ซ่งซีซีมาถึงในเวลานี้ ตอนที่ยังไม่เข้ามานางก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มีบางคนเบียดแน่นอยู่ข้างนอกไม่สามารถเข้ามาได้ แต่ทุกคนได้ยินถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ต่างก็คาดเดาอยู่ข้างนอกหลังจากที่ซ่งซีซีเข้ามาก็กวาดตามองไปรอบๆ ฟังเสียงประท้วงของทุกคน เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทันทีที่นางปรากฏตัว ฮูหยินทุกคนก็รีบเข้ามาหานาง แล้วถามนางว่าจะทำอย่างไรดี แม้จะไม่กล้ามีคำถามกับนาง แต่คำพูดก็แฝงไว้ด้วยความสงสัยและต้องการคำอธิบายเพียงแต่คำพูดและท่าทีไม่ดุดันเหมือนเมื่อครู่ใบหน้าของซ่งซีซีไม่ได้เคร่งเครียด แต่ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่คาดคิดว่าในวันสุดท้ายก่อนจะถึงวันหยุดจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นวันนี้ประตูใหญ่ของสถาบันการศึกษาสตรีจะเปิด เนื่องจากนักเรียนต้องนำสิ่งของติดตัวไปด้วยมากมายในช่วงวันหยุด ล้วนเป็นสมาชิกในครอบครัวขุนนาง ดังนั้นโดยทั่วไปเหล่าคนรับใช้จะมีการควบคุมเข้มงวดมาก ดังนั้นเดิมทีก็ไม่มีอะไรต้องกังวลกลับไม่คาดคิด ว่าคนร้ายฉวยโอกาสนี้ หลังจากที่ประตูเปิดก็บุกเข้ามา ก่อนที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะมาถึงด้วยซ้ำ แบบนี้เมื่อสามารถบุกเข้ามาได้แล้ว ก็ทำให้ทุกคนเห็นว่าพวกคุณหนูเกือบจะถูกลวนลาม ทำให้เกิด
ซ่งซีซีอพยพนักเรียนและผู้ปกครองอย่างเป็นระเบียบไปก่อน โดยไม่บอกให้พวกเขาเก็บเป็นความลับ เพราะเก็บไว้ไม่ได้แล้วจากนั้นก็ให้หงเซียวไปเชิญให้ชิงเชวี่ยและคนจากสำนักเขตจิงจ้าวมา คนผู้นี้จะต้องถูกมัดตัวไปสอบสวนอย่างแน่นอน และเห็นได้ชัดว่าเขาถูกวางยา ที่เชิญชิงเชวี่ยก็เพื่อตรวจดูว่าใช้ยาชนิดใดส่วนคนที่หลบหนีก็ถูกลู่เจินพาคนไปจับตัวมา และพวกเขาก็ถูกนำตัวกลับมาทั้งหมดคนอื่นๆ เริ่มมีสติขึ้นแล้ว แต่คนที่ยังไม่มีสติ เมื่อมองดูซ่งซีซีและหงเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหายซ่งซีซีเข้าไปกอดหยานหรูอวี้ก่อน ยานหรูอวี้ก็สงบลง แล้วนางก็หันกลับมาปลอบซ่งซีซีว่า "ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร"“เด็กโง่ เจ้าไม่ควรพูดแบบนั้น เจ้ากำลังทำลายตัวเอง” กั๋วไท่ฮูหยินรู้สึกปวดใจแทนนาง ถอนหายใจเฮือกๆ “แบบนี้จะทำอย่างไรดี”รอยยิ้มที่สั่นเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าซีดเซียวของหยานหรูอวี้ "กั๋วไท่ฮูหยินไม่ต้องห่วงข้าเจ้าค่ะ เดิมทีข้าก็ไม่คิดจะแต่งงานอยู่แล้ว สำหรับข้าชื่อเสียงเป็นเพียงภาระที่หนักอึ้ง ตอนนี้ข้าไม่เหลือชื่อเสียงแล้ว กลับทำอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น"“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เจ้านำภัยพิบัติมาสู่ตัวเอง ผู้คนภายนอก...เ
ซ่งซีซีรู้สึกผิดในใจของนางอย่างไม่อาจบรรยายได้ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางต้องออกไปข้างนอกตอนกลางคืนเพราะเรื่องของหอหนานเฟิง จนเกือบลืมเรื่องในสถาบันการศึกษาหญ่าจวินไปหมดศิษย์พี่เสิ่นบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าสถาบันการศึกษาสตรีควรระมัดระวังให้มากกว่านี้ ถ้านางส่งคนมาเพิ่มอีกสักคน มันคงไม่เป็นแบบนี้คนจากสำนักเขตจิงจ้าวมาถึงก่อน เป็นใต้เท้าขงที่มาด้วยตัวเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสำนักเขตจิงจ้าวให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเพียงใดทั้งหมดมีหกคน ล้วนถูกมัดไว้ เมื่อถูกตบไม่กี่ครั้ง ทุกคนได้สติ ยกเว้นคนที่ลวนลามหยานหรูอวี้คนเดียวแล้วจึงรายงานตัวตนของพวกเขา ทั้งหกคนล้วนเป็นคนทำงานหนักบนท่าเรือ ช่วยคนขนถ่ายสินค้าและขนแผ่นทองแดงจำนวนมากทุกวัน เมื่อผ่านไปหนึ่งเดือน ก็จะได้รับเงินสองพวงจากการทำงานหนักและเมื่อคืนที่ผ่านมา หัวหน้าคนงานท่าเรือได้จัดงานเลี้ยง ทั้งเก้าคนนั่งดื่มสุรากัน บอกว่ามีงานให้ทำ ถ้าทำสำเร็จก็จะได้เงินห้าสิบตำลึงงานนี้ง่ายมาก ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก นั่นก็คือบุกเข้าไปก่อความวุ่นวายสถาบันการศึกษาสตรี ไม่จำเป็นต้องก่อกวนอะไรมาก เพียงแค่ต้องบุกเข้าไปทำให้นักเรียนในสถาบันการศึกษ
ในเรือนเหวินซี โคมไฟที่อยู่หน้าทางเดินส่องภาพกระดาษตัดบนโครงตาข่ายหน้าต่าง และสะท้อนมันลงบนผนังบ้านราวกับสัตว์ขนาดยักษ์อย่างไรอย่างนั้นซ่งซีซีนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่มีพนักพิง ประสานมือไว้ข้างหน้า ร่างเพรียวบางห่อด้วยเสื้อผ้าเรียบๆ นางมองไปที่คนอยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นสามีที่เพิ่งต่างงานของนาง ซึ่งนางรอคอยมานานหนึ่งปีชุดเกราะทหารที่ดูค่อนข้างเก่าของจ้านเป่ยว่างยังไม่ได้ถอด และเขาดูสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีความรู้สึกขอโทษแฝงไว้ "ซีซี ได้ออกพระราชกฤษฎีกาให้สมรสกันแล้ว ยี่ฝางจะต้องแต่งเข้ามาอย่างแน่นอน"ซ่งซีซีประสานมือไว้หน้าลำตัว ดวงตาของนางมืดมัว นางถามอย่างสงสัย "ไทโฮ่วเคยกล่าวไว้ว่าแม่ทัพยี่ฝางเป็นแบบอย่างสำหรับผู้หญิงในใต้หล้า นางยอมที่จะเป็นอนุภรรยาหรือ? "ดวงตาที่หนักอึ้งของจ้านเป่ยว่างฉายแววความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย "ไม่ ไม่ใช่อนุภรรยา นางเป็นภรรยาเท่าเทียม ไม่ต่างจากเจ้า"ซ่งซีซียังคงนิ่งเฉยและพูดว่า "ท่านแม่ทัพรู้ดีว่าภรรยาเท่าเทียมแค่ฟังดูดีเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วนางก็เป็นอนุภรรยาอยู่ดี"จ้านเป่ยว่างขมวดคิ้ว "จะอนุอะไรกัน นางกับข้ามีใจให้กันในสนามรบและตกหลุมรักกัน อีกอย่างเ
จ้านเป่ยว่างจนใจเล็กน้อย "ทำไมต้องหาเรื่องด้วยล่ะ? นี่คือพระราชทานสมรสที่ฝ่าบาทออกให้ และแม้ว่ายี่ฝางจะเข้ามา พวกเจ้าก็อยู่คนละเรือนกัน และนางก็จะไม่แย่งชิงสิทธิในการบริหารครอบครัวกับเจ้า ซีซี สิ่งที่เจ้าให้สำคัญนั้นนางไม่สนหรอก""ท่านคิดว่าข้าสนใจอยากกุมอำนาจดูแลบ้านเหรอ?" ซ่งซีซีถามกลับ มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นผู้นำที่ดูแลจวนแม่ทัพ แค่ยาที่หมอมหัศจรรย์ดันออกให้ฮูหยินผู้เฒ่ากินในแต่ละเดือนก็ต้องเสียเงินหลายสิบตำลึง ไหนจะของกินของใช้ของทุกคน ไหนจะมีญาติพี่น้องและเพื่อนต้องติดต่ออีก ต้องใช้เงินไปหมดจวนแม่ทัพมีแค่มีชื่อเสียงเท่านั้น ในปีที่ผ่านมา เงินสินเดิมของนางใช้อุดหนุนไปไม่น้อยเลย แต่นี่คือผลที่นางแลกมางั้นหรือจ้านเป่ยว่างหมดความอดทนโดยสิ้นเชิง "ช่างเถอะ ข้าไม่อยากเสียน้ำลายกับเจ้า ข้าแค่ต้องแจ้งให้เจ้าทราบเรื่องก็เท่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนใจข้าได้"ซ่งซีซีเฝ้าดูเขาเดินจากไปอย่างเย็นชา รู้สึกตัวเองน่าขำมากทีเดียว"คุณหนู" เป่าจูเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ "ท่านเขยเขารังแกคนมากเกินไปจริงๆ""อย่าเรียกไปมั่ว!" ซ่งซีซีเหลือบมองนางเบาๆ "เขาและข้ายังไม่ได้
เป่าจูหยิบรายการสินเดิมมา "ในเวลาหนึ่งปีนี้ ท่านได้อุดหนุนเงินไปมากกว่าหกพันตำลึง แต่ร้านค้า บ้านพัก และสวนต่างไม่ได้แตะต้องเลย ใบรับรองเงินฝากของฮูหยิงที่เก็บไว้ในร้านฝากเงินตอนมีชีวิต และโฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน ฯลฯ ทั้งหมดอยู่ในกล่องแถมได้ปิดไว้เรียบร้อย""อืม!" ซ่งซีซีดูรายการนั้น ท่านแม่ของนางให้สินเดิมก้อนโตแก่นางในเวลานั้น คงกลัวว่านางจะต้องทนทุกข์ในครอบครัวของสามี และนางรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างรุนแรงขึ้นมาเป่าจูถามอย่างเศร้าๆ จากด้านข้าง "คุณหนู เราจะไปที่ไหนได้บ้าง หรือว่าจะกลับจวนโหวเหรอ ไม่งั้นเรากลับภูเขาเหม่ยชานดีไหม"สายตาของนางแวบภาพที่ทั้งจวนเต็มไปด้วยเลือดและศพอันน่าสลดใจของคนในครอบครัว นางรู้สึกเจ็บปวดใจทันที "ไปไหนก็ได้ ยังไงก็ดีกว่าอยู่ที่นี่""พอท่านไปแล้ว มันก็ให้พวกเขาได้สมหวังสินะ"ซ่งซีซีพูดดรียบๆ "ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาได้สมหวังเถอะ หากข้าอยู่ต่อ ก็จะใช้ชีวิตอย่างทรมานเมื่อต้องเห็นพวกเขารักใคร่กัน เป่าจู ยามนี้ จวนโหวเหลือข้าเพียงคนเดียว ข้าต้องอยู่ดีกินดีเพื่อที่พ่อแม่และพี่ๆ ของข้าที่อยู่ในสวรรค์ได้หายห่วง""คุณหนู!" เป่าจูร้องไห้อย่างหนัก นางเป็นผู้รับใช้ที่
ฮูหยินผู้เฒ่าฝืนยิ้ม "จะชอบหรือไม่ยังให้คำตอบไม่ได้ เพิ่งพบกันครั้งแรก แต่ในเมื่อฝ่าบาททรงพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว ต่อไปนางและเป่ยว่างร่วมือกันเพื่อสร้างผลงานในกองทัพ ส่วนเจ้าจัดการดูแลเรื่องฝ่ายในของจวนแม่ทัพ เพลิดเพลินกับความสำเร็จทางการทหารที่พวกเขาต่อสู้มา ช่างดีเหลือเกิน""ดีจริงๆ!" ซ่งซีซียิ้ม "แต่ให้แม่ทัพยี่เป็นแค่อนุภรรยาคงไม่เหมาะกับสถานะของนางสินะ"ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มแล้วกล่าวว่า "เจ้าเด็กโง่เอ๊ย นางจะเป็นแค่อนุภรรยาได้ยังไง ในเมื่อฝ่าพระบาททรงพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว อีกอย่างนางยังเป็นผู้บัญชาการทหาร เป็นข้าราชการในราชสำนักด้วย ข้าราชการจะเป็นอนุภรรยาได้ยังไง เป็นภรรยาที่เท่าเทียมกัน ไม่มีใครเหนือกว่า"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่มีใครเหนือกว่างั้นเหรอ ราชวงศ์ของเรามีกฎเช่นนี้หรือ"ฮูหยินผู้เฒ่าดูเย็นชาเล็กน้อย "ซีซี เจ้าเป็นคนมีเหตุผลเสมอ ในเมื่อเจ้าได้แต่งเข้าตระกูลจ้านแล้ว ควรตามกฏของตระกูลจ้านก่อน หลังจากได้รับตรวจสอบโดยกระทรวงกลาโหมแล้ว ยี่ฝางสร้างผลงานโดดเด่นกว่าเป่ยว่างในสงครามครั้งนี้ ต่อไปสองสามีภรรยาพวกเขามีใจเดียวกันกัน บวกกับมีเจ้าดูแลฝ่าย
คนของตระกูลจ้านต่างมองหน้ากัน คิดไม่ถึงว่าซ่งซีซีมักจะที่อ่อนแอนั้น ยามนี้จะเด็ดขาดเช่นนี้ยิ่งกว่านั้นนางไม่ยอมเชื่อฟังท่านแม่ด้วยซ้ำฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างเย็นชา "นางต้องยอมแน่นอน นางไม่มีทางเลือกอื่น"ใช่ไง บัดนี้นางไม่มีครอบครัวที่ให้พึ่งพา นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ในตระกูลจ้าน ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลจ้านไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง นางยังเป็นภรรยาเอกเช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งซีซีนำเป่าจูกลับจวนโหวเจิ้นเป่ยภายในจวนก็รกร้าง ใบไม้ร่วงหล่นกองอยู่อย่างไรก็ตาม ไม่มีคนดูแลมาครึ่งปีแล้ว และลานบ้านของจวนโหวมีวัชพืชที่สูงพอๆ กับผู้ใหญ่ได้เมื่อเหยียบเข้าไปในจวนโหวอีกครั้ง ซ่งซีซีก็รู้สึกเจ็บใจจนเหมือนโดนมีดแทงใจเมื่อหกเดือนก่อน นางตกใจเมื่อได้ยินว่าครอบครัวของนางถูกสังหารไปหมด นางทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าศพของท่านย่าและท่านแม่ พวกนางหนาวมากจนไม่มีความอบอุ่นแม้แต่นิดเลย และทุกที่ของจวนก็เปื้อนไปด้วยเลือดหมดมีห้องโถงของบรรพบุรุษอยู่ในจวนโหว และป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษของตระกูลซ่งและท่านแม่ของนางล้วนอยู่ในห้องโถงของบรรพบุรุษนางและเป่าจูกำลังเตรียมเครื่องบูชา และน้ำตาของพวกนางก็ไม่เคยหยุด