ในระหว่างทางที่นางกลับบ้าน ได้ยินผู้คนที่จับกลุ่มคุยกัน ต่างก็พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวินวันนี้สถาบันการศึกษาสตรีและโรงงานได้รับความสนใจมาโดยตลอด เมื่อเกิดเหตุใหญ่โตเช่นนี้แล้ว จะไม่สร้างความฮือฮาได้อย่างไร?โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของหลานสาวไท่ฟู่ สตรีที่สูงส่งล้ำค่าเช่นนั้น กลับถูกคนหยาบช้าบ้าบิ่นลวนลาม ต่อไปจะมีคุณชายบ้านไหนกล้าสู่ขอนาง?หลายคนบอกว่านางโง่ เป็นคุณหนูสูงส่งอยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ กลับอยากไปเป็นอาจารย์หญิงอะไรนั่น คราวนี้เป็นอย่างไร ชาตินี้ถูกทำลายไปชั่วชีวิตซ่งซีซีจงใจขี่ม้าอย่างช้าๆ โดยหวังว่าจะได้ยินคำชมจากผู้คนที่หยานหรูอวี้ปกป้องนักเรียน แต่น่าเสียดายที่นางไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียวนางรู้สึกเศร้ามากตั้งแต่นางกลายเป็นผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย นางต้องเผชิญกับความยากลำบากและการลอบสังหารมากมายตลอดทาง ไม่ใช่ทุกการเคลื่อนไหวจะประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าโรงงานจะมีอุปสรรคมากมาย แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังใจถูกทำลาย รู้สึกว่ามีหลายเรื่องที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ขอเพียงพยายามทำให้ดีที่สุดแต่คราวนี้ ขวัญและกำลังใจทั้ง
ไทเฮาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกิจการต่างๆ มาหลายปีแล้ว แต่สนใจเพียงสถาบันการศึกษาสตรีแห่งนี้เป็นพิเศษ ซึ่งพระนางได้มีพระราชเสาวนีย์ด้วยตัวเอง “เป็นไปได้ไหม นักเรียนที่ไปเรียน มีการทะเลาะเบาะแว้งกันเองในจวน?” ซ่งซีซีถามอาจารย์หยูถอนหายใจ "ถ้าเป็นเช่นนี้ ขอบเขตก็ยิ่งกว้างขึ้น แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้"ในจวนหลายแห่งดูเหมือนว่าภรรยาเอกและอนุจะเข้ากันได้ดี แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น อนุ แม้แต่อนุฐานะสูงก็ไม่กล้าที่จะเย่อหยิ่งต่อหน้าภรรยาเอก มีข้อยกเว้นคือ เจ้านายเข้าข้างอนุ ซึ่งนำไปสู่ความไม่มั่นคงของสถานะภรรยาเอก ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ระหว่างภรรยาเอกและอนุจะดุเดือดมาก ไม่ว่าจะเป็นคำดูหมิ่นประเภทใดก็ล้วนน้ำมาใช้ทั้งหมดตัวอย่างเช่น ภรรยากับอนุต่างก็มีบุตรีเหมือนกัน แต่บุตรีของภรรยาเอกได้ไปเรียนที่สถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวิน แต่บุตรีอนุไม่สามารถไปเรียนได้ เพราะมีจำกัดจำนวนดังนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่อนุอยากทำให้บุตรีภรรยามีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และลากคนอื่นๆ ให้มัวหมองโดยไม่นึกเสียดายเพราะความรู้ความเข้าใจจะจำกัดความสามารถของคนในการแยกแยะสถานการณ์ต่างๆ และอาจ
หลังจากที่ซ่งซีซีออกจากวังกลับจวนไม่นาน เสิ่นว่านจือก็รีบเข้ามา และดึงตัวนางออกไปอีกด้าน“เกรงว่าเรื่องสถาบันการศึกษาสตรี จะเป็นฝีมือของฝ่าบาทและฮองเฮา” สีหน้าของนางเคร่งขรึมพร้อมแสดงความโกรธเล็กน้อยซ่งซีซีตกตะลึง "ฝ่าบาทและฮองเฮา? ใครบอก?"“จางฉีเหวินบอก เขาได้ยินฝ่าบาทตำหนิฮองเฮาว่าทำอะไรไม่คิด ฮองเฮาแย้งว่าเดิมทีฝ่าบาทไม่ชอบสถาบันการศึกษาสตรี เพื่อไม่ให้เจ้าชักชวนเหล่าสตรีที่มีอำนาจในเมืองหลวงมาเป็นพวก นางทำเช่นนี้ก็เพื่อแบ่งเบาภาระให้พระองค์”ซ่งซีซีได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกเยียบเย็นจนทั่วสรรพางค์กาย“เจ้าใจเย็นก่อน เรื่องนี้ห้ามไม่ให้จางฉีเหวินแพร่งพรายออกไป ไม่เช่นนั้นอนาคตของเขาจะจบสิ้น” เสิ่นว่านจือกล่าวซ่งซีซีนั่งลงอย่างว่างเปล่า ไม่ใช่ว่านางไม่เคยบังอาจคาดเดาไว้เช่นนี้ แต่นางไม่กล้าคิดว่าจะเป็นฝ่าบาทเลยนางเคยสงสัยฮองเฮา แต่นางรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลตอนนี้ฮองเฮาควรจะวางแผนเพื่อองค์ชายใหญ่ถึงจะถูก การไปล่วงเกินตระกูลชั้นสูงเช่นนั้น จะมีประโยชน์อะไรกับนาง? แม้ว่าเรื่องนี้จะกระทำอย่างระมัดระวัง แต่ก่อนที่จะลงมือก็คิดว่าระมัดระวังขนาดนี้แล้วงั้นหรือ? ถ้าหัวหน้าคนงานยังไ
ในช่วงสิ้นปี ผู้คนต่างยุ่งกับการซื้อสินค้าปีใหม่ ทุกครอบครัวล้วนยุ่งกันมากอย่างไรก็ตาม การที่ยุ่งวุ่นวายทำให้เกิดโอกาสในการสื่อสารกันมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่ว การสรรเสริญหยานหรูอวี้ของไทเฮามีผลเพียงเล็กน้อย ในทางกลับกัน บางคนกล่าวว่าที่ไทเฮาสรรเสริญด้วยตัวเองนั้น ไม่ได้หมายความว่าหยานหรูอวี้ไม่ใช่แค่ถูกลวนลามธรรมดาเท่านั้นกระแสเสียงนี้ค่อยๆ กลายเป็นเสียงกระแสหลัก ดูเหมือนว่ามีคนจงใจนำทางไปในทิศทางนี้ แม้แต่จวนเป่ยหมิงอ๋องก็ออกมาพูดให้ความเป็นธรรม หรือมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ออกมาพูด บอกว่าตอนนั้นหยานหรูอวี้ทำเพื่อปกป้องนักเรียน ไม่ระวังจึงถูกคนร้ายลวนลามแต่มีหรือที่ประชาชนจะชอบที่ได้ยินเช่นนี้? ผู้คนชอบสร้างเจ้า แต่กลับสนใจที่จะทำลายเทพเจ้ามากกว่าในอดีตหยานหรูอวี้มีชื่อเสียงในด้านความรู้ความสามารถ ทั้งหน้าตาดีและภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี ทำให้หลายคนอิจฉา แต่ตอนนี้กลับยิ่งมีความมุ่งร้ายต่อนางมากยิ่งขึ้นอดีตของนางมากมายถูกขุดขึ้นมา บอกว่าจริงๆ แล้วนางเป็นคนเย่อหยิ่งเย็นชา ชอบดูถูกคน ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับคนที่ต่ำกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ในงานเลี้ยงขององค์หญิงใหญ่ นางเรี
เพิ่งไล่คนเล่าเรื่องออกไปจากหน้าประตูได้ แต่ก็มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นเหล่าบรรดาแม่สื่อต่างทยอยมาเยือนถึงที่ บอกว่าต้องการจับคู่กับหยานหรูอวี้คนที่พวกเขาพูดถึง เกือบจะทำให้พ่อแม่ของหยานหรูอวี้โกรธแทบคลั่ง ทั้งหมดมีแต่พวกน่าเกลียดดูไม่ได้ คนแบบนี้ปกติอย่าพูดถึงว่าจะจับคู่แต่งงานเลย แม้จะเจอตามท้องถนน ก็แทบอยากถุยน้ำลายใส่ไม่ได้หมายความว่าฐานะจะต่ำต้อย แต่เพราะการประพฤติตัวไม่ดี บ้างก็มีสาวใช้ต้นห้องที่ให้กำเนิดบุตรอนุและบุตรีอนุ บ้างก็เที่ยวเล่นในบ่อนพนันตลอดทั้งวัน จนฟ้าสว่างคาตาก็ยังไม่ยอมลุกจากโต๊ะ หรือไม่ก็เป็นลูกค้าประจำของสถานบันเทิง หรือไม่ก็เลี้ยงภรรยาไว้นอกบ้านปกติพวกเขาจะไม่กล้ามาขอแต่งงาน แต่ตอนนี้ทุกคนทำราวกับว่าตัวเองกำลังแสดงความมีน้ำใจ ทำตัวหยิ่งผยอง ราวกับว่าถ้าหยานหรูอวี้ไม่แต่งงานกับพวกเขา แล้วจะไม่มีทางรอด หยานไท่ฟู่ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาหยิบไม้กวาดขึ้นมาไล่ตีคนออกไป ซึ่งแน่นอน ว่ามันยังเพิ่มเรื่องให้นินทาอีกไม่น้อยทัศนคติของสาธารณชนต่อเรื่องนี้คือคำว่า หัวเราะเยาะ!“พูดราวกับว่านางยังมีทางเลือก คนเขายอมสู่ขอนาง ก็นับเป็นบุญเก่าส่งผลแล้ว”“คนที่ถู
ฉีซี่หลี่ไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าดูซีดเซียวมากในใจของนางยังคงขุ่นเคืองหวังจืออวี่อยู่มาก แต่ใครใช้ให้นางพูดแทนเจ้าสิบเอ็ดฝางล่ะ? เรื่องราวในบ้านเหล่านั้นชุลมุนวุ่นวาย ได้ยินแล้วก็อยากจะอาเจียนเรือนในของตระกูลฝางยุ่งเหยิงขนาดนั้น สิ่งยุ่งเหยิงเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในจวนหลังใหญ่เช่นนี้ได้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดอย่างนั้นหรือ?นางตบหวังจืออวี่อย่างหุนหันพลันแล่น แต่หวังจืออวี่มีปัญหาเอง นางไม่ควรพูดแทนเจ้าสิบเอ็ดฝาง คุณหนูดีๆ ต้องอยู่ให้ไกลจากคนประเภทนี้ อยู่ให้ไกลกับเรื่องพวกนี้ทั้งสองนั่งด้วยกัน จูช่างอวี่สูดน้ำมูกเป็นครั้งคราว ขณะที่ฉีซี่หลี่ยังคงเงียบจิตใจของนางสับสนวุ่นวาย ครุ่นคิดหลายเรื่อง สุดท้ายก็พูดเบาๆ ว่า "จริงๆ แล้วการกลับไปสถาบันการศึกษาสตรีก็ดี แต่ฮองเฮาไม่ชอบสถาบันการศึกษาสตรี"ท้ายที่สุดแล้วนางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ถูกปกป้องมากเกินไป ไม่สามารถเก็บความลับได้ ไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงบอกจูช่างอวี่จูช่างอวี่หยุดร้องไห้ ตกตะลึงเล็กน้อย "ฮองเฮาไม่ชอบ? ทำไมฮองเฮาถึงไม่ชอบ? สถาบันการศึกษาสตรีก่อตั้งโดยไทเฮานะ"“อาจเป็นเพราะพระชายาเป่ยหมิงเป็นเจ้า
ข่าวลือเกี่ยวกับหยานหรูอวี้มีมาตลอดไม่เคยหยุด อาจารย์หยูได้สอบสวนแล้ว พบว่ามีคนชักนำจริงๆ เรื่องราวเก่าๆ เหล่านั้นถูกขุดขึ้นมา เชื่อมโยงกับนางและสถาบันการศึกษาสตรีการพูดจาให้ร้ายหยานหรูอวี้ ก็เท่ากับพูดจาให้ร้ายหยานไท่ฟู่ และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นการพูดจาให้ร้ายสถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวินด้วยเดิมทีหยานไท่ฟู่และอาจารย์ฉีเป็นนักปราชญ์ที่มีความรู้ เป็นที่เคารพนับถือมากที่สุด ตอนนี้เนื่องจากเหตุการณ์นี้ทำให้หยานไท่ฟู่ได้ตกลงมาจากที่สูง ทำให้ทุกคนเริ่มยกย่องอาจารย์ฉีอย่างไรก็ตามไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เจ้ากรมฉีเลี้ยงอนุไว้นอกเรือนอย่างไรก็ตาม การพยายามยกยอปอปั้นอย่างเต็มที่เช่นนี้ อันที่จริงก็ไม่ได้ทำให้ตระกูลฉีได้รับประโยชน์ หากต้นไม้ใหญ่ดึงดูดความสนใจ ตระกูลฉีควรหาวิธียับยั้งความคิดเห็นของประชาชนควรจะถูกอาจารย์หยูพบว่าตระกูลฉีกำลังยับยั้งไว้จริงๆ แต่ยับยั้งไว้ไม่ได้ ตระกูลฉีจึงต้องให้ผู้คนเปลี่ยนหัวข้อกลับไปวิจารณ์เรื่องสถาบันการศึกษาสตรีและหยานหรูอวี้แทน ทั้งสร้างความเสื่อมเสียและเหยียบย่ำการแต่งงานของหยานหรูอวี้ไปต่างๆ นานอาจารย์ยูอดไม่ได้ที่จะโกรธ หยานหรูอวี้ผู้บริสุทธิ์ กลับ
ผู้ที่เคยไปก่อเรื่องที่จวนไท่ฟู่เพื่อก่อปัญหา บัดนี้ยืนเรียงแถวอยู่นอกประตู ด้วยท่าทางหดหู่ แววตาหวาดกลัวเบื้องหน้าของพวกเขามีคนจับจ้องอยู่ ทุกคนตัวสูงใหญ่ล่ำสัน หมัดใหญ่กว่าลูกมะพร้าว ราวกับว่าสามารถเป่าหัวของพวกเขาให้หลุดออกจาคอได้ด้วยหมัดเดียวหลังจากที่เจ้าสิบเอ็ดฝางลงจากรถม้า ดวงตาที่เย็นชาก็กวาดมองไปทั่วใบหน้าของพวกเขา เปล่งเสียงหัวเราะที่เย็นชาออกมาเท่านั้น บรรยากาศอันน่าเกรงขามและน่ากลัวนั้น ทำให้พวกเขากลัวจนใจสั่นขาอ่อน แต่ละคนขยับเข้าไปใกล้กัน ไม่กล้าเผชิญกับสายตาที่เย็นชาของเจ้าสิบเอ็ดฝางหยานไท่ฟู่สั่งให้ใครสักคนเปิดประตูกลาง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่าตระกูลฝางมาสู่ขอที่นี่ อาการป่วยก็หายเป็นปกติในทันที รีบเรียกให้คนไปเตรียมน้ำร้อนมาล้างหน้าล้างตา แต่หน้าแต่งตัว ต้องการไปดูให้เห็นกับตาตนเองหยานหรูอวี้ยังไม่รู้เรื่องนี้ หลายวันนี้ปู่ให้นางอยู่ที่เรือนชิวเยว่ ไม่อนุญาตให้คนรับใช้คนใดบอกข่าวลือภายนอกให้นางทราบท่าทางที่แสดงภายนอกเหมือนนางกำลังอ่านหนังสือ ชมหิมะ และจิบชาอย่างสบายใจ แต่จริงๆ แล้วนางกลับรู้สึกอึดอัดอยู่ข้างในนางคิดว่าตัวเองสามารถจัดการกับมันได้โดยไม่แยแ
ซ่งซีซีนั่งกลับลงบนเก้าอี้ กล่าวว่า “เรื่องที่พวกเจ้าทุจริตนั้น ฝ่าบาททรงทราบดีแล้ว ตอนนี้ที่ทรงให้ข้าสอบสวนเป็นการส่วนตัว ก็เพื่อมอบโอกาสให้พวกเจ้า หากพูดความจริง หัวของเจ้าจะยังปลอดภัย หากให้ข้อมูลที่มีค่าเพิ่มเติม อย่างมากก็แค่ถูกเนรเทศไปทำงานนอกเมือง ยังสามารถโลดแล่นในวงราชการได้”เกาหมิงอวี้ที่มีประสบการณ์ในราชสำนักมานานย่อมรู้ดีว่าให้ข้อมูลที่มีค่ามากขึ้น หมายถึงการขายเจ้านายและผู้ใต้บังคับบัญชาเขาไม่มีข้อสงสัยในคำพูดของซ่งซีซีด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือ ช่วงนี้อู๋เยว่และคนของเขาตรวจสอบทางน้ำอยู่เสมอ สองคือ ซ่งซีซีออกหน้ามาสอบสวนด้วยตัวเอง หากไม่มีพระราชโองการจากฝ่าบาท นางไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จะส่งใครมาทรมานเขาก็ได้แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าซ่งซีซีวิเคราะห์เขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และคาดการณ์ความคิดของเขาไปก่อนแล้ว“พวกเจ้าทุจริตทั้งระบบ ท่าทีของจินชางหมิงเป็นอย่างไร?”เกาหมิงอวี้ครุ่นคิดก่อนตอบว่า “จะว่าไปจริงๆ แล้ว เขาเป็นคนเริ่มเปิดทางให้เราทุจริต โดยอ้างว่าเป็นค่าเหนื่อยของเรา เมื่อเริ่มต้นแล้ว เราลองเบิกเงินเกินมาเล็กน้อย เขาก็ไม่ว่าอะไร จากนั้นเรากล้าขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเขาเตือนเ
หลังจากเฝ้าสังเกตอยู่สองวัน ซ่งซีซีตัดสินใจลงมือกับเกาหมิงอวี้ รองหัวหน้ากรมจัดการแม่น้ำเกาหมิงอวี้อายุสามสิบห้าปี รับราชการในกรมโยธามาแล้วห้าปี เขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวไร่ชาวนา เมื่อยังเยาว์วัยพ่อแม่เสียชีวิต เพื่อให้เขาได้เรียนในสำนักที่ดีที่สุด เขาดูดทรัพย์สมบัติของพี่น้องจนหมดสิ้นหลังสอบจอหงวนได้ เขาเข้ารับราชการ และกลายเป็นคนโลภเงินอย่างที่สุด ขี้เหนียวอย่างยิ่งยวด ทอดทิ้งพี่น้องที่เคยเลี้ยงดูเขาไปเหมือนของไร้ค่า และไม่ติดต่อพวกเขาอีกเลยยังไม่หมดแค่นั้น เขาอ้างความหึงหวงเป็นเหตุผลในการหย่ากับภรรยาคนแรก แล้วแต่งงานกับบุตรสาวของอาจารย์ผู้มีพระคุณอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาคืออธิการสำนักไป๋หยุน ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ลูกสาวคนเดียวของอาจารย์แต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเขาคือคนไร้ค่าและทรยศทว่าคนไร้ค่าเช่นนี้กลับใช้งานได้ดี เพราะความโลภ โกรธ หลง และความเห็นแก่ตัวของเขา มีจุดอ่อนที่สามารถกดดันจนยอมพูดทุกอย่างคืนนั้น ซ่งซีซีสั่งให้กุ้นเอ๋อร์จับตัวเขามายังเรือนทางตะวันตกของเมือง ขังเขาไว้หนึ่งคืน ให้เขาหวาดกลัวและหิวโหย จากนั้นค่อยสอบสวนในวันถัดไปเกาห
จักรพรรดิซูชิงมีราชโองการให้อู๋เยว่พาคนไปควบคุมงานโดยตรง ทว่า จินชางหมิงรับมือได้อย่างคล่องแคล่ว พาอู๋เยว่ไปตรวจสอบผลสำเร็จด้วยตนเองหลังจากเริ่มงานมาเป็นเวลานาน อ่างเก็บน้ำก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์คุณภาพของอ่างเก็บน้ำนั้นยอดเยี่ยม เขื่อนที่สร้างขึ้นมั่นคงดั่งกำแพงทองหลังจากตรวจสอบอ่างเก็บน้ำแล้ว ก็ไปตรวจสอบทางน้ำ ทุกพื้นที่ได้ขุดลอกเสร็จเรียบร้อย ส่วนเขื่อนที่เสียหายก่อนหน้านี้ก็ได้รับการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงแล้วอู๋เยว่ยังส่งคนไปพูดคุยกับคนงานก่อสร้างทางน้ำ ชายฉกรรจ์แต่ละคนที่ผิวคล้ำแดด ดูซื่อๆ ขัดเขินเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าขุนนางส่วนใหญ่ถามอะไรก็ตอบสิ่งนั้น หากให้พวกเขาบอกความไม่พอใจอะไร พวกเขามักลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่าอาหารสามารถปรับปรุงได้ไหม โดยเฉพาะเพิ่มหมูติดมันให้หน่อยอู๋เยว่คิดว่าคนเหล่านี้เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีปัญหาอะไร และไม่มีความเคียดแค้นในแววตาเขายังพาคนไปดูที่พักชั่วคราวของคนงานก่อสร้างเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระท่อมไม้และกระท่อมหญ้าแฝก ภายในมีเพียงที่นอนใหญ่ที่รองรับคนได้เจ็ดแปดคน ดูรกเล็กน้อยในกระท่อมไม่มีอาวุธ เครื่องมือที่ต้องใช้ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในค
ซ่งซีซีแทบจะหัวเสียจนอกแตกตาย นางรู้สึกว่าเส้นผมสีขาวกำลังจะงอกออกมาบนหน้าผาก ไม่แปลกใจเลยที่ขุนนางในราชสำนักแต่ละคนดูแก่ก่อนวัย หรือแม้แต่เสนาบดีมู่ที่อายุเพียงหกสิบกว่า ผมก็หงอกไปกว่าครึ่งนางไปหาเสนาบดีมู่ด้วยความขุ่นเคือง หวังว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้างและกล่าวบางคำสนับสนุนนางต่อหน้าฮ่องเต้เสนาบดีมู่ยิ้มพลางมองนาง "แค่นี้ก็ถึงกับโกรธเลยหรือ?"ซ่งซีซีตอบ "มิกล้าโกรธเจ้าค่ะ แต่เรื่องนี้ชะลอความคืบหน้า และข้ากลัวว่าจะทำให้ผู้ต้องสงสัยตื่นตัว จนถูกชิงโอกาสไป ฝ่าบาทไม่ไว้ใจข้าเลย"เสนาบดีมู่ย้อนถาม "เขาไม่เชื่อเจ้าอย่างสมบูรณ์ก็เป็นเรื่องปกติ ต่อให้เป็นเจ้า หากคนใต้บัญชาไม่ได้ยกหลักฐานมาสนับสนุนคำพูด เจ้าจะเชื่อพวกเขาโดยไม่ตรวจสอบหรือ?"ซ่งซีซีกล่าว "แต่เขาไม่มีหลักฐานว่าท่านอ๋องมีความทะเยอทะยานใดๆ แต่เขาก็ยังระแวงทุกทางมิใช่หรือ?""ก็เพราะไม่มีหลักฐาน เขาจึงระแวง หากมีหลักฐาน เขาคงลงมือไปนานแล้ว" เสนาบดีมู่ถอนหายใจเบาๆ "ความจริงแล้ว หลายเรื่องไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด โดยเฉพาะการตัดสินใจสำคัญในราชสำนัก ต้องผ่านการหารือและอภิปรายหลายครั้ง บางเรื่องใช้เวลาเป็นปีจึงจะเดินหน้าได้ อีก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โครงการก่อสร้างแม่น้ำได้เกณฑ์แรงงานจากในและรอบๆ เมืองหลวง โดยเป็นกลุ่มคนงานและแรงงานหนักกลุ่มเดียวกันหน่วยงานด้านแม่น้ำทั้งหมดอยู่ภายใต้การนำของจินชางหมิง เขาใช้ข้ออ้างเรื่องการซ่อมแซมแม่น้ำและโครงการระบายน้ำเข้ายึดครองภูเขาและที่ดินจำนวนไม่น้อยบ้านเรือนถูกสร้างขึ้นอย่างกระจัดกระจายในพื้นที่เหล่านี้ โดยไม่ได้จัดเป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่ คนงานแม่น้ำและแรงงานบางส่วนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เส้นทางแม่น้ำที่พวกเขาครอบครองกระจัดกระจายไปในทุกทิศ เมื่ออาจารย์หยูทำเครื่องหมายและเชื่อมจุดบนแผนที่ พบว่าพื้นที่เหล่านี้โอบล้อมพระราชวังหลวงไว้เหมือนตาข่ายที่กางปิดหากพวกเขาเป็นทหารลับของนกต่อ การเฝ้าประตูเมืองจะไร้ประโยชน์ เพราะพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมาตลอด และเมื่อไม่มีงานทำ พวกเขาก็สำรวจภูมิประเทศจนคุ้นเคย แม้แต่ค่ายลาดตระเวนหรือทหารรักษาการณ์อาจยังไม่รู้จักเส้นทางในเมืองหลวงดีเท่าพวกเขาซ่งซีซีมองดูแผนที่ด้วยความตระหนก แต่ก็ยังตั้งคำถามว่า "พวกเขาได้รับที่ดินเหล่านี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากกรมโยธาธิการและฝ่าบาทใช่หรือไม่?""ถูกต้อง แต่ถ้าใช้เพื่อการซ่อมแซมแม่น้ำและระบายน้ำ ก
กล่องผ้าไหมสีแดงเข้มชิ้นนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น ว่านกงกงเป่าฝุ่นออกก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ด แล้วเปิดกลไกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาเขาส่งสัญญาณให้มอบหยกชิ้นนั้นแก่เสนาบดีมู่เสนาบดีมู่รับมาด้วยความสงสัย เมื่อมองดู เห็นว่าหยกทรงวงแหวนชิ้นนี้แกะสลักลวดลายมังกร ชัดเจนว่าเป็นของจักรพรรดิ์องค์ก่อน"ท่านเสนาบดีลองดูด้านหลัง" ว่านกงกงกล่าวเมื่อเสนาบดีมู่พลิกดูด้านหลัง เขาถึงกับตะลึงจนเหมือนร่างแข็งทื่อด้านหลังยังคงมีลวดลายมังกร แต่ลวดลายนี้ห่อหุ้มใบเมเปิลหนึ่งใบ และข้างใบเมเปิลนั้นยังมีอักษร "สือ" เล็กๆ แกะสลักไว้ใบเมเปิลและตัวอักษรแบ่งพื้นที่คนละด้าน ใบหนึ่งใหญ่ ใบหนึ่งเล็กซ่งซีซีก็เห็นเช่นกัน แต่ไม่เข้าใจความหมายเสนาบดีมู่ถอนหายใจและอธิบายเบาๆ "สือจิ้ง เป็นนามอักษรของจักรพรรดิ์องค์ก่อน ส่วนชิวเหมิงเคยเดินทางในยุทธภพช่วงหนึ่ง และได้รับสมญานามว่า 'คุณชายเหล็กแห่งใบเมเปิล'""หยกชิ้นนี้จักรพรรดิ์องค์ก่อนประทานให้แม่ทัพชิว ด้านหลังเดิมมีเพียงลวดลายมังกร แต่ใบเมเปิลและอักษร 'สือ' นั้น แม่ทัพชิวแกะสลักเพิ่มเอง หยกนี้เขาพกติดตัวตลอด ใส่ไว้ในถุงผ้าไหม แต่ไม่รู้อย่างไรถูกจักรพรรดิ
อย่างไรเสีย หัวข้อสนทนานี้เป็นเรื่องที่พูดยาก เสนาบดีมู่จึงดื่มชาสองสามอึกก่อนจะกล่าวว่า "ความจริงเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ในตอนนั้นมีการประกาศว่าชิวเหมิงกระทำการหมิ่นพระเกียรติ จักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงกริ้วและปลดเขาออกจากตำแหน่ง ก่อนจะพระราชทานยศเจวี๋ยให้แทน มีข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ หลุดออกมาจากในวังว่าเขาและอาจารย์ฉีมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือบางอย่าง เมื่อจักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงทราบ ก็ไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ ด้วยความโกรธจึงตรัสคำดูหมิ่นเขาอย่างรุนแรง รวมถึงการลดตำแหน่ง ทำให้ชิวเหมิงรู้สึกหมดกำลังใจจนตัดสินใจออกจากเมืองหลวงไป"สำหรับเหตุผลนี้ ซ่งซีซีเคยคาดเดาไว้บ้าง แต่คิดว่าในฐานะคนที่ทำงานใกล้ชิดราชวงศ์ ไม่น่าจะกล้าแสดงความคิดหรือความรู้สึกเช่นนั้นออกมา อีกทั้งนางก็รู้จักอุปนิสัยของจักรพรรดิ์องค์ก่อนดี จึงยิ่งไม่น่าจะไม่ระมัดระวังตัวและหากการลดตำแหน่งเกิดจากเรื่องนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นการทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่แต่จากที่ได้ฟัง บางทีชิวเหมิงอาจมองจักรพรรดิ์องค์ก่อนเป็นเพื่อนจริงๆ จึงไม่ได้ปิดบังตัวเองมากนัก หรืออาจเพราะเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้จักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงไม
อาจารย์ฉีมอบหมายให้ซ่งซีซีตามหาบุคคลหนึ่งชื่อชิวเหมิงบรรพบุรุษของตระกูลชิวเคยร่วมรบสร้างแคว้นกับจักรพรรดิ์ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางตลอดกาลในฐานติ้งปังโหว แต่ต่อมาชิวเหมิงกลับล่วงเกินจักรพรรดิ์องค์ก่อน และถูกลดตำแหน่งลงเป็นผิงอันป๋อเขาจึงย้ายออกจากเมืองหลวงไปปลีกวิเวกที่แถบเจียงหนาน และดูเหมือนว่าคนในเมืองหลวงที่จำเขาได้คงเหลือน้อยเต็มที"เขาไม่เคยแต่งงานเลยตลอดชีวิต และห้างชิวเจียก็เป็นของเขา"ซ่งซีซีประหลาดใจ "เขาคือเจ้าของเบื้องหลังของห้างชิวเจียอย่างนั้นหรือ?"ห้างชิวเจียในแถบเจียงหนานถือเป็นกิจการใหญ่โต แม้ทรัพย์สินจะไม่เทียบเท่าตระกูลเสิ่น แต่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมและมีเครือข่ายความสัมพันธ์กว้างขวางในแคว้นซางมีคนแซ่ชิวอยู่ไม่น้อย ประกอบกับชิวเหมิงที่ซ่อนตัวและไม่พบปะใครเลย ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเป็นเจ้าของห้างชิวเจียแต่ห้างชิวเจียมีอายุเกินร้อยปี เป็นป้ายเก่าแก่ ก่อนที่ชิวเหมิงจะออกจากเมืองหลวง ก็ไม่เคยมีข่าวว่าครอบครัวเขาทำธุรกิจหงเซียวรีบอธิบาย "เดิมทีห้างชิวเจียไม่ได้เป็นของชิวเหมิง แต่ภายหลังเมื่อเขาไปถึงเจียงหนาน ห้างชิวเจียประส
ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับจินชางหมิงถูกส่งมาถึงมืออาจารย์หยูจินชางหมิง เป็นชาวเยี่ยนโจว อายุ 47 ปี สอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉตอนอายุ 13 ปี และจวี่เหรินตอนอายุ 18 ปี ในตอนนั้นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะในเยี่ยนโจวแต่หลังสอบจวี่เหรินได้ เขาถูกชะลอไม่ให้เดินทางไปสอบในเมืองหลวงเพราะมารดาป่วย เขาจึงหางานทำในสำนักอำเภอที่เยี่ยนโจว และได้ตำแหน่งเลขานุการเส้นทางการเลื่อนตำแหน่งของเขาไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งเยี่ยนโจวและกรมโยธาธิการต่างให้คะแนนว่าเขาเป็นคนมีวิสัยทัศน์และลงมือทำจริงในการประเมินผลสามปีครั้งของกรมการปกครอง เขาได้คะแนนดีเยี่ยมว่ากันว่าการเป็นหัวหน้ากรมแม่น้ำเพียงอย่างเดียวเป็นการฝังพรสวรรค์ของเขา บ้างก็ว่าเขาไม่มีสายสัมพันธ์ที่ดี มิฉะนั้นเขาคงได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปเป็นรองเสนาบดีกรมโยธาธิการแล้วแคว้นต้าซางมีข้าราชการแบบเขาอยู่มากมาย ตำแหน่งไม่สูงนัก แต่ทำงานทุกอย่างราบรื่น ไม่มีความทะเยอทะยานมาก และทำงานเงียบๆ อย่างมีประสิทธิภาพเขาไม่ได้โดดเด่น ไม่มีเรื่องให้พูดถึง มีภรรยาหลวงหนึ่งคน ภรรยาน้อยหนึ่งคน ลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน และคนรับใช้สามคน บ้านที่เขาอยู่เดิมเป็นบ้านเช่า เพิ