราะเรื่องของหอหนานเฟิง จนเกือบลืมเรื่องในสถาบันการศึกษาหญ่าจวินไปหมดศิษย์พี่เสิ่นบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าสถาบันการศึกษาสตรีควรระมัดระวังให้มากกว่านี้ ถ้านางส่งคนมาเพิ่มอีกสักคน มันคงไม่เป็นแบบนี้คนจากสำนักเขตจิงจ้าวมาถึงก่อน เป็นใต้เท้าขงที่มาด้วยตัวเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสำนักเขตจิงจ้าวให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเพียงใดทั้งหมดมีหกคน ล้วนถูกมัดไว้ เมื่อถูกตบไม่กี่ครั้ง ทุกคนได้สติ ยกเว้นคนที่ลวนลามหยานหรูอวี้คนเดียวแล้วจึงรายงานตัวตนของพวกเขา ทั้งหกคนล้วนเป็นคนทำงานหนักบนท่าเรือ ช่วยคนขนถ่ายสินค้าและขนแผ่นทองแดงจำนวนมากทุกวัน เมื่อผ่านไปหนึ่งเดือน ก็จะได้รับเงินสองพวงจากการทำงานหนักและเมื่อคืนที่ผ่านมา หัวหน้าคนงานท่าเรือได้จัดงานเลี้ยง ทั้งเก้าคนนั่งดื่มสุรากัน บอกว่ามีงานให้ทำ ถ้าทำสำเร็จก็จะได้เงินห้าสิบตำลึงงานนี้ง่ายมาก ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก นั่นก็คือบุกเข้าไปก่อความวุ่นวายสถาบันการศึกษาสตรี ไม่จำเป็นต้องก่อกวนอะไรมาก เพียงแค่ต้องบุกเข้าไปทำให้นักเรียนในสถาบันการศึกษ
คนเหล่านั้นตกใจจนฉี่ราด โดยเฉพาะเฉินฮั่นที่ลวนลามหยานหรูอวี้ เขาร้องไห้เสียงดัง ลากขาที่หักอยู่คุกเข่าลงกับพื้น ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย โขกศีรษะคำนับซ่งซีซีและใต้เท้าขงไม่หยุด "ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ข้าน้อยไม่กล้าโลภเงินอีกแล้ว ใต้เท้าโปรดยกโทษให้ด้วย ที่บ้านของข้าน้อยยังมีคนแก่ป่วย และลูกสาวที่ยังไม่ครบขวบเดือน หากข้าน้อยติดคุก ครอบครัวของข้าจะทำอย่างไร?”เสียงร้องไห่ของเขาโหยหวน เต็มไปด้วยความสิ้นหวังใต้เท้าขงออกคำสั่ง “พาตัวไป!”คนที่ทำสิ่งเลวร้ายอาจมีภูมิหลังที่น่าสังเวช แต่นี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวในการฝ่าฝืนกฎหมายคนของทางการเห็นมาเยอะแล้ว แต่สุดท้ายทางการก็ยังต้องทำตามกฎ กลุ่มคนวุ่นวายกลุ่มหนึ่งจากไป ผู้ที่มาก่อกวนก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน มีความเงียบงันในสถาบันการศึกษาสตรี ทุกคนนั่งด้วยกันและไม่พูดอะไรหงเซียวไปเติมถ่านหนึ่ง ทำให้ห้องอุ่นขึ้นบ้าง เพราะไหล่ของหยานหรูอวี้สั่นตลอดเวลาตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งอยู่ที่นี่ เจิ้งฮูหยิน กั๋วไท่ฮูหยิน คุณหนูใหญ่หวู่ หยานหรูอวี้ รวมถึงซ่งซีซีที่เป็นเจ้าสำนักและหงเซียวผู้คุ้มกันชั่วคราวในสถาบันการศึกษาสตรีมีแม่บ้านสาวใช้ และแม่ครัวอยู่ เมื
ในระหว่างทางที่นางกลับบ้าน ได้ยินผู้คนที่จับกลุ่มคุยกัน ต่างก็พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวินวันนี้สถาบันการศึกษาสตรีและโรงงานได้รับความสนใจมาโดยตลอด เมื่อเกิดเหตุใหญ่โตเช่นนี้แล้ว จะไม่สร้างความฮือฮาได้อย่างไร?โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของหลานสาวไท่ฟู่ สตรีที่สูงส่งล้ำค่าเช่นนั้น กลับถูกคนหยาบช้าบ้าบิ่นลวนลาม ต่อไปจะมีคุณชายบ้านไหนกล้าสู่ขอนาง?หลายคนบอกว่านางโง่ เป็นคุณหนูสูงส่งอยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ กลับอยากไปเป็นอาจารย์หญิงอะไรนั่น คราวนี้เป็นอย่างไร ชาตินี้ถูกทำลายไปชั่วชีวิตซ่งซีซีจงใจขี่ม้าอย่างช้าๆ โดยหวังว่าจะได้ยินคำชมจากผู้คนที่หยานหรูอวี้ปกป้องนักเรียน แต่น่าเสียดายที่นางไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียวนางรู้สึกเศร้ามากตั้งแต่นางกลายเป็นผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย นางต้องเผชิญกับความยากลำบากและการลอบสังหารมากมายตลอดทาง ไม่ใช่ทุกการเคลื่อนไหวจะประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าโรงงานจะมีอุปสรรคมากมาย แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังใจถูกทำลาย รู้สึกว่ามีหลายเรื่องที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ขอเพียงพยายามทำให้ดีที่สุดแต่คราวนี้ ขวัญและกำลังใจทั้ง
ไทเฮาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกิจการต่างๆ มาหลายปีแล้ว แต่สนใจเพียงสถาบันการศึกษาสตรีแห่งนี้เป็นพิเศษ ซึ่งพระนางได้มีพระราชเสาวนีย์ด้วยตัวเอง “เป็นไปได้ไหม นักเรียนที่ไปเรียน มีการทะเลาะเบาะแว้งกันเองในจวน?” ซ่งซีซีถามอาจารย์หยูถอนหายใจ "ถ้าเป็นเช่นนี้ ขอบเขตก็ยิ่งกว้างขึ้น แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้"ในจวนหลายแห่งดูเหมือนว่าภรรยาเอกและอนุจะเข้ากันได้ดี แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น อนุ แม้แต่อนุฐานะสูงก็ไม่กล้าที่จะเย่อหยิ่งต่อหน้าภรรยาเอก มีข้อยกเว้นคือ เจ้านายเข้าข้างอนุ ซึ่งนำไปสู่ความไม่มั่นคงของสถานะภรรยาเอก ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ระหว่างภรรยาเอกและอนุจะดุเดือดมาก ไม่ว่าจะเป็นคำดูหมิ่นประเภทใดก็ล้วนน้ำมาใช้ทั้งหมดตัวอย่างเช่น ภรรยากับอนุต่างก็มีบุตรีเหมือนกัน แต่บุตรีของภรรยาเอกได้ไปเรียนที่สถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวิน แต่บุตรีอนุไม่สามารถไปเรียนได้ เพราะมีจำกัดจำนวนดังนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่อนุอยากทำให้บุตรีภรรยามีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และลากคนอื่นๆ ให้มัวหมองโดยไม่นึกเสียดายเพราะความรู้ความเข้าใจจะจำกัดความสามารถของคนในการแยกแยะสถานการณ์ต่างๆ และอาจ
หลังจากที่ซ่งซีซีออกจากวังกลับจวนไม่นาน เสิ่นว่านจือก็รีบเข้ามา และดึงตัวนางออกไปอีกด้าน“เกรงว่าเรื่องสถาบันการศึกษาสตรี จะเป็นฝีมือของฝ่าบาทและฮองเฮา” สีหน้าของนางเคร่งขรึมพร้อมแสดงความโกรธเล็กน้อยซ่งซีซีตกตะลึง "ฝ่าบาทและฮองเฮา? ใครบอก?"“จางฉีเหวินบอก เขาได้ยินฝ่าบาทตำหนิฮองเฮาว่าทำอะไรไม่คิด ฮองเฮาแย้งว่าเดิมทีฝ่าบาทไม่ชอบสถาบันการศึกษาสตรี เพื่อไม่ให้เจ้าชักชวนเหล่าสตรีที่มีอำนาจในเมืองหลวงมาเป็นพวก นางทำเช่นนี้ก็เพื่อแบ่งเบาภาระให้พระองค์”ซ่งซีซีได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกเยียบเย็นจนทั่วสรรพางค์กาย“เจ้าใจเย็นก่อน เรื่องนี้ห้ามไม่ให้จางฉีเหวินแพร่งพรายออกไป ไม่เช่นนั้นอนาคตของเขาจะจบสิ้น” เสิ่นว่านจือกล่าวซ่งซีซีนั่งลงอย่างว่างเปล่า ไม่ใช่ว่านางไม่เคยบังอาจคาดเดาไว้เช่นนี้ แต่นางไม่กล้าคิดว่าจะเป็นฝ่าบาทเลยนางเคยสงสัยฮองเฮา แต่นางรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลตอนนี้ฮองเฮาควรจะวางแผนเพื่อองค์ชายใหญ่ถึงจะถูก การไปล่วงเกินตระกูลชั้นสูงเช่นนั้น จะมีประโยชน์อะไรกับนาง? แม้ว่าเรื่องนี้จะกระทำอย่างระมัดระวัง แต่ก่อนที่จะลงมือก็คิดว่าระมัดระวังขนาดนี้แล้วงั้นหรือ? ถ้าหัวหน้าคนงานยังไ
สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง
ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที
ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา
เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ
แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ
ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่
บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า
ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที
นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด