Share

บทที่ 1187

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ส่วนทางด้านนี้ เจ้ากรมฉีกลับมาถึงจวน เรียกคนจากบ้านสี่เข้ามาหา ระบายอารมณ์ใส่เสียยกใหญ่

ฮูหยินฉีสี่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน "พี่ใหญ่ พวกเราก็ทำตามความประสงค์ของฮองเฮา เดิมทีข้าต้องการคุณชายสามโหวกวางหลิงให้หลี่เอ๋อร์ แต่ฮองเฮาบอกว่าเราจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากแม่ทัพ”

ครั้นแล้วนางก็เล่าเรื่องที่ฮองเฮาเกือบจะประทานสมรสแต่ก็ถูกไทเฮายับยั้งไว้ ระหว่างพูดก็แสดงความโกรธออกมา "ตระกูลฝางก็หยิ่งยะโสยิ่งนัก คุณหนูจากตระกูลฉีของเราไม่คู่ควรกับเขาหรือ? พี่ใหญ่ ตระกูลฝางไม่เห็นตระกูลฉีของเราอยู่ในสายตาเลย"

“ทำไมพวกเขาตระกูลฝางถึงต้องเห็นตระกูลฉีของเราอยู่ในสายตา? พวกเราเห็นตระกูลฝางอยู่ในสายตาแล้วอย่างนั้นหรือ?” เจ้ากรมฉีถามกลับ เขารู้สึกว่านี่ปัญหาเกิดจากจุดนี้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่คนในตระกูลคิดว่าบุคคลภายนอกต้องให้เกียรติตระกูลฉี

ความกลัวผุดขึ้นมาในใจไม่รู้ตัว

โดยไม่รู้ตัว ตระกูลฉีในสายตาของทุกคนนั้นมีอำนาจมากมายมหาศาล คนในตระกูลฉีก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน เหตุใดพวกเขาถึงคิดเช่นนั้นน่ะหรือ? ย่อมเป็นเพราะว่าคนภายนอกยกย่องขึ้น

ฮูหยินฉีสี่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ พึมพำว่า "แต่เราคือตระก
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1188

    ในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง จักรพรรดิซูชิงเสด็จมายังตำหนักฉางชุนฮองเฮาดวงตาแดงก่ำ เล่าเรื่องที่ฉีซี่หลี่ถูกให้ถอนตัวออกจากสถาบันสำหรับเรื่องนี้จักรพรรดิซูชิงได้ติเตียนตระกูลฉีไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะพูดถึงเรื่องนี้ในเวลานี้ เขาไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลยฮองเฮาฉีสังเกตสีหน้าท่าทาง ก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ จึงเปลี่ยนหัวข้อ กล่าวว่าตอนนี้ผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงทุกคนต่างยกย่องซ่งซีซี คิดว่านางมีมาตรฐานเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับกุลสตรีจักรพรรดิซูชิงมองนางเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "ข้ากลับสงสัยยิ่งนัก ว่าเหตุใดบรรดาฮูหยินสุภาพสตรีในตระกูลชั้นสูงจึงไม่ยกย่องฮองเฮา? ตามหลักแล้วฮองเฮาเป็นมารดาของแผ่นดิน ก่อนที่จะแต่งงานกับข้า ยิ่งเป็นสตรีที่มีความสามารถเป็นที่รู้จักในเมืองหลวง เจ้าต่างหากถึงควรได้รับยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ดี”ฮองเฮาฉีไม่แน่ใจว่าคำพูดของฝ่าบาทเป็นคำชมหรือคำวิจารณ์ ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นการเสียดสีหรือจริงๆ แล้วกำลังเรียกร้องความเป็นธรรมให้นางอยู่ตอนนี้นับวันนางยิ่งไม่เข้าใจฝ่าบาทนางถวายชาให้พระองค์ด้วยท่าทางกระดากใจ หยุดครู่หนึ่ง แล้วพูดหยั่งเชิงว่า "เวลานี้พระชายาเป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1189

    นอกเหนือจากการเป็นอาจารย์แล้ว เสิ่นว่านจือยังจัดตั้งกลุ่มเล็กๆ ร่วมกับศิษย์พี่ซือโซและคนอื่นๆ เพื่อจับตัวโจรเด็ดบุปผาพวกนั้นโดยเฉพาะเมื่อก่อนเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ตามหาตัวพวกเขาให้เจอ ทุบตีให้พวกเขาสารภาพ แล้วส่งไปให้ทางการ สุดท้ายพอไปถึงทางการกลับให้การว่าถูกทุบตีถึงได้ยอมรับสารภาพศิษย์พี่ซือโซแอบติดตามเด็กสาวที่ถูกรังแกอย่างลับๆ แต่พวกนางต่างก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นคนที่ไม่ยอมรับยังถือว่าดี มีบางคนพอเห็นหน้าพวกนางก็ไล่ตะเพิดออกไปดังนั้นเนื่องจากขาดหลักฐาน จึงได้รับการปล่อยตัวในที่สุดเจตนาฆ่าของเสิ่นว่านจือเกิดขึ้นมากกว่าพันครั้ง ตามหลักการแก้แค้นให้สาสมของยุทธภพ นางสามารถฆ่าคนและเดินจากไปได้เลยแต่ตอนนี้นางไม่ใช่คนในยุทธภพ ท่านอ๋องเป็นคนของทางการ ซีซีก็ดูแลรับผิดชอบกองทัพซวนเจีย นางไม่อาจเป็นนักโทษฆ่าคนได้นี่เป็นวิธีที่โง่เขลาที่สุดที่นางคิดได้ แต่มันก็โง่เขลาและไม่ได้ผลจริงๆนางทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์ จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครถูกส่งเข้ามาเลยดังนั้น ในดวงตาของนางจึงมีความโศกเศร้าและโกรธขึ้งอยู่เสมอทั้งสองคุยกันสักพัก ซ่งซีซีก็ปลอบนางว่า "ท่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1190

    ในจวนเป่ยหมิงอ๋อง นอกจากองครักษ์แล้วก็ไม่ได้ฝึกฝนองครักษ์ลับใดๆ ไว้เลย อย่างมากที่สุดก็มีหลายคนที่ออกไปทำงานข้างนอกให้ มีวรยุทธ์พอใช้ได้ แต่พวกเขาออกไปงานข้างนอก บางครั้งทุกๆ ครึ่งเดือนหรือหนึ่งเดือนถึงจะกลับมาสักครั้งรองลงมาก็มีสายลับ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้เพื่อสอดแนมศัตรู ไม่ใช้เพื่อการส่วนตัวง่ายๆไม่มีการฝึกกำลังคนไว้มากนัก ประการแรกนั้นเป็นเพราะก่อนที่เซี่ยหลูโม่จะเดินทางไปเขตหนานเจียงก็ได้สร้างความดีความชอบทางการรบไว้แล้ว ตอนที่อยู่ที่เมืองหลวงได้เป็นผู้นำกองทัพซวนเจีย อดีตฮ่องเต้ก็ไม่อนุญาตให้เขามีทหารประจำจวนมากเกินไป โดยเฉพาะการฝึกฝนองครักษ์ลับนั้นยิ่งเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่งประการที่สอง หลังจากไปที่สนามรบในเขตหนานเจียง เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เมื่อกลับสู่ราชสำนักพร้อมชัยชนะ ภายใต้ความระแวงสงสัยของฝ่าบาท ก็ยิ่งไม่มีความคิดในเรื่องนี้ด้วยซ้ำแน่นอนว่าจะมีการตรวจประเมินผล หน่วยองครักษ์ในจวน รวมถึงทหารประจำจวนตามข้อกำหนดของชินอ๋องนั้น เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถพาทุกคนหลบหนีได้อย่างปลอดภัยตอนนี้ หากฝ่าบาทให้เขาไปทำธุระอย่างเปิดเผย ก็สามารถระดมพลในกองทัพซวนเจียได้ แต่ตอนนี้ถ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1191

    เซี่ยหรูหลิงไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอยู่พักหนึ่ง มือทั้งสองข้างขดอยู่ในแขนเสื้อ กำแน่น ในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ฝ่ามือยังมีเหงื่อออกเขารู้ว่าเขาต้องตัดสินใจเลือกเมื่อเขากลายเป็นผู้คุมของหอต้าหลี่ เขาคิดเรื่องนี้ในใจเป็นพันๆ ครั้ง หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ต่อมาเฉินเส้าชิงเห็นว่าเขาจิตใจไม่สงบ บอกเขาว่าอย่าคิดอะไรเลย แต่ต้องทำงานที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดคิดไม่ถึง ว่าจะยังไม่มีคำตอบ ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของเซี่ยหลูโม่ เขาก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นมองดูดวงตาที่มีเสน่ห์ของเขา จิตใจว่างเปล่า พูดขึ้นเกือบจะไม่รู้ตัวว่า "ในหลูโจวมีทหาร แต่ว่ามีเท่าไหร่นั้นข้าก็ไม่รู้”“เจ้ารู้เรื่องนี้มาจากไหน” เซี่ยหลูโม่ถามหลังจากที่เซี่ยหรูหลิงบอกว่ามีทหารในหลูโจว ก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็สงบใจลง ที่แท้การตัดสินใจเลือกไม่ใช่เรื่องยากเขาพูดอย่างใจเย็นว่า "ในจวนอ๋องที่เยี่ยนโจว ห้องหนังสือมีสองชั้น ข้ามักจะอ่านหนังสือบนชั้นสอง บางครั้งพอไปอ่านก็อยู่อ่านทั้งวัน ได้ยินพวกเขาที่อยู่ข้างล่างคุยกันหลายครั้ง แต่ถึงแม้จะกั้นห่างกันเพียงหนึ่งชั้น แต่ห้องหนังสือก็ใหญ่มาก มีหล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1192

    เมื่อเซี่ยหรูหลิงเดินออกจากห้องโถง เชิดหน้ายืดอกอย่างองอาจ แววตาแน่วแน่ พลังใจเปี่ยมล้น ดูไม่หดหู่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปทั้งหมดเป็นเพราะคำพูดสุดท้ายของเซี่ยหลูโม่ที่พูดกับเขาว่า "เฉินยี่บอกข้าแล้ว ถ้าเจ้าทำงานผู้คุมได้ดี ฝึกฝนไปอีกหนึ่งปีครึ่งปี ข้าจะเสนอเลื่อนขั้นให้เจ้า"ในขณะนั้น ขอบตาของเขาแดงก่ำจริงๆยกเว้นเสด็จแม่ของเขาแล้ว ก็ไม่มีใครเชื่อมั่นในความสามารถของเขา ไม่มีใครยกย่องเขาอย่างแท้จริงเสด็จแม่ชมเชยเขา แต่ว่า คำชมของเสด็จแม่มักจะแฝงมากับการให้กำลังใจ เขาไม่ได้เก่งด้านวรรณกรรมหรือศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก เสด็จแม่จะให้กำลังใจเขาว่าเขาทำได้ดีแล้ว ภายหน้าเมื่อเติบโตขึ้นเขาจะประสบความสำเร็จเช่นไรๆนั่นคือการให้กำลังใจ ไม่ใช่การยืนยันตอนนี้ เขาได้รับการยืนยันแล้ว และเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าการยืนยันนั้นเจือปนกับเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์หรือไม่ ไม่ว่าอย่างไร ความรู้สึกในขณะนี้ช่างสวยงามมาก จนเขาไม่อยากเจาะลึกลงไปมากนักถ้าสามารถให้เขาเดินต่อไปบนเส้นทางนี้ เขาก็จะพยายามทุกวิถีทางเขาไม่เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อมาตั้งแต่เด็ก บุตรที่เกิดจากสาวใช้ต้นห้อง ได้รับการเลี้ยงดูจากภรรยา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1193

    ซ่งซีซียังต้องกำชับอีกหลายอย่างเช่นกัน บอกให้เขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ กระทำการสิ่งใดต้องระมัดระวัง พบเจอดอกไม้ริมทางที่ไหนก็ให้มองก็พอ อย่าเด็ดกลับมาเด็ดขาดครั้นได้ยินประโยคที่บ่งบอกถึงความหึงหวง เซี่ยหลูโม่ก็รู้สึกยินดีเหมือนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กระโดดขึ้นขี่ม้าแล้วคลี่ยิ้ม ยังแสดงความสุจริตใจอีกว่า "ข้าจะไม่ชายตามองแม้เพียงแวบเดียว"แต่กุ้นเอ๋อร์ก็งุนงงอยู่พักหนึ่งว่า "ฤดูหนาวเช่นนี้ บนท้องถนนจะเจอดอกไม้ริมทางได้อย่างไร? ถึงจะมีดอกไม้ แต่ก็มีแต่ดอกไม้ที่คนปลูกไว้ จะยอมให้คนเด็ดกลับมาได้อย่างไร? ถ้าแค่มองก็ไม่เป็นไรหรอก แล้วทำไมจะไม่มองล่ะ?”ซึ่งคำพูดเหล่านี้ทำให้อาจารย์หยูกับเสิ่นชิงเหอต่างก็หัวเราะเสิ่นว่านจือกล่าวว่า "เจ้ากุ้นผู้น่าสงสาร รีบหุบปากเถอะ เหมือนนำหัววัวมาต่อกับปากม้าจริงๆ คนอื่นพูดเรื่องหนึ่งแต่เจ้ากลับพูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง"กุ้นเอ๋อร์ลูบคางอย่างใช้ความคิดอยู่นาน จนกระทั่งจางต้าจ้วงบอกว่าออกเดินทางได้ เขาก็ยังไม่เข้าใจสนมฮุ่ยไทเฟยพอเห็นลูกชายขึ้นหลังม้าก็กลับไปทันที ที่หน้าประตูใหญ่อากาศหนาวมาก จนนางสั่นไปทั้งตัว อีกทั้งส่งเขาขึ้นม้าก็พอแล้ว ที่เขาหันกลับมามองบ่อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1194

    ซ่งซีซีช่วยพยุงนางไปนั่งที่เก้าอี้เอนนอน "ขอบคุณแทนศิษย์พี่ห้า แต่ข้าไม่เดาหรอก ท่านบอกว่าท่านเห็นใคร?""วิกเตอร์!" เสิ่นว่านจือตั้งแข็งค้าง อาจเป็นเพราะเมามากเกินไป แต่บางทีอาจจะประหลาดใจเกินไป "ใช่ คือวิกเตอร์ แถมยังไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีวิกเตอร์หลายคน"“มีวิกเตอร์หลายคน หรือมีหลายคนที่เหมือนวิกเตอร์?” ซ่งซีซีจับหน้าผากของนาง “ดื่มไปเยอะเท่าไหร่ ถึงได้เมาขนาดนี้?”“วิกเตอร์...” นางพูดด้วยความงุนงง หัวสมองยังคงทึบตัน “แต่ไม่ได้ดูสูงอายุเท่าวิกเตอร์”"เหมือนวิกเตอร์ใช่ไหม? คนแคว้นซา?" ซ่งซีซีรู้สึกสงสัย แคว้นซากับแคว้นซางยังไม่มีการติดต่อสื่อสารกัน คนจากแคว้นซาจะมาที่แคว้นซางได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมาเมืองหลวง หรือแม้แต่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงก็ยิ่งไม่มีเสิ่นว่านจือลิ้นพันกันไปหมด ไม่รู้ว่าดื่มไปมากแค่ไหน "ใช่...ใช่ ชาวแคว้นซา ในเมืองหลวงมีคนแคว้นซาได้อย่างไร? พวกเขา...ซ่อนตัวอยู่ในหอหนานเฟิง ทำไมลูกค้าที่ไปหอหนานเฟิงถึงไม่พูด? ขนาดข้ายังมองเห็นพวกเขา ลูกค้าเหล่านั้นก็ต้องมองเห็นพวกเขาเหมือนกัน”ซ่งซีซีตกใจมากลูกค้าที่ไปหอหนานเฟิงต้องไม่บอกแน่ๆ หากบอกออกไปก็เท่ากับเป็นการป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1195

    ซ่งซีซีไปบอกเรื่องนี้กับอาจารย์หยู อาจารย์หยูก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ถามโดยไม่รู้ตัวว่า "คนแคว้นซาเข้ามาเมืองหลวงและอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ดังนั้นจึต้องตรวจสอบหอหนานเฟิงที่เหลือ จากนั้นตามหาตัวเถ้าแก่ของหอหนานเฟิง หากพวกเขาสามารถรับชาวแคว้นซาให้ทำการค้าในหอหนานเฟิงได้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย"สิ่งที่ต้องทราบให้ชัดเจนคือ พวกเขามาเมื่อใด ใครพาพวกเขามาที่นี่ และอะไรคือจุดประสงค์ของการมาเมืองหลวงซ่งซีซีวางแผนที่จะไปตรวจสอบที่หอหนานเฟิงที่เหลือด้วยตนเอง แน่นอนว่าต้องชวนเสิ่นว่านจือและหวังเยว่จางไปด้วยนางไปที่หอหนานเฟิงเพียงสามในห้าแห่งติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน นับจำนวนคนทั้งหมดได้สิบห้าคนดูจากลมหายใจและการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถมองออกว่าทั้งสิบห้าคนเป็นวรยุทธ์แท้จริงแล้วพวกเขาดูไม่เหมือนคนจากแคว้นซา แต่ดูเหมือนคนจากเขตหนานเจียงที่มีรูปร่างปานกลางมากกว่า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีหากเป็นแสงสลัวก็คงยากที่จะมองออกได้ นอกจากนี้พวกเขายังพูดภาษาแคว้นซางได้ดีมาก การออกเสียงถูกต้องบริบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยถึงความแปลกประหลาดนี้สำหรับเถ้าแ

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status