Share

บทที่ 1187

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ส่วนทางด้านนี้ เจ้ากรมฉีกลับมาถึงจวน เรียกคนจากบ้านสี่เข้ามาหา ระบายอารมณ์ใส่เสียยกใหญ่

ฮูหยินฉีสี่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน "พี่ใหญ่ พวกเราก็ทำตามความประสงค์ของฮองเฮา เดิมทีข้าต้องการคุณชายสามโหวกวางหลิงให้หลี่เอ๋อร์ แต่ฮองเฮาบอกว่าเราจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากแม่ทัพ”

ครั้นแล้วนางก็เล่าเรื่องที่ฮองเฮาเกือบจะประทานสมรสแต่ก็ถูกไทเฮายับยั้งไว้ ระหว่างพูดก็แสดงความโกรธออกมา "ตระกูลฝางก็หยิ่งยะโสยิ่งนัก คุณหนูจากตระกูลฉีของเราไม่คู่ควรกับเขาหรือ? พี่ใหญ่ ตระกูลฝางไม่เห็นตระกูลฉีของเราอยู่ในสายตาเลย"

“ทำไมพวกเขาตระกูลฝางถึงต้องเห็นตระกูลฉีของเราอยู่ในสายตา? พวกเราเห็นตระกูลฝางอยู่ในสายตาแล้วอย่างนั้นหรือ?” เจ้ากรมฉีถามกลับ เขารู้สึกว่านี่ปัญหาเกิดจากจุดนี้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่คนในตระกูลคิดว่าบุคคลภายนอกต้องให้เกียรติตระกูลฉี

ความกลัวผุดขึ้นมาในใจไม่รู้ตัว

โดยไม่รู้ตัว ตระกูลฉีในสายตาของทุกคนนั้นมีอำนาจมากมายมหาศาล คนในตระกูลฉีก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน เหตุใดพวกเขาถึงคิดเช่นนั้นน่ะหรือ? ย่อมเป็นเพราะว่าคนภายนอกยกย่องขึ้น

ฮูหยินฉีสี่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ พึมพำว่า "แต่เราคือตระก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1188

    ในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง จักรพรรดิซูชิงเสด็จมายังตำหนักฉางชุนฮองเฮาดวงตาแดงก่ำ เล่าเรื่องที่ฉีซี่หลี่ถูกให้ถอนตัวออกจากสถาบันสำหรับเรื่องนี้จักรพรรดิซูชิงได้ติเตียนตระกูลฉีไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะพูดถึงเรื่องนี้ในเวลานี้ เขาไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลยฮองเฮาฉีสังเกตสีหน้าท่าทาง ก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ จึงเปลี่ยนหัวข้อ กล่าวว่าตอนนี้ผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงทุกคนต่างยกย่องซ่งซีซี คิดว่านางมีมาตรฐานเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับกุลสตรีจักรพรรดิซูชิงมองนางเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "ข้ากลับสงสัยยิ่งนัก ว่าเหตุใดบรรดาฮูหยินสุภาพสตรีในตระกูลชั้นสูงจึงไม่ยกย่องฮองเฮา? ตามหลักแล้วฮองเฮาเป็นมารดาของแผ่นดิน ก่อนที่จะแต่งงานกับข้า ยิ่งเป็นสตรีที่มีความสามารถเป็นที่รู้จักในเมืองหลวง เจ้าต่างหากถึงควรได้รับยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ดี”ฮองเฮาฉีไม่แน่ใจว่าคำพูดของฝ่าบาทเป็นคำชมหรือคำวิจารณ์ ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นการเสียดสีหรือจริงๆ แล้วกำลังเรียกร้องความเป็นธรรมให้นางอยู่ตอนนี้นับวันนางยิ่งไม่เข้าใจฝ่าบาทนางถวายชาให้พระองค์ด้วยท่าทางกระดากใจ หยุดครู่หนึ่ง แล้วพูดหยั่งเชิงว่า "เวลานี้พระชายาเป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1189

    นอกเหนือจากการเป็นอาจารย์แล้ว เสิ่นว่านจือยังจัดตั้งกลุ่มเล็กๆ ร่วมกับศิษย์พี่ซือโซและคนอื่นๆ เพื่อจับตัวโจรเด็ดบุปผาพวกนั้นโดยเฉพาะเมื่อก่อนเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ตามหาตัวพวกเขาให้เจอ ทุบตีให้พวกเขาสารภาพ แล้วส่งไปให้ทางการ สุดท้ายพอไปถึงทางการกลับให้การว่าถูกทุบตีถึงได้ยอมรับสารภาพศิษย์พี่ซือโซแอบติดตามเด็กสาวที่ถูกรังแกอย่างลับๆ แต่พวกนางต่างก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นคนที่ไม่ยอมรับยังถือว่าดี มีบางคนพอเห็นหน้าพวกนางก็ไล่ตะเพิดออกไปดังนั้นเนื่องจากขาดหลักฐาน จึงได้รับการปล่อยตัวในที่สุดเจตนาฆ่าของเสิ่นว่านจือเกิดขึ้นมากกว่าพันครั้ง ตามหลักการแก้แค้นให้สาสมของยุทธภพ นางสามารถฆ่าคนและเดินจากไปได้เลยแต่ตอนนี้นางไม่ใช่คนในยุทธภพ ท่านอ๋องเป็นคนของทางการ ซีซีก็ดูแลรับผิดชอบกองทัพซวนเจีย นางไม่อาจเป็นนักโทษฆ่าคนได้นี่เป็นวิธีที่โง่เขลาที่สุดที่นางคิดได้ แต่มันก็โง่เขลาและไม่ได้ผลจริงๆนางทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์ จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครถูกส่งเข้ามาเลยดังนั้น ในดวงตาของนางจึงมีความโศกเศร้าและโกรธขึ้งอยู่เสมอทั้งสองคุยกันสักพัก ซ่งซีซีก็ปลอบนางว่า "ท่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1190

    ในจวนเป่ยหมิงอ๋อง นอกจากองครักษ์แล้วก็ไม่ได้ฝึกฝนองครักษ์ลับใดๆ ไว้เลย อย่างมากที่สุดก็มีหลายคนที่ออกไปทำงานข้างนอกให้ มีวรยุทธ์พอใช้ได้ แต่พวกเขาออกไปงานข้างนอก บางครั้งทุกๆ ครึ่งเดือนหรือหนึ่งเดือนถึงจะกลับมาสักครั้งรองลงมาก็มีสายลับ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้เพื่อสอดแนมศัตรู ไม่ใช้เพื่อการส่วนตัวง่ายๆไม่มีการฝึกกำลังคนไว้มากนัก ประการแรกนั้นเป็นเพราะก่อนที่เซี่ยหลูโม่จะเดินทางไปเขตหนานเจียงก็ได้สร้างความดีความชอบทางการรบไว้แล้ว ตอนที่อยู่ที่เมืองหลวงได้เป็นผู้นำกองทัพซวนเจีย อดีตฮ่องเต้ก็ไม่อนุญาตให้เขามีทหารประจำจวนมากเกินไป โดยเฉพาะการฝึกฝนองครักษ์ลับนั้นยิ่งเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่งประการที่สอง หลังจากไปที่สนามรบในเขตหนานเจียง เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เมื่อกลับสู่ราชสำนักพร้อมชัยชนะ ภายใต้ความระแวงสงสัยของฝ่าบาท ก็ยิ่งไม่มีความคิดในเรื่องนี้ด้วยซ้ำแน่นอนว่าจะมีการตรวจประเมินผล หน่วยองครักษ์ในจวน รวมถึงทหารประจำจวนตามข้อกำหนดของชินอ๋องนั้น เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถพาทุกคนหลบหนีได้อย่างปลอดภัยตอนนี้ หากฝ่าบาทให้เขาไปทำธุระอย่างเปิดเผย ก็สามารถระดมพลในกองทัพซวนเจียได้ แต่ตอนนี้ถ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1191

    เซี่ยหรูหลิงไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอยู่พักหนึ่ง มือทั้งสองข้างขดอยู่ในแขนเสื้อ กำแน่น ในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ฝ่ามือยังมีเหงื่อออกเขารู้ว่าเขาต้องตัดสินใจเลือกเมื่อเขากลายเป็นผู้คุมของหอต้าหลี่ เขาคิดเรื่องนี้ในใจเป็นพันๆ ครั้ง หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ต่อมาเฉินเส้าชิงเห็นว่าเขาจิตใจไม่สงบ บอกเขาว่าอย่าคิดอะไรเลย แต่ต้องทำงานที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดคิดไม่ถึง ว่าจะยังไม่มีคำตอบ ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของเซี่ยหลูโม่ เขาก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นมองดูดวงตาที่มีเสน่ห์ของเขา จิตใจว่างเปล่า พูดขึ้นเกือบจะไม่รู้ตัวว่า "ในหลูโจวมีทหาร แต่ว่ามีเท่าไหร่นั้นข้าก็ไม่รู้”“เจ้ารู้เรื่องนี้มาจากไหน” เซี่ยหลูโม่ถามหลังจากที่เซี่ยหรูหลิงบอกว่ามีทหารในหลูโจว ก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็สงบใจลง ที่แท้การตัดสินใจเลือกไม่ใช่เรื่องยากเขาพูดอย่างใจเย็นว่า "ในจวนอ๋องที่เยี่ยนโจว ห้องหนังสือมีสองชั้น ข้ามักจะอ่านหนังสือบนชั้นสอง บางครั้งพอไปอ่านก็อยู่อ่านทั้งวัน ได้ยินพวกเขาที่อยู่ข้างล่างคุยกันหลายครั้ง แต่ถึงแม้จะกั้นห่างกันเพียงหนึ่งชั้น แต่ห้องหนังสือก็ใหญ่มาก มีหล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1192

    เมื่อเซี่ยหรูหลิงเดินออกจากห้องโถง เชิดหน้ายืดอกอย่างองอาจ แววตาแน่วแน่ พลังใจเปี่ยมล้น ดูไม่หดหู่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปทั้งหมดเป็นเพราะคำพูดสุดท้ายของเซี่ยหลูโม่ที่พูดกับเขาว่า "เฉินยี่บอกข้าแล้ว ถ้าเจ้าทำงานผู้คุมได้ดี ฝึกฝนไปอีกหนึ่งปีครึ่งปี ข้าจะเสนอเลื่อนขั้นให้เจ้า"ในขณะนั้น ขอบตาของเขาแดงก่ำจริงๆยกเว้นเสด็จแม่ของเขาแล้ว ก็ไม่มีใครเชื่อมั่นในความสามารถของเขา ไม่มีใครยกย่องเขาอย่างแท้จริงเสด็จแม่ชมเชยเขา แต่ว่า คำชมของเสด็จแม่มักจะแฝงมากับการให้กำลังใจ เขาไม่ได้เก่งด้านวรรณกรรมหรือศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก เสด็จแม่จะให้กำลังใจเขาว่าเขาทำได้ดีแล้ว ภายหน้าเมื่อเติบโตขึ้นเขาจะประสบความสำเร็จเช่นไรๆนั่นคือการให้กำลังใจ ไม่ใช่การยืนยันตอนนี้ เขาได้รับการยืนยันแล้ว และเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าการยืนยันนั้นเจือปนกับเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์หรือไม่ ไม่ว่าอย่างไร ความรู้สึกในขณะนี้ช่างสวยงามมาก จนเขาไม่อยากเจาะลึกลงไปมากนักถ้าสามารถให้เขาเดินต่อไปบนเส้นทางนี้ เขาก็จะพยายามทุกวิถีทางเขาไม่เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อมาตั้งแต่เด็ก บุตรที่เกิดจากสาวใช้ต้นห้อง ได้รับการเลี้ยงดูจากภรรยา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1193

    ซ่งซีซียังต้องกำชับอีกหลายอย่างเช่นกัน บอกให้เขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ กระทำการสิ่งใดต้องระมัดระวัง พบเจอดอกไม้ริมทางที่ไหนก็ให้มองก็พอ อย่าเด็ดกลับมาเด็ดขาดครั้นได้ยินประโยคที่บ่งบอกถึงความหึงหวง เซี่ยหลูโม่ก็รู้สึกยินดีเหมือนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กระโดดขึ้นขี่ม้าแล้วคลี่ยิ้ม ยังแสดงความสุจริตใจอีกว่า "ข้าจะไม่ชายตามองแม้เพียงแวบเดียว"แต่กุ้นเอ๋อร์ก็งุนงงอยู่พักหนึ่งว่า "ฤดูหนาวเช่นนี้ บนท้องถนนจะเจอดอกไม้ริมทางได้อย่างไร? ถึงจะมีดอกไม้ แต่ก็มีแต่ดอกไม้ที่คนปลูกไว้ จะยอมให้คนเด็ดกลับมาได้อย่างไร? ถ้าแค่มองก็ไม่เป็นไรหรอก แล้วทำไมจะไม่มองล่ะ?”ซึ่งคำพูดเหล่านี้ทำให้อาจารย์หยูกับเสิ่นชิงเหอต่างก็หัวเราะเสิ่นว่านจือกล่าวว่า "เจ้ากุ้นผู้น่าสงสาร รีบหุบปากเถอะ เหมือนนำหัววัวมาต่อกับปากม้าจริงๆ คนอื่นพูดเรื่องหนึ่งแต่เจ้ากลับพูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง"กุ้นเอ๋อร์ลูบคางอย่างใช้ความคิดอยู่นาน จนกระทั่งจางต้าจ้วงบอกว่าออกเดินทางได้ เขาก็ยังไม่เข้าใจสนมฮุ่ยไทเฟยพอเห็นลูกชายขึ้นหลังม้าก็กลับไปทันที ที่หน้าประตูใหญ่อากาศหนาวมาก จนนางสั่นไปทั้งตัว อีกทั้งส่งเขาขึ้นม้าก็พอแล้ว ที่เขาหันกลับมามองบ่อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1194

    ซ่งซีซีช่วยพยุงนางไปนั่งที่เก้าอี้เอนนอน "ขอบคุณแทนศิษย์พี่ห้า แต่ข้าไม่เดาหรอก ท่านบอกว่าท่านเห็นใคร?""วิกเตอร์!" เสิ่นว่านจือตั้งแข็งค้าง อาจเป็นเพราะเมามากเกินไป แต่บางทีอาจจะประหลาดใจเกินไป "ใช่ คือวิกเตอร์ แถมยังไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีวิกเตอร์หลายคน"“มีวิกเตอร์หลายคน หรือมีหลายคนที่เหมือนวิกเตอร์?” ซ่งซีซีจับหน้าผากของนาง “ดื่มไปเยอะเท่าไหร่ ถึงได้เมาขนาดนี้?”“วิกเตอร์...” นางพูดด้วยความงุนงง หัวสมองยังคงทึบตัน “แต่ไม่ได้ดูสูงอายุเท่าวิกเตอร์”"เหมือนวิกเตอร์ใช่ไหม? คนแคว้นซา?" ซ่งซีซีรู้สึกสงสัย แคว้นซากับแคว้นซางยังไม่มีการติดต่อสื่อสารกัน คนจากแคว้นซาจะมาที่แคว้นซางได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมาเมืองหลวง หรือแม้แต่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงก็ยิ่งไม่มีเสิ่นว่านจือลิ้นพันกันไปหมด ไม่รู้ว่าดื่มไปมากแค่ไหน "ใช่...ใช่ ชาวแคว้นซา ในเมืองหลวงมีคนแคว้นซาได้อย่างไร? พวกเขา...ซ่อนตัวอยู่ในหอหนานเฟิง ทำไมลูกค้าที่ไปหอหนานเฟิงถึงไม่พูด? ขนาดข้ายังมองเห็นพวกเขา ลูกค้าเหล่านั้นก็ต้องมองเห็นพวกเขาเหมือนกัน”ซ่งซีซีตกใจมากลูกค้าที่ไปหอหนานเฟิงต้องไม่บอกแน่ๆ หากบอกออกไปก็เท่ากับเป็นการป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1195

    ซ่งซีซีไปบอกเรื่องนี้กับอาจารย์หยู อาจารย์หยูก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ถามโดยไม่รู้ตัวว่า "คนแคว้นซาเข้ามาเมืองหลวงและอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ดังนั้นจึต้องตรวจสอบหอหนานเฟิงที่เหลือ จากนั้นตามหาตัวเถ้าแก่ของหอหนานเฟิง หากพวกเขาสามารถรับชาวแคว้นซาให้ทำการค้าในหอหนานเฟิงได้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย"สิ่งที่ต้องทราบให้ชัดเจนคือ พวกเขามาเมื่อใด ใครพาพวกเขามาที่นี่ และอะไรคือจุดประสงค์ของการมาเมืองหลวงซ่งซีซีวางแผนที่จะไปตรวจสอบที่หอหนานเฟิงที่เหลือด้วยตนเอง แน่นอนว่าต้องชวนเสิ่นว่านจือและหวังเยว่จางไปด้วยนางไปที่หอหนานเฟิงเพียงสามในห้าแห่งติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน นับจำนวนคนทั้งหมดได้สิบห้าคนดูจากลมหายใจและการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถมองออกว่าทั้งสิบห้าคนเป็นวรยุทธ์แท้จริงแล้วพวกเขาดูไม่เหมือนคนจากแคว้นซา แต่ดูเหมือนคนจากเขตหนานเจียงที่มีรูปร่างปานกลางมากกว่า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีหากเป็นแสงสลัวก็คงยากที่จะมองออกได้ นอกจากนี้พวกเขายังพูดภาษาแคว้นซางได้ดีมาก การออกเสียงถูกต้องบริบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยถึงความแปลกประหลาดนี้สำหรับเถ้าแ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1480

    ฉีฮูหยินใหญ่เข้าเฝ้าในวัง ครานี้นางมาโดยได้รับคำสั่งจากเจ้ากรมฉี เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัดเจน เมื่อฮองเฮาทรงได้ยินว่าบิดาทรงตัดสินใจจะวางตัวเป็นกลาง ก็มิอาจระงับโทสะได้ ตรัสเย็นชา “แต่ก่อนให้ข้าช่วยสนับสนุนตระกูลฉี ข้าก็มิเคยปฏิเสธ บัดนี้เมื่อข้าต้องการให้พวกท่านช่วยบ้าง กลับถอยหนีไปหมดสิ้น ข้าช่างไม่เข้าใจเลยจริงๆ หากองค์ชายใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลฉีจะไม่ได้รับผลดีเลยหรือ? หรือบิดามั่นใจว่าต่อจากนี้ตระกูลฉีจะราบรื่นไร้ปัญหา?” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างใจเย็น “ความหมายของบิดา คือเพียงอยากเป็นขุนนางผู้ภักดี มิอาจข้องเกี่ยวเรื่องนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของฮ่องเต้” “ช่างน่าขันนัก!” ฮองเฮาทรงหัวร่อเยาะ “เปรอะเปื้อนมลทินไปทั้งตัว บัดนี้ยังมีหน้ามาอ้างตนว่าเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์? เหตุใดจึงไม่พูดเช่นนี้ให้เร็วกว่านี้เล่า? เช่นนั้นข้าจะได้ไม่ต้องแต่งเข้าวังมา ปล่อยให้ข้าดิ้นรนต่อสู้เพียงลำพัง” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าว “แม้บิดาจะมีความผิดพลาดในเรื่องส่วนตัว แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในกรมขุนนาง ก็รับใช้แผ่นดินและฮ่องเต้โดยซื่อสัตย์ ไม่เคยขายตำแหน่งขุนนางหรือรับสินบน” ฮองเฮาทรงแค่นเสียง “ทำหรือไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1479

    ฮองเฮาเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้เสียเมื่อไร? แม้แต่ฮ่องเต้ทรงกริ้วพระนางอย่างที่สุด ก็เพียงแค่ทรงตำหนิเล็กน้อย หรือไม่ก็ทรงมีรับสั่งกักบริเวณพระนางเท่านั้น “เซี่ยหลูโม่เป็นตัวอะไร? เขาถึงได้กล้าถึงเพียงนี้! บังอาจมาทำอวดดีต่อหน้าข้า! ข้าเห็นว่าเขาสร้างผลงานไว้ จึงเป็นห่วงเรื่องเชื้อสายของเขา เขาคิดว่าข้าไม่มีเรื่องใดให้ทำ นอกจากยุ่งเรื่องของเขารึ? เขาไม่ชอบก็แล้วไป ยังมีคนที่ชอบอีกมาก!” ฮองเฮาทรงกริ้วจนปวดพระเศียร ไม่เคยพบผู้ใดที่ไม่รู้คุณคนเช่นนี้มาก่อน ความน้อยพระทัยของพระนางทำให้หลานเจี่ยนกูกูงุนงงนัก เดิมทีเรื่องนี้ก็แค่หาข้ออ้างเพื่อบีบให้พระชายาอ๋องต้องยอมเข้าวังมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเชื้อสายของจวนอ๋องจริงๆ แล้วล่ะ? หลานเจี่ยนกูกูคิดว่าฮองเฮาทรงหาข้อแก้ตัวให้พระองค์เองเพราะทรงโกรธ แต่ข้อแก้ตัวเช่นนี้ดูจะไร้ความจำเป็นไปมาก เพียงทำให้พระองค์เองขุ่นเคืองยิ่งขึ้นเท่านั้น นางจึงเอ่ยปลอบ “พระนางอย่าได้กริ้วไปเพคะ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นการหาพระชายารองให้เขาจริงๆ นี่เพคะ” ฮองเฮาทรงตวัดพระเนตรมองนางด้วยความไม่พอพระทัย ก่อนตรัสด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1478

    เซี่ยหลูโม่เห็นเขามีท่าทางอิดโรย ประกอบกับอู๋ต้าปั้นก็ได้นำฎีกากลับไปแล้ว จึงกล่าวว่า “น้องมีเรื่องหนึ่งขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถาม “เรื่องอันใด?” เซี่ยหลูโม่ดวงตาสงบนิ่งเย็นชา “น้องอยากไปตำหนักฉางชุนสักคราพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเข้าใจทันทีว่าเป็นเรื่องอันใด เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวง ถึงขั้นเกือบทำให้ผู้ตรวจการสวี่ต้องสิ้นชีพ จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ต้องการเผชิญหน้า จึงรับสั่งให้เขาไปตามต้องการ เซี่ยหลูโม่ถวายบังคมลา มุ่งหน้าสู่ตำหนักฉางชุนทันที ฮองเฮาทรงทราบถึงเจตนาของเขา จึงให้คนไปเชิญเข้ามา นางเห็นว่าซ่งซีซีปฏิเสธการแต่งตั้งพระชายารองให้เซี่ยหลูโม่ เป็นเพราะซ่งซีซีขี้หึงและเห็นแก่ตัว ทว่าชายใดเล่าจะคิดเช่นนั้น แม้จะกล่าวคำโตเพียงใด ก็ไม่อาจกลบซ่อนสันดานดิบของบุรุษได้ แม้ฮ่องเต้จะทรงอุทิศพระองค์เพื่อราชกิจ ไม่เสด็จเยือนฝ่ายในบ่อยนัก แต่ก็ยังมีสนมมากมายถึงสามวังหกตำหนัก เมื่อเจอคนถูกพระทัย ก็ยังทรงพลิกป้ายให้เข้าพบเดือนละสามสี่ครั้ง ฉีฮองเฮาทรงเห็นว่าไม่มีแมวตัวใดไม่ชอบกินปลา รวมถึงเซี่ยหลูโม่เองก็เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางยัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1477

    เซี่ยหลูโม่เอ่ยขึ้น "แล้วเสด็จพี่มีแผนการอย่างไร?" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสตอบ "เดิมที หากข้ามีชีวิตอยู่ได้เพียงสามเดือน ข้าจะตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และให้เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พร้อมตั้งขุนนางที่ไว้ใจได้อีกสองสามคนเป็นผู้ช่วยว่าราชการ ส่วนองค์ชายรอง จะถูกส่งไปประจำอยู่ที่หนานเจียง และปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่ง เช่นนี้จะช่วยลดอำนาจของตระกูลฉีลงได้" เซี่ยหลูโม่เอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าน้องจะไม่อาจรับตำแหน่งสำคัญนี้" เขาเข้าใจดีว่า หากเขาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ย่อมต้องแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับจักรพรรดิ์ซูชิง และสิ่งที่เขาคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ คำสั่งห้ามให้เขามีทายาท เช่นนั้น แม้เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ สุดท้ายก็ต้องคืนตำแหน่งจักรพรรดิ์ให้กับราชวงศ์ จักรพรรดิ์ซูชิงมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาแล้วถอนพระปัสสาสะเบาๆ "เรื่องมากมายก็มิอาจปิดบังไปจากเจ้าได้ ข้าเคยคิดจะให้เจ้าสาบานว่า เจ้าจะไม่มีบุตร ไม่มีทายาท ข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าทำได้เพียงเท่านี้" เซี่ยหลูโม่เข้าใจความหมายของจักรพรรดิ์ซูชิง แต่เขาไม่อาจยอมรับได้ การมีหรือไม่มีบุตร ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเพียงลำพัง ซีซีมีสิทธิ์ที่จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1476

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนสีพระพักตร์จะค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น "หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสามปี แต่ก่อนหน้านี้ หมอหลวงเคยบอกว่า ข้าน่าจะอยู่ได้หนึ่งปี ทว่าผ่านไปไม่นาน กลับเหลือเพียงแค่หกเดือน ข้าคิดว่า คำของหมอทั้งหลาย เมื่อมาถึงตัวข้า ก็ควรจะต้องลดลงครึ่งหนึ่งเสมอ เช่นนั้น หนึ่งปีครึ่งที่เหลือ อาจจะไม่ได้มีจริงด้วยซ้ำ" "เสด็จพี่ อย่าทรงคิดในแง่ร้าย..." จักรพรรดิ์ซูชิงยกพระหัตถ์ขึ้นปราม "เจ้าฟังข้าก่อน บัดนี้ ข้ามีสติแจ่มชัด มิได้เลอะเลือน เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ต้องรีบจัดการ แต่ปัญหาคือ ข้าไม่กล้าตั้งใคร ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่จะเติบโตขึ้นปกครองแผ่นดิน มหาเสนาบดีแก่ชราลงแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะฝากบ้านเมืองไว้ในมือใครได้ นอกจากเจ้า" เซี่ยหลูโม่มิได้เอ่ยสิ่งใด เพราะเขารู้ดีว่า ความไว้วางใจและความระแวงของเสด็จพี่ล้วนเกิดขึ้นโดยไร้หลักการ มันมักมาเป็นระยะๆ "ข้า มีพระโอรสสามองค์ เดิมทีมีองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทโดยธรรมชาติ ตำแหน่งรัชทายาทจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่องค์ชายใหญ่ เขาธรรมดาเกินไป ธรรมดาก็ไม่เป็นไรนัก แต่เขา ขี้เกียจ หยิ่งยะโส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1475

    ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกลับต้องพบว่า ดูหรือไม่ดู ก็ไม่ต่างกันเลย เพียงเห็นว่าหมอมหัศจรรย์ดันคีบเข็มไว้ในซอกนิ้วทั้งห้า แล้วในพริบตาเดียว เข็มสี่เล่ม ก็ปักลงจุดได้อย่างแม่นยำ พวกเขาแทบมองเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาของมือหนึ่งข้างเท่านั้น แต่ผลลัพธ์กลับแม่นยำและมั่นคง ราวกับว่าทุกอย่างจบลงในพริบตาเดียว ทั้งสี่จุด แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่การจะหา จุดฝังเข็ม ให้ถูกต้อง และปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำโดยไม่ลังเลนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่หมอมหัศจรรย์ดันกลับทำได้ในพริบตาเดียว หลังจากฝังเข็มแล้ว เขาจึงให้จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยซูซื่อตันเพื่อบรรเทาอาการปวด ผลของยาระงับปวดชัดเจนมาก สีพระพักตร์ของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นทันตา ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ หมอมหัศจรรย์ดันถอนเข็มออก ก่อนจะเขียนตำรับยา จากนั้นจึงหยิบยาดันเสวี่ยออกมาจากหีบยา แล้วกล่าวว่า "ทุกคนต่างคิดว่ายาดันเสวี่ย ใช้เพียงเพื่อบำรุงชีพจร แต่แท้จริงแล้ว มันช่วยฟื้นฟูร่างกายและบำรุงอวัยวะทั้งห้า ได้ด้วย ต่อไป ฮ่องเต้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น ยานี้จึงจำเป็นต้องช่วยคุ้มครอง ตับและไต โดยปกติ ควรเสวยทุกเจ็ดวันหนึ่งเม็ด แต่บัดน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1474

    จักรพรรดิ์ซูชิง ทรงเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนมีพระบัญชาให้จัดเตรียมห้องพักในตำหนักข้างเคียงของตำหนักเฉียนหยาง พร้อมทั้งส่งแพทย์จากสำนักหมอหลวงมาคอยดูแลหมอมหัศจรรย์ดัน พร้อมกันนั้น ทรงมีพระบัญชาให้จางฉีเหวินและฉีกุ้ยเป็นองครักษ์ส่วนตัวของหมอมหัศจรรย์ดัน คอยติดตามดูแลเขาตลอดเวลา พระองค์ทรงทราบดีว่าจางฉีเหวินเป็นศิษย์ของเสิ่นว่านจือ การให้เขาคุ้มครองหมอมหัศจรรย์ดัน ก็เพื่อให้หมอมหัศจรรย์ดันรู้สึกวางใจ แต่เพื่อให้พระองค์เองก็วางใจได้เช่นกัน จึงทรงส่งฉีกุ้ยไปด้วยอีกคน ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังมีพระบัญชาให้สำนักหมอหลวงปฏิบัติตามคำสั่งของหมอมหัศจรรย์ดันเป็นอันดับแรก อำนาจนี้ยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่แท้จริงแล้ว พระองค์หวังให้สำนักหมอหลวงเป็นฝ่ายจัดหายา หมอมหัศจรรย์ดันมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ ขอเพียงมีคนทำตามคำสั่งก็เพียงพอแล้ว แต่จากการที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงส่งจางฉีเหวินและฉีกุ้ยไป อาจมองออกได้ว่า พระองค์มิได้ไว้วางพระทัยผู้คนจากฝ่ายใน บัดนี้ พระองค์และหมอมหัศจรรย์ดัน มีชะตาเดียวกัน หากหมอมหัศจรรย์ดันตาย พระองค์ก็ตาย หากหมอมหัศจรรย์ดันมีชีวิตอยู่ พระองค์ก็อาจอยู่ได้อีกอย่างน้อยสามปี สามปีไม่ยาว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1473

    ณ ตำหนักเฉียนหยาง อู๋ย่วนเจิ้งและหมอหลวงหลินยืนอยู่ด้านข้างเซี่ยหลูโม่กับอู๋ต้าปั้นก็อยู่ข้างเตียง ต่างเฝ้ารอให้หมอมหัศจรรย์ดันตรวจชีพจร หลังจากตรวจชีพจรแล้วหมอมหัศจรรย์ดันถามถึงบันทึกชีพจรในอดีตและสูตรยาที่ใช้รักษาก่อนหน้านี้ หมอหลวงหลิน นำบันทึกมาให้เขา พลางกล่าวด้วยท่าทีเคารพ “หมอดัน โปรดตรวจดูเถิด” ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าเรียกเขาว่าหมอมหัศจรรย์อีกแล้ว เพราะสำนักหมอหลวงก็เคยผ่านการกวาดล้างครั้งใหญ่เช่นกัน หมอมหัศจรรย์ดันรับบันทึกมา เปิดดูทีละหน้า ภายในตำหนักเงียบสนิท มีเพียงเสียงกระดาษที่เขาพลิกเท่านั้นที่ดังขึ้น ทุกคนกลั้นหายใจ นี่คือความหวังสุดท้าย หากหมอมหัศจรรย์ดันบอกว่าพระอาการมีเวลาเพียงสามเดือน เช่นนั้นก็เหลือเวลาเพียงสามเดือนจริงๆ จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ดวงตาหดเล็กลง ฝ่าพระหัตถ์ชื้นไปด้วยเหงื่อ พระองค์กำลังรอคอยคำพิพากษาครั้งสุดท้าย หมอมหัศจรรย์ดัน ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว อ่านจนครบทุกหน้า จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นเอ่ยถาม “บันทึกชีพจรระบุว่ามีอาการปวดต่อเนื่องกว่าหนึ่งเดือน กลางคืนมิอาจข่มพระเนตร และแทบไม่อาจเสวยได้เลย” นี่เป็นเพียงการกล่าวยืนย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1472

    ซ่งซีซีกล่าว “หากหมอมหัศจรรย์ดันยอมเข้าวังมา ก็ย่อมจะทำเต็มกำลังแน่นอนเพคะ” ไทเฮาทรงนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นน้ำพระเนตรก็ร่วงเงียบๆ “แม้จะทำสุดความสามารถ แต่ก็ยากจะรักษาชีวิตไว้ได้ ขอเพียงสามารถยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ให้จัดการเรื่องรากฐานแผ่นดินให้เรียบร้อย” เห็นพระนางหลั่งน้ำตาซ่งซีซีก็พลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเสด็จแม่กล่าวว่า ไทเฮาเป็นสตรีที่มีจิตใจเข้มแข็งนัก หยาดน้ำตาของพระองค์มีค่ามาก ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ก็ไม่เคยยอมหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว นางไม่รู้ว่าควรปลอบพระทัยอย่างไร และก็นึกได้ว่า สิ่งที่ไทเฮาต้องการตอนนี้ คงไม่ใช่คำปลอบโยน นางจึงทำได้เพียงเฝ้าอยู่เคียงข้างอย่างเงียบๆ เซี่ยหลูโม่เดินทางไปยังร้านขายยาเย่าหวัง และได้พบกับหมอมหัศจรรย์ดัน วันนี้หลังจากมีพระบัญชาเรียกเข้าวัง อาจารย์หยูก็มาที่ร้านขายยาเย่าหวังเพื่อแจ้งข่าว ดังนั้นหมอมหัศจรรย์ดันจึงเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ครั้งนี้ เขาไม่ได้พาศิษย์ไปด้วย แต่เดินทางกับเซี่ยหลูโม่เพียงลำพัง ชิงเชวี่ยและหงเชวี่ยอยากตามไปด้วย แต่ถูกเขาดุไล่ให้กลับไป บนรถม้าเซี่ยหลูโม่รับปากกับเขาว่าจะปกป้องท่านให้ปลอด

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status