เซี่ยหรูหลิงเข้ารับตำแหน่ง ในตอนแรกเขากลัวจริงๆ ว่าจะมีคนถามถึงเรื่องพ่อของเขา แต่เมื่อผ่านไปหลายวัน เขาไม่เห็นหน้าของเซี่ยหลูโม่ด้วยซ้ำ และไม่มีใครถามเขาสักคน เขาก็ค่อยๆ กังวลน้อยลงกลับเป็นเส้าชิงเฉินยี่แห่งหอต้าหลี่ที่เข้ามาพูดคุยกับเขา เส้าชิงเป็นคนใจดี ให้คำแนะนำแก่เขาทุกเรื่อง ซึ่งเขาก็ซาบซึ้งยิ่งนัก หากไม่เข้าใจตรงไหนเข้าก็จะเข้าไปถามเฉินยี่เขาโตจนป่านนี้แล้ว ไม่เคยทำงานจริงมาก่อน เขาหวังว่าจะได้เป็นหัวหน้าผู้คุมเรือนจำ ดังนั้นเขาจึงต้องเรียนรู้มากมาย และยังต้องจัดการผู้คุมให้ดีด้วย ดังนั้นจึงยุ่งทุกวันเซี่ยหลูโม่บอกเฉินยี่ว่าอย่าเพิ่งถามเขา แต่ให้เขาตั้งใจทำงานอย่างจริงจังก่อน หากเขาไม่เข้าใจก็ช่วยเขา ให้เขารู้สึกถึงความสำเร็จ จากนั้นให้เขาชั่งน้ำหนักว่าต้องเลือกทางใด ตั้งแต่วันเหมายัน แม่สื่อก็เริ่มแห่กันไปที่บ้านตระกูลฝางซึ่งปกติลู่ซูเหรินก็เร่งรัดอยากหาภรรยาให้เจ้าสิบเอ็ดฝางเร็วๆ ยังไม่ต้องพูดถึงการลูกหลาน ถึงอย่างไรเขาต้องมีคนอยู่ข้างกายคอยดูแลใส่ใจเขานับตั้งแต่ลูกชายรอดพ้นจากความตาย ลู่ซูเหรินก็ไม่สนใจเรื่องทายาทเท่าใดนัก ตราบใดที่เขามีชีวิตที่ราบรื่น นั่นก็ดีกว
เหลียนกงกงเก็บตั๋วเงิน หยิบชาไป แต่ดูเหมือนจะถูกเย็บปากไว้ “เข้าวังไปพบฮองเฮา ก็จะทราบแล้วไม่ใช่หรือ? ฮูหยินเป็นฮูหยินตราตั้ง จะเสียมารยาทไปได้อย่างไร?”พ่อบ้านยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ๆ ท่านกงกงพูดมีเหตุผล”แม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่ก็สาปแช่งอยู่ในใจ เว้นแต่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ทำไมถึงไม่ยอมเปิดเผยอะไรเลย?เดิมทีซ่งซีซีจะไปสถาบันการศึกษาสตรี ฉีซี่หลี่คนนั้นเริ่มก่อปัญหาอีกแล้ว กั๋วไท่ฮูหยินส่งคนไปแจ้งนางเมื่อคืนนี้ ขอให้นางไปช่วยจัดการให้สงบบ้างแต่ทันทีที่นางออกไป ก็เห็นเกี้ยวของตระกูลฝางมาถึงแล้ว คนแบกเกี้ยววิ่งเร็วมาก ราวกับว่ามีเรื่องสำคัญ นางจึงรีบเข้าไปถามว่า “มาจากตระกูลฝางหรือเปล่า”ฮูหยินฝางเปิดม่านแล้วพูดอย่างเร่งรีบ “พระชายา ฮองเฮาเชิญอาสะใภ้เข้าวัง เกรงว่าจะเป็นเรื่องการแต่งงานระหว่างฉีซี่หลี่ของบ้านสี่ฉีกับเจ้าสิบเอ็ด อาสะใภ้บอกว่ากลัวว่าฮองเฮาจะออกพระราชเสาวนีย์ให้สมรสโดยตรง”ซ่งซีซียังไม่รู้เรื่องนี้ นางตกตะลึงเล็กน้อย “ฉีซี่หลี่? ฉีซี่หลี่จากสถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวิน?”“เรียนที่สถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวิน” ฮูหยินฝางพูดอย่างกังวล “เมื่อวานส่งคนมาคุยเรื่องแต่งงาน แต่อาสะใภ้ไม
ฮองเฮายิ้มและพูดว่า “ไทเฮาจำชื่อของนางได้ ช่างวเป็นวาสนาของนางโดยแท้ ปีนี้น้องสาวหลี่ถึงวัยปักปิ่นจริง ตอนนี้นางอายุสิบห้าปีครึ่ง จริงสิ อาสะใภ้กำลังจะหางานแต่งงานให้นาง จึงมาหาหม่อมฉันเพคะ”“อื้ม ข้าก็ได้ยินมาว่า อาสะใภ้เจ้าพอใจลูกชายคนที่สามของตระกูลโหวกวางหลิง ข้าส่งคนไปสอบถามเป็นพิเศษ เขามีความสามารถ ประพฤติตนดี เป็นลูกเขยที่ดีได้ นอกจากนี้พวกเขายังอายุไล่เลี่ยกัน จึงเหมาะสมมาก”ทันใดนั้นสีหน้าของฮองเฮาก็เปลี่ยนไป ภายใต้สายตาอันคมกริบของไทเฮา นางรู้สึกว่าความคิดทั้งหมดของตัวเองถูกเปิดโปง ทว่านางยังคงพยายามแก้ไขสถานการณ์ พูดอ้อมแอ้ม “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่จะเร่งรีบไม่ได้ ต้องให้น้องสาวหลี่ชอบถึงจะเหมาะสม”ไทเฮาพยักหน้า “นั่นก็มีเหตุผล ดังนั้นข้าจะไม่ให้ประทานสมรสให้นางแล้ว ให้นางตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้ามีคนที่ชอบจริงๆ ก็มาขอจากข้าได้ ข้าเห็นแก่หน้าฮองเฮา จึงยินดีจะประทานสมรสให้”ใบหน้าของฮองเฮาบิดเบี้ยวเหยเก แบบนี้ก็หมายความว่านางไม่อนุญาตให้ประทานสมรสใช่ไหม?ใครกันแน่ที่เป็นคนมาฟ้อง? เรื่องนี้เพิ่งส่งไปยังตระกูลฝางเมื่อวาน เช้าวันนี้ก็เรียกลู่ซูเหรินเข้าวัง ยังไม่ได้พูดอะไร ไท
นางโกรธจนทุบแก้วใบหนึ่ง “นางช่างขวางมือขวางเท้าจริงๆ มักสร้างปัญหาให้ข้า”ป้าหลานเจี่ยนอยู่ด้านข้างกล่าว “เหนียงเหนียง ตั้งแต่นางสร้างสถาบันการศึกษาสตรีตามพระประสงค์ของไทเฮา ก็ได้รับการยกย่องจากสตรีน้อยใหญ่ในเมืองหลวง ตอนนี้เกรงว่ามีครอบครัวผู้มีอำนาจครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงเคารพนางอยู่หลายส่วน จัดการได้ไม่ง่ายเลย”ฮองเฮาฉีนึกถึงวันเหมายันวันนั้น สนมของฮ่องแต้เหล่านั้นยกย่องซ่งซีซีอย่างมาก ไม่ใช่ยกย่องพวกเขาสามีภรรยารักใคร่ แต่เป็นยกย่องที่นางมีความสามารถ เป็นตัวอย่างที่ดีงามของสตรีนางเป็นตัวอย่างที่ดีงามของสตรี แล้วฮองเฮาอย่างนางเป็นสิ่งใด?คิดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเกลียดชังเพิ่มหลายส่วน“ไทเฮาเคยตรัสว่ายี่ฝางผู้นั้นเป็นตัวอย่างของสตรี แต่ตอนนี้นางได้ชื่อเสียงนี้แล้ว นางไม่รู้สึกรังเกียจหรือ?”ป้าหลานเจี่ยนกล่าว “เหนียงเหนียง นางตอนนี้คุ้นเคยกับการเป็นจุดสนใจ จุดสนใจกำลังรุ่งเรืองเต็มที่ อย่าจงใจไปยั่วโมโหนางในเวลานี้ เพียงแต่ ทุกเรื่องเมื่อถึงจุดสูงสุดก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อถึงวันที่เวลาย้อนกลับมาทำร้าย จุดสนใจก็จะกลายเป็นหายนะ บวกกับไทเฮาปกป้อง ท่านอย่าไปยั่วโมโหนางตอนน
หลังจากซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือออกจากวัง เสิ่นว่านจือไปโรงงาน ซ่งซีซีไปสถาบันการศึกษาสตรีก่อนหน้านี้ได้เตือนฉีซี่หลี่ ให้นางอย่าได้เล่นเล่ห์เหลี่ยมอีก มิฉะนั้นจะขับไล่นางออกจากสถาบันการศึกษาสตรี นึกไม่ถึงหยุดไปได้ไม่นาน ก็กลับมาอีกครั้งแล้วกั๋วไท่ฮูหยินพบซ่งซีซี รู้ว่านางจัดการปัญหาของฉีซี่หลี่ จึงกล่าว “นางไม่มีใจเรียนรู้ ไม่สู้เกลี่ยกล่อมนางให้ถอนตัวเถอะ นางถอนตัวเอง ก็ไม่ถึงขั้นก่อเรื่องจนไม่น่าดู ถึงเช่นไรก็เป็นแม่นางที่ต้องดูตัวแต่งงาน”กั๋วไท่ฮูหยินไม่ได้หวาดกลัวตระกูลฉี แต่คิดเพื่อฉีซี่หลี่ด้วยความด้วยความจริงใจ หากถูกสถาบันการศึกษาหย่าจวินขับไล่ออกไป จะส่งผลกระทบไม่ดีต่อชื่อเสียงของนางกั๋วไท่ฮูหยินเห็นอกเห็นใจเด็กๆ รู้ว่าเด็กสาวต้องดูตัวแต่งงาน หากไม่ได้จับคู่กับคนดี นั่นเป็นเรื่องทั้งชีวิตซ่งซีซีกล่าว “กั๋วไท่ฮูหยินไม่ต้องรีบร้อน นางถามให้ชัดเจนว่านางทำสิ่งใด ค่อยไปคุยกับนาง” กั๋วไท่ฮูหยินกล่าว “หากบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแต่นางและเด็กสาวผู้นั้นก่อกวนห้องเรียนตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะตอนที่หรูอวี้ฮูหยินสอนบรรยาย นางส่งเสียงดังอยู่ด้านล่าง ทำให้ทุกคนคับ
ซ่งซีซีก้าวขาเข้าไป กวาดมองด้วยสายตาเย็นชา พวกนางสามคนล้วนก้มศีรษะ ไม่กล้าสบตาซ่งซีซีหยานหรูอวี้เห็นนางมาแล้ว ถอนหายใจโล่งออกออกมาราวมกับเจอดาวช่วยชีวิตซ่งซีซีตะโกนสั่ง “ยังไม่ไปอีก? จะต้องให้เพิ่มขึ้นหรือว่าจะไปจากสถาบันการศึกษาสตรี? หากไม่เรียน ก็อย่าใช้อิทธิพลครอบครองพื้นที่ พวกเจ้าไม่เรียนก็มีคนที่อยากมาเรียน”เซี่ยงฮวยอวี้และจูช่างอวีตกใจ รีบร้อนดึงแขนเสื้อของฉีซี่หลี่ สายตาส่งสัญญานลับ ไปเถอะ รีบไปเดิมทียี่สิบครั้ง ตอนนี้ต้องตีสามสิบครั้งแล้ว หากยังไม่ไปคงเป็นสี่สิบห้าสิบครั้งแล้วฉีซี่หลี่เป็นคนอายุน้อยใจร้อน แล้วก็เป็นคุณหนูที่ถูกเอาอกเอาใจของตระกูลฉี ไหนเลยจะรับเรื่องเกินขอบเขตนี้ได้?นางใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่จึงสามารถเก็บสายตาคุกกรุ่นไม่ยอมแพ้ได้ ก่อนที่ซ่งซีซีจะกล่าวคำว่าสี่สิบครั้งออกมาจากปาก นางพาสองคนหมุนตัวเดินไปออกจากประตู นางโกรธจนหน้าแดงแล้ว หากไม่ใช่เพราะพี่สาวฮองเฮากำชับเอาไว้ นางก็ไม่อยากอยู่ในสถานที่ผีเช่นนี้ต่อไปสตรีรู้อักษรก็พอแล้ว เรียนเยอะแยะไปก็ไม่ได้ใช้ ไม่สู้เรียนรู้วิธีดูแลบ้านและดูแลคนดีกว่า วันหน้าแต่งออกไปจะได้ไม่เสียเปรียบหยานหรูอวี้ลุกขึ้น
ฮูหยินสี่รีบปิดปากนาง “เจ้าอย่าเอะอะโวยวาย วัวแก่กินหญ้าอ่อนไม่น่าฟังก็พูดออกมาได้ หากกลับไปลอยเข้าหูของท่านลุงเจ้า คงสั่งสอนเจ้าสักรอบ”ตระกูลฉีกฎเกณฑ์เข้มงวด ลูกหลานในตระกลูต้องพูดีทำดีฉีซี่หลี่สะบัดศีรษะ สะบัดมือของท่านแม่ กล่าว “ท่านลุงร่างกายไม่ปกติ ยังกล้าว่าพวกเรา?” วันนี้ไม่กลัวเขา”“เอาล่ะ หุบปากซะ” ฮูหยินสี่ตำหนิ “นิสัยเด็กจริงๆ คนนอกกัดเรื่องนั้นของท่านลุงเจ้าไม่ปล่อย พวกเราทำการปิดบังอำพรางยังไม่ทัน ไม่ว่าเช่นไร เขายังควบคุมกรมขุนนาง ลูกเขยของเขาวันนี้เป็นฝ่าบาท อนาคตคนมากมายอยู่ในมือเขา”ฉีซี่หลี่สูดจมูก เบ้ปาก ไม่กล้าพูดถึงเรื่องของผู้ใหญ่ “ถึงเช่นไรข้าก็ไม่ชอบเจ้าสิบเอ็ดฝางคนนั้น ไร้ความสามารถ ขี้ขลาดตาขาว ภรรยาของตัวเองถูกคนอื่นขโมยไป เกิดเรื่องฉาวโฉ่ดังไปทั่ว แม้แต่พายลมเขายังไม่กล้าผาย”“นี่คือความต้องการของเหนียงเหนียง เจ้าฟังนางไม่ผิด” นางใส่ยาให้ลูกสาว ค่อยๆ วิเคราะห์ในนางฟัง ความแตกต่างระหว่างแต่งานกับเซี่ยงซานหลางและเจ้าสิบเอ็ดฝางฉีซี่หลี่เลื่อมใสฮองเฮาฉีเสมอมา แต่เรื่องนี้ นางไม่มีทางตกลง อีกทั้งวันนั้นเหนียงเหนียงเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ น
ประโยคว่าลงโทษอย่างหนัก พวกเซี่ยงฮวยอวี้กลัวแล้ว พากันถอยไปด้านหลัง คิดจะดึงระยะห่างออกจากฉีซี่หลี่ฉีซี่หลี่ร้องได้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจอย่างยิ่ง คิดว่าหวังจืออวี่ไม่ควรพูดเพื่อเจ้าสิบเอ็ดฝาง “ข้าไม่ได้ตั้งใจ ใครใช้ให้นางปากเสีย? ท่านป้านางทำเรื่องฉาวโฉ่นั่น นางยังร่วมวงช่วยเจ้าสิบเอ็ดฝางพูดจา นางไม่รู้สึกอับอายหรือ?”หวังจืออวี่ตอนที่ถูกตียังไม่ร้องไห้ เมื่อได้ฟังประโยคนี้ น้ำตานางไหลแหมะๆ ออกมา หันหน้าไป ซบไหล่เพื่อนร่วมชั้นอีกครั้งร้องไห้ออกมาเหล่าอาจารย์ถูกเชิญมาจัดการเรื่องนี้ แม้แต่ซ่งซีซีก็ถูกเชิญมาด้วยนักเรียนที่ร่วมทะเลาะเบาะแว้งต่างก็กังวล เป็นห่วงว่าตัวเองจะถูกลงโทษเพราะเหตุนี้ ทั้งหมดต่างก็ยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ ไม่ส่งเสียง สองคนที่สร้างสถานการณ์ตึงเครียดเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่มีทิฐิแม้แต่น้อยเพื่อเข้าใจเหตุการณ์ก่อนหลังแล้ว บนใบหน้าหยานหรูอวี้ที่ใจเย็นเสมอมาเผยสีหน้าเย็นชา “ก่อนหน้านี้นางก่อเรื่องตลอดเวลา วันนี้นึกไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือตีคน ดูท่าทางคงไม่ได้มาเพื่อเรียน ข้าแนะนำให้เขาไล่นางออกจากสถานบันการศึกษา เพื่อป้องกันไม่ใช้ทำลายชื่อเสียงของสถานบันการศึกษาพวกเรา”ฉีซี