ไทเฮาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกิจการต่างๆ มาหลายปีแล้ว แต่สนใจเพียงสถาบันการศึกษาสตรีแห่งนี้เป็นพิเศษ ซึ่งพระนางได้มีพระราชเสาวนีย์ด้วยตัวเอง “เป็นไปได้ไหม นักเรียนที่ไปเรียน มีการทะเลาะเบาะแว้งกันเองในจวน?” ซ่งซีซีถามอาจารย์หยูถอนหายใจ "ถ้าเป็นเช่นนี้ ขอบเขตก็ยิ่งกว้างขึ้น แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้"ในจวนหลายแห่งดูเหมือนว่าภรรยาเอกและอนุจะเข้ากันได้ดี แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น อนุ แม้แต่อนุฐานะสูงก็ไม่กล้าที่จะเย่อหยิ่งต่อหน้าภรรยาเอก มีข้อยกเว้นคือ เจ้านายเข้าข้างอนุ ซึ่งนำไปสู่ความไม่มั่นคงของสถานะภรรยาเอก ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ระหว่างภรรยาเอกและอนุจะดุเดือดมาก ไม่ว่าจะเป็นคำดูหมิ่นประเภทใดก็ล้วนน้ำมาใช้ทั้งหมดตัวอย่างเช่น ภรรยากับอนุต่างก็มีบุตรีเหมือนกัน แต่บุตรีของภรรยาเอกได้ไปเรียนที่สถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวิน แต่บุตรีอนุไม่สามารถไปเรียนได้ เพราะมีจำกัดจำนวนดังนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่อนุอยากทำให้บุตรีภรรยามีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และลากคนอื่นๆ ให้มัวหมองโดยไม่นึกเสียดายเพราะความรู้ความเข้าใจจะจำกัดความสามารถของคนในการแยกแยะสถานการณ์ต่างๆ และอาจ
หลังจากที่ซ่งซีซีออกจากวังกลับจวนไม่นาน เสิ่นว่านจือก็รีบเข้ามา และดึงตัวนางออกไปอีกด้าน“เกรงว่าเรื่องสถาบันการศึกษาสตรี จะเป็นฝีมือของฝ่าบาทและฮองเฮา” สีหน้าของนางเคร่งขรึมพร้อมแสดงความโกรธเล็กน้อยซ่งซีซีตกตะลึง "ฝ่าบาทและฮองเฮา? ใครบอก?"“จางฉีเหวินบอก เขาได้ยินฝ่าบาทตำหนิฮองเฮาว่าทำอะไรไม่คิด ฮองเฮาแย้งว่าเดิมทีฝ่าบาทไม่ชอบสถาบันการศึกษาสตรี เพื่อไม่ให้เจ้าชักชวนเหล่าสตรีที่มีอำนาจในเมืองหลวงมาเป็นพวก นางทำเช่นนี้ก็เพื่อแบ่งเบาภาระให้พระองค์”ซ่งซีซีได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกเยียบเย็นจนทั่วสรรพางค์กาย“เจ้าใจเย็นก่อน เรื่องนี้ห้ามไม่ให้จางฉีเหวินแพร่งพรายออกไป ไม่เช่นนั้นอนาคตของเขาจะจบสิ้น” เสิ่นว่านจือกล่าวซ่งซีซีนั่งลงอย่างว่างเปล่า ไม่ใช่ว่านางไม่เคยบังอาจคาดเดาไว้เช่นนี้ แต่นางไม่กล้าคิดว่าจะเป็นฝ่าบาทเลยนางเคยสงสัยฮองเฮา แต่นางรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลตอนนี้ฮองเฮาควรจะวางแผนเพื่อองค์ชายใหญ่ถึงจะถูก การไปล่วงเกินตระกูลชั้นสูงเช่นนั้น จะมีประโยชน์อะไรกับนาง? แม้ว่าเรื่องนี้จะกระทำอย่างระมัดระวัง แต่ก่อนที่จะลงมือก็คิดว่าระมัดระวังขนาดนี้แล้วงั้นหรือ? ถ้าหัวหน้าคนงานยังไ
ในช่วงสิ้นปี ผู้คนต่างยุ่งกับการซื้อสินค้าปีใหม่ ทุกครอบครัวล้วนยุ่งกันมากอย่างไรก็ตาม การที่ยุ่งวุ่นวายทำให้เกิดโอกาสในการสื่อสารกันมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่ว การสรรเสริญหยานหรูอวี้ของไทเฮามีผลเพียงเล็กน้อย ในทางกลับกัน บางคนกล่าวว่าที่ไทเฮาสรรเสริญด้วยตัวเองนั้น ไม่ได้หมายความว่าหยานหรูอวี้ไม่ใช่แค่ถูกลวนลามธรรมดาเท่านั้นกระแสเสียงนี้ค่อยๆ กลายเป็นเสียงกระแสหลัก ดูเหมือนว่ามีคนจงใจนำทางไปในทิศทางนี้ แม้แต่จวนเป่ยหมิงอ๋องก็ออกมาพูดให้ความเป็นธรรม หรือมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ออกมาพูด บอกว่าตอนนั้นหยานหรูอวี้ทำเพื่อปกป้องนักเรียน ไม่ระวังจึงถูกคนร้ายลวนลามแต่มีหรือที่ประชาชนจะชอบที่ได้ยินเช่นนี้? ผู้คนชอบสร้างเจ้า แต่กลับสนใจที่จะทำลายเทพเจ้ามากกว่าในอดีตหยานหรูอวี้มีชื่อเสียงในด้านความรู้ความสามารถ ทั้งหน้าตาดีและภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี ทำให้หลายคนอิจฉา แต่ตอนนี้กลับยิ่งมีความมุ่งร้ายต่อนางมากยิ่งขึ้นอดีตของนางมากมายถูกขุดขึ้นมา บอกว่าจริงๆ แล้วนางเป็นคนเย่อหยิ่งเย็นชา ชอบดูถูกคน ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับคนที่ต่ำกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ในงานเลี้ยงขององค์หญิงใหญ่ นางเรี
เพิ่งไล่คนเล่าเรื่องออกไปจากหน้าประตูได้ แต่ก็มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นเหล่าบรรดาแม่สื่อต่างทยอยมาเยือนถึงที่ บอกว่าต้องการจับคู่กับหยานหรูอวี้คนที่พวกเขาพูดถึง เกือบจะทำให้พ่อแม่ของหยานหรูอวี้โกรธแทบคลั่ง ทั้งหมดมีแต่พวกน่าเกลียดดูไม่ได้ คนแบบนี้ปกติอย่าพูดถึงว่าจะจับคู่แต่งงานเลย แม้จะเจอตามท้องถนน ก็แทบอยากถุยน้ำลายใส่ไม่ได้หมายความว่าฐานะจะต่ำต้อย แต่เพราะการประพฤติตัวไม่ดี บ้างก็มีสาวใช้ต้นห้องที่ให้กำเนิดบุตรอนุและบุตรีอนุ บ้างก็เที่ยวเล่นในบ่อนพนันตลอดทั้งวัน จนฟ้าสว่างคาตาก็ยังไม่ยอมลุกจากโต๊ะ หรือไม่ก็เป็นลูกค้าประจำของสถานบันเทิง หรือไม่ก็เลี้ยงภรรยาไว้นอกบ้านปกติพวกเขาจะไม่กล้ามาขอแต่งงาน แต่ตอนนี้ทุกคนทำราวกับว่าตัวเองกำลังแสดงความมีน้ำใจ ทำตัวหยิ่งผยอง ราวกับว่าถ้าหยานหรูอวี้ไม่แต่งงานกับพวกเขา แล้วจะไม่มีทางรอด หยานไท่ฟู่ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาหยิบไม้กวาดขึ้นมาไล่ตีคนออกไป ซึ่งแน่นอน ว่ามันยังเพิ่มเรื่องให้นินทาอีกไม่น้อยทัศนคติของสาธารณชนต่อเรื่องนี้คือคำว่า หัวเราะเยาะ!“พูดราวกับว่านางยังมีทางเลือก คนเขายอมสู่ขอนาง ก็นับเป็นบุญเก่าส่งผลแล้ว”“คนที่ถู
ฉีซี่หลี่ไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าดูซีดเซียวมากในใจของนางยังคงขุ่นเคืองหวังจืออวี่อยู่มาก แต่ใครใช้ให้นางพูดแทนเจ้าสิบเอ็ดฝางล่ะ? เรื่องราวในบ้านเหล่านั้นชุลมุนวุ่นวาย ได้ยินแล้วก็อยากจะอาเจียนเรือนในของตระกูลฝางยุ่งเหยิงขนาดนั้น สิ่งยุ่งเหยิงเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในจวนหลังใหญ่เช่นนี้ได้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดอย่างนั้นหรือ?นางตบหวังจืออวี่อย่างหุนหันพลันแล่น แต่หวังจืออวี่มีปัญหาเอง นางไม่ควรพูดแทนเจ้าสิบเอ็ดฝาง คุณหนูดีๆ ต้องอยู่ให้ไกลจากคนประเภทนี้ อยู่ให้ไกลกับเรื่องพวกนี้ทั้งสองนั่งด้วยกัน จูช่างอวี่สูดน้ำมูกเป็นครั้งคราว ขณะที่ฉีซี่หลี่ยังคงเงียบจิตใจของนางสับสนวุ่นวาย ครุ่นคิดหลายเรื่อง สุดท้ายก็พูดเบาๆ ว่า "จริงๆ แล้วการกลับไปสถาบันการศึกษาสตรีก็ดี แต่ฮองเฮาไม่ชอบสถาบันการศึกษาสตรี"ท้ายที่สุดแล้วนางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ถูกปกป้องมากเกินไป ไม่สามารถเก็บความลับได้ ไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงบอกจูช่างอวี่จูช่างอวี่หยุดร้องไห้ ตกตะลึงเล็กน้อย "ฮองเฮาไม่ชอบ? ทำไมฮองเฮาถึงไม่ชอบ? สถาบันการศึกษาสตรีก่อตั้งโดยไทเฮานะ"“อาจเป็นเพราะพระชายาเป่ยหมิงเป็นเจ้า
ข่าวลือเกี่ยวกับหยานหรูอวี้มีมาตลอดไม่เคยหยุด อาจารย์หยูได้สอบสวนแล้ว พบว่ามีคนชักนำจริงๆ เรื่องราวเก่าๆ เหล่านั้นถูกขุดขึ้นมา เชื่อมโยงกับนางและสถาบันการศึกษาสตรีการพูดจาให้ร้ายหยานหรูอวี้ ก็เท่ากับพูดจาให้ร้ายหยานไท่ฟู่ และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นการพูดจาให้ร้ายสถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวินด้วยเดิมทีหยานไท่ฟู่และอาจารย์ฉีเป็นนักปราชญ์ที่มีความรู้ เป็นที่เคารพนับถือมากที่สุด ตอนนี้เนื่องจากเหตุการณ์นี้ทำให้หยานไท่ฟู่ได้ตกลงมาจากที่สูง ทำให้ทุกคนเริ่มยกย่องอาจารย์ฉีอย่างไรก็ตามไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เจ้ากรมฉีเลี้ยงอนุไว้นอกเรือนอย่างไรก็ตาม การพยายามยกยอปอปั้นอย่างเต็มที่เช่นนี้ อันที่จริงก็ไม่ได้ทำให้ตระกูลฉีได้รับประโยชน์ หากต้นไม้ใหญ่ดึงดูดความสนใจ ตระกูลฉีควรหาวิธียับยั้งความคิดเห็นของประชาชนควรจะถูกอาจารย์หยูพบว่าตระกูลฉีกำลังยับยั้งไว้จริงๆ แต่ยับยั้งไว้ไม่ได้ ตระกูลฉีจึงต้องให้ผู้คนเปลี่ยนหัวข้อกลับไปวิจารณ์เรื่องสถาบันการศึกษาสตรีและหยานหรูอวี้แทน ทั้งสร้างความเสื่อมเสียและเหยียบย่ำการแต่งงานของหยานหรูอวี้ไปต่างๆ นานอาจารย์ยูอดไม่ได้ที่จะโกรธ หยานหรูอวี้ผู้บริสุทธิ์ กลับ
ผู้ที่เคยไปก่อเรื่องที่จวนไท่ฟู่เพื่อก่อปัญหา บัดนี้ยืนเรียงแถวอยู่นอกประตู ด้วยท่าทางหดหู่ แววตาหวาดกลัวเบื้องหน้าของพวกเขามีคนจับจ้องอยู่ ทุกคนตัวสูงใหญ่ล่ำสัน หมัดใหญ่กว่าลูกมะพร้าว ราวกับว่าสามารถเป่าหัวของพวกเขาให้หลุดออกจาคอได้ด้วยหมัดเดียวหลังจากที่เจ้าสิบเอ็ดฝางลงจากรถม้า ดวงตาที่เย็นชาก็กวาดมองไปทั่วใบหน้าของพวกเขา เปล่งเสียงหัวเราะที่เย็นชาออกมาเท่านั้น บรรยากาศอันน่าเกรงขามและน่ากลัวนั้น ทำให้พวกเขากลัวจนใจสั่นขาอ่อน แต่ละคนขยับเข้าไปใกล้กัน ไม่กล้าเผชิญกับสายตาที่เย็นชาของเจ้าสิบเอ็ดฝางหยานไท่ฟู่สั่งให้ใครสักคนเปิดประตูกลาง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่าตระกูลฝางมาสู่ขอที่นี่ อาการป่วยก็หายเป็นปกติในทันที รีบเรียกให้คนไปเตรียมน้ำร้อนมาล้างหน้าล้างตา แต่หน้าแต่งตัว ต้องการไปดูให้เห็นกับตาตนเองหยานหรูอวี้ยังไม่รู้เรื่องนี้ หลายวันนี้ปู่ให้นางอยู่ที่เรือนชิวเยว่ ไม่อนุญาตให้คนรับใช้คนใดบอกข่าวลือภายนอกให้นางทราบท่าทางที่แสดงภายนอกเหมือนนางกำลังอ่านหนังสือ ชมหิมะ และจิบชาอย่างสบายใจ แต่จริงๆ แล้วนางกลับรู้สึกอึดอัดอยู่ข้างในนางคิดว่าตัวเองสามารถจัดการกับมันได้โดยไม่แยแ
ครึ่งชั่วยามต่อมา หยานไท่ฟู่ส่งคนมาเชิญนางออกไปนางเฝ้าดูจิงเจ๋อเลือกเสื้อผ้าที่ประณีตและหรูหรา รวมถึงเครื่องประดับที่เข้าคู่กันสำหรับนาง ในที่สุดนางก็เลือกที่จะเดินออกไปทั้งแบบนี้นางแต่งกายด้วยชุดสีขาว เสื้อคลุมสีเหลืองลูกท้อ อย่างคนเรียบง่ายและสบาย ราวกับว่าไม่ใช่การไปพบแขกหรือพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของตัวเอง หากแต่เป็นการไปเดินเล่นในสนามหญ้าเมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ของลานด้านนอก เห็นผู้คนมากมาย ขบวนรถม้ายิ่งใหญ่เมื่อเห็นเขา ดวงตาของเขามองสบตาลึก ฉายแววสดใส เจือความยับยั้งชั่งใจไว้จางๆนางมองเพียงแวบเดียวแล้วก็ไม่กล้ามองตรงไปที่เขา หัวใจเต้นรัวราวกับเสียงตีกลอง หน้าแดงจนถึงใบหูแต่เรื่องกิริยามารยาทนั้นฝังแน่นอยู่ในกระดูก นางค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า เมื่อลู่ซูเหรินมองเห็นนาง นางก็รู้สึกมีความสุขอย่างสุดจะพรรณนาในใจ จับมือนางแล้วพูดว่า "เด็กน้อย ช่วงนี้ทำให้เจ้าลำบากแล้ว"ความเอาใจใส่จากผู้หลักผู้ใหญ่นี้ เกือบทำให้หยานหรูอวี้น้ำตาไหลสะกดกลั้นอาการแสบจมูก เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ขอบคุณฮูหยินที่เป็นห่วง ความลำบากแค่นี้ไม่นับประสาอะไร"ฮูหยินเสนาบดีเห็นนางเช่นนี้ก็รู้สึ