Share

บทที่ 1161

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
แต่ที่ไม่คาดคิดก็คือ หวังเบียวรู้ว่าเขามาถึงเขตหนานเจียงแล้ว และแต่งตั้งให้เขาเป็นทหารประจำจวนของจวนผู้บังคับบัญชาด้วยตัวเอง

ทหารประจำจวนของจวนผู้บังคับบัญชามีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการเดินทางทั้งหมดของหวังเบียวและปกป้องความปลอดภัยของเขา เนื่องจากนักฆ่าของศัตรูจะลอบเข้าไปสังหารแม่ทัพ แน่นอนว่าตอนที่หวังเบียวอยู่นั้น สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย เมื่อก่อนช่วงที่ซ่งฮวยอันหรือเซี่ยหลูโม่อยู่ มีนักฆ่าเช่นนี้มากมาย

จากจดหมายที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งมาจากเมืองหลวง ทำให้หวังเบียวรู้เรื่องการหย่าของจ้านเป่ยว่างกับหวังชิงหลูแล้ว

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขารู้สึกอย่างไรกับน้องสาวคนนี้ แค่พิจารณาจากสถานะปัจจุบันของเขา ถ้าจ้านเป่ยว่างกล้าที่จะปฏิบัติต่อน้องสาวของเขาแบบนี้ ก็หมายความว่าก็กำลังท้าทายเขาและดูหมิ่นอำนาจของเขา

ดังนั้น จ้านเป่ยว่างจึงถูกเรียกตัว ตอนแรกให้เขาไปทำงานต่างๆ เช่น ตักน้ำ สับฟืน กวาดพื้นและรดน้ำดอกไม้ ถึงแม้จะเป็นงานในครัวที่ทำหน้าที่ยกอาหารขึ้นโต๊ะก็ยังเรียกเขา

จ้านเป่ยว่างก้มหน้าทำตามคำสั่งทุกอย่างโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาได้ถูกทำให้ต่ำต้อยลงจนถึงขั้นสุดแล้ว ไม่มีศักดิ์ศรีใดๆ ให้เหยียบย่ำ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1162

    อาจเป็นเพราะหวังเบียวให้จ้านเป่ยว่างเห็นความน่าเกรงขามที่มีคนห้อมล้อมคอยรับใช้ของเขามามากพอแล้ว ถึงได้เรียกเขาเข้ามาอยู่ที่เขตหนานเจียงไม่ถึงสองปี หวังเบียวก็มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นอ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนหมู เมื่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ใหญ่ที่บุหนังเสือ ก็เผยให้เห็นคางสองชั้นออกมาเขาสูงส่งเหนือกว่า มองลงมาที่จ้านเป่ยว่างด้วยสายตาเหยียดหยาม“เรื่องเจ้ากับน้องสาม ข้าได้ยินมาแล้วนะ” หวังเบียวพูดช้าๆ ด้วยความสง่างามของผู้บังคับบัญชา “ก็ดี คนธรรมดาๆ อย่างเจ้าไม่คู่ควรกับน้องสามของข้าแต่แรกแล้ว”จ้านเป่ยว่างมองปลายจมูก ควบคุมอารมณ์และความคิด ตอบรับเพียงคำเดียวแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อหวังเบียวแค่นเสียงเหอะ แล้วสั่งสอนอีกว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไร้ประโยชน์ขนาดนี้ เป็นรองผู้บัญชาการขององครักษ์ซวนเท่แต่ถูกไล่ออก ทั้งจวนแม่ทัพไม่มีใครมีความสามารถสักคน ปู่เจ้าที่อยู่ปรโลกหากได้เห็นเศษสวะไร้ประโยชน์อย่างพวกเจ้าเหล่านี้ คงตายตาไม่หลับ”จ้านเป่ยว่างไม่ได้พูดอะไร แต่บนหน้าผากปรากฏเส้นเลือดปูดโปน“อย่าเถียง ดูสิ่งที่คนจวนแม่ทัพของพวกเจ้าทำแต่ละอย่างสิ? แล้วมองดูตัวเองสิ ถูกผู้หญิงคนหนึ่งทำ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1163

    วันรุ่งขึ้นจ้านเป่ยว่างถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าการฝึกซ้อม ไม่ได้เกี่ยวกับการวางแผนการรบเลย แต่เป็นการทำการเกษตรเดือนกันยายนเป็นช่วงเวลาที่ดีในการปลูกข้าวสาลีฤดูหนาว เนื่องจากเขตหนานเจียงเป็นเขตหลังสงคราม จึงค่อนข้างขาดแคลนสิ่งจำเป็น เผชิญกับสงครามมาหลายปี ผู้คนลดน้อยลงมาก ทหารจึงต้องช่วยทำการเกษตรนอกจากข้าวสาลีฤดูหนาวแล้ว ยังมีการปลูกกะหล่ำปลี หัวไชเท้า แตง และผลไม้อีกด้วยฝางเทียนสวีบอกว่าจ้านเป่ยว่างมาได้จังหวะพอดี มาทันกับงานเกษตรที่กำลังยุ่งกันมากจ้านเป่ยว่างยุ่งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แต่ทั้งๆ ที่ยุ่งมากก็ยังหาเวลาว่างเขียนจดหมายถึงปี้หมิงในเมืองหลวง ปี้หมิงได้รับจดหมายของจ้านเป่ยว่าง สับสนอยู่พักหนึ่ง เกาหัวแกรกๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดีขนาดนั้นเลยหรือ?ในจดหมายมีตัวอักษรเขียนเต็มหน้ากระดาษสามแผ่นเต็มๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องเล็กน้อย คล้ายกับสิ่งที่เขาพูดตอนเมาก่อนหน้านี้มากพูดถึงสถานการณ์ของเขาในจวนผู้บังคับบัญชา กล่าวว่าจวนผู้บังคับบัญชานั้นหรูหรางดงาม ดูดีกว่าจวนอ๋องด้วยซ้ำยังบอกอีกว่าในจวนผู้บัญชาการมีคนรับใช้มากมาย คอยรับใช้นายหญิงที่กำลั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1164

    เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า “อ้อจริงสิ เรื่องที่ฮูหยินจีขอร้องเจ้า ศิษย์พี่ห้าตกลงแล้วหรือยัง”ซ่งซีซีกล่าวว่า “พูดกับเขาไปแล้ว เขาบอกจะลองคิดดู แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ”“ข้าคิดว่าเจ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกเขาได้ ให้เขาได้ชั่งน้ำหนักเอง อันที่จริงเดิมทีเขาซื้อทรัพย์สินที่นางจีปล่อยออกมาเหมือนกัน ซึ่งแสดงว่าเขายังตั้งใจจะช่วยจวนป๋อผิงซีอยู่เหมือนกัน”ซ่งซีซีพยักหน้า ส่ายหัวแล้วแก้ไขให้ถูกต้อง “ไม่ใช่ต้องการช่วยจวนป๋อผิงซี แค่อยากช่วยคนที่ห่วงใย และพวกเด็กกระมัง”ทุกวันนี้ ได้รู้เรื่องหลายอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งซีซียิ่งรู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าก็มีส่วนร่วมในแผนของหวังจั่นด้วย แต่ก็อาจจะเคยสำนึกผิดบ้าง จึงไปพบศิษย์พี่ห้า และพบว่าศิษย์พี่ห้าถูกเผาตาย นางจึงพาลโกรธหวังจั่น แน่ใจว่าตัวนางเองไม่เต็มใจที่จะแบกรับความผิดนี้นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลังจากที่นางได้พบกับศิษย์พี่ห้า นางจึงแต่งเรื่องเพื่อขอการให้อภัยจากศิษย์พี่ห้า แต่ไม่สนใจว่าเขาจะมีชีวิตอย่างไร แม้ว่าบอกว่าจะชดเชยให้ศิษย์พี่ห้า แต่ก็ไม่เคยส่งใครไปถามไถ่เลยด้วยซ้ำนางแค่อยากจะรู้สึกสบายใจ แต่ก็ไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลูกที่ไม่ได้เติบโตเคียงข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1165

    ฝั่งอาจารย์หยูหลังจากการสอบสวนอย่างกว้างขวาง ก็ได้ระบุตัวบุคคลที่น่าสงสัยได้หลายคนแล้ว และได้ส่งคนไปติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างใกล้ชิดอย่างไรก็ตาม ความสงสัยนั้นเป็นค่อนข้างตื้นเขิน เพราะขาดหลักฐานที่สำคัญหลังจากที่อู๋เซี่ยงกลับไปที่เยี่ยนโจว นอกจากอ๋องฮวยแล้ว เขาก็ไม่ได้พบใครเลย และไม่ได้ไปเยี่ยมตระกูลเสิ่นด้วยคนผู้นี้ซุ่มซ่อนแนบเนียนมากจริงๆจากข้อมูลปัจจุบัน ทราบว่าทหารส่วนตัวเคยอยู่ที่อำเภอหยง ต่อมาได้ย้ายออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่มีสิ่งของหลายอย่างไม่ได้นำไปด้วยทว่า สรุปแล้วย้ายไปอยู่ที่ไหนนั้น ยังไม่สามารถทราบข้อมูลรายละเอียดเดิมทีฝั่งเยี่ยนโจวนั้นเป็นเหมือนทรายที่กระจัดกระจาย แต่หลังจากที่อู๋เซียงกลับไป ขั้วอำนาจก็รวมตัวกันอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมักจะเข้าออกจวนอ๋องเยี่ยน จัดงานเลี้ยงกินดื่ม ดูมีความสุขยิ่งนักรายชื่อเหล่านี้ถูกส่งผ่านทางมือของเซี่ยหลูโม่ไปยังจักรพรรดิซูชิงแต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ไร้ผู้นำของที่นั่น ไม่สามารถพูดได้ว่าอ๋องฮวยและอู๋เซี่ยงเป็นผู้นำหลังจากหารือกับเซี่ยหลูโม่แล้ว จักรพรรดิซูชิงก็ตัดสินใจว่าเขาควรรีบปล่อยให้อ๋องเยี่ยนกลับ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1166

    เกากงกงคุกเข่าทั้งน้ำตา เรียกว่าองค์หญิง แล้วทรุดกายลงกับพื้นร้องไห้อย่างขมขื่นเซี่ยอวี้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง ราวกับไม่รู้สึกรู้สมอะไรแล้วโดยสิ้นเชิง ไม่ได้ยิน และมองไม่เห็นเกากงกงร้องไห้อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบจานขนมออกมาจากกล่องอาหาร หลิวอินอยากจะเข้ามาตรวจสอบ แต่เฟินหวานพูดว่า “ท่านอ๋องบอกว่า ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบขนม สามารถกินได้เลย”เกากงกงคุกเข่าลงกับพื้น ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “องค์หญิง ท่านกินสักคำเถิด แค่คำเดียวเท่านั้น นี่เป็นขนมที่สนมหรงไทเฟยให้บ่าวนำมาให้ท่านโดยเฉพาะ เป็นขนมที่ท่านชอบมาก ยังมีขนมเปี๊ยะอีกด้วย ท่านค่อยๆ กินก็ได้”เซี่ยอวี้นได้ยินชื่อสนมหรงไทเฟย จึงเงยหน้าขึ้นมองเขาใบหน้าดำและซูบผอม สกปรกมาก ขอบตาเป็นสีเทาดำทั้งหมด แต่สามารถมองออกว่าขอบตาของนางเป็นสีแดง“วางลง” นางพูด เพราะนางไม่มีฟัน จึงพูดไม่ชัด แต่ทุกคนก็ได้ยิน“ยังมีเสื้อผ้าชุดหนึ่งด้วย บ่าวจะเปลี่ยนให้ท่าน” เกากงกงเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้า ไม่สนใจว่าร่างกายของเซี่ยอวี้นจะสกปรกอย่างไร เขาดึงนางขึ้นมาด้วยมือเดียว ให้นางพักบนตัวของเขา และค่อยๆ พาเดินไปหลิวอินรู้สึกกัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1167

    ในวันเหมายัน ก่อนงานเลี้ยงในวัง บรรดาสตรีสูงศักดิ์ทั้งภายในและภายนอกก็เข้ามาถวายพระพรในวังด้วยเช่นกันไทเฮามักจะชอบอยู่เงียบๆ แต่ในวันนี้จะรับการคารวะจากทุกคน พูดคุยกับสตรีสูงศักดิ์จากตระกูลต่างๆในตอนแรกฮองเฮามาอยู่กับนางสักพักหนึ่ง แล้วก็กลับไปรอครอบครัวมาที่ตำหนักฉางชุนโดยไม่รู้เลยว่ารอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นแม่ของตัวเองฉีฮูหยินใหญ่เข้ามาในวัง กลับมีแต่พวกป้าๆ พี่สาวน้องสาวเข้ามาแทนพอถามก็พบว่าที่แม่ไม่มาเพราะไม่สบาย ต้องลมไม่ได้ นอกจากนี้เมื่อเข้าวังก็ต้องไปถวายพระพรไทเฮา ดีไม่ดีจะเอาไข้ไปติดไทเฮา จึงไม่ได้มาซึ่งฉีฮองเฮาย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว ครั้งล่าสุดท่านแม่ยังเล่าเรื่องโรงงานปักเย็บกับนางอยู่เลย พอนางปฏิเสธ ก็เห็นความผิดหวังและตกใจบนใบหน้าของแม่ นางรู้ว่าแม่น่าจะกำลังไม่พอใจอยู่นางผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออกมา แค่แอบสั่งให้หลานเจี่ยนไปส่งคำพูดและความกตัญญูให้กับแม่ของนางหลังจากพิธีการที่ยุ่งยากซับซ้อนผ่านไป ฮองเฮาก็ทิ้งลูกพี่ลูกฉีซี่หลี่ไปพูดคุยในตำหนักฉีซี่หลี่คนนี้ เป็นคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายในสถาบันการศึกษาสตรีกับจูช่างอวีหลานสาวของแม่ทัพจูและเซี่ยงฮวยอวี้บุตรีคน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1168

    ฉีฮองเฮาให้นางพาองค์ชายใหญ่และองค์หญิงออกไปเล่น จากนั้นจึงเรียกนางจิ่งแม่ของฉีซี่หลี่เข้ามาพูดคุยเมื่อนางจิงได้ยินชื่อเจ้าสิบเอ็ดฝาง นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฮองเฮา เขาอายุมากกว่าหลี่เอ๋อร์มาก เกรงว่าจะไม่เหมาะสม แต่ว่าเซี่ยงซานหลางจากตระกูลโหวกวางหลิง เยาว์วัยแต่มากความสามารถ อายุน้อยแต่ก็สอบติดขุนนางแล้ว วันหน้าแม้ไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งได้ แต่ด้วยความสามารถของเขาและการสนับสนุนจากตระกูลฉี ก็โอกาสที่จะประสบความสำเร็จแน่นอน”เซี่ยงซานหลางรูปงามสง่า ปีนี้อายุได้สิบเก้าปี เมื่อปีกลายก็ชนะการสอบคัดเลือกจวี่จื่อ รอแค่สอบได้เป็นจิ้นซื่อ ก็จะมีอนาคตไร้ขีดจำกัดเมื่อนางจิงพูดแบบนี้ ป้าหลานเจี่ยนที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะ “ฮูหยิน ท่านคิดว่าตระกูลฉีมีลูกชายที่โดดเด่นไม่มากกระนั้นหรือ”นางจิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจ “แน่นอนว่ามีหลายคน ลูกชายของตระกูลฉีเรา ไม่ใช่คนไร้สาระไร้แก่นสาร มีบ้านสามที่ไม่เอาไหนที่สุด แต่ฉีลิ่วก็ได้แต่งกับองค์หญิง”ฮองเฮายิ้มและกล่าวว่า “แต่อาสามไม่ใช่คนไม่เอาไหน อาสามล้มทำให้สมองเลอะเลือน ก่อนหน้าที่เขาจะล้มจนเลอะเลือน ก็เป็นคนเฉลียวฉลาดเช่นกัน ตระกูลฉีของเราไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1169

    ทันทีที่ฮุ่ยไทเฟยเข้ามาในวัง นางก็แทบรอไม่ไหวที่จะไปที่หาเต๋อกุ้ยไทเฟยและฉีกุ้ยไทเฟยเพื่อไปเดินเล่นในสวน ถึงอย่างไรชุดและการแต่งหน้าสีทับทิมก็ขับสีผิวมากจริงๆ ต้องให้ทุกคนได้เห็น ทางที่ดีคือดูให้ชัดเจนเป็นพิเศษเซี่ยหลูโม่กับซ่งซีซีถวายพระพรไทเฮาอยู่ในตำหนัก และอยู่สนทนากับไทเฮา สตรีชั้นสูงทั้งภายในและภายนอกก็รวมตัวกันถวายพระพรไทเฮาบังเอิญว่าลู่ซูเหรินมารดาของเจ้าสิบเอ็ดฝางก็เข้ามาถวายพระพรฮองเฮาในวังเช่นกัน ไทเฮาก็ถามถามถึงการแต่งงานของเจ้าสิบเอ็ดฝางต่อหน้าสตรีชั้นสูงจำนวนมากหัวใจของลู่ซูเหรินเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่ไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าไทเฮา แค่แสร้งทำเป็นมีความสุขและพูดว่า “ทูลไทเฮา เรื่องการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเพคะ”ไทเฮาก็ถอนหายใจ “ลำบากเขาแล้ว อยู่ดีๆ ก็ถูกลากเข้าไปพัวพัน ตระกูลฝางของเจ้ามีเมตตา กรุณามากที่สุดแล้ว แต่กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายอลหม่าน”จากนั้นลู่ซูเหรินก็รู้ว่าทำไมจู่ๆ ไทเฮาจึงถามคำถามนี้ ที่แท้นางกำลังพยายามชี้แจงแทนเจ้าสิบเอ็ดฝาง และชี้แจงแทนตระกูลฝางฟังนางรู้สึกประทับใจจนน้ำตาคลอเบ้า พูดเสียงสั่นเครือว่า “ดูเหมือนเขาจะไม่มีบุญวาสนาพ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1595

    ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1594

    ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status