ในวันเหมายัน ก่อนงานเลี้ยงในวัง บรรดาสตรีสูงศักดิ์ทั้งภายในและภายนอกก็เข้ามาถวายพระพรในวังด้วยเช่นกันไทเฮามักจะชอบอยู่เงียบๆ แต่ในวันนี้จะรับการคารวะจากทุกคน พูดคุยกับสตรีสูงศักดิ์จากตระกูลต่างๆในตอนแรกฮองเฮามาอยู่กับนางสักพักหนึ่ง แล้วก็กลับไปรอครอบครัวมาที่ตำหนักฉางชุนโดยไม่รู้เลยว่ารอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นแม่ของตัวเองฉีฮูหยินใหญ่เข้ามาในวัง กลับมีแต่พวกป้าๆ พี่สาวน้องสาวเข้ามาแทนพอถามก็พบว่าที่แม่ไม่มาเพราะไม่สบาย ต้องลมไม่ได้ นอกจากนี้เมื่อเข้าวังก็ต้องไปถวายพระพรไทเฮา ดีไม่ดีจะเอาไข้ไปติดไทเฮา จึงไม่ได้มาซึ่งฉีฮองเฮาย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว ครั้งล่าสุดท่านแม่ยังเล่าเรื่องโรงงานปักเย็บกับนางอยู่เลย พอนางปฏิเสธ ก็เห็นความผิดหวังและตกใจบนใบหน้าของแม่ นางรู้ว่าแม่น่าจะกำลังไม่พอใจอยู่นางผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออกมา แค่แอบสั่งให้หลานเจี่ยนไปส่งคำพูดและความกตัญญูให้กับแม่ของนางหลังจากพิธีการที่ยุ่งยากซับซ้อนผ่านไป ฮองเฮาก็ทิ้งลูกพี่ลูกฉีซี่หลี่ไปพูดคุยในตำหนักฉีซี่หลี่คนนี้ เป็นคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายในสถาบันการศึกษาสตรีกับจูช่างอวีหลานสาวของแม่ทัพจูและเซี่ยงฮวยอวี้บุตรีคน
ฉีฮองเฮาให้นางพาองค์ชายใหญ่และองค์หญิงออกไปเล่น จากนั้นจึงเรียกนางจิ่งแม่ของฉีซี่หลี่เข้ามาพูดคุยเมื่อนางจิงได้ยินชื่อเจ้าสิบเอ็ดฝาง นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฮองเฮา เขาอายุมากกว่าหลี่เอ๋อร์มาก เกรงว่าจะไม่เหมาะสม แต่ว่าเซี่ยงซานหลางจากตระกูลโหวกวางหลิง เยาว์วัยแต่มากความสามารถ อายุน้อยแต่ก็สอบติดขุนนางแล้ว วันหน้าแม้ไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งได้ แต่ด้วยความสามารถของเขาและการสนับสนุนจากตระกูลฉี ก็โอกาสที่จะประสบความสำเร็จแน่นอน”เซี่ยงซานหลางรูปงามสง่า ปีนี้อายุได้สิบเก้าปี เมื่อปีกลายก็ชนะการสอบคัดเลือกจวี่จื่อ รอแค่สอบได้เป็นจิ้นซื่อ ก็จะมีอนาคตไร้ขีดจำกัดเมื่อนางจิงพูดแบบนี้ ป้าหลานเจี่ยนที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะ “ฮูหยิน ท่านคิดว่าตระกูลฉีมีลูกชายที่โดดเด่นไม่มากกระนั้นหรือ”นางจิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจ “แน่นอนว่ามีหลายคน ลูกชายของตระกูลฉีเรา ไม่ใช่คนไร้สาระไร้แก่นสาร มีบ้านสามที่ไม่เอาไหนที่สุด แต่ฉีลิ่วก็ได้แต่งกับองค์หญิง”ฮองเฮายิ้มและกล่าวว่า “แต่อาสามไม่ใช่คนไม่เอาไหน อาสามล้มทำให้สมองเลอะเลือน ก่อนหน้าที่เขาจะล้มจนเลอะเลือน ก็เป็นคนเฉลียวฉลาดเช่นกัน ตระกูลฉีของเราไม
ทันทีที่ฮุ่ยไทเฟยเข้ามาในวัง นางก็แทบรอไม่ไหวที่จะไปที่หาเต๋อกุ้ยไทเฟยและฉีกุ้ยไทเฟยเพื่อไปเดินเล่นในสวน ถึงอย่างไรชุดและการแต่งหน้าสีทับทิมก็ขับสีผิวมากจริงๆ ต้องให้ทุกคนได้เห็น ทางที่ดีคือดูให้ชัดเจนเป็นพิเศษเซี่ยหลูโม่กับซ่งซีซีถวายพระพรไทเฮาอยู่ในตำหนัก และอยู่สนทนากับไทเฮา สตรีชั้นสูงทั้งภายในและภายนอกก็รวมตัวกันถวายพระพรไทเฮาบังเอิญว่าลู่ซูเหรินมารดาของเจ้าสิบเอ็ดฝางก็เข้ามาถวายพระพรฮองเฮาในวังเช่นกัน ไทเฮาก็ถามถามถึงการแต่งงานของเจ้าสิบเอ็ดฝางต่อหน้าสตรีชั้นสูงจำนวนมากหัวใจของลู่ซูเหรินเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่ไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าไทเฮา แค่แสร้งทำเป็นมีความสุขและพูดว่า “ทูลไทเฮา เรื่องการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเพคะ”ไทเฮาก็ถอนหายใจ “ลำบากเขาแล้ว อยู่ดีๆ ก็ถูกลากเข้าไปพัวพัน ตระกูลฝางของเจ้ามีเมตตา กรุณามากที่สุดแล้ว แต่กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายอลหม่าน”จากนั้นลู่ซูเหรินก็รู้ว่าทำไมจู่ๆ ไทเฮาจึงถามคำถามนี้ ที่แท้นางกำลังพยายามชี้แจงแทนเจ้าสิบเอ็ดฝาง และชี้แจงแทนตระกูลฝางฟังนางรู้สึกประทับใจจนน้ำตาคลอเบ้า พูดเสียงสั่นเครือว่า “ดูเหมือนเขาจะไม่มีบุญวาสนาพ
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน หรงไทเฟยผู้ชราก็ส่งคนไปเชิญซ่งซีซีให้หาเป็นการส่วนตัวซ่งซีซีถามไทเฮา เมื่อได้รับอนุญาตจากไทเฮา นางจึงออกไปหรงไทเฟยผู้ชราเป็นพระสนมของจักรพรรดิเหวิน เดิมทีควรติดตามลูกชายออกไปเพลิดเพลินกับความสุข แต่ตอนนี้กลับพักอยู่ตามลำพังในตำหนักอันห่างไกลในพระราชวังเมื่อซ่งซีซีติดตามเกากงกงเข้าไปในตำหนักหนิงโซ่ว นางรู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่เย็นชาอ้างว้างอย่างมาก ไม่มีบรรยากาศงานเทศกาลเลย ดูเหมือนไม่เพียงแต่ถูกกั้นไว้ด้วยกำแพงตำหนักไม่กี่แห่งเท่านั้น แต่รวมกับถูกแยกกันคนละโลกหลังจากเข้าฤดูหนาว อาการของหรงไทเฟยผู้ชราแย่ลง เซี่ยหรูหลิงลูกชายของอ๋องเยี่ยนรั้งอยู่ในเมืองหลวง วันนี้เข้าวังมาอยู่กับเสด็จย่าของเขาด้วยเมื่อเห็นซ่งซีซีมาถึง เขาก็ยืนขึ้นและทักทายว่า “พระชายามาแล้ว”ซ่งซีซีเหลือบมองเขานิ่งๆ แล้วพูดว่า “คุณชายใหญ่ก็อยู่ที่นี่ด้วย”“ใช่ มาอยู่กับเสด็จย่า” เมื่ออยู่ต่อหน้าซ่งซีซี เซี่ยหรูหลิงมักรู้สึกอยู่เสมอว่าไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้น ดังนั้นจึงไม่กล้ามองนางเลยซ่งซีซีไม่สนใจเขา ก้าวไปถวายพระพรหรงไทเฟยผู้ชราหรงไทเฟยผู้ชรากำลังเอนกายอยู่บนเตียง โดยมีหมอนผ้านุ่มๆ สอ
“หรูหลิง คุกเข่าลง!” จู่ๆ หรงไทเฟยผู้ชราก็ขึ้นเสียง พูดกับเซี่ยหรูหลิงว่า “เจ้าอกตัญญู ขอให้นางอภัยให้เจ้า ในเมื่อนางเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า และเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า หากนางบอกว่าให้อภัยเจ้า เจ้าถึงจะมีคำอธิบายให้วิญญาณแม่ของเจ้าในสวรรค์ได้”เซี่ยหรูหลิงกำลังจะคุกเข่าลง ซ่งซีซีกลับจ้องมองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าลองคุกเข่าให้ข้าดูสิ? “คำพูดนั้นเยือกเย็นมาก จนเซี่ยหรูหลิงที่กำลังงอเข่าก็ยืดเข่าขึ้นด้วยความตกใจซ่งซีซียืนขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้าไทเฟยไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน”หลังจากพูดจบนางก็เดินออกไป เสียงของไทเฟยชราดังจากด้านหลังอย่างเร่งรีบ “พระชายา ขอร้องล่ะ ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ช่วยปกป้องลูกหลานชายหญิงของข้าด้วย”ซ่งซีซียืนนิ่ง จู่ๆ ก็หันกลับมามองนางแล้วพูดอย่างเย็นชา “ไทเฟยช่างมีจิตใจเมตตากรุณาจริงๆ น่าเสียดายที่ป้าของข้าไม่เคยได้รับความเมตตาจากไทเฟย ตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ต้องการความสงสารและการปกป้องจากใครอีก”ไทเฮาตะโกนด้วยเสียงร่ำไห้ “พระชายา เห็นแก่ที่ครั้งหนึ่งได้เป็นญาติกัน พวกเขาทั้งหมดเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า จะไม่สนใจพวกเขาไม่ได้”“พวกเขาดูแลตัวเองได้ ยังต้องใ
คำว่า “หลูโจว” ทำให้เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีรีบตรงดิ่งกลับจวนอ๋องหลังจากเสร็จสิ้นงานเลี้ยงในห้องประชุม มีการกางแผนที่ หลูโจวตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมียงเจียงหนาน ซึ่งเป็นที่ดินพระราชทานของหลี่อ๋องในขณะนั้น หลี่อ๋องเป็นพี่น้องของจักรพรรดิเหวินแม่ทัพเจิ้นกั๋วเป็นเพียงตำแหน่ง ไม่มีอำนาจทางทหาร ปัจจุบันแม่ทัพเจิ้นกั๋วมีชื่อว่าเซี่ยเทียนหลาน ใช้ราชสกุลของราชวงศ์ กินเงินเดือนหลวง แต่มาถึงรุ่นนี้ สวัสดิการลดลงไปเยอะมากในระหว่างการคัดกรองครั้งก่อน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รับการคัดกรอง แค่รู้สึกว่าแม้ว่าหลูโจวจะค่อนข้างมั่งคั่ง แต่ก็ค่อนข้างห่างไกลจากเยี่ยนโจวและอำเภอหยง ในการเคลื่อนย้ายกองทหารไปยังหลูโจว จะต้องใช้ความพยายามอย่างมากนอกจากนี้เซี่ยทิงหลานผู้นี้ไม่มีความทะเยอทะยานมากนัก ทั้งดื่มสุราการพนันค้าประเวณีเขาล้วนทำทุกอย่าง ทรัพย์สมบัติที่สะสมมาจากบรรพบุรุษเกือบจะถูกเขาทำลายหมดจากการสอบสวนคนเหล่านี้ก่อนหน้านี้ เขามีหนึ่งภรรยาและอนุสามสิบสองคน มีสาวงามไม่ต่ำกว่าห้าสิบหรือหกสิบคนในบ้านของเขา ตราบใดที่เขามีข้อมูลของสาวงามได้ บ้างก็จะซื้อมา ไม่ก็หลอกมา ถ้าซื้อหรือหลอกมาไม่ได้ ก็จะปล้นเอามาดัง
เซี่ยหรูหลิงเข้ารับตำแหน่ง ในตอนแรกเขากลัวจริงๆ ว่าจะมีคนถามถึงเรื่องพ่อของเขา แต่เมื่อผ่านไปหลายวัน เขาไม่เห็นหน้าของเซี่ยหลูโม่ด้วยซ้ำ และไม่มีใครถามเขาสักคน เขาก็ค่อยๆ กังวลน้อยลงกลับเป็นเส้าชิงเฉินยี่แห่งหอต้าหลี่ที่เข้ามาพูดคุยกับเขา เส้าชิงเป็นคนใจดี ให้คำแนะนำแก่เขาทุกเรื่อง ซึ่งเขาก็ซาบซึ้งยิ่งนัก หากไม่เข้าใจตรงไหนเข้าก็จะเข้าไปถามเฉินยี่เขาโตจนป่านนี้แล้ว ไม่เคยทำงานจริงมาก่อน เขาหวังว่าจะได้เป็นหัวหน้าผู้คุมเรือนจำ ดังนั้นเขาจึงต้องเรียนรู้มากมาย และยังต้องจัดการผู้คุมให้ดีด้วย ดังนั้นจึงยุ่งทุกวันเซี่ยหลูโม่บอกเฉินยี่ว่าอย่าเพิ่งถามเขา แต่ให้เขาตั้งใจทำงานอย่างจริงจังก่อน หากเขาไม่เข้าใจก็ช่วยเขา ให้เขารู้สึกถึงความสำเร็จ จากนั้นให้เขาชั่งน้ำหนักว่าต้องเลือกทางใด ตั้งแต่วันเหมายัน แม่สื่อก็เริ่มแห่กันไปที่บ้านตระกูลฝางซึ่งปกติลู่ซูเหรินก็เร่งรัดอยากหาภรรยาให้เจ้าสิบเอ็ดฝางเร็วๆ ยังไม่ต้องพูดถึงการลูกหลาน ถึงอย่างไรเขาต้องมีคนอยู่ข้างกายคอยดูแลใส่ใจเขานับตั้งแต่ลูกชายรอดพ้นจากความตาย ลู่ซูเหรินก็ไม่สนใจเรื่องทายาทเท่าใดนัก ตราบใดที่เขามีชีวิตที่ราบรื่น นั่นก็ดีกว
เหลียนกงกงเก็บตั๋วเงิน หยิบชาไป แต่ดูเหมือนจะถูกเย็บปากไว้ “เข้าวังไปพบฮองเฮา ก็จะทราบแล้วไม่ใช่หรือ? ฮูหยินเป็นฮูหยินตราตั้ง จะเสียมารยาทไปได้อย่างไร?”พ่อบ้านยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ๆ ท่านกงกงพูดมีเหตุผล”แม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่ก็สาปแช่งอยู่ในใจ เว้นแต่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ทำไมถึงไม่ยอมเปิดเผยอะไรเลย?เดิมทีซ่งซีซีจะไปสถาบันการศึกษาสตรี ฉีซี่หลี่คนนั้นเริ่มก่อปัญหาอีกแล้ว กั๋วไท่ฮูหยินส่งคนไปแจ้งนางเมื่อคืนนี้ ขอให้นางไปช่วยจัดการให้สงบบ้างแต่ทันทีที่นางออกไป ก็เห็นเกี้ยวของตระกูลฝางมาถึงแล้ว คนแบกเกี้ยววิ่งเร็วมาก ราวกับว่ามีเรื่องสำคัญ นางจึงรีบเข้าไปถามว่า “มาจากตระกูลฝางหรือเปล่า”ฮูหยินฝางเปิดม่านแล้วพูดอย่างเร่งรีบ “พระชายา ฮองเฮาเชิญอาสะใภ้เข้าวัง เกรงว่าจะเป็นเรื่องการแต่งงานระหว่างฉีซี่หลี่ของบ้านสี่ฉีกับเจ้าสิบเอ็ด อาสะใภ้บอกว่ากลัวว่าฮองเฮาจะออกพระราชเสาวนีย์ให้สมรสโดยตรง”ซ่งซีซียังไม่รู้เรื่องนี้ นางตกตะลึงเล็กน้อย “ฉีซี่หลี่? ฉีซี่หลี่จากสถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวิน?”“เรียนที่สถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวิน” ฮูหยินฝางพูดอย่างกังวล “เมื่อวานส่งคนมาคุยเรื่องแต่งงาน แต่อาสะใภ้ไม
ซ่งซีซีนั่งกลับลงบนเก้าอี้ กล่าวว่า “เรื่องที่พวกเจ้าทุจริตนั้น ฝ่าบาททรงทราบดีแล้ว ตอนนี้ที่ทรงให้ข้าสอบสวนเป็นการส่วนตัว ก็เพื่อมอบโอกาสให้พวกเจ้า หากพูดความจริง หัวของเจ้าจะยังปลอดภัย หากให้ข้อมูลที่มีค่าเพิ่มเติม อย่างมากก็แค่ถูกเนรเทศไปทำงานนอกเมือง ยังสามารถโลดแล่นในวงราชการได้”เกาหมิงอวี้ที่มีประสบการณ์ในราชสำนักมานานย่อมรู้ดีว่าให้ข้อมูลที่มีค่ามากขึ้น หมายถึงการขายเจ้านายและผู้ใต้บังคับบัญชาเขาไม่มีข้อสงสัยในคำพูดของซ่งซีซีด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือ ช่วงนี้อู๋เยว่และคนของเขาตรวจสอบทางน้ำอยู่เสมอ สองคือ ซ่งซีซีออกหน้ามาสอบสวนด้วยตัวเอง หากไม่มีพระราชโองการจากฝ่าบาท นางไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จะส่งใครมาทรมานเขาก็ได้แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าซ่งซีซีวิเคราะห์เขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และคาดการณ์ความคิดของเขาไปก่อนแล้ว“พวกเจ้าทุจริตทั้งระบบ ท่าทีของจินชางหมิงเป็นอย่างไร?”เกาหมิงอวี้ครุ่นคิดก่อนตอบว่า “จะว่าไปจริงๆ แล้ว เขาเป็นคนเริ่มเปิดทางให้เราทุจริต โดยอ้างว่าเป็นค่าเหนื่อยของเรา เมื่อเริ่มต้นแล้ว เราลองเบิกเงินเกินมาเล็กน้อย เขาก็ไม่ว่าอะไร จากนั้นเรากล้าขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเขาเตือนเ
หลังจากเฝ้าสังเกตอยู่สองวัน ซ่งซีซีตัดสินใจลงมือกับเกาหมิงอวี้ รองหัวหน้ากรมจัดการแม่น้ำเกาหมิงอวี้อายุสามสิบห้าปี รับราชการในกรมโยธามาแล้วห้าปี เขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวไร่ชาวนา เมื่อยังเยาว์วัยพ่อแม่เสียชีวิต เพื่อให้เขาได้เรียนในสำนักที่ดีที่สุด เขาดูดทรัพย์สมบัติของพี่น้องจนหมดสิ้นหลังสอบจอหงวนได้ เขาเข้ารับราชการ และกลายเป็นคนโลภเงินอย่างที่สุด ขี้เหนียวอย่างยิ่งยวด ทอดทิ้งพี่น้องที่เคยเลี้ยงดูเขาไปเหมือนของไร้ค่า และไม่ติดต่อพวกเขาอีกเลยยังไม่หมดแค่นั้น เขาอ้างความหึงหวงเป็นเหตุผลในการหย่ากับภรรยาคนแรก แล้วแต่งงานกับบุตรสาวของอาจารย์ผู้มีพระคุณอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาคืออธิการสำนักไป๋หยุน ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ลูกสาวคนเดียวของอาจารย์แต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเขาคือคนไร้ค่าและทรยศทว่าคนไร้ค่าเช่นนี้กลับใช้งานได้ดี เพราะความโลภ โกรธ หลง และความเห็นแก่ตัวของเขา มีจุดอ่อนที่สามารถกดดันจนยอมพูดทุกอย่างคืนนั้น ซ่งซีซีสั่งให้กุ้นเอ๋อร์จับตัวเขามายังเรือนทางตะวันตกของเมือง ขังเขาไว้หนึ่งคืน ให้เขาหวาดกลัวและหิวโหย จากนั้นค่อยสอบสวนในวันถัดไปเกาห
จักรพรรดิซูชิงมีราชโองการให้อู๋เยว่พาคนไปควบคุมงานโดยตรง ทว่า จินชางหมิงรับมือได้อย่างคล่องแคล่ว พาอู๋เยว่ไปตรวจสอบผลสำเร็จด้วยตนเองหลังจากเริ่มงานมาเป็นเวลานาน อ่างเก็บน้ำก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์คุณภาพของอ่างเก็บน้ำนั้นยอดเยี่ยม เขื่อนที่สร้างขึ้นมั่นคงดั่งกำแพงทองหลังจากตรวจสอบอ่างเก็บน้ำแล้ว ก็ไปตรวจสอบทางน้ำ ทุกพื้นที่ได้ขุดลอกเสร็จเรียบร้อย ส่วนเขื่อนที่เสียหายก่อนหน้านี้ก็ได้รับการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงแล้วอู๋เยว่ยังส่งคนไปพูดคุยกับคนงานก่อสร้างทางน้ำ ชายฉกรรจ์แต่ละคนที่ผิวคล้ำแดด ดูซื่อๆ ขัดเขินเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าขุนนางส่วนใหญ่ถามอะไรก็ตอบสิ่งนั้น หากให้พวกเขาบอกความไม่พอใจอะไร พวกเขามักลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่าอาหารสามารถปรับปรุงได้ไหม โดยเฉพาะเพิ่มหมูติดมันให้หน่อยอู๋เยว่คิดว่าคนเหล่านี้เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีปัญหาอะไร และไม่มีความเคียดแค้นในแววตาเขายังพาคนไปดูที่พักชั่วคราวของคนงานก่อสร้างเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระท่อมไม้และกระท่อมหญ้าแฝก ภายในมีเพียงที่นอนใหญ่ที่รองรับคนได้เจ็ดแปดคน ดูรกเล็กน้อยในกระท่อมไม่มีอาวุธ เครื่องมือที่ต้องใช้ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในค
ซ่งซีซีแทบจะหัวเสียจนอกแตกตาย นางรู้สึกว่าเส้นผมสีขาวกำลังจะงอกออกมาบนหน้าผาก ไม่แปลกใจเลยที่ขุนนางในราชสำนักแต่ละคนดูแก่ก่อนวัย หรือแม้แต่เสนาบดีมู่ที่อายุเพียงหกสิบกว่า ผมก็หงอกไปกว่าครึ่งนางไปหาเสนาบดีมู่ด้วยความขุ่นเคือง หวังว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้างและกล่าวบางคำสนับสนุนนางต่อหน้าฮ่องเต้เสนาบดีมู่ยิ้มพลางมองนาง "แค่นี้ก็ถึงกับโกรธเลยหรือ?"ซ่งซีซีตอบ "มิกล้าโกรธเจ้าค่ะ แต่เรื่องนี้ชะลอความคืบหน้า และข้ากลัวว่าจะทำให้ผู้ต้องสงสัยตื่นตัว จนถูกชิงโอกาสไป ฝ่าบาทไม่ไว้ใจข้าเลย"เสนาบดีมู่ย้อนถาม "เขาไม่เชื่อเจ้าอย่างสมบูรณ์ก็เป็นเรื่องปกติ ต่อให้เป็นเจ้า หากคนใต้บัญชาไม่ได้ยกหลักฐานมาสนับสนุนคำพูด เจ้าจะเชื่อพวกเขาโดยไม่ตรวจสอบหรือ?"ซ่งซีซีกล่าว "แต่เขาไม่มีหลักฐานว่าท่านอ๋องมีความทะเยอทะยานใดๆ แต่เขาก็ยังระแวงทุกทางมิใช่หรือ?""ก็เพราะไม่มีหลักฐาน เขาจึงระแวง หากมีหลักฐาน เขาคงลงมือไปนานแล้ว" เสนาบดีมู่ถอนหายใจเบาๆ "ความจริงแล้ว หลายเรื่องไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด โดยเฉพาะการตัดสินใจสำคัญในราชสำนัก ต้องผ่านการหารือและอภิปรายหลายครั้ง บางเรื่องใช้เวลาเป็นปีจึงจะเดินหน้าได้ อีก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โครงการก่อสร้างแม่น้ำได้เกณฑ์แรงงานจากในและรอบๆ เมืองหลวง โดยเป็นกลุ่มคนงานและแรงงานหนักกลุ่มเดียวกันหน่วยงานด้านแม่น้ำทั้งหมดอยู่ภายใต้การนำของจินชางหมิง เขาใช้ข้ออ้างเรื่องการซ่อมแซมแม่น้ำและโครงการระบายน้ำเข้ายึดครองภูเขาและที่ดินจำนวนไม่น้อยบ้านเรือนถูกสร้างขึ้นอย่างกระจัดกระจายในพื้นที่เหล่านี้ โดยไม่ได้จัดเป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่ คนงานแม่น้ำและแรงงานบางส่วนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เส้นทางแม่น้ำที่พวกเขาครอบครองกระจัดกระจายไปในทุกทิศ เมื่ออาจารย์หยูทำเครื่องหมายและเชื่อมจุดบนแผนที่ พบว่าพื้นที่เหล่านี้โอบล้อมพระราชวังหลวงไว้เหมือนตาข่ายที่กางปิดหากพวกเขาเป็นทหารลับของนกต่อ การเฝ้าประตูเมืองจะไร้ประโยชน์ เพราะพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมาตลอด และเมื่อไม่มีงานทำ พวกเขาก็สำรวจภูมิประเทศจนคุ้นเคย แม้แต่ค่ายลาดตระเวนหรือทหารรักษาการณ์อาจยังไม่รู้จักเส้นทางในเมืองหลวงดีเท่าพวกเขาซ่งซีซีมองดูแผนที่ด้วยความตระหนก แต่ก็ยังตั้งคำถามว่า "พวกเขาได้รับที่ดินเหล่านี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากกรมโยธาธิการและฝ่าบาทใช่หรือไม่?""ถูกต้อง แต่ถ้าใช้เพื่อการซ่อมแซมแม่น้ำและระบายน้ำ ก
กล่องผ้าไหมสีแดงเข้มชิ้นนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น ว่านกงกงเป่าฝุ่นออกก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ด แล้วเปิดกลไกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาเขาส่งสัญญาณให้มอบหยกชิ้นนั้นแก่เสนาบดีมู่เสนาบดีมู่รับมาด้วยความสงสัย เมื่อมองดู เห็นว่าหยกทรงวงแหวนชิ้นนี้แกะสลักลวดลายมังกร ชัดเจนว่าเป็นของจักรพรรดิ์องค์ก่อน"ท่านเสนาบดีลองดูด้านหลัง" ว่านกงกงกล่าวเมื่อเสนาบดีมู่พลิกดูด้านหลัง เขาถึงกับตะลึงจนเหมือนร่างแข็งทื่อด้านหลังยังคงมีลวดลายมังกร แต่ลวดลายนี้ห่อหุ้มใบเมเปิลหนึ่งใบ และข้างใบเมเปิลนั้นยังมีอักษร "สือ" เล็กๆ แกะสลักไว้ใบเมเปิลและตัวอักษรแบ่งพื้นที่คนละด้าน ใบหนึ่งใหญ่ ใบหนึ่งเล็กซ่งซีซีก็เห็นเช่นกัน แต่ไม่เข้าใจความหมายเสนาบดีมู่ถอนหายใจและอธิบายเบาๆ "สือจิ้ง เป็นนามอักษรของจักรพรรดิ์องค์ก่อน ส่วนชิวเหมิงเคยเดินทางในยุทธภพช่วงหนึ่ง และได้รับสมญานามว่า 'คุณชายเหล็กแห่งใบเมเปิล'""หยกชิ้นนี้จักรพรรดิ์องค์ก่อนประทานให้แม่ทัพชิว ด้านหลังเดิมมีเพียงลวดลายมังกร แต่ใบเมเปิลและอักษร 'สือ' นั้น แม่ทัพชิวแกะสลักเพิ่มเอง หยกนี้เขาพกติดตัวตลอด ใส่ไว้ในถุงผ้าไหม แต่ไม่รู้อย่างไรถูกจักรพรรดิ
อย่างไรเสีย หัวข้อสนทนานี้เป็นเรื่องที่พูดยาก เสนาบดีมู่จึงดื่มชาสองสามอึกก่อนจะกล่าวว่า "ความจริงเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ในตอนนั้นมีการประกาศว่าชิวเหมิงกระทำการหมิ่นพระเกียรติ จักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงกริ้วและปลดเขาออกจากตำแหน่ง ก่อนจะพระราชทานยศเจวี๋ยให้แทน มีข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ หลุดออกมาจากในวังว่าเขาและอาจารย์ฉีมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือบางอย่าง เมื่อจักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงทราบ ก็ไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ ด้วยความโกรธจึงตรัสคำดูหมิ่นเขาอย่างรุนแรง รวมถึงการลดตำแหน่ง ทำให้ชิวเหมิงรู้สึกหมดกำลังใจจนตัดสินใจออกจากเมืองหลวงไป"สำหรับเหตุผลนี้ ซ่งซีซีเคยคาดเดาไว้บ้าง แต่คิดว่าในฐานะคนที่ทำงานใกล้ชิดราชวงศ์ ไม่น่าจะกล้าแสดงความคิดหรือความรู้สึกเช่นนั้นออกมา อีกทั้งนางก็รู้จักอุปนิสัยของจักรพรรดิ์องค์ก่อนดี จึงยิ่งไม่น่าจะไม่ระมัดระวังตัวและหากการลดตำแหน่งเกิดจากเรื่องนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นการทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่แต่จากที่ได้ฟัง บางทีชิวเหมิงอาจมองจักรพรรดิ์องค์ก่อนเป็นเพื่อนจริงๆ จึงไม่ได้ปิดบังตัวเองมากนัก หรืออาจเพราะเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้จักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงไม
อาจารย์ฉีมอบหมายให้ซ่งซีซีตามหาบุคคลหนึ่งชื่อชิวเหมิงบรรพบุรุษของตระกูลชิวเคยร่วมรบสร้างแคว้นกับจักรพรรดิ์ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางตลอดกาลในฐานติ้งปังโหว แต่ต่อมาชิวเหมิงกลับล่วงเกินจักรพรรดิ์องค์ก่อน และถูกลดตำแหน่งลงเป็นผิงอันป๋อเขาจึงย้ายออกจากเมืองหลวงไปปลีกวิเวกที่แถบเจียงหนาน และดูเหมือนว่าคนในเมืองหลวงที่จำเขาได้คงเหลือน้อยเต็มที"เขาไม่เคยแต่งงานเลยตลอดชีวิต และห้างชิวเจียก็เป็นของเขา"ซ่งซีซีประหลาดใจ "เขาคือเจ้าของเบื้องหลังของห้างชิวเจียอย่างนั้นหรือ?"ห้างชิวเจียในแถบเจียงหนานถือเป็นกิจการใหญ่โต แม้ทรัพย์สินจะไม่เทียบเท่าตระกูลเสิ่น แต่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมและมีเครือข่ายความสัมพันธ์กว้างขวางในแคว้นซางมีคนแซ่ชิวอยู่ไม่น้อย ประกอบกับชิวเหมิงที่ซ่อนตัวและไม่พบปะใครเลย ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเป็นเจ้าของห้างชิวเจียแต่ห้างชิวเจียมีอายุเกินร้อยปี เป็นป้ายเก่าแก่ ก่อนที่ชิวเหมิงจะออกจากเมืองหลวง ก็ไม่เคยมีข่าวว่าครอบครัวเขาทำธุรกิจหงเซียวรีบอธิบาย "เดิมทีห้างชิวเจียไม่ได้เป็นของชิวเหมิง แต่ภายหลังเมื่อเขาไปถึงเจียงหนาน ห้างชิวเจียประส
ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับจินชางหมิงถูกส่งมาถึงมืออาจารย์หยูจินชางหมิง เป็นชาวเยี่ยนโจว อายุ 47 ปี สอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉตอนอายุ 13 ปี และจวี่เหรินตอนอายุ 18 ปี ในตอนนั้นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะในเยี่ยนโจวแต่หลังสอบจวี่เหรินได้ เขาถูกชะลอไม่ให้เดินทางไปสอบในเมืองหลวงเพราะมารดาป่วย เขาจึงหางานทำในสำนักอำเภอที่เยี่ยนโจว และได้ตำแหน่งเลขานุการเส้นทางการเลื่อนตำแหน่งของเขาไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งเยี่ยนโจวและกรมโยธาธิการต่างให้คะแนนว่าเขาเป็นคนมีวิสัยทัศน์และลงมือทำจริงในการประเมินผลสามปีครั้งของกรมการปกครอง เขาได้คะแนนดีเยี่ยมว่ากันว่าการเป็นหัวหน้ากรมแม่น้ำเพียงอย่างเดียวเป็นการฝังพรสวรรค์ของเขา บ้างก็ว่าเขาไม่มีสายสัมพันธ์ที่ดี มิฉะนั้นเขาคงได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปเป็นรองเสนาบดีกรมโยธาธิการแล้วแคว้นต้าซางมีข้าราชการแบบเขาอยู่มากมาย ตำแหน่งไม่สูงนัก แต่ทำงานทุกอย่างราบรื่น ไม่มีความทะเยอทะยานมาก และทำงานเงียบๆ อย่างมีประสิทธิภาพเขาไม่ได้โดดเด่น ไม่มีเรื่องให้พูดถึง มีภรรยาหลวงหนึ่งคน ภรรยาน้อยหนึ่งคน ลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน และคนรับใช้สามคน บ้านที่เขาอยู่เดิมเป็นบ้านเช่า เพิ